Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 997 : ‘เทพพนัน’ ดอน

กติกาการเล่นเท็กซัสโปเกอร์นั้นไม่ซับซ้อน ขอเพียงใช้นำไพ่สองใบในมือ ไปรวมกับไพ่กองกลางและเลือกชุดที่ดีที่สุดออกมาสามใบ จากนั้นก็นำของทุกคนมาเทียบกัน ใครใหญ่สุดชนะ การแจกไพ่กองกลางแบ่งออกเป็นสามรอบ รอบแรกสามใบ รอบที่สองหนึ่งใบ และรอบที่สามหนึ่งใบ แต่ละรอบผู้เล่นสามารถเลือกเล่น ‘หมอบ’ (เลิกเล่นรอบนั้น) ‘คอล’ (ลงเงินเดิมพันเท่ากับราคาบลายด์ปัจจุบัน) ‘เช็ก’ (ผ่านโดยไม่เพิ่มเงินเดิมพัน) และ ‘เรส’ (เพิ่มเงินเดิมพันให้สูงขึ้น) เกมจะดำเนินไปจนกระทั่งไม่มีใคร ‘เรส’ หรือเหลือคนสุดท้ายที่ยังไม่ ‘หมอบ’

ไคลน์ควงชิปในมือเล่น ผลการทำงานบอกว่ามันจะโชคดีในอีกสองสามรอบถัดไป ส่วนจะเป็นรอบไหนนั้นไม่ทราบแน่ชัด เพราะนี่เป็นเพียงการทำนายหยาบๆ

ด้วยเทคนิคนี้ การเล่นกับคนธรรมดาและผู้วิเศษระดับต่ำจะไม่มีปัญหาถ้าใช้กลยุทธ์ที่ดีประกอบ แต่ยังไม่มากพอจะรับมือกับครึ่งเทพ หรือแม้กระทั่งผู้วิเศษลำดับกลางที่มีพลังสอดคล้องกับการโกง ก็ยังถือว่าตึงมืออย่างมาก… ถ้าอย่างนั้น ทุกรอบที่เล่น เราต้องทำทีเป็นหลับตาและใช้เทคนิคทำนายฝัน? หึหึ ถ้าเป็นแบบนั้น ดอน·ดันเตสคงได้ฉายาว่า ‘เทพพนันนิทรา’ … ไคลน์ถอนหายใจเงียบ เฝ้ามองการแข่งขันอย่างดุเดือดจากด้านข้าง – ปัจจุบัน มันแพ้ ‘บิ๊กบลายด์’ (ถูกบังคับให้วางเงินในรอบนั้นเต็มบลายด์) และ ‘สมอลบลายด์’ (ถูกบังคับให้วางเงินในรอบนั้นครึ่งบลายด์) ไปแล้วอย่างละหนึ่งครั้งในรอบของตัวเอง (รวมเป็นหนึ่งปอนด์ครึ่ง เพราะสำหรับตอนนี้ หนึ่งบลายด์เท่ากับหนึ่งปอนด์)

บลายด์ – ราคาเดิมพันขั้นต่ำของรอบนั้นๆ คนที่หมอบไปก่อนจะเล่นไม่ต้องลงบลายด์

ทันใดนั้น ไคลน์ชำเลืองไปเห็นรองผู้อำนวยการ MI9 โจนาส·โคลเกอร์กำลังเสียเงินยี่สิบปอนด์ให้พลเรือเอกอมิรุส

ติดสินบนสำเร็จแล้ว… นายพลอมิรุสน่าจะทราบว่าโจนาส·โคลเกอร์ใช้พลังบารอนแห่งการเน่าเปื่อย แต่ไม่ทราบว่ารองผู้อำนวยการ MI9 รายนี้เป็นครึ่งเทพ… รอบถัดไปต้องสนุกแน่… ไคลน์รู้สึกตื่นตัวเมื่อรอบใหม่เริ่มต้นขึ้น มันรับไพ่สองใบมาจากคนแจกโดยไม่เปิดดู จากนั้นก็ใช้ชิปทับไว้ราวกับจะไม่เปิดดูอีกเลย

หลังจากมีคนหมอบไปสองคน อมิรุส·รีเวลต์ที่ดูหัวโบราณและเอาจริงเอาจังตลอดเวลา ชำเลืองไพ่ตัวเอกสักพัก หยิบชิปมูลค่าห้าปอนด์โยนลงกลางโต๊ะ เป็นการ ‘เรส’ ที่ไม่มีใครแปลกใจ

คนถัดมาหมอบ ส่วนส.ส. มัคท์ ‘คอล’ ตามห้าปอนด์ แต่ทันทีหลังจากนั้น โจนาส·โคลเกอร์ที่มีร่างกายกำยำทำการ ‘เรส’ เพิ่มเงินเดิมพันให้เป็นยี่สิบปอนด์

พันเอกคาลวินตรวจสอบไพ่ตัวเองอีกครั้ง ตามด้วย ‘คอล’

หลังจากหมอบอีกหนึ่งคน ดอน·ดันเตสกำชิปโดยไม่ได้นับ จากนั้นก็โยนลงไป

“ยี่สิบปอนด์… คอล” คนแจกไพ่นับชิปและประกาศการเล่นของดอน·ดันเตส

“ผมคิดว่ามันจะมีมูลค่าห้าสิบปอนด์เสียอีก… ยังไม่ชินกับชิปพวกนี้สักที” ดอน·ดันเตสเจ้าของมาดสง่างาม กล่าวติดตลกพลางหัวเราะ

อย่างไรก็ตาม มันมิได้นำเงินสามสิบปอนด์ที่เหลือออกมาสมทบดังคำกล่าว

ขณะเดียวกัน ยังไม่มีใครทำอะไรเพิ่มเติม เพราะเป็นตาของนายพลอมิรุส

พลเรือเอกรายนี้ไม่แม้แต่จะมองหน้าผู้เล่นคนอื่น หยิบชิปสิบปอนด์ออกมาสิบแผ่น โยนลงไปบนโต๊ะ

“เรส”

อารมณ์ของมันสงบนิ่งจนน่าทึ่ง ราวกับสั่งชาดำสักถ้วยในคาเฟ่ แต่บรรยากาศกลับท่วมท้นไปด้วยความอึดอัดเหนือคำบรรยาย ผู้คนเริ่มประหม่าหลังจากมีการ ‘เรส’ หลายรอบติดๆ ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นไพ่กองกลางทั้งสามใบ

ตามปรกติ สถานการณ์เช่นนักมักหมายถึง นายพลอมิรุสมีในมือสวย อาจเป็นคู่เอซหรือคู่คิง หรือไม่ก็เอซกับคิง

ส.ส. มัคท์ตัดสินใจหมอบ ส่วนโจนาส·โคลเกอร์ใช้มือลูบดั้งจมูก เหลียวซ้ายแลขวาด้วยดวงตาสีน้ำเงินเข้มก่อนจะกล่าว:

“คอล”

พันเอกคาลวินดูไพ่ในมือตัวเองราวสิบวินาที ก่อนที่จะเลือกหมอบ

ดอน·ดันเตสสัมผัสชิปเหล็กที่วางบนไพ่คว่ำของตัวเอง กล่าวพลางยิ้ม:

“คอล”

หลังจากทุกคนเล่นรอบแรกเสร็จ เหลือผู้เล่นในเกมนี้เพียงสามคน ถึงเวลาที่คนแจกไพ่ต้องเปิดไพ่กองกลางที่หมอบไว้กลางโต๊ะ

“สองโพดำ เก้าโพแดง คิงโพดำ”

คนที่ได้เล่นคนแรกคืออมิรุส·รีเวลต์ มันโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยบรรยากาศดุดัน

“ห้าสิบปอนด์”

มันเพิ่มเงินเดิมพันจากเดิมอีกห้าสิบปอนด์!

ส.ส. มัคท์ พันเอกคาลวิน และคนที่เหลือ แม้จะไม่ได้เล่นรอบนี้ด้วยตัวเอง แต่กลับอึดอัดจนหายใจไม่ออก

“…” ร่างกายโจนาส·โคลเกอร์สั่นเทาเล็กๆ ก่อนจะตัดสินใจโยนชิปลงไปอีกห้าสิบปอนด์

ดอน·ดันเตสชำเลืองไปทางรองผู้อำนวยการ MI9 พลางยิ้มอย่างไม่กดดัน

“คอล”

ได้ยินประโยคดังกล่าว พันเอกคาลวินเอียงคอ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ดอน·ดันเตสเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มลุ่มลึกราวกับทะเลสาบยามค่ำคืน เป็นนัยว่า ‘ทำดีมาก’

ตามความเห็นของมัน คนที่ทั้งใจมาเล่นแพ้ให้นายพลอมิรุส ย่อมไม่เกิดความกดดันใดๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่คุกคามของอีกฝ่าย

ทันใดนั้น คนแจกไพ่ที่สวมกั๊กสีแดง ทำการแจกไพ่กองกลางใบที่สี่

“เก้าโพดำ”

โพดำออกมาทั้งสิ้นสามใบ มีโอกาสสูงมากที่จะเกิด ‘ฟลัช’ ทว่า พลเรือเอกอมิรุสยังคงปราศจากความลังเล ดันกองชิปออกไปด้านหน้าอย่างใจเย็น

“หนึ่งร้อยปอนด์”

โจนาส·โคลเกอร์ใช้นิ้วเคาะไพ่ตัวเองหลายครั้ง ท่าทีขาดความมั่นใจ แต่สุดท้ายก็ยังเลือกจะ ‘คอล’

ดอน·ดันเตสชำเลืองรองผู้อำนวยการ MI9 อีกครั้งด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะกล่าว

“คอล”

มาถึงจุดนี้ มันยังไม่เปิดไพ่ตัวเองมาตรวจสอบแม้แต่ครั้งเดียว นั่นทำให้พันเอกคาลวินเริ่มกังวลว่า ท่าทีเช่นนี้ไม่เป็นการยอมแพ้อย่างประเจิดประเจ้อเกินไปหรือ? นายพลอมิรุสที่เป็นพวกหัวโบราณ อาจไม่ยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้

ทันใดนั้น คนแจกไพ่ในกั้กสีแดงแจกไพ่กองกลางใบที่ห้า

“สองดอกจิก”

ไพ่กองกลางทั้งห้าใบถือว่าถูกเปิดอย่างครบถ้วน:

“สองโพดำ เก้าโพแดง คิงโพดำ เก้าโพดำ และสองดอกจิก”

“สองร้อยปอนด์” พลเรือเอกอมิรุสดันชิปโลหะออกไปด้วยบรรยากาศท่วมท้น

โจนาส·โคลเกอร์สูดลมหายใจยาว ดันชิปออกไปสองกองใหญ่

“ห้าร้อยปอนด์”

นี่คือจำนวนเทียบเท่าเงินเดือนครึ่งปีของมัน

กำลังบลัฟ? พันเอกคาลวินและส.ส. มัคท์มองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างคิดว่าพฤติกรรมของรองผอ. โจนาสค่อนข้างเดาง่าย

ต้องไม่ลืมว่า ในการเล่มไพ่เท็กซัสโปเกอร์ นอกจากต้องจัดการความเสี่ยงและคำนวณความน่าจะเป็น ในหลายครั้งยังต้องเล่นเกมทางจิตวิทยา ไม่ว่าจะเป็นภาษากาย การแสดงออก สไตล์การเล่น

แน่นอน มีหลายคนที่จงใจทำตรงข้ามเพื่อทำให้คู่แข่งเข้าใจผิด

ดอน·ดันเตสจ้องโจนาส·โคลเกอร์สักพัก จากนั้นก็หัวเราะในลำคอและกล่าว:

“คอล”

พลเรือเอกอมิรุสยกมือขึ้น เตรียมดันชิปทั้งหมดออกไปด้วยบรรยากาศข่มขวัญสุดขีด

แต่ทันใดนั้น พฤติกรรมของมันชะงักกะทันหัน ใบหน้าที่ไร้อารมณ์เริ่มเผยความเคร่งขรึม

เงียบไปสักพัก มันกล่าวอย่างใจเย็น

“คอล”

มาถึงจุดนี้ ทุกคนเลือกจะเล่น ‘คอล’ จึงถึงเวลาเปิดไพ่ในมือและนำมาประกอบกับกองกลาง

นายพลอมิรุสเปิดไพ่เป็นคนแรก ในมือของมันมีเอซโพดำและสิบโพดำ เมื่อประกอบกับสองโพดำ เก้าโพดำ และคิงโพดำจะได้ ‘ฟลัช’ เป็นไพ่ในค่อนข้างใหญ่ มีใหญ่กว่าไพ่ชุดนี้ไม่มาก ประกอบด้วย ‘ฟูลเฮ้าส์’ ‘โฟร์การ์ด’ ‘สเตรทฟลัช’ และ ‘รอยัลฟลัช’

“ตาคุณแล้ว” อมิรุสเรียกดูไพ่โจนาส

โจนาสพลิกไพ่ใบแรก เป็นคิงข้าวหลามตัด เกิดเป็นกลุ่ม ‘คู่คิง’ และ ‘คู่เก้า’ จากกองกลาง

ทันทีหลังจากนั้น มันโยนไพ่ใบที่สองลงไปในสภาพหงาย หน้าไพ่ค่อนข้างพร่ามัว

แปะ!

เมื่อตกถึงพื้น หน้าที่เผยออกมาก็คือ:

“เก้าดอกจิก!”

“อะไรกัน…” ส.ส. มัคท์และคนที่เหลือต่างตกตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

หรือก็คือ ชุดไพ่ของโจนาส·โคลเกอร์จะกลายเป็น ‘ฟูลเฮ้าส์’ คู่คิงและตองเก้า!

ไพ่ที่สูงกว่าฟลัช!

“เสียใจด้วยนะครับ ฟูลเฮ้าส์” โจนาสมองไปทางพลเรือเอกอมิรุส กล่าวพลางยิ้ม

จากนั้น มันมองไปทางดอน·ดันเตส

“ถึงตาคุณเปิดไพ่แล้ว”

“ผมเองก็อยากทราบเหมือนกันว่าพวกมันหน้าอะไร” ดอน·ดันเตสอมยิ้มพลางเลื่อนชิปโลหะออกจากหลังไพ่ พลิกหงายด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“อะไรกัน…”

“ได้ยังไง?”

พันเอกคาลวินและคนที่เหลือต่างพากันขยี้ตา

ไพ่ในมือดอน·ดันเตสเป็นคู่ที่ต่ำมาก

“สองโพแดง สองข้าวหลามตัด”

แต่ในไพ่กองกลางก็มีคู่ที่เล็กไม่ต่างกัน:

“สองโพดำ สองดอกจิก”

แต่เมื่อนำไพ่เล็กๆ ทั้งสี่ใบมาประกอบกัน พวกมันจะสูงกว่า ‘ฟูลเฮ้าส์’ ทุกหน้า!

“เทพธิดาจงเจริญ!” ดอน·ดันเตสจ้องด้วยสีหน้าตกตะลึง วาดจันทร์แดงกลางหน้าอกอย่างคาดไม่ถึง

“เป็นเกมที่น่าสนใจ” พลเรือเอกอมิรุสผงะเล็กน้อย ปรบมือให้เบาๆ

โจนาส·โคลเกอร์จ้องหน้าดอน·ดันเตสเป็นเวลานาน ถอนหายใจและยิ้ม

“คาดไม่ถึงว่าผู้ชนะคนสุดท้ายจะเป็นคุณ”

ไคลน์ยิ้มตอบ รำพันในใจ

ฉันต้องชนะอยู่แล้ว… ในแง่หนึ่ง นายพลอมิรุสอาจชอบใช้บรรยากาศข่มขวัญคู่แข่ง แต่เขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษในการโกงไพ่… ส่วนนายสนใจเพียงนายพล จึงใช้พลังพิเศษไปกับเขาโดยไม่สนใจฉัน… และเหนือสิ่งอื่นใด คนที่กำลังเล่นไพ่กับพวกนายไม่ใช่ฉัน แต่เป็น ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนต่างหาก…

โดยไม่ต้องมองไพ่ในมือ มันก็มั่นใจว่าไพ่จะต้องออกมาเป็นหน้าที่โชคดีสุดๆ!

ในวินาทีที่ไคลน์โยนชิปลงบนหลังไพ่ มันได้สลับตำแหน่งกับเอ็นยูนพร้อมกับสลับใบหน้า!

แม้พันเอกคาลวินจะกำชับให้มาเสียไพ่ แต่หลังจากเห็นโจนาส ไคลน์ตัดสินใจใช้พลังแห่งโชคเพื่อกินรอบใหญ่

มิใช่ว่ามันไม่ต้องการเสียเงิน แต่จุดประสงค์ของรอบเมื่อครู่ก็คือ ดึงดูดความสนใจจากครึ่งเทพรองผอ. ของ MI9 รายนี้ เป็นการสร้างบทสนทนาและสานต่อเส้นสาย!

หากสำเร็จ ไคลน์จะมีโอกาสได้รับข่าวสารจากโจนาส·โคลเกอร์ หรือแม้กระทั่งลอบสังหารอีกฝ่าย เพราะเหนือสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายเป็นครึ่งเทพ แถมที่นี่ยังเป็นเบ็คลันด์ การจะลงมือทำอะไรต้องรอบคอบ หากปลิดชีพไม่ได้ในพริบตา หรือมิอาจล่ออีกฝ่ายออกจากเบ็คลันด์ การลงมือส่งเดชคงไม่แคล้วถูกล้อมจับโดยเหล่าครึ่งเทพและเทวทูต

ในเกมถัดมา ไคลน์สลับแพ้ชนะ แต่นอกจากจะไม่เสียเงินหนึ่งพันปอนด์ มันยังทำกำไรได้เกือบหนึ่งพันปอนด์ ระหว่างนี้ พันเอกคาลวินพยายามสะกิดให้จงใจแพ้หลายหน แต่ไม่ว่าดอน·ดันเตสจะลงไพ่อย่างไร ผลลัพธ์กลับลงเอยด้วยความโชคดีแบบงงๆ เสมอ

เมื่อเกมจบ คนแรกที่เดินไปหาดอน·ดันเตสและยิ้มให้ ไม่ใช่ใครนอกจากรองผอ. โจนาส·โคลเกอร์

………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset