เหนือสายหมอกสีเทา หลังจากเห็นทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์เริ่มเดินทางกลับ และวังราชาคนยักษ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ชายหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยท่าทีอิดโรย
หลังจากรับชมถ่ายทอดสดนานเกือบสองชั่วโมง พลังวิญญาณของมันใกล้ถึงขีดจำกัด ทนได้อย่างมากไม่เกินสิบห้านาที
“การสำรวจคราวนี้ทำกำไรเหนือจินตนาการของเราไปมาก…เหมาะสมแล้วที่จะมอบสูตรโอสถอัศวินสีเงินให้เมืองเงินพิสุทธิ์” ไคลน์ลูบหน้าผากพร้อมกับใช้ความคิด “อา…ด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น เราคงย่อยโอสถปราชญ์โบราณทันทีที่ดื่มเข้าไป…แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันเรายังย่อยโอสถจอมเวทพิสดารไม่เสร็จ”
พิจารณาจากการตอบรับในช่วงที่ผ่านมา ข่าวลือเกี่ยวกับตำนานภูตผีช่วยได้มากทีเดียว…หากมิสเมจิกเชี่ยนเขียนนิยายเสร็จและตีพิมพ์เมื่อใด ใช้เวลาบ่มเพาะสักพักก็น่าจะสมบูรณ์…
แต่เธอเพิ่งเริ่มเขียนได้แค่ไม่กี่วัน ต้นฉบับจะเสร็จตอนไหน…
ทำไมเธอถึงไม่ทำงานหนักขึ้นอีกวันละสองสามชั่วโมง?
ครั้งหน้าที่ไปรับ เราจะกำชับเรื่องนี้…
ทันใดนั้น ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งได้ นั่นคือเรื่องที่มันยังค้างค่าตอบแทนของแอนเดอร์สันในภารกิจระบุตำแหน่งพลเรือโทโรคภัย
รอให้หมอนั่นช่วยเดนิสกลายเป็น ‘นักวางแผน’ ก่อนก็แล้วกัน…นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา…พิธีกรรมเลื่อนลำดับของ ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ นั้นไม่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะกับ ‘นักล่า’ …ต้องใช้นักล่าที่เก่งกาจการยั่วยุและวางแผน สร้างทีมด้วยสมาชิกอย่างน้อยสามสิบคนและสร้างมิตรภาพร่วมกัน พัฒนาให้ทุกคนแข็งแกร่ง ร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เมื่อถึงระดับที่มองตาก็รู้ใจ ให้ดื่มโอสถเข้าไป…ยิ่งทีมแข็งแกร่งและมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากเท่าใด ประสิทธิภาพของพิธีกรรมก็ยิ่งยอดเยี่ยม…
เมื่อเห็นทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์เดินทางกลับอย่างปลอดภัยมาได้สักพักระยะ ไคลน์ตัดสินใจออกจากมิติเหนือสายหมอก ทิ้งตัวเองลงบนเตียงและหลับฝันดี
…
ในค่ายหมู่บ้านยามบ่าย หลังจากพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ในที่สุดสีหน้าของเดอร์ริคก็กลับมามีกำลังวังชา ไม่ซีดเผือดอีกต่อไป
ขณะกำลังกินขนมปังหญ้าผิวดำ ร่างหนึ่งโผล่ขึ้นจากเงาด้านนอกประตูและกล่าวเสียงแผ่ว
“เดอร์ริค เจ้าเมืองเรียกพบ”
“ครับ” เดอร์ริคยืนขึ้นตามสัญชาตญาณ “ขอบคุณครับ”
มันเตรียมใจจะเข้าพบเจ้าเมืองและส่งมอบสูตรโอสถอัศวินสีเงินอยู่แล้ว
หลังจากผู้ส่งสารกลับเข้าไปในเงามืด เด็กหนุ่มเดินออกจากประตูห้องพักและตรงมายังลานกว้างภายในค่ายที่มีกองไฟสว่าง
เดอร์ริคเห็นสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมทีมสำรวจวังราชา จับกลุ่มสองสามคนและพูดคุยบางสิ่งด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ทุกคนได้ทราบแล้วว่า สามารถมองเห็นทะเลได้จากวังราชาคนยักษ์ นั่นแปลว่าทะเลต้องอยู่ไม่ไกล หากค้นพบเส้นทางที่ถูกต้องก็สามารถไปถึงได้ในเวลาอันสั้น
นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการต่อลมหายใจของเมืองเงินพิสุทธิ์ นับตั้งแต่การค้นพบคนนอกอย่างแจ็ค
ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ซึ่งถือครองเส้นทางที่ใช้พลังรุ่งอรุณเป็นหลัก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงแห่งรุ่งอรุณของจริง
ความอดทนและการรอคอยอันยาวนาน ในที่สุดก็ผลิดอกออกผล
เดอร์ริคเข้าใจหัวอกของทุกคน เพราะมันก็เคยคิดแบบเดียวกัน ทว่า หลังจากได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ซากสมรภูมิเทพ’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เด็กหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าการเดินทางไปอีกฟากหนึ่งของทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย
เหนือสิ่งอื่นใด การที่เทวทูตมืด ซาสเรียหลับใหลอยู่ในวังพำนักของราชาคนยักษ์และปิดกั้นเส้นทางสำคัญ คือปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในปัจจุบัน
ได้แต่หวังว่ามิสเตอร์ฟูลจะอวยพร…อา…แม้แต่เด็กชายแจ็คก็ยังเข้ามาถึงซากปรักหักพังของวิหารได้ หมายความว่ายังมีเส้นทางเข้าออกอื่นนอกจากวังราชาคนยักษ์อยู่…เดอร์ริคแอบหวังเล็ก ๆ พลางเดินอ้อมกองไฟไปยังห้องเจ้าเมืองที่อยู่อีกฝั่ง
ทันใดนั้น มันเห็นใครบางคนกำลังนั่งเงียบใต้เงาก้อนหินใหญ่
เป็นชายวัยยี่สิบ สูงกว่าเดอร์ริคมาก ถือกำไลข้อมือสีทองที่ห้อยกระดิ่งเล็กสามใบ ดวงตากำลังเหม่อลอย
เดอร์ริคจำหน้าได้ เพราะอีกฝ่ายคือสามีของแอนเทียน่า โดโลเรส อัศวินรุ่งอรุณลำดับ 6
ในเมืองเงินพิสุทธิ์ ก่อนอายุสิบแปด ทุกคนสามารถมีความรักได้อย่างอิสระ แต่หากอายุถึงสิบแปดแล้วยังไม่ได้แต่งงาน จะถูกจัดแจงให้แต่งงานกับเพศตรงข้ามทันที เช่นเดียวกันกับพ่อหม้ายแม่หม้ายที่เป็นโสดเกินกว่าสามปี
นี่คือมาตรการสำหรับรักษาจำนวนประชากร แม้จะฟังดูขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน แต่สำหรับเมืองเงินพิสุทธิ์ที่ต้องดิ้นรนในความมืด พวกมันไม่มีทางเลือกมากนัก แถมวิธีนี้ยังช่วยให้ทุกคนมีเครือญาติที่ค่อนข้างใหญ่ ลดโอกาสตายโดยไม่ถูกญาติฆ่าจนกลายเป็นวิญญาณมาร
โดโลเรสและแอนเทียน่าเป็นเพื่อนบ้านบนถนนเส้นเดียวกัน รู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเสมอ จนกระทั่งตกลงคบหากันหลังจากเข้าร่วมภารกิจลาดตระเวนในทีมเดียวกัน และในภายหลังได้พัฒนาไปเป็นสามีภรรยา
เนื่องจากเห็นว่าลูกยังเล็ก โคลิน·อีเลียดจึงทิ้งหนึ่งคนไว้ในค่าย และให้อีกหนึ่งคนเข้าร่วมทีมสำรวจวังราชาคนยักษ์
ในแง่หนึ่ง เดอร์ริคไม่มีปัญหากับการจัดทีมของเจ้าเมือง แต่อีกแง่หนึ่งก็รู้สึกเศร้าเมื่อได้เห็นท่าทีที่โดโลเรสแสดงออก ราวกับมองเห็นตัวเองเมื่อครั้งต้องฆ่าพ่อแม่กับมือ
นับตั้งแต่ออกเดินทางจนกระทั่งกลับถึงค่าย ระยะเวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน แต่สำหรับโดโลเรส ชีวิตของมันพลิกผันโดยสิ้นเชิง
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เดอร์ริคถอนสายตากลับและเดินต่อ ย่างก้าวหนักแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
พร้อมกันนั้น มันฉุกคิดถึงข่าวลือในอดีต:
คนเลี้ยงแกะโลเฟียร์เคยมีสามี แต่เสียชีวิตระหว่างภารกิจสำรวจ เดิมที เรื่องทำนองนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและไม่ควรค่าแก่การรื้อฟื้น แต่สิ่งที่พิเศษออกไปก็คือ ทีมสำรวจซากปรักหักพังทุกคนที่กลับมาพร้อมกับเธอ ในภายหลังได้กลายเป็นบ้าทั้งหมด ส่งผลให้มีข่าวลือประหลาดแพร่กระจายภายในเมืองเงินพิสุทธิ์:
ระหว่างภารกิจสำรวจ อาวุโสโลเฟียร์กินสามีของเธอเข้าไป!
ท่ามกลาง ‘ค่ำคืน’ ที่มีความถี่สายฟ้าต่ำ อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น เดอร์ริคที่ตัวสั่นเทารีบสลัดความคิดฟุ้งซ่าน หันกลับมาสนใจทางเดินตรงหน้า
มันเร่งฝีเท้าจนกระทั่งถึงจุดหมายในเวลาไม่นาน ยกมือขึ้นมาเคาะประตู
“เข้ามา” โคลิน·อีเลียดกล่าวเสียงแผ่ว
เดอร์ริคเดินเข้าไป พบเจ้าเมืองแต่งกายในเสื้อลินินและเสื้อนอกสีเข้ม กำลังเช็ดดาบทั้งสองเล่มด้วยน้ำมัน
โคลิน·อีเลียดไม่หยุดมือ เพียงเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับเดอร์ริคที่ประตู
“คุณมีความเห็นอย่างไรบ้างกับภารกิจสำรวจครั้งล่าสุด”
เจ้าเมืองอยากถามอะไรมิสเตอร์ฟูล? เดอร์ริคซึ่งได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากแฮงแมน เกิดคำถามโดยสัญชาตญาณ
เมื่อมิอาจถอดรหัสความนัยแฝงของเจ้าเมือง เดอร์ริคตัดสินใจปิดประตูและตอบอย่างสุขุม
“อาจมีเส้นทางอื่นที่นำไปสู่ทะเล…วังราชาคนยักษ์อาจเป็นเส้นทางหลัก แต่ที่นั่นก็อันตรายเกินไป พวกเราต้องการข้อมูลเพิ่มเติม”
โคลิน·อีเลียดพยักหน้า
“ราชาเทวทูตสมคบคิดกับตัวตนระดับทวยเทพเพื่อ…ต่อต้านพระองค์? และความสำเร็จของพวกท่าน ส่งผลให้ดินแดนแห่งนี้ถูกทอดทิ้ง?”
แม้เดอร์ริคจะไม่เคยได้ยินคำอนุมานเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสรุปผล หลังจากได้ฟังข้อมูลมากมายภายในชุมนุมทาโรต์
“ครับ น่าจะเป็นแบบนั้น”
โคลินเงียบงัน กระทั่งมือที่เช็ดดาบก็ยังขยับช้าลง
ไม่กี่วินาทีถัดมา มันวางมือจากทุกสิ่งและเดินสองสามก้าวมาทางเด็กหนุ่ม
“เหล่าผู้สมคบคิดยังคงเคลื่อนไหวอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเล?”
เดอร์ริคเงียบไปสักพัก
“ใช่ครับ…แต่ก็ไม่มากนัก”
โคลิน·อีเลียดพยักหน้า เป็นนัยว่าไม่มีอะไรจะถาม
เดอร์ริครีบพูด
“ท่านเจ้าเมือง ในตอนที่ผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนเสียชีวิต ผมได้รับสูตรโอสถที่ไม่สมบูรณ์ของอัศวินสีเงิน… ประกอบด้วยวัตถุดิบเสริมและพิธีกรรมสำหรับเลื่อนลำดับ”
เมื่อกล่าวจบ เดอร์ริคทราบทันทีว่าตนโกหกได้ห่วยแตก ไม่ว่าใครก็มองออก เพราะในเหตุการณ์ดังกล่าว มันเอาแต่ปิดตาสนิท
แต่มันก็คิดข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ถ้าเป็นมิสเตอร์แฮงแมน เขาต้องคิดคำแก้ตัวได้ดีกว่านี้แน่…ขณะเดอร์ริคครุ่นคิด มันได้ยินเสียงเจ้าเมือง
“เยี่ยมมาก…มีอะไรบ้าง?”
“…” เดอร์ริคผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบอธิบายพิธีกรรมและวัตถุดิบเสริม
นักล่าปีศาจโคลินฟังอย่างเงียบงัน ตามด้วยถอนหายใจยาว
“ผลงานของคุณในคราวนี้…มหัศจรรย์มาก…เมืองเงินพิสุทธิ์จะมีอนาคตสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็น ขีดจำกัดของพวกเราจะกลายเป็นลำดับสามไม่ใช่แค่ลำดับสี่อีกต่อไป…ภายในขอบเขตบางอย่าง ความเสี่ยงของภารกิจจะลดลงอย่างมาก”
เมื่อขีดจำกัดของเส้นทางกลายเป็นลำดับสามทำไมความเสี่ยงถึงลดลงแค่ในบางขอบเขต? แม้เดอร์ริคจะร่วมยินดี แต่มันก็ไม่เข้าใจคำพูดอีกฝ่าย
แต่มันทราบดี ตนยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนั้น จึงเก็บความสงสัยไว้ปรึกษากับชุมนุมทาโรต์ในภายหลัง
เด็กหนุ่มกล่าวคำอำลาและหันหลังเปิดประตู
“เดอร์ริค…” โคลิน·อีเลียดเรียกหยุดไว้
เดอร์ริคมองกลับไปด้วยความฉงน และพบว่าสีหน้าของเจ้าเมืองค่อนข้างเคร่งขรึม
โคลินเงียบไปสักพักก่อนจะส่ายหน้า
“ระวังโลเฟียร์”
“ครับ ท่านเจ้าเมือง” เดอร์ริคตอบด้วยความจริงใจ
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตเหนือ
จากคฤหาสน์กวางมูส เฮเซลเดินทางกลับเข้าเมืองด้วยรถม้า เตรียมแวะไปยัง ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ เพื่อพบมิสออเดรย์และปรึกษาเกี่ยวกับการบริจาค ความช่วยเหลือ และเรื่องอื่น ๆ
หลังจากได้พบปะกันหลายหน เธอค่อนข้างประทับใจสตรีสูงศักดิ์รายนี้ รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีบรรยากาศผ่อนคลาย นอกจากนั้น อารมณ์แปลกประหลาดที่คอยก่อตัวภายในใจ มักจะบรรเทาลงทุกครั้งที่ได้พบกัน ความทรงจำที่เคยลืมเลือนก็ฟื้นกลับคืนมาทีละนิด
เราน่าจะเคยมีอาจารย์…เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? เพียงแค่นึกถึง เราก็ตัวสั่นทันที…เฮเซลมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาเศร้าสร้อย
รถม้าของเธอกำลังแล่นผ่านถนนเบิร์คลุน
ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งที่แต่งกายในชุดบุรุษไปรษณีย์ ขี่จักรยานตัดหน้ารถม้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย
เฮเซลสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้าและพบกับแว่นตาขาเดียวที่ตาข้างขวา
…………………………