Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1129 : แรงกดดัน

นรกในปัจจุบันคือดินแดนที่แม้แต่ปีศาจส่วนใหญ่ก็ยังมิอาจดำรงชีวิต? ได้ยินคำตอบจากมิสเตอร์ฟูล แคทลียาและคนที่เหลืออดไม่ได้ที่จะเกิดความตะลึง

ในเชิงศาสตร์เร้นลับ นรกคือสถานที่ซึ่งถูกขนานนามให้เป็นแหล่งของความเลวทรามและโกลาหล เป็นที่อยู่อาศัยของปีศาจ แต่กลับกลายเป็นว่า ในปัจจุบัน แม้แต่ ‘คนท้องถิ่น’ ก็ยังมิอาจดำรงชีวิตอยู่ที่นั่นได้!

เป็นเพราะสภาพแวดล้อมของนรกเลวร้ายลง ปีศาจจึงอาศัยอยู่ไม่ได้ หรือเป็นเพราะความเลวทรามและโกลาหลถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจนไม่เหมาะแก่การดำรงชีวิตของปีศาจ? แฮงแมน อัลเจอร์ ตั้งสมมติฐานขึ้นมาสองข้อ แต่ไม่มั่นใจว่าข้อไหนถูก

เฮอร์มิท แคทลียา มีความคิดคล้ายคลึงกัน ถึงเธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมราชินีถึงเลือกคำถามนี้ แต่พิจารณาจากคำตอบ มิสเตอร์ฟูลกำลังสื่อเป็นนัยว่ามีความไม่ปรกติเกิดขึ้นที่นั่น บางทีอาจช่วยขจัดข้อสงสัยที่ราชินีอยากทราบ

สำหรับจัสติส ออเดรย์ เธอฉุกคิดถึง ‘นักพยากรณ์’ ครึ่งเทพแห่งโบสถ์ปัญญาความรู้ที่เกือบคลุ้มคลั่ง อีกฝ่ายเคยกล่าวไว้ว่า วันสิ้นโลกจะมาถึงในปี หนึ่งพันสามร้อยหกสิบแปด แห่งยุคสมัยที่ห้า นี่คือข้อเท็จจริงที่ผู้วิเศษส่วนใหญ่เคยได้ยิน และแม้แต่ทวยเทพก็ยืนยันเช่นนั้น

ปัจจุบันคือปีหนึ่งพันสามร้อยห้าสิบ เหลือเพียงสิบแปดปีจากวันสิ้นโลก… ส่งผลให้นรกเผยสัญญาณความเลวทรามและโกลาหลยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้เป็นแค่สถานที่เชิงสัญลักษณ์เหมือนในอดีต? ออเดรย์พอจะคาดเดาได้ ภายในใจเริ่มกระสับกระส่าย

เดิมที เนื่องจากไม่เคยมีเค้าลางของวันสิ้นโลกปรากฏให้เห็น หญิงสาวจึงไม่ใส่ใจมากนัก ความสนใจส่วนใหญ่มุ่งไปยังสงครามตรงหน้า รวมถึงผู้คนที่กำลังล้มตาย ได้รับบาดเจ็บ และทุกข์ทรมาน แต่เมื่อได้ยินคำตอบ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในนรกทำให้หญิงสาวเกิดความกลัวจากก้นบึ้งซึ่งยากจะอธิบาย อยากเร่งมือย่อยโอสถเพื่อครอบครองตะกอนพลังที่เฮอร์วิน·แรมบิสเหลือทิ้งไว้และกลายเป็นครึ่งเทพ

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เธอจึงจะแทรกแซงและต่อกรกับสถานการณ์ที่ตัวเองไม่ปรารถนาจะให้เกิด

มิสเตอร์เวิร์ล ได้โปรดมอบหมายงานให้ฉันอีก…จัสติส ออเดรย์ สวดวิงวอนภายในใจพร้อมกับใช้พลังปลอบโยนเพื่อสงบสติ

สมาชิกคนอื่นอย่างเดอะสตาร์ เลียวนาร์ด เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส และจัดจ์เมนต์ ซิล เคยนึกสงสัยว่า นรกมีจริงหรือไม่ เพราะหลังจากยุคสมัยที่สอง นรกก็ไม่ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนอีกเลย ปีศาจในชีวิตจริงส่วนมากมักมาจากนิกายบูชาโลหิต แม้แต่ปีศาจระดับสูงและตัวตนลึกลับที่พิธีกรรมส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปหา ก็ล้วนเป็นเบื้องบนของนิกายบูชาโลหิตทั้งสิ้น

จริงอยู่ เทพมารอย่าง ‘ด้านมืดเอกภพ’ มักถูกเรียกว่าร่างจุติของนรก แต่ก็แทบไม่มีความเคลื่อนไหว หากไม่ใช่เพราะด้านมืดเอกภาพคอยตอบสนองต่อพิธีกรรมเป็นครั้งคราว และแสดงอำนาจในขอบเขตปีศาจ คนส่วนใหญ่คงคิดว่าด้านมืดของเอกภพเป็นแค่ตำนานเล่าขาน เหมือนกับราชาคนยักษ์เออเมียร์

อย่างไรก็ดี ข้อมูลลับของโบสถ์รัตติกาลที่เลียวนาร์ดมีสิทธิ์เข้าถึง ระบุว่ามีโอกาสที่ด้านมืดของเอกภพจะเป็นการสวมรอยจากเทพมารหรือตัวตนลึกลับบางตน

เดอะซัน เดอร์ริค ไม่ประหลาดใจมากนัก เพราะในดินแดนที่ห่างออกไปจากเมืองเงินพิสุทธิ์ ลึกเข้าไปในความมืดมิดอันไร้ขอบเขต มีปีศาจจำนวนไม่น้อยที่อาละวาดอย่างบ้าคลั่ง ไม่เว้นกระทั่งปีศาจระดับครึ่งเทพ ไม่ต่างอะไรกับนิยามของคำว่านรกที่ทุกคนเข้าใจ

หากไม่ใช่เพราะการดำรงอยู่ของวังราชาคนยักษ์ซึ่งเป็นสถานที่โด่งดังในประวัติศาสตร์ ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์อาจตั้งข้อสงสัยว่า บางทีพวกตนคงถูกทอดทิ้งและโยนลงมาในนรก

ท่ามกลางกระแสความคิดมากมายของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ เฮอร์มิท แคทลียาระงับความสงสัยและถามคำถามถัดไป

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ คำถามที่สองก็คือ พฤติกรรมในช่วงบั้นปลายของจักรพรรดิโรซายล์ ได้รับอิทธิพลมาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่จำเป็นใช่หรือไม่”

คำถามดังกล่าวทำให้ไคลน์หวนนึกถึงเนื้อหาที่น่าขนลุกและขัดแย้งกันเองในไดอารีช่วงบั้นปลายของโรซายล์ ถึงกับต้องถอนหายใจยาว

เดอะฟูลส่ายศีรษะ

ไม่ใช่? พฤติกรรมเหล่านั้นเป็นเจตจำนงของตัวจักรพรรดิเอง…ขณะเฮอร์มิท แคทลียากำลังผิดหวังและอึดอัด เธอได้ยินเสียงเดอะฟูลถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ใช่อิทธิพลจากภายนอก แต่เป็นการกัดกร่อน…แม้แต่เราก็ตรวจพบได้ไม่ง่าย”

การกัดกร่อน…จักรพรรดิโรซายล์ถูกกัดกร่อนในช่วงบั้นปลาย? แต่ตอนนั้นท่านเป็นถึงเทวทูตเดินดิน ยังถูกกัดกร่อนได้อีกหรือ? เป็นฝีมือของเทพแท้จริง หรือการกัดกร่อนจากใต้ดินที่แม้แต่เทพบรรพกาลยังขยาด? จัสติส ออเดรย์ออกอาการตกตะลึง เมื่อผนวกกับความรู้ในหัว เธอพอจะคาดเดาบางสิ่ง

แฮงแมน อัลเจอร์และสมาชิกคนอื่นของชุมนุมทาโรต์ต่างก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับโรซายล์ในช่วงบั้นปลาย บางคนตั้งคำถามกับจุดประสงค์ที่จักรพรรดิโรซายล์สร้างไพ่เย้ยเทพขึ้นมา

ขณะเดียวกัน พวกมันเริ่มตระหนักว่า จุดประสงค์ในการรวบรวมไพ่เย้ยเทพของมิสเตอร์ฟูล อาจยิ่งใหญ่กว่าที่พวกตนเคยเข้าใจ

ในเกมที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมของโลกทั้งใบ มีเพียงตัวตนที่ยิ่งใหญ่อย่างมิสเตอร์ฟูลเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเป็น ‘ผู้เล่น’ ส่วนเราเป็นได้แค่ไพ่หรือชิปสักแผ่น…ราชาเทวทูตกับเทวทูตลำดับหนึ่ง เองก็น่าจะได้สิทธิ์เข้าร่วม…แฮงแมน อัลเจอร์ ถอนหายใจเงียบ อันที่จริง มันเองก็ปรารถนาจะเป็น ‘ผู้เล่น’ คนหนึ่งเหมือนกัน

เรื่องราวในบั้นปลายชีวิตของจักรพรรดิโรซายล์ พลิกผันจากทรราชกลายเป็นเทพมาร? หนังสือที่เนื้อหาในช่วงแรกเริ่มด้วยความโรแมนติก สร้างแรงบันดาลใจ เปี่ยมไปด้วยความรัก การผจญภัย การทุ่มเท และความเน่าเฟะทางการเมืองและชนชั้นสูงของอินทิส สุดท้ายกลับลงเอยด้วยเรื่องสยองขวัญ? แม้แต่เราก็ไม่กล้าแต่งนิยายแบบนี้! ถ้าเป็นเรา คงเขียนให้ตอบจบลงเอยด้วยความเศร้าอันเนื่องมาจากถูกคนรักหักหลัง หรือไม่ก็เป็นการผิดคำมั่นสัญญา…เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความคิดล่องลอย ในใจนึกอยากจับปากกาขึ้นมาเขียนชีวประวัติของจักรพรรดิโรซายล์มหาราช

แต่แน่นอน ในท้องตลาดมีชีวประวัติของจักรพรรดิโรซายล์อยู่ไม่น้อย และบางเล่มมีเนื้อหาต้องห้าม

ถูกกัดกร่อน…เพราะถูกกัดกร่อนนี่เอง…เฮอร์มิท แคทลียา เกิดความเศร้าโศกสักพัก

เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพราะอย่างน้อยจักรพรรดิก็มิได้เปลี่ยนจากวีรบุรุษเป็นมังกรชั่วตามที่ตำนานเขียนไว้ ท่านยังคงเป็นบุคคลที่ควรค่าแก่การยกย่อง สิ่งเดียวที่น่าเศร้าก็คือ ความจริงเบื้องหลังยังไม่ถูกเปิดเผยจวบจนปัจจุบัน

เมื่อสงบสติลง แคทลียานึกทบทวนถึงการถูกกัดกร่อน และยิ่งครุ่นคิดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งตื่นตระหนกมากเท่านั้น

เธอเชื่อว่าตนรู้จักจักรพรรดิโรซายล์ดีกว่าใครในบรรดาสมาชิกชุมนุมทาโรต์ และทราบว่าอีกฝ่ายอยู่ลำดับใดในช่างบั้นปลาย – แน่นอนว่ามิสเตอร์ฟูลมีศักดิ์เป็นประธานและสักขีพยาน ไม่ใช่สมาชิก

แม้แต่เทวทูตลำดับหนึ่ง อย่างท่านก็ยังถูกกัดกร่อนอย่างเงียบเชียบ ทั้งตัวท่านและคนใกล้ชิด ไม่มีใครเอะใจกับเรื่องนี้เลย!

นี่มันยิ่งกว่าสยองขวัญ…เฮอร์มิท แคทลียา สูดลมหายใจเข้าออกเชื่องช้าเพื่อปรับอารมณ์

จากนั้น เธอก้มศีรษะไปทางตำแหน่งประธานโต๊ะทองแดงยาว

“ขอบคุณสำหรับคำตอบ มิสเตอร์ฟูลที่เคารพ”

…ฉันเองก็ต้องขอบใจที่เธอไม่ถามอะไรนอกเหนือความรู้…เดอะฟูล ไคลน์ จิกกัดตัวเอง เอนหลังพิงเก้าอี้พลางพยักหน้ารับแผ่วเบา

“เชิญ”

เฉกเช่นคราวก่อน สมาชิกชุมนุมทาโรต์ส่วนใหญ่เพิ่งเลื่อนลำดับ หรือไม่ก็กำลังย่อยโอสถ ไม่มีใครต้องการค้าขายไปสักระยะ หลังจากมองหน้ากันอยู่นาน ทุกคนตัดสินใจเข้าสู่ช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระทันที

แต่อันที่จริง เดอะมูน เอ็มลิน เป็นข้อยกเว้น มันต้องการจ้างใครสักคนมาช่วยประกันตัว หรือไม่ก็ช่วยแหกคุกออกจากชั้นใต้ดินของวิหารนักบุญแซมมวล ถูกต้อง มันยังคงถูก ‘คุมขังเชิงคุ้มครอง’ หลังประตูยานิสมาจนถึงทุกวันนี้ ห้องติดกันคือบิชอปยูทรอฟสกี้ และตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่มีเหยี่ยวราตรีเข้ามาสอบปากคำแม้แต่คนเดียว

หากไม่ใช่เพราะเวรยามที่คอยเฝ้าประตูยานิสคอยส่งน้ำส่งอาหารทุกวัน เอ็มลินคงคิดว่าตนและหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ถูกขังลืมไปแล้ว

บรรยากาศที่โดดเดี่ยวและมืดมิดไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่อากาศซึ่งค่อนข้างหนาว แถมยังไม่มีตุ๊กตา ไม่มีหนังสือพิมพ์ ไม่มีหนังสือ ไม่มีเอกสารทางประวัติศาสตร์ เป็นชีวิตที่ไม่มีความหมายเลยสักนิด…ไม่เพียงเท่านั้น เหยี่ยวราตรียังให้ดื่มแต่เลือดวัว รสชาติห่วยบรม แถมยังไม่ดีต่อร่างกาย เรากำลังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ …เอ็มลินพะงาบปาก แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก เพราะเรื่องราวฟังดูน่าอับอายเกินไป ตัวมันเป็นคนชักชวนให้มีการ ‘คุมขังเชิงคุ้มครอง’ บิชอปยูทรอฟสกี้เอง แต่กลับลงเอยด้วยการติดร่างแห

หวังว่าหมอนั่นจะไม่ลืมเราและหาโอกาสช่วยออกไป…เอ็มลินชำเลืองไปทางเดอะสตาร์ เลียวนาร์ด แต่มิได้กล่าวคำใด

เลียวนาร์ดยังคงรักษาอาการ ไม่ตอบสนองต่อสายตาของเดอะมูน

มันเองก็จนปัญญาจะช่วยเหลือ เพราะในตอนแรก เลียวนาร์ดคือตัวตั้งตัวตีที่เสนอแผน ‘คุมขังเชิงคุ้มครอง’ แก่อาร์ชบิชอป ไม่เพียงเท่านั้น เอ็มลิน·ไวท์ยังเป็นถึงแวมไพร์ไวเคาต์ เทียบเท่ากับผู้วิเศษลำดับห้า เป็นขีปนาวุธเดินได้ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แถมยังศรัทธาพระแม่ธรณี ไม่มีเหตุผลให้ต้องปล่อยตัวในเร็ววัน

คงต้องรอให้เครือญาติผีดูดเลือดเริ่มทักท้วงผ่านช่องทางอื่นเสียก่อน เราจึงจะมีโอกาสลงมือ…เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด ตัดสินใจเตรียมขอ ‘สนทนาส่วนตัว’ กับเอ็มลิน หวังช่วยกันคิดหาวิธีทำให้เบื้องบนของผีดูดเลือดเคลื่อนไหวและติดต่อกับโบสถ์รัตติกาล

พฤติกรรมดังกล่าวถูกพบเห็นโดยจัสติส ออเดรย์ เธอนึกถึงคำถามของเดอะมูนในการชุมนุมล่าสุดและสงสัยว่า อาจมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับแผนการ ‘คุมขังเชิงคุ้มครอง’ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก

เราเคยได้ยินว่า นักบวชจากวิหารฤดูเก็บเกี่ยวช่วยเหลือผู้คนไว้มากมายในโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ ขอให้ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับเขา…ออเดรย์พยักหน้าแผ่วเบาพลางหันไปจ้องเดอะซันน้อย

สมาชิกคนอื่นของชุมนุมทาโรต์ต่างก็หันมาสนใจเดอะซัน เดอร์ริค เช่นกัน

ทุกคนทราบว่า เมืองเงินพิสุทธิ์มีแผนจะสำรวจวังราชาคนยักษ์เมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ผลลัพธ์จึงน่าจะออกมาแล้ว

เดอะซัน เดอร์ริค เหยียดหลังตั้งตรง ชำเลืองแฮงแมนเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น

“ภารกิจสำรวจวังราชาคนยักษ์รอบแรกจบลงแล้ว…เสียชีวิตสาม สูญหายหนึ่ง รอดชีวิตกลับมาห้าคน…ในตอนแรก พวกเราตรงไปยังทางเข้าด้านหน้าของวังราชาคนยักษ์และได้พบกับ ‘อัศวินสีเงิน’ สองตนกำลังทำหน้าที่คุ้มกันโดยไม่ทราบเจตนา… อัศวินสีเงินคือชื่อโอสถลำดับสาม ของเส้นทางคนยักษ์…”

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset