ด้านนอกวังสีเทาอ่อนที่มีความสูงกว่าสองร้อยเมตร เสาหินขนาดใหญ่จำนวนมากที่สั้นกว่าปรกติถูกวางเรียงรายราวกับเป็นทหารองครักษ์
ไคลน์พอจะเห็นภาพอย่างเลือนราง ในตอนที่เมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิด ยังคงลอยอยู่บนท้องฟ้า เสาหินเหล่านี้จะต้องมีมังกรที่ทรงพลังนั่งหมอบต้นละหนึ่งตัว
พวกมันคือข้าราชบริพารของเทพบรรพกาล
จากนั้นไคลน์แหงนมองประตูที่เปิดกว้างและพูดกับเลียวนาร์ดและออเดรย์
“อยู่ใกล้ๆ ผมไว้ เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน ผมสามารถพาพวกคุณออกจากโลกหนังสือกลับสู่มิติหมอกได้ทันที”
นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ไคลน์กล้าสำรวจที่นี่
“ตกลง” ออเดรย์และเลียวนาร์ดไม่พยายามทำตัวอาจหาญ เพียงเดินมายืนข้างไคลน์และเตรียมเกาะกลุ่ม
อาศัยพลังในการบินของร่างวิญญาณ ทั้งสามลอยผ่านขั้นบันไดจนกระทั่งผ่านประตูยักษ์เข้ามาในวัง
สิ่งแรกที่เห็นคือพื้นที่ว่างๆ ที่กว้างพอจะให้มังกรเกือกเกลี้ยงอย่างสบายอารมณ์ รวมถึงเสาหินที่ดูราวกับคอยค้ำจุนท้องฟ้า
บนผนังทั้งสองฝั่งของห้องโถงเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม เหยียดยาวในแนวนอนไปจนกระทั่งถึงเสาหินขนาดหลายคนโอบ
ด้านในสุดของห้องโถงมีเสาหินขนาดมหึมาตั้งเด่นตระหง่าน ลำพังเสาหินต้นนี้ต้นเดียวก็มากพอจะสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้พบเห็น รวมไปถึงความรู้สึกกระอักกระอ่วนราวกับเวลากำลังผันผวน ประหนึ่งนั่นคือเทพที่กลายเป็นหิน
แทบจะในพริบตา สิ่งมีชีวิตที่มีร่างกายสีเทาอ่อนขนาดมหึมาพลันปรากฏบนเสาหินดังกล่าว
ร่างดังกล่าวปกคลุมไปด้วยเกล็ดยักษ์จำนวนมาก แต่ละเกล็ดดูราวกับเป็นหินหนาๆ แผ่นใหญ่ เพียงเค้าโครงอันเลือนรางก็มากพอจะทำให้บรรยากาศโดยรอบเปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขาม
มังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล! ในวินาทีที่ความคิดดังกล่าวแล่นผ่านสมองไคลน์ มันได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังกังวานทั่วห้องโถงใหญ่:
“มังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล!”
ขณะไคลน์มองไปรอบๆ ตัวด้วยความฉงน มันได้ยินเสียงเลียวนาร์ดถอนหายใจเข้มข้น
“สายลมที่ลุ่มลึกกำลังตั้งใจฟังรอบๆ ท่าน..”
“สายลมที่พัดผ่านพลันสั่นกลัวจนแทบสิ้นลม…”
หมอนี่ยังอารมณ์ท่องกวีอยู่อีก… เป็นกวีของใครกันนะ… ไคลน์หันไปมองเลียวนาร์ด
ทันทีหลังจากนั้น มันได้ยินเสียงสะท้อน:
“หมอนี่ยังอารมณ์ท่องกวีอยู่อีก… เป็นกวีของใครกันนะ…”
เลียวนาร์ดพลันประหลาดใจสุดขีดพร้อมกับรีบปิดปากสนิทและส่ายหน้า
แต่ในวินาทีถัดมา เสียงหนึ่งดังข้างๆ มัน
“ฉันไม่ได้ท่องอะไรออกไป!”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่… แปลกมาก” ขณะไคลน์กำลังคิดเช่นนี้ มันเริ่มตระหนักว่าเสียงที่คุ้นเคยในตอนแรกเป็นของตัวเอง
และแน่นอน เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้งโดนสะท้อนความคิดไคลน์
จากนั้นเสียงพึมพำที่อ่อนโยนของออเดรย์ดังตามมา
“หรือว่า… โถงแห่งนี้จะทำให้ความคิดของสิ่งมีชีวิตรอบๆ มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ? เพราะเมื่อครู่ในตอนที่เห็นเสาหิน เราจินตนาการภาพมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล กำลังนั่งหมอบอยู่ เป็นภาพร่างที่มีพื้นฐานมาจากมังกรจิตที่เราเคยเห็น… แล้วทำไมทุกสิ่งที่เราพูด… ไม่สิ… ทุกสิ่งที่เราคิด ห้องโถงจะทำให้มีตัวตนขึ้นมา…”
อย่างนี้นี่เอง โชคดีที่เราไม่ได้สิ่งเครื่องประหลาดๆ เมื่อครู่ ตั้งสติเข้าไว้ ตั้งสติ… ไคลน์ใช้การเข้าฌานเพื่อมิให้จินตนาการเตลิด
ในเวลาเดียวกัน เสียงของมันดังก้องไปทั่วห้องโถงราวกับกำลังสอดประสาน
“…ตั้งสติเข้าไว้ ตั้งสติ…”
“ความคิดในหัวมิสเตอร์เวิร์ลเป็นแบบนี้นี่เอง เหมือนกับเด็กที่เพิ่งหัดเข้าโรงเรียนและพยายามเตือนตัวเองไม่ให้ลืมสิ่งสำคัญ… นอกจากนั้นเขายังเข้าฌานด้วยภาพของลูกบอลแสงที่ซ้อนทับหลายชั้น… งดงามมาก… ด…เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย! ฉันไม่มีเจตนาจะนิยามคุณแบบนั้น มิสเตอร์เวิร์ล ฉันพูดความจริง! ความคิดออเดรย์พรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่อง มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มอย่างมิอาจเลี่ยง
สำหรับเลียวนาร์ด เสียงความคิดของมันก็ดังขึ้นว่า ‘ฮ่าฮ่าฮ่า’
“ไอ้หมอนี่… ไม่สิ ห้ามเรียกว่าไอ้หมอนี่… เราต้องสุภาพ… เราต้องสุภาพ” ขณะได้ยินเสียงความคิดตัวเอง ไคลน์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “โถงแห่งนี้เหมาะจะเล่นเกม ‘พูดความจริงหรือรับคำท้า’ มาก… ขอตั้งชื่อให้มันว่าโถงแห่งความจริง…”
“นั่นเกมอะไร?” ออเดรย์แสดงความสงสัยโดยที่ไม่ต้องเปิดปากพูด
“น่าจะเป็นเกมที่จักรพรรดิโรซายล์คิดค้นขึ้น… เราต้องตั้งสติไม่ให้คิดในเรื่องที่ไม่ควรคิด… ให้ตายสิ ถ้าไม่ได้เข้าฌาน แทบจะไม่มีวิธีใดระงับความคิดที่ฟุ้งซ่านพวกนี้ได้เลย…” ไคลน์ตอบออเดรย์พลางตักเตือนตัวเองตามนิสัย และไม่พลาดที่จะถูกโถงแห่งนี้ทรยศ
ทันใดนั้น ออเดรย์หัวเราะและคิด
“ฮะฮะ! มิสเตอร์เวิร์ลเองก็มีมุมแบบนี้ด้วย เราไม่เคยพบเจอมาก่อน…”
“ฮะฮะ! ไคลน์ นายเองก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ… อึ่ก… เราไม่ได้พูดอะไรออกไป” เลียวนาร์ดรีบยกมือขวาขึ้นมาปิดปาก
และไม่ผิดคาด ทุกคนได้ยิน ‘คำถาม’ จากมิสจัสติส
“ไคลน์?”
จากนั้นก็เป็นการตัดพ้อของใครบางคน
“บางทีคงมีแค่การทำให้สองคนนี้กลายเป็นหุ่นเชิด พวกเขาถึงจะหยุดคิดฟุ้งซ่าน… เดี๋ยวสิ เราเผลอคิดอะไรออกไป? ไม่ได้ ต้องใจเย็นกว่านี้…”
ไคลน์หายใจเข้าออกก่อนจะทำสมาธิจดจ่อ
“มาสำรวจจิตรกรรมฝาผนังกันเถอะ ในสมัยโบราณ ภาพจิตรกรรมฝาผนังคือเครื่องบันทึกความทรงจำชั้นดี ส่วนมากมักเต็มไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ…”
ขณะที่ไคลน์เสนอแนะ มันได้ยินความคิดออเดรย์กำลังหัวเราะ
“ไคลน์… นี่คือชื่อจริงของมิสเตอร์เวิร์ล? ด…เดี๋ยวสิ อย่าไปคิดถึงเรื่องนั้นมากนัก! ไม่อย่างนั้นมิสเตอร์เวิร์ลจะโกรธ… ไม่สิ เขาน่าจะรู้สึกอับอายมากกว่า… ด…เดี๋ยวก่อน นี่มันความผิดของ ‘คำลวง’ มิสเตอร์เวิร์ล คุณต้องเชื่อฉัน… ใจเย็นก่อน ใจเย็นก่อน! มีสติ มีสติ!”
หลังจากใช้พลังของเส้นทางผู้ชมเพื่อสงบสติอารมณ์ ออเดรย์หันไปใส่ใจกับภาพจิตรกรรมฝาผนังทางฝั่งขวา
เทียบกับอีกสองคน เลียวนาร์ดมีความสามารถในการสงบสติต่ำมาก ความคิดที่ฟุ้งซ่านจึงดังออกมาไม่หยุด
“เปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิด… เดี๋ยวนี้หมอนี่มีความคิดน่ากลัวขนาดนี้เชียว? นั่นคือสิ่งที่นายคิดมาตลอดสินะ… ฮะฮะ! มิสจัสติสตอบสนองได้น่าสนใจมาก… เราไม่เคยเห็นหมอนั่นต้องอับอายมานานแล้ว…”
จนกระทั่งไคลน์และออเดรย์เริ่มแลกเปลี่ยนความคิดกันและกัน เลียวนาร์ดเพิ่งเริ่มมีสติช้ากว่าใครเพื่อน
ภาพจิตรกรรมฝั่งขวาดูเหมือนจะเป็นความก้าวหน้าทางประวัติศาสตร์ มีทั้งภาพของมนุษย์กำลังก่อสร้าง ภาพของหิมะที่ปกคลุมทุ่งกว้าง ภาพของสงครามและการอพยพ ภาพของเมืองและแคว้น รวมถึงภาพหอคอยและผลไม้ที่สื่อถึงการปราศจากกำแพงภาษา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ภาพจิตรกรรมมีความยาวตั้งแต่ทางเข้าห้องโถงไปจนถึงบัลลังก์ของมังกรจินตภาพ
จนกระทั่งภาพสุดท้าย ไคลน์สังเกตเห็นตัวตนที่คุ้นเคย
มังกรยักษ์ตัวสีฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดผนึกน้ำแข็ง
ราชาแห่งแดนเหนือ ยูลิเซี่ยน!
“อย่าบอกนะว่า… โลกในหนังสือดำเนินไปตามภาพจิตรกรรมเหล่านี้?” ขณะความคิดไคลน์กำลังดังก้อง มันรีบตรวจสอบภาพและเห็น ‘นักล่า’ ที่มีใบหน้าพร่ามัวหลายคนปราบมังกรน้ำแข็งสำเร็จและเปิดประตูออกไป ทุ่งหิมะและน้ำแข็งพลันละลายหายพร้อมกับถูกแทนที่ด้วยเมืองใหม่อย่างเปโซต์ จากนั้นไคลน์เห็นภาพของสภาพอากาศกลับมาเย็นจัดอีกครั้ง ราวกับกำลังจะเกิดเหตุการณ์ใหม่ขึ้นในตอนสุดท้าย
“เนื้อหาของภาพจิตรกรรมจะกลายเป็นความจริงในโลกหนังสือแห่งนี้?” ออเดรย์อดไม่ได้ที่จะคิดตาม
“ภาพจิตรกรรมบนกำแพงเหล่านี้ดูธรรมดาเกินไป ฝีมือยังด้อยกว่าจิตรกรข้างถนนเสียอีก… ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าที่นี่คือวังของมังกรจินตภาพ เทพบรรพกาลตนนั้นมีพลังมากมายถึงเพียงนี้เชียว?” เลียวนาร์ดแสดงความเห็น
“เป็นไปได้…” ไคลน์ไม่อธิบายลงลึก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของตัวเองดังขึ้น “เริ่มสำรวจภาพอีกฝั่งก่อนดีกว่า จากนั้นก็นำข้อมูลมารวมกันและวิเคราะห์”
เลียวนาร์ดกับออเดรย์ไม่คัดค้าน เดินตามชายหนุ่มไปยังอีกฝ่าย
ระหว่างนี้พวกมันเพิ่งตระหนักว่าร่างวิญญาณของตนไม่สามารถบินได้ในห้องโถง
แต่เนื่องจากภาพวาดมีขนาดใหญ่มาก เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ช่วยให้เห็นภาพรวมทั้งหมด
ภาพแรกใกล้กับทางเข้าทำให้รูม่านตาไคลน์เบิกกว้างทันที
ภายในภาพจิตรกรรม คนยักษ์ผิวสีเทาอมฟ้าที่มีใบหน้าพร่ามัวและดวงตาดวงเดียวในแนวตั้ง กำลังถือสมุดปกแข็งเล่มหนึ่งในมือ!
“นี่มัน…” ไคลน์ได้ยินเสียงความคิดตัวเองดังสะท้อน
เอกลักษณ์ของภาพถัดๆ มาก็ยังคงเป็นหนังสือหนังสัตว์ที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างหยาบๆ เล่มดังกล่าว เจ้าของเปลี่ยนมือจากคนยักษ์เป็นเอลฟ์ ข้อความบนกระดาษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเปลี่ยนจากสมุดกลายเป็นหนังสือ จากนั้นก็เปลี่ยนมือเจ้าของไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลอยสูงขึ้นไปบนอวกาศและตกลงบนกรงเล็บขนาดมหึมา
สำหรับภาพจิตรกรรมถัดมา ราวกับไม่เกี่ยวข้องกับภาพก่อนหน้า หนังสือเล่มเดิมโผล่ขึ้นมาบนผิวทะเลและเข้าไปในเรือลำที่พร่ามัว
ในภาพวาดรองสุดท้าย หนังสือถูกนำออกจากเรือโดยสายสวมหมวกทรงสูง
และภาพสุดท้ายที่ถูกวาดด้านหลังบัลลังก์หินซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นของมังกรจินตภาพ แอนเคอร์เวล เป็นภาพของหนังสือเล่มดังกล่าวถูกวางไว้คู่กับปากกาขนนกทรงโบราณ
ภาพจิตรกรรมจบลงเพียงเท่านี้
“0-08!” สุ้มเสียงอันตกตะลึงของเลียวนาร์ดดังกังวานไปทั่วห้องโถง
“มังกรจินตภาพต้องการจับคู่หนังสือเล่มดังกล่าวกับปากกาขนนก? ถ้าทำสำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น? พวกมันเคยเกือบได้อยู่ด้วยกันในตอนที่เราจัดการกับอินซ์·แซงวิลล์… แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวเพราะหนังสือตกอยู่ในมือเราและเราสังเวยให้มิสเตอร์ฟูล… หรือว่าการที่อาดัมช่วยวางแผนและคอยสนับสนุนก็เพราะเล็งสิ่งนี้ไว้แต่แรก? จริงสิ ในตอนที่อยู่ในหนังสือ เมื่อนักบวชสโนวมันเอ่ยชื่อเทวทูตจินตภาพ อาดัม มังกรน้ำแข็งก็บุกเข้ามาจู่โจมค่ายทันที… เป็นเพราะหนังสือไม่ยอมให้สโนวมันพูด หรือเป็นเพราะอาดัมได้ยินความคิดดังกล่าวจนสามารถสร้างการเชื่อมโยงกับตัวเองและจ้องมองพร้อมกับสร้างอิทธิพลบางอย่างได้?” ความคิดไคลน์พรั่งพรูออกมาเป็นเสียงสะท้อน
ตลอดการทำเช่นนั้น มันพยายามอย่างหนักในการคิดว่ามิสเตอร์ฟูลเป็นตัวตนอื่นที่ห่างไกล
ขณะเดียวกัน ความคิดออเดรย์ผุดขึ้น
“…หรือว่าเนื้อหาของภาพจิตรกรรมเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกความจริง?”
………………….