แคทลียาตกอยู่ในภวังค์นานหลายวินาที เนื่องจากคาดไม่ถึงว่าสุสานลับของจักรพรรดิโรซายล์จะเกี่ยวข้องกับนรก
แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างละเอียด เธอพบว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ตัวตนระดับโรซายล์จะเกี่ยวข้องกับสถานที่แบบนั้น
มีครู่หนึ่งที่แคทลียาภาวนาว่า ขอให้ราชินีไม่ไล่ตามเรื่องนี้อีก แต่ในท้ายที่สุด เธอตัดสินใจพับเก็บความคิดดังกล่าว เพราะถ้าเปลี่ยนเป็นตัวเธอเอง ก็คงตัดสินใจทำในสิ่งเดียวกัน
ท่ามกลางกระแสความคิด เฮอร์มิท แคทลียาก้มศีรษะให้บุคคลในตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาว
“ขอบคุณสำหรับคำตอบ ดิฉันหมดคำถามแล้ว”
เดอะฟูล ไคลน์พยักหน้ารับแผ่วเบา มองไปรอบตัวและกล่าว
“เชิญ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ฟอร์สซึ่งรวบรวมความกล้ามาสักพัก ตัดสินใจ ‘ใส่หมดหน้าตัก’ คล้ายกับกำลังหลับตาและวิ่งเข้าหาความตาย
“มิสเตอร์เวิร์ล ดิฉันอยากจ้างคุณ”
เมื่อเห็นเดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์หันมามอง หญิงสาวรีบอธิบาย
“ภารกิจไม่ซับซ้อน แค่พาฉันไปยังสถานที่แปลกๆ และกลับมารับในอีกสองสามวันให้หลัง… หรือถ้าคุณไม่ว่างจริงๆ … ฉันยินดีจะจ้างให้คุณช่วยแสดงพลัง ‘ท่องเที่ยว’ ต่อหน้าเพื่อทำการบันทึก”
ได้ยินคำจ้างวานจากมิสเมจิกเชี่ยน คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวไคลน์ก็คือ
ผจญภัยสุดขั้วกับแบร์ กริลล์?
ฉันมีสถานที่เหมาะๆ ให้เธอเลือกเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นซากสมรภูมิเทพทางน่านน้ำสุดขอบตะวันออกของทะเลโซเนีย เมืองกัลเดรอนแห่งโลกวิญญาณ หรือจะเป็นเมืองแห่งปาฏิหาริย์ เลฟซิดในการเดินทางของกรอซาย… รับประกันได้เลยว่าทั้งแปลกและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าที่เธอจินตนาการนับร้อยเท่าพันเท่า… แต่น่าเสียดาย มิสเมจิกเชี่ยนคงรับมือกับอันตรายไม่ไหว… ไคลน์ไม่บังคับให้เดอะเวิร์ลตอบทันที ยังคงจ้องหน้ามิสเมจิกเชี่ยนต่อไปอย่างเงียบงัน
ฟอร์สเว้นวรรคพักหายใจ พยายามข่มสติ จากนั้นก็เสริมรายละเอียด
“แค่นี้ค่ะ… ปัจจุบันฉันคือนักบันทึก ลำดับหก แห่งเส้นทางผู้ฝึกหัด ในการจะย่อยโอสถ ไม่เพียงต้องบันทึกพลังพิเศษหลากหลายชนิด แต่ยังต้องบันทึกขนมธรรมเนียม วิวทิวทัศน์ และตำนานท้องถิ่นของสถานที่ต่างๆ … ฉันอยากเป็นนักท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากสงคราม… มิสเตอร์เวิร์ล ตอนนี้ฉันบันทึกพลัง ‘ท่องเที่ยว’ ไว้กับตัวแค่ครั้งเดียว หากใช้มันเดินทางไปไกล เกรงว่าคงจะหาทางกลับไม่ได้… ฉันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วนอกจากต้องพึ่งคุณ… ถ้าไม่สนใจก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสนใจ คุณยินดีรับค่าตอบแทนแบบไหน?”
แบบนี้นี่เอง… ออเดรย์กระจ่างทันที พร้อมกับรู้สึกว่าแนวคิดของฟอร์สช่างยอดเยี่ยม
นอกจากนั้น ฟอร์สยังเป็นนักเขียนนิยายขายดี การได้ ‘บันทึก’ ตำนานและเรื่องเล่าลงบนหนังสือและตีพิมพ์ นั่นคงช่วยให้ความเร็วในการย่อยโอสถเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด… ออเดรย์พยักหน้าเล็กน้อย ยินดีกับเพื่อนสนิทด้วยใจจริง
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ มีหรือที่ออเดรย์จะไม่ทราบว่าฟอร์สกลัวมิสเตอร์เวิร์ลมากเพียงใด เธอแอบคาดหวังความสนุกในตอนที่ทั้งสองได้พบหน้ากันอีกครั้ง
ออเดรย์ นิสัยของเธอแย่มาก! แต่นี่เป็นสัญชาตญาณของผู้ชม… ฮิฮิ… ฟอร์สไม่มีทางรู้ว่า นักผจญภัยเสียสติที่เธอหวาดกลัวจากก้นบึ้ง แท้จริงแล้วเป็นแค่หน้ากากชั้นนอก เนื้อในคือชายหนุ่มจิตใจงดงามและสุภาพอ่อนโยน… เราเองก็ต้องเร่งย่อยโอสถนักท่องฝันเหมือนกัน ด้วยการตระเวนไปตามความฝันของผู้คนในยามค่ำคืน… ออเดรย์ไม่เปลี่ยนสีหน้า เพียงรักษาอากัปกิริยาสำรวจของผู้ชม
แฮงแมน อัลเจอร์ถอนหายใจยาวหลังจากได้ยินคำพูดมิสเมจิกเชี่ยน เพราะแม้แต่ผู้ฝึกหัดที่เคยมีลำดับต่ำคนนี้ ปัจจุบันกำลังพุ่งเป้าไปยังการเป็นลำดับห้า โดยที่ตัวมันจมปลักอยู่ในลำดับ 5 มาสักพักแล้ว
เดอะเวิร์ลกับเฮอร์มิทอยู่ในลำดับสี่… จัสติส เดอะซัน เดอะมูน เดอะสตาร์ ล้วนอยู่ในลำดับ 5 เหมือนกับเรา… หากไม่นับจัดจ์เมนต์ที่เพิ่งเข้าร่วมชุมนุม มีเพียงเมจิกเชี่ยนที่ลำดับต่ำกว่าเรา… อัลเจอร์รู้สึกแน่นหน้าอกอย่างอธิบายไม่ถูก สลัดเท่าไรก็ไม่ออก ใจอยากรีบคว้าโอกาสในการเลื่อนเป็นครึ่งเทพแห่งเส้นทางวายุ ผู้สังเวยภัยพิบัติ โดยเร็ว
มันกระหายตำแหน่ง กระหายพลังอำนาจ กระหายการถูกยกย่อง เคารพนับถือ และเชื่อฟัง นอกจากนั้นยังไม่อยากถูกสมาชิกชุมนุมทาโรต์แซงหน้าไปและทิ้งมันไว้ข้างหลังคนเดียว
อย่างนี้นี่เอง… ไคลน์เริ่มเข้าใจแนวคิดของมิสเมจิกเชี่ยน แต่ทันใดนั้น มันฉุกคิดบางสิ่งได้
สิ่งนั้นคือ ‘อาชีพ’ ของมิสเมจิกเชี่ยน เป็นข้อมูลที่เธอเล่าให้ฟังขณะพูดคุยกับเดอะฟูลในคืนจันทร์เต็มดวง
อดีตศัลยแพทย์ ปัจจุบันนักเขียน!
หืม… หากตำนานที่เราสร้างโด่งดังและแพร่หลายเป็นวงกว้าง นั่นจะยิ่งช่วยย่อยโอสถจอมเวทพิสดารได้หลายระดับ… อา… ยิ่งพอเป็นนิยายที่เน้นด้านการบรรยายให้เกิดความหลอน สยองขวัญสั่นประสาท นั่นจะยิ่งได้ผลดี… เมื่อผุดแนวคิดใหม่ ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลเปิดปาก
“งานจ้างของคุณ สำหรับผมแล้วง่ายมาก… แต่ค่าตอบแทนที่ผมต้องการ อาจจะฟังดูยุ่งยากเล็กน้อย”
หลังจากได้ยินว่ามิสเตอร์เวิร์ลมีแนวโน้มจะช่วย เมจิกเชี่ยน ฟอร์สรีบถามด้วยความตื่นเต้นเจือกังวล
“จะให้ฉันตอบแทนด้วยอะไร?”
เดอะเวิร์ลครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“รวบรวมตำนานภูตผีที่เกิดขึ้นในระยะหลังตามโรงพยาบาลใหญ่ของเบ็คลันด์ จากนั้นก็เขียนลงในหนังสือหรือบนความในหนังสือพิมพ์… เงื่อนไขของผมก็คือ พยายามเขียนให้สยองขวัญและพิสดารมากที่สุด หากกลายเป็นหนังสือขายดีติดอันดับได้ก็จะเยี่ยมมาก”
เหตุผลที่ไคลน์บอกให้เขียนแค่ตำนานสยองขวัญตามโรงพยาบาลใหญ่ในเบ็คลันด์ เพราะมิสเมจิกเชี่ยนเป็นชาวเบ็คลันด์ที่มีเครือข่ายทางการแพทย์ในระดับหนึ่ง การนำตำนานภูตผีมาเป็นวัตถุดิบเขียนนิยายจะไม่ทำให้คนรอบข้างผิดสังเกต แต่ถ้าเกิดเธอเขียนตำนานภูตผีบนเกาะรอสต์ ทะเลหมอก และทวีปใต้ลงไปด้วย เกรงว่าซาราธคงได้ส่งหุ่นเชิดไปเคาะประตูหาถึงบ้าน
ตำนานภูตผีในระยะหลังตามโรงพยาบาลใหญ่ของเบ็คลันด์… หลังจากได้ยินข้อเสนอจากเดอะเวิร์ล จัสติส ออเดรย์พลันตกตะลึงนานเกือบสามวินาที
เดิมทีเธอคิดว่าตำนานดังกล่าวเกิดจากเทคนิคการรักษาลับๆ ของผู้วิเศษสังกัดโบสถ์ ส่วนเห็ดและวัชพืชคือผลข้างเคียงด้านลบของสมบัติวิเศษที่ใช้ในปฏิบัติการ แต่กลับต้องผิดคาด
แน่นอน ออเดรย์เคยสงสัยเล็กๆ ว่าอาจเป็นฝีมือของดอน·ดันเตส เพราะสุภาพบุรุษรายนี้ได้ฟังเธอเล่าถึงคนไข้ที่บาดเจ็บหนักในโรงพยาบาล แถมยังเป็นคนจิตใจงดงาม แต่ในภายหลัง ออเดรย์ค่อนข้างมั่นใจว่าดอน·ดันเตสไม่ได้เคลื่อนไหว ความน่าจะเป็นจึงตกอยู่กับหน่วยพิเศษของศาสนจักรมากกว่า
แต่ในวินาทีนี้ ออเดรย์มั่นใจเกือบเต็มร้อยว่า เทวทูตตัวตลกคือมิสเตอร์เวิร์ล หรือถ้าไม่ใช่ก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
มิสเตอร์เวิร์ลสวมหน้ากากเห็ดและวัชพืช เหมือนกับที่สวมหน้ากากนักผจญภัยเสียสติ… แต่ทำไมถึงต้องแต่งกายแบบนั้นออกไปทำความดี? หรือต้องใช้ความสยองขวัญและหวาดผวาของผู้คนเพื่อย่อยโอสถ? ออเดรย์พึมพำพลางคาดเดา
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด และแฮงแมน อัลเจอร์ ต่างนึกถึงตำนานภูตผี คนหนึ่งเพิ่งแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเหยี่ยวราตรีที่วิหารนักบุญแซมมวล ส่วนอีกคนเพิ่งได้ฟังตำนานสยองขวัญจากลูกเรือ
เห… เราไม่เคยได้ยินข้อเรียกร้องแบบนี้มาก่อน แถมยังไม่ใช่การเขียนชีวประวัติ… แม้ว่าสงครามจะปะทุขึ้น แต่หนังสือพิมพ์และนิยายกลับขายดีขึ้นมากเช่นกัน บรรณาธิการถึงกับเร่งให้เราออกหนังสือเล่มใหม่… อา… ปกปิดตัวตนสักหน่อยดีกว่า คงต้องโน้มน้าวให้บรรณาธิการเปลี่ยนนามปากกาของเรา ข้ออ้างก็คือ นิยายต่างแนวต้องใช้นามปากกาที่ต่างกัน… หลังจากไตร่ตรองเล็กน้อย เมจิกเชี่ยน ฟอร์สมอบคำตอบ
“ตกลง”
เดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์หัวเราะในลำคอก่อนจะกล่าวเสียงแหบพร่า
“ถ้าผลงานออกมาดี ผมจะเปิดโอกาสให้คุณบันทึกพลังครึ่งเทพ”
“…ตกลง!” ฟอร์สสลัดความเกียจคร้านและตอบขึงขัง
สำหรับเธอ การได้บันทึกพลังครึ่งเทพไม่เพียงจะช่วยในการป้องกันตัว แต่ยังช่วยให้โอสถย่อยได้เร็วขึ้น
บทสนทนาดังกล่าวทำให้ออเดรย์ ซิล เลียวนาร์ด และสมาชิกคนอื่น อดไม่ได้ที่จะรำพันคล้ายกันในใจ: นักบันทึกช่างน่าอิจฉา…
หากมีผู้วิเศษระดับครึ่งเทพคอยหนุนหลัง นักบันทึกจะสำแดงพลังได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ด้อยไปกว่าลำดับ 5 เลยสักนิด ในบางกรณีอาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
หลังจากตกลงกันเสร็จ บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความเงียบไปครู่หนึ่ง เนื่องจากชุมนุมทาโรต์ไม่มีความต้องการเพิ่มเติม
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดเพิ่งกลายเป็นจอมอาคมวิญญาณได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้สรุปกฎและกุญแจสำคัญ นอกจากนั้น การเลื่อนลำดับในอนาคตก็คงถูกสนับสนุนโดยศาสนจักร ไม่จำเป็นต้องซื้อสูตรหรือตะกอนพลัง ในส่วนของสมบัติวิเศษ มันเพิ่งซื้อวาจาสมุทรไป และยังสามารถเบิกใช้งานสมบัติปิดผนึกหลังประตูยานิสได้ด้วย
ในระยะหลัง เดอะมูน เอ็มลินมักอ่านบันทึกของผีดูดเลือดเพื่อค้นคว้าเกี่ยวกับดวงจันทร์ เพราะมันอยากดึงพลังของปราชญ์สีชาดออกมาจนถึงขีดสุด สำหรับตะกอนพลังและสูตรโอสถลำดับ 4 ราชาหมอผี เอ็มลินยังไม่ต้องการในช่วงนี้ หรือต่อให้ต้องการ ก็มีเงินไม่พอที่จะซื้ออยู่ดี
เดอะซัน เดอร์ริคเชี่ยวชาญพลังนักบวชแสงแล้วก็จริง แต่ยังห่างไกลจากการเลื่อนลำดับอยู่มาก นอกจากนั้น มันมีตะกอนพลังของลำดับ 4 อย่างผู้เจิดจรัสอยู่ในมือแล้ว
ในทำนองเดียวกับ ออเดรย์และซิลยังไม่ใกล้เลื่อนลำดับ คนหนึ่งกำลังทำงานใช้หนี้มิสเตอร์เวิร์ล ส่วนอีกคนทำงานใช้หนี้ฟอร์ส
สำหรับแฮงแมน อัลเจอร์ มันเป็นคนของโบสถ์วายุสลาตันก็จริง แต่ก็ต้องคอยปกปิดลำดับที่แท้จริงของตัวเอง สถานการณ์น่าอึดอัดสุดขีด หากต้องการเลื่อนเป็นครึ่งเทพ มีแต่ต้องแสวงหา ‘ทางลัด’ จากสงครามเท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใด มันได้รับสูตรโอสถ ‘ผู้สังเวยภัยพิบัติ’ มาจากเดอะเวิร์ลก่อนหน้านี้แล้ว
เฮอร์มิท แคทลียาเพิ่งกลายเป็นครึ่งเทพ ปัจจุบันกำลังศึกษาความลับของศาสตร์เร้นลับในทุกแง่มุม ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากที่สุดก็คือ แม้เพิ่งจะเลื่อนลำดับได้ไม่นาน แต่เมื่อนึกทบทวนความรู้ที่ตนสั่งสมมาตลอดชีวิต เธอกลับพบว่าโอสถปราชญ์พิศวงถูกย่อยไปแล้วหลายระดับ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อมูลที่ได้ฟังภายในชุมนุมทาโรต์!
ช่วงเวลาค้าขายจบลงอย่างรวดเร็ว บรรดาสมาชิกเริ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ
เดอะมูน เอ็มลินมองไปรอบตัวก่อนจะหยุดสายตาที่เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด
“ถ้าคุณเป็นคนของทางการ ในยามศึกสงคราม คุณจะทำยังไงกับนักบวชของศาสนาศัตรูที่อยู่ในพื้นที่? เขาไม่ได้วางแผนที่จะทำเรื่องเลวร้ายหรืออะไรทำนองนั้น”
แม้ว่าเฟเนพ็อตจะยังไม่ได้เปิดศึกกับโลเอ็นโดยตรง แค่เริ่มโจมตีลุนเบิร์ก แต่ยิ่งนานวันเข้า เหล่าสาวกของวิหารฤดูเก็บเกี่ยวก็ยิ่งมองบิชอปยูทรอฟสกี้ซึ่งมีเชื้อสายฟุซัคด้วยสายตาแปลกไป
เดอะสตาร์ เลียวนาร์ดไตร่ตรองสักพักก่อนจะมอบคำตอบ
“คุมขังเชิงป้องกัน”
………………………………….