Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1096 : ร่วมมือ

หลังเที่ยงคืน ทั่วทั้งเบ็คลันด์ยังค่อนข้างมืดและเงียบ มีเพียงแสงไฟตามริมถนน

ไคลน์ในชุดนอนกำลังนั่งบนขอบเตียง จ้องหน้ามิสผู้ส่งสารสี่หัว ลูบหน้าผากถามอย่างอิดโรย

“จากใคร?”

ทำไมโลกถึงไม่ยอมให้ตนได้หลับสบาย?

สามหัวทองตาแดงในมือไรเน็ตต์ ไทน์เคอร์ตอบเรียงกัน

“คนรับใช้…” “ไร้สมอง…” “ของเจ้า…”

เดนิส… หมอนั่นเคยสวดวิงวอนตอนกลางดึก และนี่เพิ่งส่งจดหมายหลังเที่ยงคืน… ไคลน์สูดลมหายใจยาวและพ่นออก จากนั้นก็รับจดหมาย

หลังจากคลี่ออก สีหน้าชายหนุ่มทวีความจริงจัง เพราะเดนิสและแอนเดอร์สันค้นพบแหล่งกบดานของพลเรือโทโรคภัย เทรซี่ ในจังหวะไม่ค่อยดีนัก

จากการอนุมานของไคลน์ ในอีกไม่ช้าแม่มดขาวคาร์เทอริน่าและพลเรือโทโจรสลัดจะได้รับอิสรภาพ นั่นจะทำให้พวกเธอเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยมากขึ้น แต่ปัจจุบัน นักล่าทั้งสองได้เล่นงานสายข่าวของเทรซี่ อีกทั้งยังได้รับอุปกรณ์ติดต่อ ไคลน์เกรงว่าหากเทรซี่รู้เข้าจะแตกตื่นและรีบหนีไป

แน่นอน ไคลน์สามารถขอให้ราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตช่วยเหลือในการล็อกตำแหน่งของพลเรือโทโรคภัยผ่านกระจกเงา แต่ปัญหาคือ ชายหนุ่มสงสัยว่าปลายทางอาจเป็นป้อมปราการสำคัญของนิกายแม่มด หรืออาจเป็นถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ที่เก็บรักษาสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ ดังนั้นต่อให้ล็อกตำแหน่งเทรซี่ได้ แต่ไคลน์ก็ไม่กล้าเทเลพอร์ตไปจับกุมตัวอยู่ดี นอกจากนั้น การล็อกตำแหน่งอาจทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันและเตรียมตัวรับมือ

แต่ถ้าเราไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อติดต่อเธอ ไม่ว่าบัสต์จะอยู่หรือตาย อีกฝ่ายจะพบความผิดปรกติหลังจากรุ่งสาง และนั่นทำให้เทรซี่เพิ่มความหวาดระแวง

ให้ตายสิ… แต่ก็โทษพวกเขาไม่ได้ แอนเดอร์สันกับเดนิสไม่เข้าใจสถานการณ์ดีพอ ไม่ล่วงรู้ข่าวคราวความเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรโลเอ็น… ไตร่ตรองสักพัก ไคลน์พูดกับมิสผู้ส่งสาร

“ช่วยรอสักครู่ ผมจะเขียนตอบ”

เดิมที มันคิดจะเทเลพอร์ตไปหาโดยตรงและกำชับแผนงานอย่างละเอียด แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มเลือกจะเขียนจดหมาย

แม้ว่าไคลน์จะมั่นใจว่าซาราธคงไม่ยุ่งกับเหยื่อที่ดูเหมือนกับดักอย่างเดนิส แต่ชายหนุ่มตัดสินใจไม่ประมาท เพราะการที่ซาราธไม่ลงมือ ไม่ได้แปลว่าคนของลัทธิเร้นลับจะไม่ทำอะไร องค์กรลับขนาดใหญ่แบบนี้ต้องมีครึ่งเทพระดับนักบุญไม่น้อย หากต้องเข้าไปพัวพันคงได้เกิดปัญหาใหญ่

“ตกลง” ศีรษะของไรเน็ตต์ ไทน์เคอร์ที่ยังไม่ได้พูด ตอบสนองพร้อมกับพยักหน้า

ไคลน์ลุกออกจากเตียง เดินออกจากห้องนอน หยิบปากกาและกระดาษมาเขียนอย่างเรียบง่าย

“หาวิธีทำให้บัสต์หมดสติจนถึงช่วงเช้า…”

“จากนั้น รีบออกจากห้องทันที หนีไปให้ไกล ในห้องมีอันตรายร้ายแรงซุกซ่อนอยู่”

“รอจนถึงเช้า คอยจับตามองบัสต์อีกครั้ง แต่คราวนี้อย่าไปรบกวน”

อันตรายที่ไคลน์เอ่ยถึงนั้นกึ่งจริงกึ่งเท็จ จุดประสงค์หลักมีแค่การทำให้แอนเดอร์สันกับเดนิสออกห่างจากจุดเกิดเหตุ

ไคลน์วางปากกาลงและอ่านทวน จากนั้นก็พับกระดาษจดหมายส่งให้ไรเน็ตต์ ไทน์เคอร์ที่เดินตามออกมา

ตีสามสิบนาที เกาะไซรอส ณ ทะเลคลั่ง ห้องนอนบัสต์

เดนิสเพิ่งเก็บกวาดแท่นบูชาเสร็จ ทันใดนั้น มันเห็นผู้ส่งสารสี่หัวที่น่าสะพรึงย้อนกลับมาหา

เกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังไม่มาด้วยตัวเอง… เดนิสเหยียดแขนออกไปรับคำตอบด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตามด้วยการยื่นเหรียญทองให้ผู้ส่งสาร

รอจนกระทั่งสตรีสี่หัวในเดรสสีดำซับซ้อนเลือนหายไป เดนิสคลี่กระดาษจดหมายออกและกวาดตาอ่าน

ม…มีอันตราย! ดวงตาเดนิสพลันเบิกกว้าง รีบวิ่งไปที่หน้าประตูราวกับถูกไฟคลอกร่าง

เมื่อพ้นกรอบประตู มันเห็นแอนเดอร์สันที่กำลังยืนพิงกำแพงโถงทางเดิน คาบบุหรี่แต่ไม่จุด เดนิสรีบโพล่ง

“เร็วเข้า ที่นี่มีอันตราย!”

“…เกอร์มันสแปร์โรว์พูดแบบนั้นหรือ” แอนเดอร์สันผงะเล็กน้อย ก่อนจะถามหลังจากครุ่นคิด

“ใช่… นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้ค้นพบเอง?” เดนิสถามตามความเคยชิน

“นายน่ะหรือ? หึหึ” แอนเดอร์สันหัวเราะในลำคอ ถามกลับผ่อนคลาย “แล้วเขาบอกอะไรอีก?”

“นายไม่กังวลเลยหรือ? เกอร์มันสแปร์โรว์ไม่เคยผิดพลาดในเรื่องแบบนี้” สติเดนิสไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

แอนเดอร์สันเงียบไปสักพัก

“ผู้ส่งสารของเขาแม่นยำยิ่งกว่า… อย่างน้อยในช่วงสองสามนาทีก่อนและหลังเธอจะมาและกลับไป ที่นั่นจะยังปลอดภัย”

เพราะถ้าในห้องมีอันตรายอยู่จริง มันคงหดหัวกลับไปหลังจากได้เห็นผู้ส่งสาร

“…” เดิมที เดนิสอยากโต้แย้ง แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันยอมจำนนตามสัญชาตญาณ

มันเปลี่ยนประเด็น

“เกอร์มันสแปร์โรว์ยังกล่าวด้วยว่า หาวิธีทำให้บัสต์หมดสติจนถึงเช้า ส่วนพวกเราค่อยกลับมาจับตามองในช่วงรุ่งสางโดยห้ามเผยตัว”

“…” แอนเดอร์สันขมวดคิ้ว “เขาคิดจะทำอะไร? หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น รอบตัวบัสต์จะไม่อันตราย?”

ยังไม่ทันที่เดนิสจะได้ตอบโต้ นักล่าอันดับหนึ่งแห่งทะเลหมอกหันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้อง ล้วงหยิบขวดโลหะที่พกติดตัวตลอดเวลา เปิดฝาและนำไปจ่อจมูกบัสต์

“เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ” แอนเดอร์สันมองไปรอบๆ อย่างเปิดเผย ก่อนจะเดินนำเดนิสออกจากห้องของบัสต์

เบ็คลันด์ เขตราชินี ในคฤหาสน์สุดหรูของเอิร์ลฮอลล์

7.25 น. ในตอนเช้า ออเดรย์ตื่นจากภวังค์ฝัน

เธอฝันถึงสายหมอกสีเทาไร้ขอบเขต ฝันถึงเกอร์มันสแปร์โรว์ไหว้วานให้เธอช่วยสะกดจิตใครบางคน ให้อีกฝ่ายหลงลืมทุกสิ่งในช่วงเวลาหกชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องที่มีคนเคยซื้อข้อมูลเกี่ยวกับเกาะลับ

นี่คืองานที่เราต้องทำเพื่อสะสมคะแนนผลงานสำหรับแลกสูตรโอสจอมบงการและตะกอนพลัง… นอกจากนั้น มิสเตอร์เวิร์ลยังระบุว่า เขาจะช่วยบริจาคเงินอีกเจ็ดพันปอนด์สำหรับรับมือภาวะสงคราม… ออเดรย์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อลุกขึ้นจากเตียง รีบสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินอมเขียวทับเสื้อนอนสีขาว

เธอประกอบพิธีกรรมทันทีตามคำขอของเกอร์มันสแปร์โรว์ ตามด้วยการสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อขอรับมอบสิ่งของ

เพียงไม่นาน บานประตูมายาก่อตัวเป็นรูปทรงก่อนจะเปิดออก วัตถุสามชิ้นลอยลงมาบนแท่นบูชา

หนึ่งคือถุงมือหนังมนุษย์แผ่นบาง สองคือกระดาษคำแนะนำสีขาว และสามคือ ปึกธนบัตรที่ไม่มีสายรัด

นี่คือยุบพองหิวโหย? ออเดรย์สำรวจแท่นบูชาเล็กน้อย จากนั้นก็ขอบคุณมิสเตอร์ฟูล

ถัดมา เธอสวมถุงมือและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อกระตุ้นวิญญาณนักท่องเที่ยว

ทันทีที่ถุงมือกลายเป็นสีใส เทวทูตปีกเพลิงสิบสองคู่พลันปรากฏกายเบื้องหน้า

นี่คืออ้อมกอดเทวทูตที่มิสเตอร์เวิร์ลขอให้เรา? มีพลังแทรกแซงการทำนายถึงและคำพยากรณ์ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวตนที่แท้จริงของเราจะไม่ถูกเปิดเผย? ออเดรย์ลืมตาขึ้น เปลี่ยนคำลวงให้กลายเป็นหน้ากากเงินและนำมาสวมบนใบหน้า

จากนั้น หญิงสาวทำการเทเลพอร์ตไปยังพิกัดโลกวิญญาณที่เกอร์มันสแปร์โรว์ระบุไว้

ระหว่างทาง ทัศนียภาพที่แปลกตาแต่งดงาม รวมถึงสัตว์วิญญาณหลากหลายชนิด สร้างความประทับใจให้ออเดรย์อย่างลึกซึ้ง แต่เพียงไม่นานเธอก็ถึงปลายทางโดยที่ไม่มีเวลาดื่มด่ำมากนัก ฉากรอบตัวที่ดูคล้ายภาพสีน้ำมันและริ้วแสงซ้อนทับเลือนหาย สีสันกลับเป็นปรกติ ด้านนอกยังคงมืดสนิท

รู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งที่ได้เข้าสู่โลกเหนือธรรมชาติครั้งแรก… ออเดรย์วิเคราะห์สภาพจิตใจตัวเอง ก่อนจะหันไปสนใจภารกิจภายในห้อง

ชายคนหนึ่งกำลังนอนหมดสติ ประตูกายปัญญาค่อนข้างอ่อนแอ หมายความว่าเป็นคนประเภทที่หลงเสน่ห์ได้ง่าย ต่อให้อีกฝ่ายไม่ได้ใช้พลังพิเศษ

การสะกดจิตไม่ใช่เรื่องยากสำหรับออเดรย์ แต่เพื่อจะย่อยโอสถปัจจุบัน เธอตัดสินใจสะกดจิตผ่านความฝัน

บัสต์ที่ยังนอนไม่ได้สติ เริ่มฝันถึงบางสิ่ง มันได้พบกับสตรีเลอโฉมผู้หนึ่ง บัสต์มองว่าเธองดงามที่สุดในโลก เป็นความงามอันสมบูรณ์แบบระดับเดียวกับพลเรือโทโรคภัย เทรซี่

บัสต์ไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง วิ่งไปมาบนทุ่งกว้าง เนินเขา และยอดเขา แม้จะคว้าเธอไว้ไม่ได้ แต่มันก็หลงลืมทุกสิ่งที่เคยสำคัญ

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ มันตื่นในสภาพอิดโรยพลางตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน: มันเสียเงินก้อนหนึ่งจนอารมณ์เสีย จากนั้นก็ดื่มแลงติร้อนแรงขวดเล็กจนเมาหลับ ท้ายทอยยังคงปวดแปลบเล็กน้อย

ท้ายทอยไปกระแทกอะไรเข้า… บัสต์ใช้มือลูบในตำแหน่งที่ปวด ก่อนจะเดินเข้าไปนอนต่อบนเตียง

สำหรับออเดรย์ที่ทำการสะกดจิตอย่างแนบเนียนและนุ่มนวลด้วยพลังนักท่องฝัน ช่วยเก็บกวาดที่เกิดเหตุตามคำแนะนำของเกอร์มันสแปร์โรว์และกลับไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยที่น่าสงสัย

นี่คือความยอดเยี่ยมของผู้ชมมากประสบการณ์

ถัดมา หญิงสาวเทเลพอร์ตกลับเบ็คลันด์และสังเวยยุบพองหิวโหยคืนมิสเตอร์ฟูล

ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างแนบเนียน โดยที่แม้แต่ผู้วิเศษจากโบสถ์รัตติกาลซึ่งรับหน้าที่ดูแลตระกูลฮอลล์ไม่พบความผิดปรกติ

หลังจากจัดการกับร่องรอยทั้งหมด ออเดรย์สั่นกระดิ่งเพื่อเรียกสาวใช้ด้านนอก

“คุณหนู มีข่าวจากกองทุนการกุศล” สาวใช้ส่วนตัว แอนนี่ กล่าวกับออเดรย์พลางส่งสัญญาณให้สาวใช้คนอื่นแยกย้ายไปทำงาน

“ข่าวอะไร?” ออเดรย์อ่านภาษากายของแอนนี่และพบว่าอีกฝ่ายกำลังฉงน ทึ่ง เหลือเชื่อ ตื่นเต้น และอยากรู้อยากเห็น

แอนนี่ตอบกลับทันที

“มิสยูโดร่าที่ทางแพทย์บอกว่าจำเป็นต้องตัดขา ตอนนี้ขาของเธอหายเป็นปรกติแล้ว ราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นปาฏิหาริย์ทางการแพทย์!”

ออเดรย์เองก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน ในใจพอจะเดาได้อย่างคลุมเครือ แต่เธอยังไม่มั่นใจเพราะไม่มีหลักฐานมากพอ

“นอกจากนั้น ผู้ป่วยหนักในวอร์ดคนไข้ล้วนหายเป็นปรกติทุกคน!” แอนนี่ที่เริ่มตื่นเต้นเกินเหตุ พยายามลดเสียงลง “ดิฉันได้ยินมาว่า… ในโรงพยาบาลตอนกลางคืนจะมีวิญญาณเร่ร่อนที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งเป็นเห็ด และอีกครึ่งเป็นวัชพืช คอยกัดกินโรคภัยไข้เจ็บ แผลใจ และความโศกเศร้า… ดิฉันเองก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเท็จ แต่ฟังดูน่ากลัวมาก”

“เห็ด… วัชพืช…” ออเดรย์ทวนคำด้วยสีหน้ามึนงง

………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset