Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1089 : การตัดสินใจที่ยากลำบาก

หลังจากนั่งลงครู่หนึ่ง ไคลน์ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก ตามด้วยการลุกยืนและเดินถอยหลังสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าไปในสายหมอก

ชายหนุ่มเสกเกอร์มัน·สแปร์โรว์และทำทีสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูล ส่งต่อข้อความไปยังเดนิสและเฮอร์มิท แคทลียาตามลำดับ

สำหรับรายแรก เป็นคำเตือนให้ระวังลัทธิเร้นลับ แม้ไคลน์ไม่คิดว่าซาราธจะจ้องเล่นงานเดนิสโดยตรง แต่ชายคนนี้มีจุดเชื่อมโยงกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ การตักเตือนไว้จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย – ในฐานะจอมอาคมพิสดาร ไคลน์พอจะรู้จักอุปนิสัยของเส้นทางนักทำนายเป็นอย่างดี โดยเชื่อว่าบุคคลที่สามารถเลื่อนลำดับไปได้ไกลจะต้องมีความรอบคอบสูงมาก จริงอยู่ บางคนอาจพึ่งพาโชคจนถึงลำดับสูง แต่สำหรับเทวทูตลำดับ 1 อย่างซาราธ ความระวังตัวของชายคนนี้ย่อมไม่ธรรมดา

ในสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับเทวทูตซึ่งมีข้อมูลในมือพอสมควร เดนิสนั้นไม่ต่างอะไรกับ ‘เหยื่อล่อ’ ตัวใหญ่ ใหญ่เกินไปจนน่าสงสัยว่าจะเป็นกับดัก ซาราธจึงไม่บุ่มบ่ามเข้าหาเดนิส แต่จะส่งคนของลัทธิเร้นลับมาสืบข่าวไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ในทำนองเดียวกัน สารจากไคลน์ถึงแคทลียาก็มีเนื้อหาค่อนข้างคล้ายคลึง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญคือการขอให้เธอช่วยติดต่อราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตในทันที แจ้งว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ต้องการนัดพบโดยด่วน นอกจากนั้น ไคลน์ยังแจ้งพลเรือเอกดวงดาวว่า ชุมนุมทาโรต์ในสัปดาห์ถัดไปจะถูกเลื่อน จึงต้องการให้เธอตัดสินใจว่าจะซื้อสูตรโอสถของเส้นทาง ‘นักเพาะปลูก’ หรือไม่ ทั้งลำดับห้าดรูอิดและลำดับสี่ นักถลุงโลหะโบราณ

เขตตะวันตกของทะเลคลั่ง เกาะไซรอส

เดนิสซึ่งอยู่ระหว่างภารกิจรวบรวมเบาะแสของพลเรือโทโรคภัย กำลังอยู่ในท่าถือแก้วเบียร์สีทอง แต่ทันใดนั้น ใบหน้าของมันพลันเคร่งขรึม

“มีอะไร? นายเห็นหน้าใครบางคนจนหวนนึกถึงประสบการณ์ที่ยากจะอธิบายในอดีต?” แอนเดอร์สันเขย่าแก้วแลงติร้อนแรงที่กลั่นด้วยมอลต์ พลางหัวเราะในลำคอเพื่อเย้ยหยันเดนิสซึ่งมีสีหน้าแปลกไป

เดนิสจิบเบียร์ ก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปากและกล่าวด้วยสีหน้าค่อนข้างดำมืด

“หลังจากนี้พวกเราต้องคอยระวังคนของลัทธิเร้นลับ…”

นับตั้งแต่รู้จักกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ มันมักได้ยินประโยคที่คล้ายคลึงกันบ่อยครั้ง ส่งผลให้อากัปกิริยาตื่นตระหนกในช่วงต้น เหลือแค่สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย

มันสงสัยว่าสักวันหนึ่ง ตนอาจถูกหมายหัวจากทุกองค์กรบนโลก ยกเว้นเพียงองค์กรของเดอะฟูลแห่งเดียว

แอนเดอร์สันมองเดนิสหัวจรดเท้าสองสามรอบ จากนั้นก็หัวเราะ

“ในบางครั้ง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็เป็นนักล่ามากกว่าฉันเสียอีก… หืม… แปลว่านายเพิ่งติดต่อด้วยวิธีพิเศษสินะ ไม่จำเป็นต้องอัญเชิญผู้ส่งสาร”

ขณะเดนิสเตรียมโต้แย้ง ณประตูทางเข้าโรงแรม คนของอินทิสรีบพรวดเข้ามารายงานข้อความจากโทรเลข

“ฟุซัคโจมตีเบ็คลันด์ และอาณาจักรโลเอ็นได้ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว!”

ประกาศสงคราม? แอนเดอร์สันและเดนิสมองหน้ากัน อาศัยความพิเศษของเส้นทางตัวเอง พวกมันได้กลิ่นของสงครามใหญ่

ฟุซัคโจมตีเบ็คลันด์กับท่าเรือพริสต์ และนั่นทำให้โลเอ็นประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ… กองเรือหุ้มเกราะทั้งสามมิได้อยู่ในท่าเรือในเวลาดังกล่าว จึงไม่เกิดการสูญเสีย ปัจจุบันกำลังทยอยกลับไปยังชายฝั่งโลเอ็น… กองเรือของพลเรือเอกดวงดาวซึ่งแวะเกาะโอลาวี ทำการรวบรวมข้อมูลจำนวนมากจากโทรเลข

ขณะเธอกำลังคิดว่ากลุ่มโจรสลัดของตนควรทำตัวอย่างไร สายหมอกสีเทาไร้ขอบเขตพลันปรากฏขึ้นในการมองเห็นพร้อมกับคำพูดของเกอร์มันสแปร์โรว์

“จงระวังลัทธิเร้นลับ… รวมถึงซาราธ…” แคทลียาซึ่งถือเป็นชาวอินทิสในแง่หนึ่ง ให้ความสนใจกับประเด็นที่สำคัญน้อยที่สุดก่อน

ด้วยเหตุผลข้างต้น เธอจึงไม่คลางแคลงคำขอร้องของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่ต้องการพบราชินีอย่างเร่งด่วน โดยเชื่อว่านั่นคือผลสืบเนื่องจากประเด็นเกี่ยวกับลัทธิเร้นลับและซาราธ

ท้ายที่สุด หญิงสาวขยับริมฝีปากแผ่วเบาพลางกระซิบชื่อโอสถสองชนิด:

“ดรูอิด… นักถลุงโลหะโบราณ… นี่คงเป็นชื่อใหม่ เพราะชื่อเก่าคือ ‘นักถลุงมนุษย์’ …”

แคทลียาเดินไปยังหน้าต่างตามความเคยชินและก้มมองต่ำ ปัจจุบันแฟรงค์·ลีกับ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์กำลังเอนกายบนกราบเรือเพื่ออาบแดด สีหน้าของรายแรกกำลังผ่อนคลายและสุขสบายสุดขีด แต่ก็มีความฉงนเล็กๆ ในดวงตา ราวกับกำลังขบคิดปัญหาที่แก้ไม่ตก ส่วนรายหลังมีสีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากสั่นเทาและมีเห็ดกระจัดกระจายบนเสื้อผ้า

ดรูอิด… นักถลุงโลหะโบราณ… เป็นอีกครั้งที่พลเรือเอกดวงดาว แคทลียาทวนทั้งสองชื่อ ภายในใจอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

ผ่านไปราวสิบวินาที แคทลียาดันแว่นตาหนาเตอะบนดั้งจมูกพลางปลอบใจตัวเอง

มิสเตอร์ฟูลมิได้ห้ามปราบ… แปลว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่…

ด้วยความคิดดังกล่าว แสงดาวพลันสว่างวาบรอบตัวหญิงสาวพร้อมกับโปรยปรายออกไปนอกหน้าต่าง เกิดเป็นบันไดแห่งแสงพาดผ่านห้องกัปตันลงไปยังดาดฟ้าเรือ

แคทลียาเดินลงบันได ตรงไปยังทิศทางของแฟรงค์·ลีและชาฟฟ์

สองสามวินาทีถัดมา แคทลียาถาม

“แฟรงค์… ความฝันของคุณคือสิ่งใด”

แฟรงค์·ลีที่เพิ่งตระหนักว่ากัปตันมาหา รีบยันตัวลุกขึ้น

“ความฝัน?”

‘นักชีววิทยา’ รายนี้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบก่อนจะตอบ

“ผมอยากศึกษาเกี่ยวกับดิน พืชผล และเทคนิคการผสมข้ามสายพันธุ์อย่างไร้ขีดจำกัด มนุษย์จะได้ไม่ต้องอดอาหาร ทุกคนจะเท่าเทียม สิ่งที่คนหนึ่งทำได้ อีกคนก็ต้องทำได้ สิ่งคนหนึ่งปลูกได้ อีกคนก็ต้องปลูกได้…”

ได้ยินเช่นนี้ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ด้านข้างพยุงตัวนั่งคุกเข่าอย่างเงียบงัน จากนั้นก็อ้าปากและอาเจียน

แฟรงค์·ลีมิได้แยแส

“การจะสร้างโลกแบบนั้น เราต้องมีอาหารและทรัพยากรที่เพียงพอ ผมจึงอยากสร้างสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่เอาตัวรอดได้ในทุกสภาพแวดล้อมและทุกเงื่อนไข… ฮุฮุ… แต่ทุกคนย่อมมีรสนิยมของตัวเอง ผมชอบปลา วัว และเห็ดเป็นพิเศษ…”

พลเรือเอกดวงดาว แคทลียายืนฟังคำตอบของแฟรงค์โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในระหว่างนั้น เธอดันแว่นตาหนาเตอะบนสันจมูกถึงสามครั้ง

หลังจากเงียบงันสักพัก แคทลียาถาม

“งานวิจัยล่าสุด… คุณอยู่ห่างอีกแค่ก้าวเดียวใช่ไหม”

“ใช่… ตอนนี้ขาดแค่แรงกระตุ้นจากพลังของดรูอิด… ถ้าผมยังหาสูตรโอสถไม่ได้ คงต้องให้ชาฟฟ์ช่วยสร้างสมบัติวิเศษจากตะกอนพลังของดรูอิดที่มีอยู่” แฟรงค์ตอบอย่างใจเย็น

“ไม่! ฉันจะไม่ช่วยนาย! ไอ้ปีศาจ!” ชาฟฟ์ที่คุกเข่าอาเจียนเงียบงัน เงยหน้าขึ้นพลางตะโกนด้วยสีหน้าเจือความกังวล

แคทลียายืนมองฉากตรงหน้าโดยไม่กล่าวคำใด ก่อนจะพลิกฝ่ามือพร้อมกับเสกเหรียญทองออกจากความว่างเปล่า

กิ๊ง!

เหรียญทองถูกดีดขึ้นฟ้าและตกลงบนฝ่ามือแคทลียา ด้านที่หงายขึ้นคือ ‘หัว’

“เกอร์มัน·สแปร์โรว์หาสูตรโอสถให้คุณได้แล้ว ราคาห้าพันปอนด์” แคทลียาเล่ารายละเอียด ราวกับต้องการแจ้งให้ชาฟฟ์ทราบว่า ใครคือ ‘คนร้าย’ ตัวจริงของเรื่องนี้

ดวงตาแฟรงค์·ลีพลันท่วมท้นไปด้วยความปีติ

“เขาเป็นคนดีมาก! เอ่อ… กัปตัน ตอนนี้ผมมีเงินเก็บแค่สามพันปอนด์ คุณช่วยออกอีกสองพันปอนด์ให้ก่อนได้ไหม”

เงินออมเกือบทั้งหมดของแฟรงค์ถูกใช้ไปกับตะกอนพลังดรูอิด ถึงขั้นต้องขายสมบัติบางชิ้น

แคทลียาเงียบงันอีกครั้ง จนกระทั่งสองสามวินาทีถัดมา เธอพยักหน้าตอบรับสายตาคาดหวังจากแฟรงค์

“ตกลง”

เขตเหนือ โรงพยาบาลในเครือโรงเรียนแพทย์เบ็คลันด์

ยูโดร่ากำลังนอนบนเตียงโรงพยาบาลด้วยสีหน้าว่างเปล่า ปราศจากความร่าเริงของหญิงสาว

เธอฟื้นจากอาการโคม่าแล้ว แต่ยังไม่ยอมลืมตา ทำเพียงแอบฟังหมอแจ้งกับพ่อแม่ว่า ขาขวาข้างที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศ คงกลับมาเป็นปรกติไม่ได้แล้ว ทางออกเดียวคือการตัดทิ้ง

นับแต่นั้นเป็นต้นมา เธอเอาแต่นอนนิ่งแม้จะมีผู้คนมากมายแวะเวียนมาเยี่ยม จากบรรดาแขกทั้งหมด มิสออเดรย์แห่ง ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ ซึ่งแต่เดิมมาเพื่อเยี่ยมนักเรียนในกองทุนเตียงข้างเคียง ตัดสินใจช่วยออกค่าพยาบาลหลังจากทราบเรื่องของเธอ – อธิการบดีของมหาวิทยาลัยอย่างพอร์ตแลนด์·โมมงต์เองก็สัญญาว่า จะทำขาเทียมรุ่นใหม่ที่ช่วยให้เธอใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปรกติ

แต่เหตุการณ์ดังกล่าวมิได้ขจัดความโศกเศร้าและสิ้นหวังในหัวใจยูโดร่า

เธอยังอายุไม่ถึงสิบแปด ยังไม่ทันได้เป็นสาวงาม ชีวิตของเธอก็สูญเสียขาที่ยาวสลวยซึ่งเคยเป็นความฝัน

ครอบครัวของยูโดร่ามิได้ร่ำรวย บิดาเป็นเจ้าของร้านขายของชำผู้ศรัทธาในวายุสลาตัน เป็นคนหยาบกระด้างและอารมณ์รุนแรง ไม่คิดจะใช้เหตุผลกับผู้หญิง มารดาของเธอทั้งขี้กลัวและร่างกายอ่อนแอ ต้องพึ่งพาเงินจากบิดาในการดำรงชีวิต หากไม่ใช่เพราะเป็นลูกคนเดียว ยูโดร่าคงไม่ถูกส่งเสียให้เล่าเรียน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการบังคับให้เข้าโรงเรียนเทคนิคเบ็คลันด์ซึ่งออกมาทำงานได้เร็ว

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ยูโดร่าพรรณนาถึงความโชคดีที่โรงเรียนเทคนิคเบ็คลันด์ถูกบูรณะใหม่กลายเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเบ็คลันด์ รวมถึงเรื่องที่เธอสอบผ่านและกลายเป็นนักศึกษาเต็มตัว ส่งผลให้ยูโดร่ากลายเป็นหญิงสาวอารมณ์ดีที่มักส่งต่อความสุขให้ผู้คนด้วยบทกวี

ความฝันของยูโดร่าคือการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดิม แต่งงานกับสามีที่เธอรักและรักเธอ ระหว่างนั้นก็ใช้เวลากับบทกวีที่ชื่นชอบ พยายามตีพิมพ์ลงนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์

แต่ปัจจุบัน ทุกสิ่งถูกทำลายด้วยระเบิดที่ตกลงมาจากฟากฟ้า เป็นการบดขยี้อย่างโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ยูโดร่าดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอย่างเงียบงัน ตามด้วยการปล่อยโฮแผ่วเบาราวกับเสียงร้องของลูกสัตว์

เสียงสะอื้นดังขึ้นสักพัก จนกระทั่งยูโดร่าเลิกผ้าห่มลงและเห็นเงารางยืนอยู่ข้างเตียง

ใบหน้ากว่าครึ่งของบุคคลดังกล่าวถูกปกคลุมไปด้วยเห็ด ส่วนอีกครึ่งเป็นหญ้า ในกำลังมือถือไม้เท้าสีไม้

“…” ยูโดร่าร้องไม่ออก หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุหน้าอกออกมา

เงารางดังกล่าวสัมผัสเธอด้วยปลายไม้เท้า

ทันใดนั้น หัวใจของยูโดร่าเริ่มกลับเป็นปรกติ ขาขวาเย็นเยียบอย่างผิดวิสัย ประสาทสัมผัสกลับคืนมาอย่างน่าประหลาด

เมื่อมองไปที่ข้างเตียงอีกครั้ง เงาดำได้อันตรธานหายไปจากจุดที่เคยอยู่

ท่ามกลางความงุนงง ยูโดร่าลองขยับขาขวาและพบว่าปราศจากความเจ็บปวด ประหนึ่งไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน

เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอีกครั้ง

หลายสิบวินาทีถัดมา เสียงสะอื้นอันเปี่ยมไปด้วยความหวาดผวา ปีติยินดี และคลางแคลงดังขึ้นจากใต้ผ้าห่ม

………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset