หลังจากแพทริค·สวดจบ กะโหลกจำนวนมากรอบโลงศพสีดำค่อยๆ ถูกฉาบด้วยชั้นสีเขียวขุ่น ผสมผสานกับสีขาวของตัวมันเอง กลายเป็นภาพที่น่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งระบำวิญญาณเข้มข้นขึ้น ราวกับเสียงจากโลกแห่งความตายกำลังกู่ร้อง กะโหลกจำนวนมากด้านล่างลอยขึ้นทีละหนึ่งราวกับมีชีวิตชีวา
จากนั้น พวกมันลอยเข้าไปในโลงศพสีดำที่ดูหนักอย่างโกลาหลแต่ค่อนข้างเป็นระเบียบ กะโหลกแล้วกะโหลกเล่าพุ่งผ่านฝาโลงไปราวกับพวกมันเป็นเพียงภาพมายา
โลงศพมีสภาพไม่ต่างจากวังวนลึกไร้ก้นบึ้ง ขนาดของมันขยายใหญ่พร้อมกับแผ่ไอความเย็นที่สูงส่งและน่าเกรงขาม แพทริค·เบรนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มศีรษะลงต่ำ
นี่คือเทวทูต ออร่าแห่งกงสุลมรณะ!
ทันใดนั้น เหล่าสาวกแห่งความตายที่กำลังเต้นรำอย่างขันแข็ง ทั้งหมดล้มฟุบลงไปบนพื้นอย่างไม่ได้สติด้วยร่างกายสั่นกระตุก ความคิดเริ่มสับสนอลหม่านราวกับกำลังเดินทางเข้าไปในโลกแห่งความตาย
และเหนือสายหมอกสีเทา เดอะฟูล ไคลน์ที่อาศัยความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดเป็นจุดตั้งต้นและขยาย ‘การมองเห็น’ ออกไปไกลลิบ ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่า บททดสอบของไฮเทล ผู้นำของนิกายวิญญาณฝ่ายมรณาเทียม เทวทูตผู้กำลังนอนอยู่ในอนุสาวรีย์บรรจุศพ ไม่ได้ทรงพลังเกินความคาดหมายของตน – เป็นพลังสำหรับ ‘สยบ’ ผู้วิเศษเส้นทางมรณาที่มีระดับต่ำกว่า สามารถใช้ควบคุมร่างกายและสืบข้อมูลจากแพทริค·เบรนได้โดยตรง
ไม่ผิดนักหากจะมองว่านี่คือการ ‘สอบปากคำ’ ในระดับวิญญาณ เป็นสิ่งที่ไคลน์มีประสบการณ์ในการรับมือ
มันเสกไพ่นักบวชสีชาดมาอยู่ในมือและสอดเข้าไปในร่างกาย
เพียงพริบตา ร่างวิญญาณไคลน์สวมชุดคลุมสีแดงเข้ม ดูคล้ายกับสีที่เกิดจากสนิมและควันดินปืน บนใบหน้าถูกปกคลุมด้วยหน้ากากสีทองเข้ม ลวดลายบนหน้ากากค่อนข้างโบราณและขัดแย้งกับมงกุฎฝังอัญมณีสีแดง น้ำเงิน และเขียวบนศีรษะ
ถัดมา ไคลน์ระดมพลังทั้งหมดของมิติหมอกเท่าที่ทำได้และเปลี่ยนให้เป็นกระแสที่มองไม่เห็น ถ่ายเทเข้าไปในกระดาษคนที่พับเตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็ส่งไปหา ‘อมรณา’ แพทริค·เบรนผ่านจุดแสงแห่งการสวดวิงวอน
ในเวลาเดียวกัน แพทริค·เบรนที่ร่างกายกำลังสั่นเทาเนื่องจากยอมสยบต่อออร่าของอาจารย์ เริ่มมองเห็นปีกศักดิ์สิทธิ์หลายคู่
ไคลน์จงใจปกปิดรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเทวทูตเพลิง เลือกจะเผยให้เห็นแค่บางส่วน เป็นการดัดแปลงแค่ด้าน ‘เอฟเฟกต์’
ปีกศักดิ์สิทธิ์คู่แล้วคู่เล่นโอบกอดแพทริคและหายไป ช่วยให้มันมองเห็นเนื้อแท้ของภาพหลอน
ในฐานะครึ่งเทพลำดับ 4 แพทริคได้สติในทันที ตระหนักว่าตนสามารถแข็งข้อต่อความรู้สึก ‘ยอมสยบ’ และ ‘จำนน’ ต่ออาจารย์ตัวเอง คล้ายกับจิตใต้สำนึกถูกกระชากออกจากร่างขึ้นไปยังด้านบนโลกแห่งจิต สามารถจดจ้องทุกสิ่งเบื้องล่างอย่างเยือกเย็น
ขณะเดียวกัน แพทริค·เบรน สาวกเดนตายของมรณา เชื่อโดยสนิทใจว่าอ้อมกอดเทวทูตเมื่อครู่เป็นพรจากมรณาโดยตรง
ทันใดนั้น ภายในวังวนห้วงลึกที่ก่อตัวจากโลงศพสีดำ เสียงที่แก่ชราและเย็นเยียบดังออกมา เป็นเสียงที่ราวกับสามารถทำให้วิญญาณหลุดออกจากร่าง
“ไม่เลว… มีความคืบหน้าในการปลุกพระองค์บ้างไหม?”
แพทริค·เบรนทำตามคำแนะนำของ ‘ข้ารับใช้’ มรณา เล่าความจริงเพียงครึ่งเดียวและอธิบายถึงความตั้งใจ
หลังจากบทสนทนาถามตอบดำเนินไป ไฮเทล เทวทูตในขอบเขตความตายที่อยู่อีกฟากฝั่งของวังวน มิได้ตระหนักถึงความผิดปรกติใด เพียงกล่าวอย่างใจเย็น
“ทำได้ดี… ทำต่อไป… ข้าจะคอยสนับสนุน”
มันเว้นวรรคสักพักและกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“อันดับแรก ข้าจะส่งผู้ช่วยไปให้… เป็นลำดับ 5 ผู้เฝ้าประตูที่ทำงานเก่งและสามารถแบ่งเบาภาระให้เจ้าได้”
ตรงตามคำกล่าวของท่าน ‘ข้ารับใช้’ … พวกเขากำลังระแวงเรา… อาจารย์กำลังกลัวที่เราได้รับความรักจากพระองค์และสั่นคลอนตำแหน่งของเขา… เนื่องจากได้คุยกับไคลน์อยู่เป็นประจำ แพทริค·เบรนที่เริ่มเปลี่ยนความคิดต่อเบื้องบนทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ไม่ตอบปฏิเสธความหวังดีจากอีกฝ่าย เพียงขานรับอย่างนอบน้อม
“ครับ อาจารย์”
ทันทีที่สิ้นเสียง วังวนห้วงลึกพลันคลายออก แปรเปลี่ยนเป็นบานประตูทองแดงมายาที่มีลวดลายซับซ้อน
ท่ามกลางเสียงเสียดสี บานประตูเปิดออกพร้อมกับรอยแยก
ด้านหลังรอยแยกยังคงเป็นความมืดสีดำที่คล้ายกับมีดวงตาจำนวนมากคอยเฝ้ามองโลกภายนอกอย่างเงียบงัน
ทันใดนั้น ฝ่ามือข้างขึ้นเหยียดออกจากรอยแยกหลังบานประตู
ผิวซีดจนเห็นเส้นเลือดสีเข้มใต้ผิวหนัง
หลังจากมือข้างดังกล่าวออกแรงดึง บุคคลผู้หนึ่งได้กระโดดออกจากประตู
เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมสีดำแถบแดงและดึงผ้าคลุมหัวขึ้นมาปิด
ใบหน้าอ่อนโยน ผิวพรรณออกไปทางสีน้ำตาล มองเพียงผิวเผินก็ทราบทันทีว่าเป็นชาวทวีปใต้ ใบหน้าค่อนไปทางหล่อเหล่าแต่ขาดเลือดฝาด
ในวินาทีที่ฝ่าเท้าเหยียบพื้น ชายหนุ่มลึกลับไม่แม้แต่จะมองหน้าแพทริค·เบรน เพียงแหงนหน้ามองท้องฟ้า มุมปากยกโค้งพลางถอนหายใจและหรี่ดวงตาลง
“บรรยากาศอันแสนสดชื่น…”
ในฐานะผู้วิเศษเส้นทางมรณา การถูกคนลำดับต่ำกว่าเมินเฉยย่อมสร้างความโกรธเล็กๆ ให้แพทริค·เบรน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ มันทำได้เพียงปิดปากเงียบดำเนินการสิ้นสุดพิธีกรรม
ขณะเดียวกัน ท่าทีตอบสนองของเดอะฟูล ไคลน์บนมิติหมอก รุนแรงยิ่งกว่าแพทริค·เบรนหลายเท่า
นั่นเพราะด้วย ‘ดวงตาเที่ยงแท้’ ของมิติลึกลับ ไคลน์สามารถมองเห็นความผิดปรกติของผู้เฝ้าประตูคนใหม่!
‘โลกแห่งความตาย’ ภายในร่างของชายคนนี้ขยายใหญ่จนผิดปรกติอย่างมาก เรียกได้ว่าปกคลุมไปทั้งตัว แต่ภายใน ‘โลกแห่งความตาย’ ดังกล่าวกลับมีวิญญาณแค่ดวงเดียว นั่นคือวิญญาณของชายผมแดงใบหน้าหล่อเหล่า บางส่วนของใบหน้ามีร่องรอยเน่าเปื่อย ระหว่างคิ้วมีตราประทับรูปธง สวมชุดเกราะสีดำเปื้อนเลือด
ไคลน์เคยเห็นวิญญาณดวงนี้มาก่อน และสามารถนึกชื่อออกในทันที:
วิญญาณมารเทวทูตสีชาด เซารอน ไอน์ฮอร์น เมดีซี!
หมอนี่กลับมาที่เบ็คลันด์อีกแล้ว แถมยังร่วมมือกับเทวทูตของนิกายวิญญาณฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียม… ไคลน์รีบถอดไพ่นักบวชสีชาดและใส่ไพ่ทรราชเข้าไปแทน รวมถึงการเสกคทาเทพสมุทรมาถือในมือ ความคิดแรกคือการส่งพายุสายฟ้าไปหาวิญญาณมารเทวทูตสีชาด แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันข่มใจและละทิ้งไอเดียดังกล่าว
เพราะนั่นจะเป็นการเผยความผิดปรกติของแพทริค·เบรน ส่งผลให้เทวทูตขอบเขตความตายตระหนักว่ามีความผิดปรกติเกิดขึ้นกับมรณาเทียม!
สิ่งนี้ไม่เป็นผลดีกับความพยายามในการเข้าควบคุมและย่อย ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณา
คิดได้เช่นนั้น ไคลน์รีบออกจากมิติหมอกและกลับไปยังโลกความจริง ตามด้วยการนำหุ่นเชิดออกจากโรงงานตัดเย็บอย่างลับๆ และเทเลพอร์ตกลับ
เดิมทีหลังจากสิ้นสุดพิธีกรรม ไคลน์มีแผนจะทำให้แพทริค·เบรนตกใจ การเตรียมตัวทั้งหมดพร้อมแล้ว แต่ก็ต้องล้มเลิกเพราะไม่อยากให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดตรวจพบความผิดปรกติ
ภายในโรงงานตัดเย็บ ผู้เฝ้าประตูหนุ่มซึ่งถูกเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีสิงร่างทำการดึงผ้าคลุมหัวลงต่ำ จากนั้นก็หันหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่งด้านนอก
นั่นคือตำแหน่งที่หุ่นเชิดของไคลน์ โจนาส·โคลเกอร์เคยซ่อนตัวอยู่ เป็นจุดที่ห่างจากโรงงานตัดเย็บเกือบหนึ่งกิโลเมตร
หลังจากจดจ้องสองสามวินาที ผู้เฝ้าประตูหนุ่มเผยรอยยิ้มอย่างเด่นชัด
ขณะแพทริค·เบรนเตรียมเปิดปากพูด โดยหวังจะใช้ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของนิกายวิญญาณประจำกรุงเบ็คลันด์เข้าข่มชายหนุ่มที่อาจารย์ส่งมา สัมผัสวิญญาณของมันพลันถูกกระตุ้น มันอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปยังอาคารอีกหลังหนึ่งของโรงงานด้วยสีหน้าเจือความผวา
บนชั้นสองของอาคาร ดวงตาสีดำไร้อารมณ์คู่หนึ่งกำลังจ้องมองมันจากหลังหน้าต่าง
เปลือกตาของแพทริค·เบรนพลันกระตุก ร่างกายของมันอันตรธานหายไปในพริบตา!
ฟ้าว!
สายลมหนาวพัดผ่านพร้อมกับทำให้กระจกบานดังกล่าวเน่าเปื่อย จากนั้นก็พังครืนกลายเป็นเกล็ดกระจกจำนวนมากโดยที่ไม่มีใครไปแตะต้อง
ภายในห้องดังกล่าว แพทริคในชุดคลุมสีดำซึ่งร่างกายผอมเพรียวและใบหน้าเรียวปรากฏขึ้น มันพบว่าเจ้าของดวงตาสีดำที่คอยจ้องมองอย่างเย็นชา แท้จริงแล้วเป็นตุ๊กตาดินเหนียวที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่พิถีพิถัน
ใครเป็นคนสร้างตุ๊กตา… แล้วใครย้ายมาวางที่นี่? แพทริคกวาดตาไปรอบๆ โดยไม่ปล่อยให้มีรายละเอียดใดคลาดสายตา
ขณะมองออกไปยังทางเดินโดยที่หันหลังให้หน้าต่าง ดวงตาสีเข้มของตุ๊กตาดินเหนียวพลันหันกลับหลัง ยกมือขึ้นพร้อมกับคว้าคอแพทริค
แต่ขณะกำลังลงมือ ตุ๊กตาดินเหนียวคล้ายกับสูญเสียพลังงาน รอยปริแตกจำนวนมากปรากฏขึ้นก่อนจะกระจัดกระจายกลายเป็นเศษดิน
แพทริค·เบรนหายตัวไปโผล่ที่ทางเดินและจ้องตุ๊กตาดินเหนียวราวกับอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งมาก
มันกำลังตื่นตระหนกสุดขีด แม้ว่าโลกวิญญาณและโลกแห่งความตายจะเต็มไปด้วยความพิสดารและน่ากลัวเป็นทุนเดิม แต่การที่ตุ๊กตาดินเหนียวมีชีวิตขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยปราศจากอิทธิพลจากภายนอก ถือเป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ยาก
ปัจจุบันตุ๊กตาดินเหนียวกลายเป็นเศษผงแน่นิ่ง แพทริค·เบรนจ้องอยู่สักพักก่อนจะยืนยันว่าไม่มีความผิดปรกติเพิ่มเติม
มันเดินทางผ่านโลกวิญญาณและกลับมายังจุดที่เคยประกอบพิธีกรรม
ในเวลาเดียวกัน โลกศพสีดำที่ดูหนักเกิดการถูกผุกร่อนโดยสมบูรณ์ ราวกับถูกฝังอยู่ใต้ดินมานานหลายสิบหลายร้อยปี ส่วนบรรดาสาวกที่หมดสติก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมา
แพทริค·เบรนมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบผู้เฝ้าประตูที่อาจารย์ส่งมา รวมถึงไม่ทราบว่าชายหนุ่มคนนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไร
ไม่ได้ถูกส่งมาจับตามองเราหรอกหรือ? ครึ่งเทพเส้นทางมรณาทำได้เพียงฉงน
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องน่าขนลุกเกี่ยวกับตุ๊กตาดินเหนียวเมื่อครู่ แพทริค·เบรนไม่มัวรีรอ รีบปลุกเหล่าสาวกให้ตื่นและเก็บกวาดสภาพแวดล้อม
จนกระทั่งจัดการเสร็จ มันได้ยินเสียงหนึ่ง
“โรงงานตัดเย็บที่นี่เป็นของเจ้าใช่ไหม?”
ร่างของแพทริค·เบรนหายไปและโผล่ขึ้นอีกครั้งด้านเจ้าของคำถาม – ผู้เฝ้าประตูหนุ่มที่หายตัวไปสักพัก
“ไม่ใช่” แพทริคขมวดคิ้ว
มันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ในโรงงานตัวเองแน่ เพราะถ้าเกิดความแตก ทุกสิ่งที่สร้างมาก็จะจบลง
“ก็ไม่โง่เท่าไรนี่…” ผู้เฝ้าประตูหนุ่มพยักหน้า
แพทริคหรี่ตาลงทันที คล้ายกับพยายามข่มโทสะ
“คุณไปไหนมา?”
ผู้เฝ้าประตูหนุ่มยิ้มและตอบ
“ไปเดินเล่นในจุดที่คุ้นเคยและบังเอิญได้เจอเพื่อนเก่า”
………………………………