เอ็มลินเหลือบมองเอียน บีบปลายจมูก ยิ้มและกล่าว
“ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่เข้าใจสินะ อา… คำอธิบายที่ง่ายกว่านั้นก็คือ ช่วยตรวจสอบคนที่มาจากทวีปใต้ โดยเฉพาะที่มาจากที่ราบดวงดาวและหุบเขาเพิร์ธ”
“คุณอยากได้ข้อมูลประเภทไหน? ในเบ็คลันด์มีชาวทวีปใต้เลือดบริสุทธิ์เต็มไปหมด ลักษณะที่คุณเล่ามาคือสิ่งหาได้ทั่วไป” เอียนมิได้โกรธที่ถูกดูแคลน ตั้งคำถามกลับอย่างใจเย็น
เอ็มลินยิ้ม
“ประเภทที่ผิดปรกติ ไม่สมประกอบ เป็นพวกที่บูชาตัวตนลึกลับ คำอธิบายแบบนี้พอจะเข้าใจใช่ไหม?”
“มีคนจากที่ราบสูงและหุบเขาจำนวนมากที่ตรงตามคำอธิบายของคุณ ในเบ็คลันด์ หากไม่ใช่คนรับใช้ คนงาน ก็ต้องเป็นโจรและเข้าร่วมแก๊งอันธพาล รายหลังเต็มไปด้วยพฤติกรรมผิดปรกติ ไม่สมประกอบ และคล้ายกับบูชาตัวตนลึกลับ” เอียนชี้ให้เห็นว่าคำขอร้องของเอ็มลินเข้าใกล้ความเป็นไปไม่ได้
เอ็มลินเตรียมพร้อมไว้แล้ว เผยรอยยิ้มจางๆ พลางพยักหน้าและกล่าว
“ถ้าอย่างนั้น ส่งข้อมูลที่เข้าข่ายทั้งหมดมาให้ผม ทางนี้จะเป็นฝ่ายคัดกรองเอง ค่าจ้างเริ่มต้นห้าสิบปอนด์ จากนั้นก็เพิ่มตามจำนวนข้อมูลที่สำคัญ รายการละยี่สิบปอนด์”
“ใครเสียเปรียบกว่ากันนะ…” เอียนครุ่นคิดสักพัก
สำหรับมัน ลำพังค่าจ้างเริ่มต้นห้าสิบปอนด์ก็หอมหวานพอที่ยอมจะรับงาน เพราะเงินจำนวนนี้สามารถจ้างให้คนจำนวนหนึ่งโหลคอยสำรวจตั้งเขตตะวันออกจนถึงเขตเชอร์วู้ด ระดมการสืบสวนนานกว่าครึ่งเดือนตั้งแต่เช้ายันเย็น
มันไม่สนใจว่าเงินห้าสิบปอนด์จะทำกำไรเท่าไร เพราะหลายคนที่นี่จำเป็นต้องพึ่งพาเอียนเพื่อความอยู่รอด จำเป็นต้องแจกจ่ายงานให้เป็นครั้งคราว ไม่อย่างนั้นคงอดตายและไม่ได้ทำงานในอนาคต
เอ็มลินสบตาเอียน ตามด้วยกล่าว
“แน่นอนว่าต้องเป็นผม… คุณก็น่าจะรู้ว่าผมเชื่อใจได้แค่ไหน”
“ไม่รู้… นักสืบโมเรียตี้ไม่ได้บอก” เอียนพึมพำ ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ได้… การร่วมมือกันครั้งล่าสุดค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ผมขอเชื่อคุณ”
เอ็มลินพยักหน้าพึงพอใจ หยิบกระเป๋าสตางค์และนับธนบัตรออกมาห้าสิบปอนด์
ระหว่างนั้น เมื่อพบว่าเงินออมของมันเหลือ 407 ปอนด์ เอ็มลินลังเลอยู่พักใหญ่
ตอนนี้เหลือสามร้อยเจ็ดสิบห้าปอนด์… มันเพ่งธนบัตรพลางยื่นให้เอียน
มันไม่แช่อยู่นาน สวมหมวกทรงโดม เดินออกจากห้องบิลเลียด ออกจากผับวีรบุรุษ
มาถึงถนน เอ็มลินปล่อยมือออกจากจมูก แหงนหน้ามองฟ้า เห็นเมฆทรงเปลวไฟ มันพึมพำกับตัวเอง
คราวนี้ไม่เห็นวิญญาณอาฆาต… ไปไหนกันนะ?
ฮึ! เอียนแสร้งทำเป็นไม่รู้จักโรงเรียนกุหลาบ แต่หัวใจที่เต้นระรัวของเจ้านั่นกำลังทรยศร่างกาย
นอกจากนั้น เอียนไม่ได้ถามหาเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ไม่ถามด้วยซ้ำว่ากลับถึงเบ็คลันด์แล้วหรือยัง คล้ายกับไม่สนใจใยดีอีกแล้ว… อาจเป็นไปได้ว่า นักสืบเชอร์ล็อกกลับมาถึงเบ็คลันด์แล้ว และได้พบกับเอียนแล้ว?
…
หมู่เกาะรอสต์ เมืองแห่งการให้ บายัม
นอกบ้านใกล้ท่าเรือที่มีโคมไฟผนังประดับอยู่ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาอยู่กับแฟรงค์·ลีผมสีน้ำตาลที่สวมเสื้อพับแขน เดินไปยังมุมเปลี่ยว เฝ้ามองดูร่างหนึ่งโผล่ออกจากเงามืด
ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ผู้ไร้เลือด’ ฮีธ·ดอยล์ที่รับหน้าที่เฝ้าติดตาม ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์ ชายร่างสูงผอมรายนี้มีผิวซีดจนเกือบโปร่งใส คล้ายกับพร้อมล้มลงทันทีหากมีลมพัด
“ช่วงนี้มีอะไรผิดปรกติไหม?” แคทลียาผลักแว่นตาขอบทองบนสันจมูก
ฮีธ·ดอยล์ตอบ
“สามวันหลังจากคุณไป มีคนแปลกหน้ามาเยี่ยมชาฟฟ์เป็นเวลาประมาณสิบห้านาที ผมไม่กล้าเข้าใจเพราะไม่อยากถูกพบตัว… ตามคำสั่งของกัปตัน ผมส่งคนไปสะกดรอยอีกฝ่าย แต่ถูกสลัดหลุด”
“คนแปลกหน้า… หน้าตาเป็นยังไง?” แคทลียาผงกศีรษะรับ
ฮีธ·ดอยล์หยิบเนื้อดิบออกจากกระเป๋าหนังตรงเอว ผิวเนื้อยังเป็นเลือดสด แต่ปราศจากสัญญาณการปนเปื้อน ประหนึ่งของแข็งบริสุทธิ์ก้อนหนึ่ง
ทันทีหลังจากนั้น เนื้อชิ้นดังกล่าวละลายและหยดลงพื้น ดีดดิ้นคล้ายกับมีชีวิต จากนั้นก็วาดเป็นภาพ
“ฉันอยากได้พลังแบบนี้!” แฟรงค์·ลีมองฉากตรงหน้าด้วยดวงตาสั่นระริก ระบายความในใจออกมาโดยไม่ปิดบังความตื่นเต้น
ฮีธ·ดอยล์ที่ถูกต้อง รีบเบือนหน้าหนีตามสัญชาตญาณ ภายในใจนึกอยากวิ่งหนี แต่สุดท้ายก็เอียงตัวเล็กน้อยและชี้ลงพื้น
“ประมาณนี้”
ทันใดนั้น ภาพสีแดงค่อยๆ ทวีความคมชัด เผยให้เห็นใบหน้าที่มีหนวดเครา ใกล้เคียงกับชาวหุบเขาเพิร์ธ จุดเด่นที่ใหญ่ที่สุดคือต่างหูสามอันที่ฝังบนใบหูแต่ละข้าง
“ต่างหูทำจากทองคำ ร่างกายผอมเพรียว ปราศจากไขมันส่วนเกิน เป็นหุ่นของนักกีฬา” ฮีธ·ดอยล์เสริม
แคทลียามองพื้นละตอบ
“หลังจากนั้น?”
ฮีล·ดอยล์พยักหน้าเล็กๆ
“หลังจากนั้นก็ไม่มีใครมาเยี่ยมชาฟฟ์อีกเลย ส่วนบรรดาคนใช้ชั่วคราวและพ่อครัว ผมส่งคนไปตรวจสอบแล้ว แต่ไม่พบความผิดปรกติ… ชาฟฟ์เตร็ดเตร่บนถนนตอนกลางคืนทุกวัน กลับบ้านพร้อมโสเภณีข้างถนนทุกวัน และไม่ปล่อยพวกเธอออกมาจนกว่าจะเช้า… ตัวผมที่คอยสะกดรอยตามตลอด ไม่พบคนแปลกหน้าระหว่างนั้น”
“ทำตัวปรกติมาตลอด?” แคทลียาถามพลางขมวดคิ้ว
ตามความคิดของเธอ การไม่มีปัญหาเลย คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด!
เพราะไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับโรงเรียนกุหลาบฝ่ายนับถือดวงจันทร์บรรพกาล
ฮีธ·ดอยล์พยักหน้ายืนกราน
“ใช่แล้ว”
แคทลียามองไปทางประตูหน้าบ้าน ครุ่นคิดสักพักและพูด
“เดิมที แผนของฉันคือการลอบแทรกซึมเข้าไป ควบคุมชาฟฟ์เป็นการด่วนและพาหนีออกมา หลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝัน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ การเคาะประตูบ้านเข้าไปตรงๆ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
อันตรายที่น่ากลัวที่สุดก็คือ อันตรายที่ไม่รู้ว่ามีอยู่
“กัปตัน ผมจะเข้าไปด้วย” แฟรงค์·ลีที่เอาแต่หมกตัวในห้องทดลองเป็นเวลานาน รู้สึกว่าตนค่อนข้างบกพร่องในหน้าที่รองกัปตัน จึงรีบเสนอตัว
แคทลียาถอดแว่นหนาๆ แขวนไว้บนเข็มขัดของเสื้อคลุมแม่มดสีดำ ตามด้วยพยักหน้า
“ตกลง”
กล่าวจบ เธอออกจากมุมมืด เดินตรงเข้าไปในทางเข้าหลักของบ้าน ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์
เมื่อขยับเข้าใกล้ หญิงสาวแหงนหน้ามองดวงจันทร์สีแดงที่ส่องทะลุผ่านเมฆสูงบนท้องฟ้า งอนิ้วและเคาะประตู
ไม่เพียงไม่ เสียงฝีเท้าดังขึ้น ตามด้วยเสียงเสียดสีของประตู
‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์แทบไม่เปลี่ยนไปจากความก่อน ร่างกายผอม ใบหน้าดำมืด ถุงใต้ตามบวมเล็กๆ มันพยายามยิ้มฝืนๆ ดวงตาสีน้ำตาล
“พลเรือเอก คราวนี้มีอะไร?”
ชาฟฟ์ที่ยืนหน้าประตู บดบังแสงสว่างจากโคมไฟภายในบ้าน จนดูคล้ายกับกำลังจมอยู่ในเงามืด
แคทลียามองหน้าสักพักก่อนจะพูด
“ฉันเปลี่ยนแผน นายต้องมาเป็นลูกเรือของฉัน”
เธอมิได้ขยับเท้าแม้แต่ก้าวเดียว ไม่มีเจตนาจะเข้าไปในบ้าน
สีหน้าของ ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์พลันบิดเบี้ยว น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ทำไม?”
ดวงตาของแคทลียาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา กล่าวเชื่องช้าและหน้านิ่ง
“เพราะฉันคือโจรสลัด”
โจรสลัดไม่ต้องมีเหตุผลในการช่วงชิง แค่ทำตามใจปรารถนา
กล้ามเนื้อบนใบหน้าชาฟฟ์พลันกระตุก ยิ้มฝืนๆ ด้วยดวงตาสีน้ำตาลอีกครั้ง
“ผมเป็นลูกเรือให้คุณได้ก็จริง แต่ด้วยฐานะช่างฝีมือ ผมเหมาะจะอยู่ในเมืองใหญ่มากกว่า”
“เห็นด้วย” แคทลียากล่าวทำลายแรงต้าน “แต่ก่อนหน้านั้น นายต้องขึ้นมาบนอนาคตกาลและอยู่กับพวกฉันสักพัก”
สีหน้าชาฟฟ์ค่อยๆ สงบนิ่ง ตอบเสียงล่องลอย
“ผมกลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้… ผมมีความต้องการเรื่องอย่างว่ารุนแรงทุกวัน”
“ต้องการสืบพันธุ์อย่างรุนแรง?” แฟรงค์·ลีที่ยืนข้างๆ ถามด้วยดวงตาส่องประกาย
ชาฟฟ์ผงะ ตอบสนองไม่ถูกไปสักพัก
แฟรงค์หันไปมอง ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาทันที ซักถามตื่นเต้น
“กัปตัน เขาจะกลายเป็นผู้ช่วยในห้องทดลองของผมใช่ไหม? ผมชอบเขามาก!”
แคทลียาเงียบงันหลายวินาที พยักหน้าเล็กๆ และตอบ
“ถูกต้อง”
แฟรงค์เผยรอยยิ้มอ่อนโยนทันที ยื่นมือขวาออกไปหา ‘ช่างฝีมือ’ ชาฟฟ์
“ยินดีที่ได้รู้จัก ขอแนะนำตัวเอง ฉันคือรองกัปตันอนาคตกาล แฟรงค์·ลี”
สีหน้าของชาฟฟ์กลับเป็นปรกติ จับมืออีกฝ่ายพลางถามด้วยความสงสัย
“ผมจะได้อยู่บนเรือแค่ครู่เดียวจริงๆ หรือ?”
“ฉันขอใช้ชื่อเสียงตัวเองเป็นหลักประกัน” แคทลียาตอบด้วยแววตาจริงใจ จากนั้นเสริมเงียบๆ
แค่ครู่เดียว ราชินีเงื่อนงำก็จะจัดการนายด้วยตัวเอง…
“ตกลง… ยังไงเสีย ผมก็สู้พวกคุณไม่ได้อยู่แล้ว” ชาฟฟ์ยักไหล่ “ขอเก็บของสักครู่”
จากนั้น มันถอยหลังสองก้าว หันหลังและเดินไปยังส่วนลึกของห้องโถง
ขณะเดิน มันชะงักฝีเท้ากะทันหัน ย้อนกลับมามองแคทลียาและแฟรงค์:
“แสงจันทร์คืนนี้งดงามเหมือนเคยเลยนะ… ว่าไหม?”
โดยไม่รอคำตอบ มันเดินตรงไป หายตัวไปจากบันไดขั้นบนสุด
ทันใดนั้น สีหน้าแคทลียาเผยความเคร่งขรึม
หลังจากที่ชาฟฟ์เปิดประตู เธอพบความผิดปรกติบางอย่างกับอีกฝ่าย
หากเป็นชาฟฟ์เมื่อก่อน ร่างวิญญาณจะเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา แต่ปัจจุบันกลับเป็นแฝดตัวติดกัน!
‘แฝดตัวติดกัน’ ได้รับแสงจากดวงจันทร์และขยายขนาดอย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เราจัดการไหว… ต้องเขียนจดหมายถึงราชินี และต้องไม่ลืมบอกข้อเสนอของเกอร์มัน·สแปร์โรว์… แคทลียาถอนหายใจเงียบ เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
บนท้องฟ้าสูง เมฆแผ่นบางเผยให้เห็นพระจันทร์สีแดงสดใสและเงียบสงบ
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตฮิลสตัน สโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออก
ดอน·ดันเตสและส.ส. มัคท์ต่างลงจากรถม้าของตัวเอง เดินเข้าไปห้องโถงพร้อมกัน