Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1085 : ตรวจสอบสถานการณ์

“ข่าวด่วน! ข่าวด่วน! อาณาจักรประกาศสงครามกับฟุซัคแล้ว!”

“ข่าวด่วน! ข่าวด่วน! อาณาจักรประกาศสงครามกับฟุซัคแล้ว!”

ขณะเดินทางกลับจากคฤหาสน์เพลงกุหลาบมายังกรุงเบ็คลันด์ ไคลน์ซึ่งนั่งอยู่บนรถม้าได้ยินเสียงเด็กขายหนังสือพิมพ์บนถนนตะโกนพร้อมกับเดินเร่งจังหวะ

แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้หลังจากยืนยันว่าสงครามได้ปะทุขึ้นอย่างแท้จริง ห้วงอารมณ์กลับไปหดหู่อย่างมิอาจควบคุม

ความโกรธแค้นที่จุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างโซเนียถูกพรากไป… ความขัดแย้งในสิทธิเหนืออาณานิคม… ความพ่ายแพ้จากศึกล่าสุด… การทุจริตทางการเมืองที่ส่งผลให้ชาติเสื่อมถอย… นับตั้งแต่ออกพระราชบัญญัติเมล็ดพันธุ์ ชาวนาจำนวนมากก็ล้มละลายเนื่องจากมีอาหารจากต่างชาติล้นทะลักเข้ามาในตลาด… ชนชั้นล่างต้องอาศัยท่ามกลางสภาพแวดล้อมย่ำแย่สุดขีด… ช่องว่างระหว่างคนรวยและจนกว้างขึ้น…

ชนชั้นกลางเชื่อมันในชาติอย่างหน้ามืดตามัว และเลือกที่จะดิ้นรนเพื่อยกระดับสถานะทางสังคมของตัวเอง… ความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างขั้วใหญ่อำนาจทางการเมืองจนทำให้เกิดรอยร้าว… กษัตริย์และพรรคพวกปรารถนาสงครามขนาดใหญ่… เมื่อนำทุกปัจจัยมาประกอบรวมกันและพิจารณาเพียงเงื่อนไขด้านจุดประสงค์และด้านวัตถุนิยม โลเอ็นจะหลีกเลี่ยงการประกาศสงครามไม่ได้… ความจริงคือนักประพันธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ… อาศัยประสบการณ์ในอดีต ไคลน์วิเคราะห์สถานการณ์ของอาณาจักรโลเอ็นจากมุมมองคนนอกและตระหนักว่า กระแสแห่งเวลาเริ่มก่อตัวและกำลังถาโถมเข้าใส่ หากเทพแท้จริงไม่เสด็จลงมา สงครามก็ไม่มีวันถูกยับยั้ง

แต่ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ทำให้ไคลน์ประหลาดใจมากที่สุดคือเรื่องที่จักรวรรดิฟุซัคตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน

ต่อให้สมาชิกของ ‘องค์กรลับโบราณ’ แห่งนั้นแทรกซึมเข้าไปเป็นบุคคลระดับสูงของจักรวรรดิฟุซัคหรือโบสถ์เทพสงครามจริง และเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่บุคคลดังกล่าวก็ไม่น่าจะทำให้เรื่องสำคัญเช่นนี้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง… ทำไมเบื้องบนคนอื่นถึงเห็นพ้องที่จะเริ่มก่อสงครามโลก?

“หรือว่าปัญหาระหว่างชนชั้นในจักรวรรดิฟุซัคเองก็เลวร้ายจนต้องรีบก่อสงคราม?” เนื่องจากยังเข้าใจสถานการณ์การเมืองของทวีปเหนือไม่มากพอ ไคลน์จึงมิอาจวิเคราะห์ได้แตกฉาน “แต่พวกเขาเพิ่งได้รับชัยชนะในสงครามไบลัมตะวันออกและเกี่ยวกับผลประโยชน์จากสิทธิเหนืออาณานิคมไปมากมาย ไม่มีทางที่สถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่าฝั่งโลเอ็นได้เลย… อา… ราชวงศ์ของพวกเขา ตระกูลไอน์ฮอร์นคือผู้ถือครองเส้นทางนักบวชสีชาด พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมถึงกระหายสงครามนัก แต่โบสถ์เทพสงครามก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะห้ามไม่ใช่หรือ? ในฐานะศาสนาจารีต คงไม่มีเทพตนใดต้องการเห็นพี่ชายอามุนด์ก้าวขึ้นไปเป็นลำดับศูนย์กระมัง…”

คิดถึงตรงนี้ ไคลน์ผุดทฤษฎีใหม่

หรือว่าพี่ชายของอามุนด์จะทราบเรื่องที่เทพธิดากลายเป็นผู้ครอบครอง ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาและกำลังอยู่ในสถานะ ‘ลงมือไม่ได้’ ท่านจึงแจ้งข่าวนี้ให้โบสถ์เทพสงครามทราบ? และในเมื่อเทพสงครามอยู่บนเส้นทางใกล้เคียงกับเทพธิดา ก็คงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอย ต้องมีการตอบโต้อย่างรุนแรงแน่นอน…

แต่เรื่องนี้ก็อาจไม่เกี่ยวกับพี่ชายอามุนด์ แต่เป็นเพราะเทวทูตฝ่ายฝักใฝ่มรณาเทียมของนิกายวิญญาณ ไฮเทลก็ได้เช่นกัน… ท่านอาจได้รับคำเตือนจาก ‘นักวางแผนจอมเจ้าเล่ห์’ ไอฮอร์น·เซารอน·เมดีซีจนเอะใจถึงความผิดปรกติของมรณาเทียม ในแง่หนึ่ง ท่านแสร้งทำเป็นยังไม่พบความผิดปรกติเพื่อหยั่งเชิง และในอีกแง่หนึ่ง ท่านจงใจทำให้เทพสงครามตกอยู่ในสภาพที่แย่กว่าเดิมเพื่อสร้างสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง… วิญญาณมารเทวทูตสีชาดคือสัญลักษณ์แทนสงครามโดยแท้จริง..

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฟุซัคจะเป็นฝ่ายเปิดศึกก่อน… โดยเฉพาะประเด็นที่เทพธิดากำลังครอบครองเอกลักษณ์ของเส้นทางมรณา เทพสงครามไม่มีวันนิ่งเฉยแน่ และหากจำเป็น เทพสงครามอาจเสด็จเยือนด้วยตัวเอง ก่อสงครามทวยเทพที่ห่างหายไปนานนับตั้งแต่ยุคสมัยที่สี่…

สำหรับคราวนี้ การที่กองเรือเหาะของฟุซัคสามารถลอบเร้นเข้ามาจากชายฝั่งกว่าร้อยกิโลเมตรโดยที่ไม่ถูกตรวจพบ ส่วนหนึ่งคงเพราะมีจอมอาคมฟ้าดินคอยคุ้มครอง ไม่อย่างนั้น ต่อให้บินอ้อมไปยังเขตที่มีประชากรเบาบาง แต่กองเรือเหาะก็จะถูกพบล่วงหน้าและถูกยับยั้งไว้โดยกองเรือเหาะของโลเอ็น… จอมอาคมฟ้าดินเป็นเทวทูต… นับตั้งแต่ยุคสมัยที่ห้า การที่ผู้วิเศษลำดับนี้เข้าร่วมสงครามแทบไม่เคยเกิดขึ้น… หลังจากจักรพรรดิโรซายล์สิ้นพระชนม์ ทหารส่วนใหญ่ไม่รู้จักผู้วิเศษด้วยซ้ำ แม้แต่ในสงครามอาณานิคม… การที่ส่งจอมอาคมฟ้าดินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ย่อมหมายความว่า…

นี่คือสงครามที่จะลุกลามไปทั่วโลก เป็นสงครามของทุกระดับชนชั้น และเป็นสิ่งที่พี่ชายของอามุนด์ต้องการ?

เมื่อเวลานั้นมาถึง วายุสลาตัน สุริยันเจิดจรัส พระแม่ธรณี เทพจักรกลไอน้ำ และเทพปัญญาความรู้ จะต้องเลือกวางตัว… เช่นนั้นแล้ว ความขัดแย้งของพวกท่านที่ยุติลงชั่วคราวมาเป็นเวลาเกือบสองพันปีจะกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งหรือไม่?

พระแม่ธรณีชื่นชอบคนยักษ์ แม้แต่หนึ่งในข้ารับใช้ของพระองค์ก็ยังเป็นชาวฟุซัค นอกจากนั้น การแยกตัวของลุนเบิร์ก มาซิน และเซกัลยังส่งผลให้อาณาจักรเฟเนพ็อตเคียดแค้นอาณาจักรโลเอ็นและอินทิสเข้ากระดูก มีแนวโน้มสูงที่กษัตริย์และเทพของพวกเขาจะคิดเห็นตรงกันและตัดสินใจจับมือเป็นพันธมิตรกับฟุซัค ถล่มใส่โลเอ็นและอินทิสไม่ว่าจะทวีปเหนือหรือใต้… แต่แน่นอน แคว้นอย่างลุนเบิร์กและโบสถ์ปัญญาความรู้ซึ่งเป็นดินแดนกันชนของสงครามจะต้องหาวิธียับยั้งอย่างสุดความสามารถ อา… สำหรับอ่าวเดซีย์ เฟเนพ็อตและโลเอ็นมีอาณาจักรติดกันโดยตรง ที่นั่นเองก็คงไม่สงบสุขนัก…

ยิ่งครุ่นคิด ไคลน์ก็ยิ่งได้พบว่าสถานการณ์ของทวีปเหนือนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลที่ไม่ธรรมดา โดยไม่ว่าทิศทางจะเป็นเช่นไร ชายหนุ่มก็จนปัญญาจะยับยั้ง

แม้ปัจจุบันจะเป็นถึงครึ่งเทพลำดับ 4 แต่ภายใต้กระแสแห่งเวลา ไคลน์ไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมใดๆ ได้ในสงครามระหว่างทวยเทพ หรือแม้แต่การกำหนดทิศทางของสถานการณ์สำคัญก็ทำไม่ได้ ลำพังการเอาตัวให้รอดและปกป้องคนที่ห่วงใยก็ยากเต็มกลืนแล้ว

ก่อนหน้านี้ ในตอนที่กองเรือเหาะของฟุซัคโจมตี สิ่งแรกที่ไคลน์ทำคือการสั่งให้พ่อบ้านวอลเตอร์และคนอื่นเข้าไปหลบในห้องเก็บไวน์ใต้ดิน จากนั้นก็รีบเทเลพอร์ตไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเบ็คลันด์ แต่ก็สายเกินไป ระเบิดลูกแรกตกถึงพื้นแล้ว มีเด็กบางคนเสียชีวิตและอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ เรื่องน่ายินดีเรื่องเดียวก็คือ เมลิสซ่าน้องสาวของตนอยู่นอกระยะการระเบิด

จนกระทั่งเบ็นสันและเมลิสซ่าได้พบกัน กองเรือเหาะของฟุซัคก็ไม่กล้าอยู่นาน รีบถอนตัวออกจากเบ็คลันด์ทันที ไคลน์จึงกลับมายังคฤหาสน์ของดอนดันเตสอีกครั้ง

ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจออกเชื่องช้าด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าและได้ยินว่าอาณาจักรประกาศสงครามกับฟุซัค ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างเผยอากัปกิริยาหวาดกลัว ราวกับหวนนึกถึงการโจมตีทางอากาศเมื่อช่วงเช้า หลายคนทำหน้ามึนงงเจือความตื่นตระหนก หลายคนอยากทำอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร

ทุกคนอาจไม่ทราบว่าสงครามครั้งนี้จะลงเอยเช่นไร แต่เข้าใจตรงกันว่าความสงบสุขได้พังพินาศลงโดยสมบูรณ์ อนาคตมีเพียงความวุ่นวายโกลาหล ความยากลำบากและภัยอันตราย

ไคลน์ถอนสายตากลับและจ้องบุรุษรับใช้ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของอีกฝ่ายเผยท่าทีตื่นตระหนกไม่ต่างกัน

ชายหนุ่มกึ่งยิ้มกึ่งถอนหายใจ ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากเพื่อขจัดความหงุดหงิด ความหดหู่ และความอับจนหนทาง ตามด้วยการวิเคราะห์ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง และต้องระวังสิ่งใดเป็นพิเศษ

ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฝ่ายกษัตริย์ได้ประกาศสงครามตามที่ตนปรารถนาแล้ว และหากอาณาจักรโลเอ็นโดยรอบยังไม่พังพินาศโดยสมบูรณ์ กองทัพของฟุซัคก็แทบจะหมดโอกาสบุกรุกเข้ามาในกรุงเบ็คลันด์เป็นคำรบที่สอง ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป เบ็นสันกับเมลิสซ่าจะปลอดภัยมากกว่า

สิ่งที่น่ากังวลมีแค่ภาวะขาดแคลนอาหารและการลอบสังหาร แต่อย่างหลังไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาสักเท่าไร เบ็นสันกับเมลิสซ่าอาศัยอยู่ในละแวกที่เหมาะสมกับระดับของตัวเอง ไม่ใกล้กับบุคคลสำคัญที่อาจตกเป็นเป้าหมายการลอบสังหาร จึงไม่น่าจะเป็นปัญหา… ห้องปฏิบัติการของพอร์ตแลนด์โมมงต์เพิ่งประกาศเปิดใช้งานและยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ใช่เป้าหมายของการโจมตีแน่… สำหรับภาวะขาดแคลนอาหาร มิสออเดรย์สามารถให้ความช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่ง…

แคว้นเหมันต์ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่แถบเหนือสุดของอาณาจักร ใกล้กับฟุซัคอย่างมาก เป็นด่านหน้าของสงครามโดยแท้จริง บางทีมาดามอาเรียนน่าอาจถูกส่งกลับไปช่วยสนับสนุนกองทัพ… ไม่สิ ท่านอาจถูกส่งไปประจำการในจุดยุทธศาสตร์อื่นที่สำคัญอย่างชายฝั่ง… แต่ไม่ว่าจะที่ใดก็คงไม่ใช่เบ็คลันด์ เพราะที่นี่มีแนวป้องกันแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว ทางราชวงศ์ต้องมีสมบัติปิดผนึกลำดับ 0 ไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน รวมถึงเทวทูตอีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้ง โบสถ์หลักเองก็คงมีไพ่ตายเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉิน… น่าเสียดาย ตัวช่วยที่สำคัญที่สุดของเราจะหายไป ทางศาสนจักรคงสนับสนุนได้เพียงเล็กน้อย รวมถึงการให้ยืมสมบัติปิดผนึกบางชิ้น…

หากเป็นเมื่อก่อน เราคงไม่ต้องกังวลว่าวิญญาณมารเทวทูตสีชาดจะส่งผลต่อเราอย่างไร แต่ปัจจุบันต้องระวังตัวให้มากขึ้น…

แพทริค·เบรนทราบว่าข้ารับใช้มรณาอย่างดอน·ดันเตสคือเกอร์มันสแปร์โรว์ เราจงใจเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตัวเองโดยหวังให้อีกฝ่ายนำไปผูกกับกงสุลมรณะอย่างมิสเตอร์อะซิก นั่นจึงหมายความว่า วิญญาณมารเทวทูตสีชาดคงทราบเรื่องที่เกอร์มันสแปร์โรว์คือดอนดันเตสได้ในเวลาอันสั้น…

จริงอยู่ที่วิญญาณมารเทวทูตสีชาดมีลำดับสูง แต่พลังที่แท้จริงนั้นยังไม่ใกล้เคียงเทวทูต… เรากับเจ้านั่นไม่เคยมีเรื่องบาดหมางชนิดคอขาดบาดตายต่อกัน และเราก็ไม่มีสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ และถึงเจ้านั่นจะรู้ว่าดอน·ดันเตสคือเกอร์มันสแปร์โรว์ ก็คงไม่รีบร้อนลงมือกับเราในช่วงนี้…

หลังจากทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด นอกจากการเทวทูตสีชาดจะทำร้ายเราโดยตรง ยังส่งผลเสียทางไหนได้อีก?

อาศัยข้อมูลดังกล่าวเพื่อวางแผน หรือไม่ก็ขายข้อมูลให้กับฝ่ายที่ต้องการ?

แผนแบบไหน… ใครต้องการข้อมูล…

กระแสความคิดและชื่อมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวไคลน์ แต่ทั้งหมดก็ถูกปัดตกอย่างรวดเร็ว รวมถึงไปประเด็นของพี่ชายอามุนด์และเทวทูตโชคชะตา โอโรเลอุส หากพิจารณาจากพฤติกรรมในอดีตของวิญญาณมารเทวทูตสีชาด เจ้านั่นคงไม่ติดต่อกับกุหลาบไถ่บาป และพี่ชายของอามุนด์ก็เป็นศัตรูตัวฉกาจของเมดีซีและพรรคพวก

ทันใดนั้น ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในความคิดไคลน์

ซาราธ!

ผู้นำลัทธิเร้นลับ เทวทูตลำดับหนึ่งแห่งเส้นทางนักทำนาย ซาราธผู้กลับมาเป็นปรกติหลังจากกลายเป็นบ้า!

จากคำตอบของอาโรเดส ตัวตนที่ทรงพลังและลึกลับรายนี้ย้ายออกจากแหล่งกบดานเดิม ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบตำแหน่ง

ในตอนแรก ไคลน์เคยกังวลว่าอีกฝ่ายจะมาเยือนเบ็คลันด์ด้วยกฎการดึงดูดของพลังในเส้นทางใกล้เคียง

เมดีซี ซาราธ และโซโรอาสเตอร์ล้วนเคยทำงานรับใช้จักรวรรดิโซโลมอนร่วมกัน ต่อให้ไม่ใช่มิตรสหาย แต่ก็ต้องรู้จักกันดีในระดับหนึ่ง… ในหมู่บ้านสายหมอก ซาราธเคยพบเกอร์มันสแปร์โรว์แล้ว หากมันปรารถนาบางสิ่งในตัวเรา ตอนนี้ก็คงกำลังตามล่าตัวนักผจญภัยเสียสติอยู่… คิดถึงจุดนี้ ไคลน์อนุมานทันทีว่าซาราธอาจอยู่ในกรุงเบ็คลันด์เพื่อตามหาเกอร์มันสแปร์โรว์ และนั่นอาจทำให้ซาราธวิเคราะห์สถานการณ์ได้จากความผิดปรกติเล็กน้อยรอบตัว

ทันใดนั้น ไคลน์ฉุกคิดถึงความล้มเหลวของปฏิบัติการร่วมระหว่างชารอนและผีดูดเลือด

หรือเพราะว่าโรงเรียนกุหลาบกำลังตามล่าตัวเกอร์มันสแปร์โรว์ ซาราธซึ่งรู้ข่าวดังกล่าวตัดสินใจร่วมมือกับพวกมัน?

ในตอนนั้น ปฏิบัติการของผีดูดเลือดดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบและใกล้สำเร็จ แต่ผู้นำของโรงเรียนกุหลาบในกรุงเบ็คลันด์กลับหนีเอาตัวรอดไปได้อย่างฉิวเฉียด ราวกับเพิ่งทราบข่าวในวินาทีสุดท้าย… การที่ผีดูดเลือดนำสมบัติปิดผนึกทรงพลังมาใช้ในปฏิบัติการ โอกาสล้มเหลวจึงต่ำมาก แม้แต่ตัวตนอย่างดยุคผีดูดเลือดก็ยังฉงนหนัก… แต่ถ้า… แต่ถ้าความล้มเหลวนั่นเกิดจากลางสังหรณ์อันเฉียบแหลมของเทวทูตลำดับหนึ่งเส้นทางนักทำนายล่ะ?

นั่นจะอธิบายทุกสิ่งได้อย่างลงตัว!

ก่อนที่ทุกคนจะไปถึง ซาราธกำลังนั่งอยู่กับผู้นำโรงเรียนกุหลาบของเบ็คลันด์?

และเรื่องที่โรงเรียนกุหลาบซึ่งหลบหนีอย่างลนลานแต่กลับยอมเสียเวลาทิ้งตุ๊กตาที่สร้างแสงจันทร์ นั่นก็เพราะต้องการลบร่องรอยของซาราธ?

นอกจากนั้น ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างเกอร์มันสแปร์โรว์กับกงสุลมรณะก็ไม่ใช่ความลับ… เป็นไปได้ไหมว่าซาราธจะส่งหุ่นเชิดออกไปทั่วเบ็คลันด์เพื่อมองหากลิ่นอายของพลังแห่งความตาย? ก่อนหน้านี้ ในตอนที่แพทริคเบรนประกอบพิธีกรรม บางทีเขาอาจถูกหนึ่งในหุ่นเชิดของซาราธจับตามอง…

หากวิญญาณมารเทวทูตสีชาดขายข้อมูลดังกล่าวให้ซาราธจริง การกลับไปยังถนนเบิร์คลุนของเราจะไม่เท่ากับการโยนตัวเองลงกับดักหรือ?

ดวงตาชายหนุ่มพลันหรี่ลง รีบกล่าวกับคนขับรถม้าด้านหน้า

“จอดก่อน ผมนึกขึ้นได้ว่ามีงานต้องไปสะสาง”

กล่าวจบ ไคลน์พลันตึงเครียดสุดขีด ด้วยกังวลว่าคนขับรถม้าจะไม่ตอบสนอง เพียงขับตรงไป

โชคดีที่ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น รถม้าจอดลงข้างทาง ไคลน์และบุรุษรับใช้ เอ็นยูนเดินเข้าไปในตรอกแคบที่ไม่ห่างออกไป

ทันทีหลังจากนั้น ชายหนุ่มดีดนิ้วเพื่อทำให้เปลวไฟลุกท่วมร่างของตัวเองและหุ่นเชิด

มันคิดจะมุ่งหน้าไปยังวิหารนักบุญแซมมวลให้เร็วที่สุดด้วยวิธีที่เงียบเชียบที่สุด

เมื่อแสงสว่างสุดท้ายของเปลวไฟมอดลง ร่างของคนทั้งสองก็หายไป

ทว่า หลังจากการกระโจนเบื้องต้นเสร็จสมบูรณ์ เปลวไฟที่ไคลน์เคยสัมผัสถึงเมื่อก่อนหน้านี้ กลับอันตรายหายไปทั้งหมดทันที

ฉากตรงหน้ากลายเป็นห้องนั่งเล่นกว้างขวาง บนเก้าอี้เอนหลังแสนธรรมดามีชายร่างผอมสูงนอนเอนกาย ใบหน้าอ่อนเยาว์และมีเชื้อสายทวีปใต้ ใบหน้าค่อนไปทางหล่อเหล่าแต่ดูขาดเลือด

วิญญาณมารเทวทูตสีชาด เซารอนไอน์ฮอร์นเมดีซี!

เทวทูตสีชาดรายนี้กำลังเล่นลูกบอลไฟในมือ มุมปากขดขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าสังเกตเห็นได้เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้… อา… กล้าใช้กระโจนเพลิงต่อหน้าข้าคนนี้เชียว…”

………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset