Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1115 : ภายในวัง

โครงกระดูกรูปร่างมนุษย์สองคน คนหนึ่งสูงไม่เกิน หนึ่งจุดเก้า เมตร อีกคนสูงไม่เกิน หนึ่งจุดแปด เมตร มองผิวเผินอาจดูธรรมดา แต่ฉากตรงหน้าสร้างแรงกระเพื่อมภายในจิตใจไคลน์บนสายหมอกอย่างรุนแรง

ในวินาทีนี้ ชายหนุ่มรู้สึกราวกับได้ย้อนไปเมื่อครั้งได้เห็น ‘รังไหม’ และบานประตูแห่งแสงครั้งแรก แต่อารมณ์แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

นี่มัน…ไม่ใช่ศพของคนยักษ์ แต่เป็นมนุษย์…ราชาคนยักษ์เออเมียร์มีพ่อแม่เป็นมนุษย์? ดวงตาไคลน์พลันเบิกกว้าง ราวกับต้องการรับแสงเพิ่มขึ้นเพื่อให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน

แต่ไม่ว่าจะพยายามสำรวจตรวจสอบสักเพียงใด มันก็ไม่พบร่องรอยของคนยักษ์บนกระดูกสีเทาทั้งสอง

แขนขาเหมือนมนุษย์ แถมยังมีสองเบ้าตาบนกะโหลก ไม่มีทางเป็นคนยักษ์ในวัยเยาว์แน่!

หลังจากความเงียบปกคลุมสักพัก ไคลน์ลดมือข้างที่ถือคทาเทพสมุทรลงพร้อมกับผุดความคิดหนึ่ง

ถ้าไม่ได้เป็นพ่อแม่คนละสายเลือด…ก็ต้องแปลว่ามนุษย์คือต้นตระกูลของคนยักษ์…หรือว่าในยุคสมัยที่หนึ่งซึ่งวุ่นวายและบ้าคลั่ง มนุษย์บางคนผสานเข้ากับตะกอนพลังจนกลายเป็นคนยักษ์ที่โหดร้าย กระหายเลือด บ้าสืบพันธุ์ และไร้เหตุผล? โดยในภายหลัง ลูกหลานของคนเหล่านั้นสืบทอดลักษณะทางกายภาพของคนยักษ์จากรุ่นสู่รุ่น แต่ในทางกลับกัน ลูกหลานคนยักษ์ก็มีสติมากขึ้น กลายเป็นเพียงคนยักษ์ที่ป่าเถื่อนและกระหายเลือด…ในหมู่คนยักษ์เหล่านั้น เออเมียร์เป็นกลุ่มแรกที่กลายพันธุ์ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ท่านผู้นั้นกลายเป็นเทพบรรพกาลสำเร็จ? หรือว่านี่คือตำนานที่แท้จริงของพระผู้สร้างต้นกำเนิดเหมือนกัน?

หลังจากเปลี่ยนให้ข้อสันนิษฐานกลายเป็นทฤษฎี ไคลน์เริ่มผุดคำถามใหม่

ทำไมราชาคนยักษ์ถึงกำหนดให้ป่าเสื่อมโทรมกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามและไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตใดผ่านเข้าออก?

ท่านไม่อยากให้มีใครรู้ว่า แท้จริงแล้วมนุษย์คือต้นกำเนิดของคนยักษ์?

แต่ถ้าต้องการทำแบบนั้นจริง แค่เผากระดูกของพ่อแม่ก็สิ้นเรื่อง ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องยุ่งยากขนาดนี้…นอกจากนั้น ความรู้สึกที่ต้องการปกป้องอย่างแรงกล้านั่นมันอะไร?

แล้วใครเป็นคนเปิดฝาหลุมศพ? เทพสุริยันบรรพกาลผู้ฆ่าราชาคนยักษ์? เทพแห่งรุ่งอรุณ บาร์ดไฮเออร์? หรือเทพรับใช้ตนอื่นภายในวังราชาคนยักษ์?

นอกจากนั้น ถ้าบรรพบุรุษของคนยักษ์คือมนุษย์ แล้วเผ่าพันธุ์กึ่งมนุษย์อื่น ๆ อย่างเอลฟ์กับผีดูดเลือดล่ะ? แล้วบรรพบุรุษของมหามังกรคือกิ้งก่าหรือไง?

นี่คือสาเหตุที่ขั้วอำนาจเผ่าพันธุ์กึ่งมนุษย์ กับวางตัวเป็นอริเผ่าพันธุ์อื่นในช่วงต้นและกลางยุคสมัยที่สอง?

เนื่องจากขาดเบาะแสและข้อมูล ไคลน์จึงไม่กล้าฟันธง ทำได้เพียงสลัดความคิดฟุ้งซ่านและให้ความสนใจกับทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์

ในเวลาเดียวกัน นักล่าปีศาจ โคลินนำทางโลเฟียร์ เดอร์ริค และคนที่เหลือเดินไปยังหน้าป้ายหลุมศพ

พวกมันตกอยู่ในความเงียบงันที่ยากจะบรรยายเป็นเวลานาน

จนกระทั่งโจชัวผู้สวมถุงมือสีแดง ซักถามด้วยความลังเล

“นี่คือพ่อแม่ของราชาคนยักษ์?”

ในสายตาของเหล่า ‘อัศวินรุ่งอรุณ’ แห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ ศพทั้งสองมีส่วนสูงไม่เหมือนกับคนยักษ์ แถมยังเตี้ยกว่าพวกตนในช่วงโตเต็มวัย

หรือถ้าจะสมมติให้เป็นคนยักษ์วัยเยาว์ สัดส่วนของร่างกายและใบหน้าก็ยังไม่ถูกต้อง

คำถามของโจชัวดังก้อนกังวาน แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ

ผ่านไปหลายวินาที นักล่าปีศาจโคลินกล่าวเชื่องช้า

“นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ต้องเก็บเป็นความลับ”

มันมิได้เล่าการคาดเดาและทฤษฎีของตน

“…หมายความว่า แท้จริงแล้วคนยักษ์เป็นมนุษย์ประเภทหนึ่งที่ผสานเข้ากับตะกอนพลัง?” แอนเทียน่าเจ้าของผมสีไวน์แดงกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

บรรพบุรุษของคนยักษ์คือมนุษย์? เดอร์ริคตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปสักพัก มันรู้สึกว่าความแตกต่างของทั้งสองเผ่าพันธุ์มีมากเกินไป

ท่ามกลางกระแสความคิด เด็กหนุ่มนึกถึงพวกพ้องที่เกิดคลุ้มคลั่ง โดยเฉพาะเส้นทางคนยักษ์ และเริ่มมองว่าทฤษฎีดังกล่าวมีโอกาสเป็นจริง

ผู้คลุ้มคลั่งส่วนมากมักมีร่างกายใหญ่โต ผิวหนังเป็นสีเทาอมน้ำเงิน หว่างคิ้วแยกออกจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่คล้ายกับจะดูดกลืนดวงตาทั้งสองข้างเข้าไป

“เป็นไปได้…” นักล่าปีศาจโคลินตอบกระชับ

สมาชิกทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์จมอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

ท่ามกลางบรรยากาศดังกล่าว เดอร์ริคชำเลืองไปทางอาวุโสโลเฟียร์และพบว่า คนเลี้ยงแกะรายนี้ยังคงมีสีหน้าเงียบเฉย ไม่สับสนหรือครุ่นคิด

นักล่าปีศาจโคลินมองไปรอบตัวและกล่าว

“แบ่งกลุ่มทีมละสองสามคน แยกย้ายกันค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียง”

สมาชิกทีมสำรวจตื่นจากภวังค์และกลับมาได้สติ รีบตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงอย่างระมัดระวังตามคำสั่ง

แต่น่าเสียดายที่ป่าเสื่อมโทรมแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากต้นไม้ ป้ายหิน และหลุมศพ

เดอร์ริคและฮาอิมรีบสับเปลี่ยนสมบัติปิดผนึกระหว่างกัน เพื่อมิให้ไม้กางเขนเจิดจรัสขับตะกอนพลังของเดอร์ริคออกจากร่าง

จากนั้น ทุกคนเดินตามนักล่าปีศาจโคลินออกจากป่าเสื่อมโทรม ข้ามหินก้อนมหึมาที่ยื่นออกจากกำแพงภูเขา จนกระทั่งพบปากถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสูงถึงสามสิบเมตร

ด้านนอกถ้ำมีแผ่นศิลาแตกกระจัดกระจาย วัชพืชงอกเงยปกคลุม

ท่ามกลางแสงสนธยาสีส้ม บรรยากาศที่นี่มอบความรู้สึกทรุดโทรมเหนือพรรณนา

เมื่อเข้าไปด้านในถ้ำ ทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์ลัดเลาะไปตามผนังหินที่ผุกร่อนและเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรม บนพื้นเป็นหญ้าแห้งสลับกรวดหยาบ ทุกคนทำการสำรวจอย่างระมัดระวัง

ทุกย่างก้าวมอบความรู้สึกประหนึ่งสัญญาณชีพทวีความอ่อนแอและค่อย ๆ เลือนหาย

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์ได้พบกับบานประตูสีเทาน้ำเงินที่เปิดค้างไว้

สองฝั่งของประตูเต็มไปด้วยเศษเหล็กสีดำกระจัดกระจาย คล้ายกับเคยเป็นชุดเกราะบางอย่าง

“เคยมีองครักษ์อยู่ที่นี่” นักล่าปีศาจโคลินกล่าวห้วน ๆ จากนั้นก็หยิบขวดยาออกมากระดกดื่ม

ดวงตาสีฟ้าอ่อนถูกฉาบด้วยแสงสีเหลืองในพริบตา รูม่านตาผุดสัญลักษณ์สีเขียวเข้มที่ซับซ้อน

หลังจากตรวจสอบประตูสีเทาน้ำเงินจนมั่นใจ มันพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องโถงมืด

ทุกคนเดินผ่านกรอบประตูเข้าไปด้วยความใจเย็น และเมื่อถึงด้านใน ราวกับห้องโถงแห่งนี้ถูกมือล่องหนดันจากข้างใต้ ห้องทั้งห้องถูกยกลอยขึ้นพร้อมกับเสียงเสียดสีดังกึกก้อง

สิบวินาทีถัดมา ห้องโถงหยุดความเคลื่อนไหว ด้านหน้าประตูกลายเป็นฉากพระราชวังอันงดงามที่ถูกค้ำจุนด้วยเสาหินเรียงราย ดูคล้ายกับเป็นเขตพักอาศัยของเหล่าองครักษ์

เดอร์ริคเหลียวซ้ายแลขวาตามจิตใต้สำนึก ดวงตากวาดไปทั่วห้องโถงจนพบกับจิตรกรรมฝาผนังสองภาพซึ่งมีกลิ่นอายความโบราณ

ตัวเอกของภาพแรกสวมชุดเกราะสีเงินเต็มอัตราศึก ร่างกายเปล่งแสง ดวงตาหนึ่งดวงส่องแสงรุ่งอรุณ ส่วนอีกภาพหนึ่ง ตัวเอกเป็นคนยักษ์เพศหญิงเจ้าของผมยาวสีน้ำตาลเข้ม สวมกระโปรงหนังยาวใต้เกราะหนัง มือข้างหนึ่งถือรวงข้าว อีกข้างถือผลไม้ รายล้อมด้วยทุ่งนา ทะเลสาบใส ต้นไม้ที่ผลิดอกออกผล และเห็ดสีสันสดใส

เทพแห่งรุ่งอรุณ บาร์ดไฮเออร์…เทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยว โอมีเบล่า…เดอร์ริคพยักหน้าอย่างมั่นใจ

เด็กหนุ่มถอนสายตากลับและพบว่า เจ้าเมืองกำลังเพ่งมองภาพจิตรกรรมของเทพธิดาแห่งการเก็บเกี่ยวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่แปรเปลี่ยน

ท่านเจ้าเมืองกำลังหวังให้เมืองเงินพิสุทธิ์ ‘เก็บเกี่ยว’ ได้อย่างอุดมสมบูรณ์? เดอร์ริคครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็ทำตามคำสั่งของคนเลี้ยงแกะ อาวุโสโลเฟียร์ รวมทีมกับสมาชิกคนอื่นเพื่อค้นหาสิ่งของล้ำค่าและทางลับที่อาจซ่อนอยู่

ราวเจ็ดแปดนาทีถัดมา ทุกคนกลับมารวมตัวและเดินตามเจ้าเมืองโคลิน·อีเลียดไปที่ประตูห้องโถง

โคลิน·อีเลียดเสียบดาบสองเล่มเข้าไปในช่องว่างระหว่างแผ่นหินด้านหน้า จากนั้นก็เหยียดแขนออกไปผลักบานประตูทั้งสองฝั่ง อาศัยการออกแรงเพียงครั้งเดียว บานประตูถูกเลื่อนเปิดพร้อมกับเสียงเสียดสี

แสงสีส้มอมแดงของยามเย็นส่องผ่านเข้ามาอย่างเงียบงัน ฉากของพระราชวังที่ทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์เคยเห็นถูกฉายในดวงตาอีกครั้ง

เมื่อความยิ่งใหญ่อลังการ สง่างาม โอ่โถง และมหัศจรรย์ราวกับเรื่องเล่าในตำนานถูกฉายในระยะใกล้ บรรยากาศและอารมณ์ทุกชนิดก็ยิ่งทวีความเข้มข้นและน่าตื่นตะลึง ส่งผลให้ทุกคนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ปล่อยจิตใจดำดิ่งไปกับทัศนียภาพตรงหน้า

ไคลน์เหนือสายหมอกสีเทาก็เช่นกัน

ที่นี่คือวังราชาคนยักษ์

ดินแดนทวยเทพที่แท้จริง

ราวสิบวินาทีถัดมา นักล่าปีศาจโคลินตั้งท่าดาบพร้อมกับหมุนตัวครึ่งรอบไปสนทนากับคนเลี้ยงแกะโลเฟียร์

“ตรวจสอบฝั่งซ้ายขวาให้ละเอียด ผมมองเห็นสถานการณ์ด้านนอกได้ไม่ชัดเจนนัก”

สัญลักษณ์สีเขียวเข้มในดวงตามันค่อย ๆ จางลง

โลเฟียร์อืมในลำคอพร้อมกับเดินไปข้างหน้าสองก้าวจนถึงประตู

ด้านนอกเป็นพื้นยกสูง สองฝั่งซ้ายขวาเป็นบันได ราวบันไดทำจากเสาหิน ปากประตูหันหน้าเข้าหาอาคารที่สูงที่สุดในแถบนี้ อาคารหลังดังกล่าวมีบานประตูสีเทาอมฟ้าขนาดมหึมา สลักลวดลายและสัญลักษณ์ลึกลับทั้งสองฝั่ง ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก

ทั้งทางเดิน บันได และสิ่งก่อสร้างชนิดอื่นล้วนเชื่อมโยงเข้ากับพระราชวังและหอคอยจนเกิดเป็นภาพที่งดงาม

ผมสีเงินอมเทาที่หยักศกตอนปลายของโลเฟียร์ลอยขึ้น ทันใดนั้น ก้อนหินบนพื้นที่กำลังอาบแสงสนธยา นูนขึ้นและก่อตัวกลายเป็นตุ๊กตาสีเทา

ตุ๊กตาดังกล่าวปราศจากพลังวิญญาณ มันก้าวไปทางซ้ายราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกเชิด

มันเดินลงบันไดโดยอาศัยแสงสีส้มช่วยนำทาง

ทันใดนั้น ร่างของมันหยุดชะงักพร้อมกับมีแสงสีเงินระเบิดออกจากภายใน แปรสภาพกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

คนเลี้ยงแกะโลเฟียร์มิได้ประหวั่น ทำแบบเดิมทุกประการ เสกตุ๊กตาขึ้นจากพื้นหินและสั่งให้เดินไปทางขวา

คราวนี้ตุ๊กตาเดินไปจนกระทั่งสุดทางบันไดและหยุดอยู่หน้าประตูวังด้านล่างโดยไม่เกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง

นักล่าปีศาจโคลินที่เฝ้ามองกระบวนการทั้งหมดอย่างใจเย็น กล่าวกับทุกคน

“พวกเราจะไปทางขวา แต่ห้ามประมาทเด็ดขาด”

แม้จะว่ามันจะไม่สัมผัสถึงอันตราย แต่การที่พลังพิเศษของตนมองไม่เห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนก็บอกเป็นนัยว่า ภายในนั้นอาจมีปัญหาซุกซ่อน

ด้วยคำเตือนดังกล่าว สติของเดอร์ริคและคนที่เหลือต่างตึงเครียด ทุกคนจับกลุ่มสามคนและเดินลงไปเพื่อคอยระวังอันตรายให้กันและกัน

ระหว่างเดินลงไปตามบันไดสูง โจชัวผู้สวมถุงมือแดง ได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนดังมาจากด้านหลัง

คล้ายกับมีคนคอยสะกดรอยตามอย่างเชื่องช้าและเงียบเชียบ

และถึงแม้จะเห็นอาวุโสโลเฟียร์เดินตามหลังมาในระยะที่ห่างออกไป แต่โจชัวก็มั่นใจว่าฝีเท้าไม่ได้มาจากหล่อน

โจชัวที่เย็นวาบไปถึงสันหลัง ตะโกนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ผมได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง”

โลเฟียร์รีบหันไปมอง จากนั้นก็เสกอัศวินสีเงินสูงห้าเมตรขึ้นตรงหน้าและจ้องไปทางแผ่นหลังโจชัวด้วยดวงตาสีแดงก่ำราวกับเปลวไฟ

สองสามวินาทีถัดมา อาวุโสคนเลี้ยงแกะ โลเฟียร์ ส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น”

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset