บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ภายในคฤหาสน์ของดอน·ดันเตส
หลังจากเทเลพอร์ตกลับ ไคลน์ไม่มัวรีรอ มันรีบตั้งแท่นบูชาและประกอบพิธีกรรมสวดวิงวอนมรณา
“พระองค์ผู้เป็นแก่นแท้ของความตาย”
“พระองค์ผู้ปกครองเหนือความตายทั้งปวง”
“พระองค์ผู้เป็นจุดหมายสุดท้ายของทุกสิ่งมีชีวิต”
“ข้าขอสวดวิงวอน ขอให้พระองค์ช่วยบอกวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับวิญญาณมารเทวทูตสีชาด อีกฝ่ายสิงร่างผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งและร่วมมือกับไฮเทล นักบวชระดับสูงของนิกายวิญญาณ ปัจจุบันกลับมาที่เบ็คลันด์ในฐานะผู้ช่วยของแพทริค·เบรน…”
สำหรับเรื่องนี้ ไคลน์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาเทพธิดารัตติกาล
ต่อให้ร่วมมือกับหัวหน้านักบวชแห่งรัตติกาล อาเรียนน่าเพื่อปราบเซารอน·ไอน์ฮอร์น·เมดีซีจนสำเร็จ แต่นั่นก็จะทำให้นักบวชระดับสูงของนิกายวิญญาณตระหนักถึงความผิดปรกติหลังจากผู้ช่วยคนใหม่ของแพทริค·เบรนหายตัวไป และเมื่อมันวิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยง คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบว่ามีสิ่งผิดปรกติเกิดกับมรณาเทียม จากนั้นก็อาศัยพลังอำนาจในมือ สมบัติวิเศษในมือ และความทะลุปรุโปร่งในเส้นทางเพื่อสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อเทพธิดาและพังพินาศไปทั้งคู่
และถ้าไคลน์ปลอบเทวทูตสีชาดเอาไว้ วิญญาณมารตนนี้ก็จะตรวจพบความผิดปรกติในตัวแพทริค·เบรนได้อย่างรวดเร็ว ด้วยสติปัญญาและข้อมูลที่มันครอบครอง คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสาวไปถึงต้นตอความผิดปรกติ
ไม่ว่าจะรับมือยังไงก็ล้วนเกิดปัญหา… สมแล้วที่เป็นเทวทูตในขอบเขตสงคราม… ทั้งที่อยู่ในร่างวิญญาณแบบ ‘สามรวมเป็นหนึ่ง’ แต่กลับสามารถสร้างปัญหาที่ไม่มีทางแก้ให้ผู้อื่น… นี่ต้องเป็นแผนที่มันเสนอไฮเทลแน่…
อันที่จริงเราก็มีแผนแบบสุดโต่งเช่นกัน… นั่นคือการทำให้วิญญาณมารเทวทูตสีชาดถูกฆ่าโดยโบสถ์อื่น องค์กรอื่น หรือองค์กรลับอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย… สรุปง่ายๆ ก็คือ ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเทพธิดาไม่สามารถเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ได้… แผนการต้องดำเนินอย่างรอบคอบ…
แต่ความก็คือ จะทำยังไงให้ผู้วิเศษที่ถนัดด้านการวางแผนสุดๆ ตกหลุมพราง… หากแก้ไขได้ไม่ดี ผลเสียจะย้อนกลับมาหาเรา… หลังจากสวดวิงวอนจบ ไคลน์ปล่อยให้ความคิดล่องลอยขณะรอการตอบสนองจากเทพธิดา
ผ่านไปราวสิบวินาที เถ้าถ่านที่เกิดจากการเผาผงสมุนไพรเพื่อทำให้เทพโปรดปรานถูกพัดโดยลมที่มองไม่เห็น ลอยออกจากหม้อและเรียงตัวเป็นคำบนโต๊ะ:
“การมาถึงของเขา… กองทัพและศัสตราทั่วโลกจะลุกฮือ”
หมายความว่ายังไง? เมื่อได้เห็นประโยคที่รู้สึกเหมือนเคยอ่าน ไคลน์ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในฐานะนักทำนาย มันเริ่มตีความ:
เนื่องด้วยปัญหาเกี่ยวกับกษัตริย์ อาณาจักรโลเอ็นจึงเข้าใกล้ภาวะสงครามเต็มที ส่งผลให้เทวทูตสีชาดที่เป็นสัญลักษณ์ของสงครามปรากฏตัว
ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีใครสามารถยับยั้งสงครามได้อีกต่อไป
ใครก็ตามที่ก้าวไปถึงลำดับ 1 คนผู้นั้นจะเป็นสัญลักษณ์แทนปรากฏการณ์
ท่ามกลางความคิดมากมาย สายลมล่องหนหยุดลง แท่นบูชาที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกด้วยกำแพงวิญญาณพลันตกอยู่ในความเงียบสงัด
ไม่มีวิวรณ์เพิ่มแล้ว? หลังจากรออีกสักพัก ไคลน์ยืนยันว่าการตอบสนองสิ้นสุดแค่นั้น จึงจบพิธีกรรมและเก็บกวาดแท่นบูชา
จากนั้นมันเดินกลับมานั่งที่โซฟา รอคอยว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่อ
ผ่านไปสิบห้านาที มันยังไม่ได้พบกับผู้นำแห่งสำนักชีรัตติกาล หัวหน้าสิบสามอาร์ชบิชอป เทวทูตแห่งการปกปิด อาเรียนน่า
เราไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับวิญญาณมารเทวทูตสีชาด ให้ปล่อยมันทำตามอำเภอใจ? หรือพระองค์มีแผนจะลงมือทำบางสิ่ง แต่เราไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมปฏิบัติการ? ว่ากันตามตรง ไคลน์ไม่ใช่สาวกเดนตายของศาสนจักรรัตติกาล ถ้าเทพธิดาบอกว่าไม่ต้องทำอะไร มันก็จะไม่ทำอะไร เพราะไม่เพียงเรื่องนี้จะยุ่งยาก แต่ยังอันตรายมากด้วย
ส่ายหน้าเล็กน้อย ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษออกมาเขียนทำนายด้วยความฝัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ทำให้มันไม่มัวเอ้อระเหย ต้องรีบหาทางย่อยโอสถจอมเวทพิสดารให้เร็วที่สุด
…
บนทะเลหมอก ภายในเรือเดินสมุทรลูกผสมเครื่องยนต์ไอน้ำที่อยู่ใกล้กับเรือโจรสลัด
ผู้ชายและหญิงชราต่างถูกมัดมือมัดเท้าและผลักให้อยู่ชิดกราบเรือ จากนั้นโจรสลัดต่างผลักหรือไม่ก็ถีบคนเหล่านั้นลงไปในทะเล
เสียงน้ำกระเด็นมิได้ทำให้โจรสลัดหวั่นไหว ตรงกันข้าม พวกมันหัวเราะร่วนขณะลงมือฆ่าล้างบาง
หลังจากจัดการมัดเชลยเสร็จ พวกมันถือปืนและตะเกียงเดินไปมาบนดาดฟ้า เตรียมดื่มด่ำไปกับการดิ้นรนของเหล่าหนอนแมลงน่าสมเพช
ทว่า ภายใต้แสงไฟที่ส่องลงไป ท้องทะเลสีครามด้านข้างเรือกลับเงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ด้านล่างแม้แต่คนเดียว
“พวกมันจมไปแล้ว? เร็วขนาดนี้เชียว?” โจรสลัดโพล่งขึ้นด้วยความประหลาดใจ
หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดหมวดคิ้ว กล่าวหลังจากจ้องอยู่สักพัก
“บางทีคงมีสัตว์ทะเลบางตัวและมองไอ้พวกที่บังอาจต่อต้านเป็นอาหารจากทวยเทพ… เป็นโอกาสที่ดี ถ้าพวกเราให้อาหาร มันก็คงไม่โจมตี”
กล่าวจบ หัวหน้าโจรสลัดโบกมือ
“พวกแกทุกคน… เชิญสนุกให้เต็มที่!”
ในฐานะโจรสลัดที่มีประสบการณ์ค่อนข้างมาก มันทราบดีว่าในทะเลเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าไปพยายามเค้นหาความจริงหรือเหตุผล และในเมื่อสัตว์ทะเลไม่ทำร้ายลูกเรือ มันก็ไม่ตัวเลือกอื่นนอกจากสรรเสริญเทพวายุสลาตันที่คอยอวยพร จากนั้นก็แสร้งทำเป็นลืมว่ามีสิ่งใดอยู่ใต้ทะเล
หลังจากแบ่งคนมาเฝ้าเวรยามและทำหน้าที่ โจรสลัดที่เหลือเริ่มดื่มอย่างเต็มคราบ กินเนื้อชิ้นโตและร้องรำทำเพลงเสียงดัง นอกจากนั้นยังมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงหญิงสาวที่ถูกจับมัดเป็นเชลย
ท่ามกลางความเอะอะวุ่นวาย หัวหน้าโจรสลัดพาสาวสวยที่มันหมายตาเข้าไปในห้องกัปตัน อดใจรอไม่ไหวที่จะเริ่มขั้นตอนสุดท้ายของงานรื่นเริงในค่ำคืนนี้
กลางดึกสงัด หัวหน้าโจรสลัดที่อ่อนเพลียเหยียดแขนขวาออกไปสัมผัสกับบางสิ่งที่เย็นเยียบ
มันสะดุ้งตื่นทันที อาศัยแสงสว่างจากพระจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง มันเห็นท่อนไม้ที่เต็มไปด้วยผิวขรุขระในอ้อมแขน
กิ่งก้านเล็กๆ งอกเงยออกจากท่อนไม้พร้อมกับใบสีเขียว โอบกอดหัวหน้าโจรสลัดเอาไว้ในลักษณะเดียวกับแขนขามนุษย์
โครม!
รูม่านตาหัวหน้าโจรสลัดพลันเบิกกว้าง หลังจากรีบผลักท่อนไม้ออก มันดีดตัวขึ้นจากเตียงและซวนเซถอยหลัง
นี่เรา ‘ทำ’ กับไอ้นี่? ความกลัวครอบงำจิตใจของมันโดยสมบูรณ์ มันไม่แยแสเสื้อผ้า รีบหยิบปืนและดาบวิ่งออกไปจากห้อง
ด้านนอก โจรสลัดคนหนึ่งกำลังยืนเฝ้ายาม
“หัวน่อ มั่วคืนมีควมสุขหมัย…” เมื่อเห็นหัวหน้าปิดประตูออกมา โจรสลัดที่เฝ้ายามรีบถาม
ในทีแรก หัวหน้าโจรสลัดต้องการจะตำหนิเรื่องที่อีกฝ่ายเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อจ้องมองอย่างตั้งใจ มันกลับพบว่าด้านในและรอบๆ ปากอีกฝ่ายเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวสาลีสีทองอร่าม กระทั่งบนลิ้นก็ยังมีเมล็ดข้าวเรียงสวย
หัวหน้าโจรสลัดพลันเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง หนังหัวคันยุบยิบ
ทันใดนั้น ประตูห้องฝั่งตรงข้ามทางเดินเปิดออกในเวลาเดียวกัน โจรสลัดคนหนึ่งร้องสะอื้น
“ห…หัวหน้า! ม…มีเห็ดขึ้นตรงนั้นของฉัน!”
กล่าวจบ โจรสลัดวิ่งออกมาจากห้อง
ในเวลาเดียวกัน มันรู้สึกคันตา จึงยกมือขึ้นมาขยี้ตาขวา
ขณะขยี้ เถาวัลย์สีเขียนขุ่นค่อยๆ งอกออกจากช่องว่างระหว่างเบ้าตาและลูกตา ปลายเถามีองุ่นสีแดงเข้มหนึ่งผล
รอบผลองุ่นมีตุ่มเนื้อมนุษย์จำนวนมากห้อมล้อม
“…” เมื่อเห็นฉากรอบตัว หัวหน้าโจรสลัดเอาแต่ยืนแข็งทื่อ ซักถามด้วยเสียงที่ไม่เหมือนกับตัวเอง “พวกแก… เกิดอะไรขึ้นกันแน่…”
ขณะยังคงขยี้ตา โจรสลัดที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกล่าวโดยไม่คิดมาก
“เงาดำที่คล้ายกับแท่งไม้แทงใส่ฉัน!”
“ท… ท่างมั๊ย…” โจรสลัดที่มีเมล็ดข้าวสาลีอยู่เต็มลิ้นตอบ
มันถูกหัวหน้าโจรสลัดบังไว้ จึงมองไม่เห็นรูปลักษณ์อันน่าสยดสยองของพวกพ้อง
หัวหน้าโจรสลัดเริ่มสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม จากนั้นวิ่งออกจากเขตห้องโดยสารตามสัญชาตญาณ
ทันใดนั้น มันเห็นเงาดำที่คล้ายกับแท่งไม้พุ่งออกจากผนังด้านข้าง กระแทกร่างกายอย่างแม่นยำ
เงาดำดังกล่าวไหววูบก่อนจะหายไป ราวกับเป็นฝันร้ายที่สมจริง
หัวหน้าโจรสลัดที่ตอบสนองได้ช้าไปหนึ่งจังหวะรีบยกมือขึ้นเพื่อต้องการปัดป้อง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการ
จากนั้นมันรีบสำรวจตัวเองด้วยความแตกตื่น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติ
“โชคดี… โชคยังดี…” หัวหน้าโจรสลัดถอนหายใจโล่งอก
แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง มันได้ยินเสียงที่คลุมเครือดังขึ้น
“โชคดี… โชคยังดี…”
คล้ายกับเสียงนี้ดังจากภายในร่างกายของมันเอง!
รูม่านตาหัวหน้าโจรสลัดพลันเบิกกว้าง จากนั้นก็รีบเลิกเสื้อขึ้นตามสัญชาตญาณ
มันพบรอยแยกสามจุดบนหน้าอก ใหญ่หนึ่งและเล็กสอง
ฟันซี่ขาวเรียงรายอย่างเป็นระเบียบภายในรอยแยกใหญ่ และมีดวงตาโผล่ขึ้นจากรอยแยกเล็ก
หนึ่งปากและสองตา!
หัวหน้าโจรสลัดมีตากับปากอยู่กึ่งกลางหน้าอก!
“ม่ายยยยยยย!”
เสียงแหกปากดังกังวานไปทั่วเรือ อัดแน่นไปด้วยความหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม
ภายในสิบห้านาทีถัดมา โจรสลัดบางคนเสียสติและเริ่มฆ่าพวกพ้อง บางคนหนีกลับไปที่เรือตัวเองสำเร็จ แต่กลับต้องพบว่าคนบนเรือกลายพันธุ์ไปหมดแล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระโดดลงทะเลอย่างสิ้นหวัง
จนกระทั่งเหตุการณ์สงบลง บนเรือเหลือโจรสลัดเพียงกว่าสิบคนที่ไม่เผชิญความปรกติ ทุกคนหลบอยู่ในห้องด้วยอาการสั่นกลัวและลำตัวส่งกลิ่นเหม็นจากของเสีย
ผ่านไปอีกสักพัก โจรสลัดเริ่มทยอยเดินออกจากห้องโดยสารทีละคน
พวกมันจ้องมองที่เกิดเหตุอย่างไม่เชื่อสายตา บ้างขอบคุณพระเจ้า บ้างเอาแต่ยืนเหม่อ
…
เช้าตรู่ของอีกวัน ไคลน์ลุกขึ้นจากเตียงและล้างหน้า
ขณะกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความช่วยเหลือจากบุรุษรับใช้เอ็นยูน มันเห็นพ่อบ้านวอลเตอร์ซึ่งเมื่อวานลากลับไปอยู่กับครอบครัว เดินมาที่หน้าประตูห้องและกล่าว
“นายท่าน บิชอปอีเล็คตร้ามาเยี่ยม”
“…พาเข้าไปรอที่ห้องรับแขกและจัดหาซิการ์ให้” ไคลน์ผงะเล็กน้อยก่อนจะตอบ
มันสงสัยว่านี่อาจเป็นการตอบสนองระลอกหลังจากเทพธิดา
วอลเตอร์หันหลังกลับและเดินลงไปข้างล่างเพื่อจัดแจง แต่เพียงไม่นานก็ย้อนกลับมาและรายงาน
“นายท่าน บิชอปอีเล็คตร้ากล่าวคำอำลาและกลับไปแล้ว เขากล่าวว่าคุณต้องแวะไปที่วิหารนักบุญแซมมวลในตอนเช้าให้ได้ ทางศาสนจักรและรัฐบาลต้องการร่วมกันซ้อมรับมือการโจมตีทางอากาศ”
“ซ้อมรับมือการโจมตีทางอากาศ…?” ไคลน์ขมวดคิ้ว
ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของมันถูกกระตุ้น จึงรีบหันไปมองทางหน้าต่าง
บนท้องฟ้า เรือเหาะสีน้ำตาลเข้มกำลังบินตรงมาในลักษณะเรียงรายเป็นทิวแถว
เรือเหาะเหล่านี้มีตราสัญลักษณ์เป็นแถบสีแดง ขาว และเหลืองในแนวเฉียง – ธงของฟุซัค!
ได้เห็นฉากตรงหน้า ไคลน์เข้าใจทันทีว่าตนมองข้ามสิ่งใดไป
สงครามไม่จำเป็นต้องเริ่มโดยอาณาจักรโลเอ็น!
องค์กรลับที่เก่าแก่ย่อมมีสมาชิกระดับสูงแฝงตัวอยู่ในทุกชาติ ไม่อย่างนั้นคงมิอาจจัดแจงสถานการณ์ของโลกใบนี้ได้อย่างครบถ้วน!
…………………………….