Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1088 : เอนตัวในเงามืด

ระหว่างทางบนถนนเบิร์คลุนไปยังวิหารนักบุญแซมมวล ไคลน์ผ่าน ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ ที่อาคารหมายเลขยี่สิบสอง ถนนเฟลป์ และต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าประตูหน้ายังคงเปิดต้อนรับผู้คน

ในฐานะผู้ก่อตั้งและสมาชิกปัจจุบัน ชายหนุ่มค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ จึงสั่งให้รถม้าจอดและเดินเข้าไป

ทันทีที่ผ่านกรอบประตู ไคลน์เห็นมิสออเดรย์เดินลงจากชั้นสองพร้อมกับสาวใช้คนสนิท สุนัขโกลเดนรีทรีเวอร์ และพนักงานอีกสองสามคน

“ทิวาสวัสดิ์ครับ… ในสถานการณ์แบบนี้ เห็นทีพวกเราคงต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง” ไคลน์กล่าวขณะเดินเข้าไปใกล้

ออเดรย์ในท่าถือหนังสือพิมพ์ จ้องหน้าดอนดันเตสและตอบ

“ผู้รับทุนหลายคนของเราได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศ ดิฉันเพิ่งไปเยี่ยมพวกเขาและคอยสนับสนุนค่ารักษา”

เบ้าตาของสตรีผู้สูงศักดิ์เริ่มแดงระเรื่อ ราวกับเธอได้เห็นสิ่งที่น่าหดหู่ชุดชนิดภายในโรงพยาบาล

“ขอให้เทพธิดาคุ้มครอง” ไคลน์ที่เข้าใจหัวอก วาดพระจันทร์แดงกึ่งกลางหน้าอก

มันถือโอกาสพูดในสิ่งที่เตรียมไว้

“ผมวางแผนจะบริจาคเงินให้กองทุนเพิ่มเติม ไว้สำหรับซื้ออาหาร ยา และเวชภัณฑ์ เพื่อให้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้นท่ามกลางภัยพิบัติที่เกิดจากมนุษย์ด้วยกันเอง”

“เป็นความคิดที่ดีค่ะ ผู้ที่เผชิญความทุกข์ต้องซาบซึ้งแน่ มิสเตอร์ดันเตส” ออเดรย์เคาะหน้าอกตามเข็มนาฬิกาด้วยสีหน้ายินดีเจือโศกเศร้า “ดิฉันเองก็จะทำให้ดีที่สุดเช่นกัน”

เธอไม่อยากทำแค่บริจาคเงิน แต่ยังต้องการผลักดันในบางสิ่ง

ไคลน์พยักหน้า

“คุณไม่จำเป็นต้องยกย่องผม… ในเวลาแบบนี้ สิ่งที่ผมทำคือสิ่งที่ควรทำ… นอกจากบริจาคเงิน ผมจะช่วยบริจาคอาหารด้วย สำหรับประเด็นดังกล่าว คุณต้องไปคุยกับวอลเตอร์ พ่อบ้านของผมโดยตรง… จริงสิ มิสออเดรย์ ผมจะเขียนหนังสือมอบอำนาจให้คุณ หลังจากนี้คุณสามารถดำเนินการสิ่งต่างๆ ภายในคฤหาสน์เพลงกุหลาบได้โดยไม่ติดขัด”

“แล้วคุณล่ะคะ? มิสเตอร์ดันเตส” ออเดรย์ถามแม้ภายในใจพอจะเดาออก

สำหรับบทสนทนาปัจจุบัน หากต้องการทำให้เป็นธรรมชาติ คำถามนี้คือสิ่งที่ขาดไม่ได้

“ทางโบสถ์มีงานบางอย่างให้ผมทำ ส่วนจะเป็นงานใดนั้น ผมยังไม่ได้แวะเข้าไปที่วิหารนักบุญแซมมวล จึงยังไม่ทราบรายละเอียด แต่สิ่งที่แน่ชัดก็คือ ผมต้องออกเดินทางไกลและคงกลับมาที่คฤหาสน์เพลงกุหลาบไม่ได้เป็นเวลานาน” ไคลน์เล่าเหตุผลที่เตรียมไว้ “มิสออเดรย์ ตลอดช่วงเวลาที่ผมอยู่กับกองทุนการศึกษาแห่งนี้ ผมเห็นถึงความสามารถและจิตใจที่งดงามของคุณ และไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังหรือสถานะทางสังคม ทุกสิ่งล้วนหล่อหลอมให้คุณมีวิสัยทัศน์และระบบความคิดที่ยอดเยี่ยม ดังนั้น การฝากฝังให้คุณช่วยดูแลคฤหาสน์คือทางออกที่ดีที่สุด”

ไคลน์ไม่คิดว่าข้ออ้างของตนจะเอาชนะสายตาของ ‘ผู้ชม’ มากประสบการณ์ได้ สิ่งที่มันต้องการมีเพียง ทำให้ผู้คนรอบข้างมิสจัสติส ‘เชื่อ’ ในข้ออ้างที่ตนกุขึ้น แน่นอน มันไม่นับรวมสุนัขของเธอ

มิสเตอร์เวิร์ลคิดจะสละตัวตนดอน·ดันเตสชั่วคราวเพื่อกระทำบางสิ่ง? ออเดรย์แสร้งครุ่นคิด หลังจากไตร่ตรองสองสามวินาที เธอกล่าว

“ในสถานการณ์เช่นนี้ ดิฉันคงมิอาจปฏิเสธคำขอร้อง”

ไคลน์แอบถอนหายใจและหันไปบอกให้บุรุษรับใช้เอ็นยูน เดินขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อหยิบกระดาษและปากกาลงมา จากนั้น ท่ามกลางการเป็นสักขีพยานของพนักงานกองทุน ชายหนุ่มร่างหนังสือมอบอำนาจ ลงนามและประทับตราพร้อมกับรอยนิ้วมือ

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์หันเหความสนใจไปยังหนังสือพิมพ์ในมือออเดรย์

“มีข่าวใหม่บ้างไหม? ผมเพิ่งกลับจากชานเมืองและได้ยินว่าทางอาณาจักรประกาศสงครามกับฟุซัคแล้ว”

ออเดรย์เม้มริมฝีปากและกล่าวหน้าเศร้า

“ไม่นานหลังจากที่กองเรือเหาะโจมตีกรุงเบ็คลันด์ กองทัพเรือโซเนียของฟุซัคอาศัยหมอกหนาทึบในการพรางตัวและเข้าโจมตีกองทัพเรือหลวงของเราที่ท่าเรือพริสต์บนเกาะโอ๊ค รวมถึงอู่ต่อเรือในละแวกใกล้เคียง โชคดีที่ทางโบสถ์วายุสลาตันได้รับแจ้งเตือนล่วงหน้าผ่านทางโทรเลข ฝ่ายเราจึงยังไม่เสียท่าเรือพริสต์ไป แต่ต้องเสียเรือหลายลำและโรงงานอีกหลายแห่ง กล่าวกันว่า มีผู้คนล้มตายและบาดเจ็บสาหัสมากมาย…”

“นี่สินะสงคราม…” ไคลน์ถอนหายใจ “ขอผมดูได้ไหมว่ากษัตริย์ประกาศสงครามว่าอย่างไร”

ออเดรย์ทราบดีว่ากษัตริย์จอร์จที่สามมีปัญหา จึงเข้าใจความนัยของอีกฝ่ายและส่งหนังสือพิมพ์ในมือให้

เป็นฉบับทัสซอค

โดยไม่ต้องเสียเวลามองหา ไคลน์เห็นถ้อยคำประกาศสงครามของกษัตริย์ใต้พาดหัวหน้าแรก

“…เมื่อเจ็ดร้อยแปดปีก่อน ฟุซัคทำการยึดเกาะโซเนียไปจากเรา… เมื่อหนึ่งปีก่อน ฟุซัคทำการขโมยไบลัมตะวันออกของเราไปครึ่งหนึ่ง… มาถึงวันนี้ พวกมันทิ้งระเบิดใส่เบ็คลันด์และโจมตีท่าเรือพริสต์ ส่งผลให้พลเรือนจำนวนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดของพวกเขาชุ่มชโลมไปทั่วผืนดิน… เราถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว การยอมถอยในอดีตมีแต่จะทำให้พวกมันกลั่นแกล้งเรามากขึ้น หากยังถอยต่อไป พวกเราจะสูญเสียอำนาจทางเศรษฐกิจนอกแผ่นดินใหญ่ไปทั้งหมด สินค้าจำนวนมากจะขายไม่ออก ผู้คนมากมายต้องตกงาน ชาวนาจะล้มตายกันหมด!”

“…”

“…ทุกสิ่งในอดีตและปัจจุบันล้วนบ่งชี้ว่า ความยุติธรรมอยู่ในมือของพวกเรา และเรามีพลังมากพอที่จะคว้าชัยชนะได้อย่างเบ็ดเสร็จ!”

“ถึงประชาชนที่เคารพทุกท่าน… ตัวเรา… จักรพรรดิจอร์จที่สามของทุกท่าน ขอเป็นตัวแทนรัฐสภาและรัฐบาลเพื่อประกาศสงครามกับฟุซัค… หากพวกมันยังไม่ยอมยกธงขาวหรือยกมือยอมแพ้ พวกเราจะไม่หยุดเดินหน้าบดขยี้! รุกคืบเข้าไป! ฟื้นฟูเกาะโซเนีย! รุกคืบเข้าไป! ยึดครองกรุงนักบุญมิลลอม! ชัยชนะจะเป็นของเราอย่างแน่นอน พระองค์อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา!”

ไคลน์ที่กวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว อาศัยพลังตัวตลกในการยับยั้งกล้ามเนื้อใบหน้ามิให้ขดมุมปาก

จากนั้น มันคืนหนังสือพิมพ์ทัสซอคให้ออเดรย์ ถอดหมวกและโค้งศีรษะ

“ที่เหลือคงต้องฝากคุณแล้ว”

“ไม่ต้องกังวลค่ะ” ออเดรย์รับหนังสือมอบอำนาจและหนังสือพิมพ์

ไคลน์ไม่มัวรีรอ พาบุรุษรับใช้เอ็นยูนเดินออกจาก ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ และตรงไปยังวิหารนักบุญแซมมวล

ตอนนี้ไม่มีสาวกหลงเหลือภายในวิหาร เพราะส่วนใหญ่ถูกส่งกลับบ้านและยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับใช้ชีวิตหลังสงคราม

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันมืดมิดและเงียบสงบ ไคลน์หาที่นั่ง ถอดหมวก ประสาทมือไว้ใต้ปาก ตามด้วยการพึมพำพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดารัตติกาลด้วยเสียงแผ่ว จากนั้นก็เสริม

“…ผมได้รับข่าวจากวิญญาณมาเทวทูตสีชาด ซาราธน่าจะเข้ามาในเบ็คลันด์แล้ว และโบราณสถานลับของจักรพรรดิโลหิต มีโอกาสสูงที่จะเป็นสุสานสำหรับประกอบพิธีกรรมเลื่อนเป็นจักรพรรดิมืด…”

หลังสวดจบ ไคลน์รอคอยอย่างอดทนสักพัก จนกระทั่งอาร์ชบิชอปแอนโทนี·สตีเวนสันเดินเข้ามาหาจากประตูด้านข้าง

นักบุญรายนี้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลา ปราศจากหนวดเครา สวมเสื้อคลุมสีดำที่ปักสัญลักษณ์พระจันทร์แดง ทุกย่างก้าวไร้สุ้มเสียงราวกับยามราตรีกำลังคืบคลาน

เมื่อเข้าใกล้ดอน·ดันเตส แอนโทนีไม่กล่าวคำใด เพียงส่งภาษากายและหันหน้าไปทางหอสมุด

ไคลน์ลุกขึ้นสวมหมวก เดินตามไปอย่างเงียบงัน

สำหรับบุรุษรับใช้เอ็นยูน อีกฝ่ายถือไม้ค้ำ เดินไปทางประตูวิหารและรออยู่ที่นั่น

ด้านนอกหอสมุด อาร์ชบิชอปแอนโทนีหมุนตัวกลับด้วยรอยยิ้มเล็กๆ และกล่าวกับดอน·ดันเตส

“สงครามปะทุขึ้นแล้ว ตอนนี้มีหลายสิ่งที่ทางเราต้องรีบสะสาง… ในฐานะสาวกผู้เลื่อมใสเทพธิดา คุณยินดีที่จะช่วยหรือไม่”

อย่างที่คิด… มาดามอาเรียนน่าออกจากเบ็คลันด์ไปแล้ว… ไคลน์ถอนหายใจด้วยสีหน้าซับซ้อนพลางวาดจันทร์แดงบนหน้าอก

“นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เทพธิดาจงเจริญ”

กล่าวจบ มันถามทันที

“คุณต้องการให้ผมช่วยในเรื่องใด”

“ผมจะแจ้งเมื่อถึงเวลา แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งกลับบ้านจะดีกว่า” นักบุญแอนโทนีกล่าวในสิ่งที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผล

แต่ไคลน์เข้าใจความหมายได้ทันที นั่นคือการให้มันซ่อนตัวไปก่อน แอนโทนีอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับซาราธ แต่หากอยู่ในขอบเขตของสถานที่พิเศษบางแห่ง มันสามารถให้ความคุ้มครองได้

ไม่ผิดไปจากข้อสันนิษฐานของเรา… เทพธิดากำลังย่อย ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางมรณาและคงไม่ ‘เสด็จเยือน’ ในระยะนี้… เบื้องบนของโบสถ์ต่างกำลังยุ่งอยู่กับการรับมือสงคราม และผลข้างเคียงด้านลบของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ก็รุนแรงจนไม่คุ้มเสี่ยง… ไคลน์พยักหน้า

“เข้าใจแล้วครับ ท่านเจ้าคุณ”

“ขอให้เทพธิดาอวยพร” นักบุญแอนโทนีวาดพระจันทร์แดง

“เทพธิดาจงเจริญ… ความสุขสงบคือคำตอบของทุกสิ่ง” ไคลน์ตอบอย่างชำนาญพร้อมกับทำท่าเดียวกัน

จากนั้น มันออกจากวิหารนักบุญแซมมวลและเลี้ยวเข้าไปในถนนอีกเส้นพร้อมกับบุรุษรับใช้

หลังจากเดินต่อไปอีกสักพัก ดอน·ดันเตสและเอ็นยูนก็อันตรธานหายไป

เขตตะวันออก บ้านเช่าสองห้องนอน

ด้วยใบหน้าดาษดื่น ไคลน์หยิบฮาร์โมนิก้านักผจญภัยออกมาจ่อปากเป่า

เพียงพริบตา ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์เจ้าของสี่หัวทองตาแดง เดินออกจากความว่างเปล่าโดยไม่ประหลาดใจกับรูปลักษณ์ใหม่ของคู่สัญญา

ไคลน์ซึ่งไม่มีกระดาษจดหมายจะส่งให้ เพียงกล่าวเข้าประเด็น

“ช่วยบอกชารอนกับมาริคว่า ซาราธอยู่ที่เบ็คลันด์และมีแนวโน้มว่าจะร่วมมือกับโรงเรียนกุหลาบ จงระวังตัวให้มากและอย่าแวะไปที่ผับวีรบุรุษในช่วงนี้”

“ซาราธ…” หัวทั้งสี่ของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์กล่าวอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“หัวหน้าลัทธิเร้นลับ เทวทูตลำดับหนึ่งที่เคยเสียสติแต่กลับมาเป็นปรกติได้” ไคลน์หยิบเหรียญทองออกมายื่นให้มิสผู้ส่งสาร

มันไม่ได้บอกว่าซาราธสนใจเกอร์มันสแปร์โรว์เป็นพิเศษ โดยเชื่อว่ามิสผู้ส่งสารซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงย่อมตระหนักถึงความพิเศษในตัวมันได้ประมาณหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเทวทูตคงไม่ลดตัวมาเป็นผู้ส่งสาร หากมียันต์ วันวานอีกครั้งไรเน็ตต์คงช่วยเหลือไคลน์ได้มากกว่าเดิมหลายเท่า

สำหรับคำถามที่ว่า ทำไมซาราธซึ่งมองไม่เห็น ‘ออร่าหมอก’ ในตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์เมื่อครั้งอยู่ในหมู่บ้านสายหมอก ถึงยังต้องการตามล่าตัวนักผจญภัยเสียสติรายนี้ ไคลน์เชื่อว่าเกิดจากเหตุผลสามข้อ ประการแรก กฎแห่งการดึงดูดได้นำพาซาราธเข้ามาในเบ็คลันด์ ประการที่สอง เป็นเพราะเกอร์มันสแปร์โรว์สามารถหลบหนีออกจากหมู่บ้านสายหมอกและกลับสู่โลกแห่งความจริงสำเร็จ ทั้งที่ได้รับสัญลักษณ์ผิด และประการที่สาม เกอร์มัน·สแปร์โรว์อาจเกี่ยวข้องกับองค์กรที่ศรัทธาเดอะฟูล

หลังจากซาราธร่วมมือกับโรงเรียนกุหลาบและพบว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเองก็สนใจเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ต่อให้ซาราธไม่มีข้อมูลเชิงลึกมากนัก แต่มันก็ต้องยกระดับความสนใจอย่างไม่มีทางเลือก

ไรเน็ตต์ไทน์เคอร์มิได้กล่าวคำใด เพียงใช้ปากของหนึ่งในสี่หัวงับเหรียญทอง

หลังจากเฝ้ามองผู้ส่งสารจากไป ไคลน์ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง แหงนมองท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างผ่านโต๊ะไม้

โครงสร้างของบ้านหลังนี้คล้ายกับบ้านที่เคยอาศัยสมัยยังอยู่ทิงเก็น ด้านในเป็นห้องนอน ด้านนอกเป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องอ่านหนังสือที่มีเตียงสองชั้น

ปัจจุบันนอกจากชายหนุ่ม ภายในห้องยังมีหุ่นเชิดโจนาสโคลเกอร์และเอ็นยูน

………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset