Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1135 : หอมหวน

ทะเลโซเนีย เกาะปาซู

ในที่สุด โทสะสีครามซึ่งถูกเรียกให้เข้าพบ แล่นมาถึงสำนักงานใหญ่ของโบสถ์วายุสลาตันและจอดเทียบท่า

อัลเจอร์ถอดผ้าที่พันรอบศีรษะออก กระโดดลงจากกราบเรือ ลงจอดบนท่าเรือโดยอาศัยสายลม

โอสถ ‘ข้ารับใช้วายุ’ ขวดใหม่ที่ดื่มเข้าไปถูกย่อยหมดนานแล้ว แต่ที่อัลเจอร์ยังทำแบบนี้เพราะต้องการกลมกลืนไปกับกัปตันเรือคนอื่นของศาสนจักร

ประสบการณ์ตลอดหลายปีได้สอนอัลเจอร์ว่า ไม่ควรทำตัวโดดเด่นเกินหน้าเกินตาคนรอบข้าง โดยเฉพาะเมื่อตัวเองซ่อนความลับไว้มากมาย!

“ฮะฮะ! อัลเจอร์! ระงับความใจร้อนของนายหน่อย!” ชายที่รออยู่บนท่าเรือทักทายด้วยรอยยิ้ม

ชายคนนี้มีผมสีเหลืองอ่อน สวมเสื้อคลุมปักลวดลายสายฟ้า มันคืออดีตคู่หูของอัลเจอร์ ในภายหลัง คนหนึ่งเลือกเป็นกัปตันเรือผีสิงและผจญภัยไปในทะเล ส่วนอีกคนเลือกเป็นนักบวช

อัลเจอร์ยิ้ม ยกกำปั้นขวากระแทกอกซ้าย

“ขอพายุจงสถิตกับคุณ”

“ขอพายุจงสถิตกับคุณ” ชายผมเหลืองขานตอบด้วยท่าทางแบบเดียวกันพลางฉีกยิ้ม

มันหรี่เสียงลง:

“นายชำนาญโอสถข้ารับใช้วายุแล้ว?”

“ใช่…ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่รักษาสถานะลอยตัวตลอดเวลา ใช้ลมในการเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ เป็นครั้งคราวเพื่อให้คุ้นเคยได้เร็ว ฉันส่งโทรเลขไปแจ้งเรื่องนี้ให้เบื้องบนทราบแล้ว” อัลเจอร์ยักคิ้ว เชิงว่าภาคภูมิใจมาก

ชายผมเหลืองเหลียวซ้ายแลขวา กล่าวด้วยระดับเสียงเท่าคราวก่อน

“เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกนายกลับ…ฉันได้ยินว่าเป็นเพราะสงครามที่ยืดเยื้อ ทางเราจึงขาดแคลนกำลังคน สภาคาร์ดินัลจึงตัดสินใจรวบรวมกลุ่ม ‘ข้ารับใช้วายุ’ มาเลื่อนเป็นลำดับห้าโดยเร็ว นายคือหนึ่งในนั้น…น่าอิจฉาชะมัด ฉันเพิ่งได้เป็นข้ารับใช้วายุ จึงหมดสิทธิ์เข้าร่วม…”

รวบรวมกลุ่ม ‘ข้ารับใช้วายุ’ มาเพื่อเลื่อนลำดับโดยเร็ว…อัลเจอร์·วิลสันไม่ประหลาดใจกับเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะมันทราบดีว่าสงครามครั้งใหญ่กำลังจะเกิด ในหัวมีเพียงคำคำเดียว

เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้ง!

อันที่จริง ลำพังผลงานการรายงานข่าวของท่าเรือแบนชี อัลเจอร์ที่เป็นเพียง ‘นักเดินเรือ’ ในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถใช้คะแนนผลงานเพื่อเลื่อนลำดับก้าวกระโดดไปจนถึง ‘ผู้ขับขานสมุทร’ ได้ไม่ยาก และไม่เพียงเท่านั้น ในภายหลังมันยังทำงานหนัก สร้างผลงานมากมาย แต่กลับยังติดแหง็กอยู่แค่ลำดับหก ข้ารับใช้วายุเป็นเวลานาน ต้องต่อคิวเพื่อรอประกอบพิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับห้า ผู้ขับขานสมุทร

แต่ในปัจจุบัน โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย มันกลับถูกเรียกตัวมาเข้าคิวเลื่อนลำดับ และในไม่ช้าก็จะกลายเป็นสมาชิกระดับค่อนข้างสูงของศาสนจักร จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถาม

จริงอยู่ เมื่อสงครามใหญ่ปะทุขึ้น คำสั่งที่คอย ‘กดหัว’ สมาชิกแบบเราจะคลายความเข้มงวด…แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเอาชีวิตให้รอดจากความโหดร้ายของสงคราม หากไม่รอด สิทธิพิเศษที่ได้รับก็ไร้ความหมาย…ท่ามกลางกระแสความคิด อัลเจอร์หันมาถามด้วยความประหลาดใจ

“ไซแอน ที่พูดมาเป็นความจริงหรือ?”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่นั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยินมา นายลองไปดูเองเถอะ ถ้ามีโอกาสได้เป็นอาวุโสหรือพระคาร์ดินัล อย่าลืมพวกเราเชียวนะ!” ชายผมสีเหลืองเจ้าของชื่อไซแอน เหยียดแขนออกไปตบบ่าอัลเจอร์

อัลเจอร์เดินตรงไปด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอน”

เมืองเงินพิสุทธิ์ หลังจากที่ทีมสำรวจกลับมาเล่าว่า มีทะเลอยู่อีกฟากหนึ่งของวังราชาคนยักษ์ ชาวเมืองทุกคนต่างพากันตื่นเต้น

หลังจากรอคอยสองวัน ในที่สุดเดอร์ริค·เบเกอร์ก็ได้รับแจ้งจากหกสภาอาวุโสว่า สูตรโอสถนักถลุงโลหะโบราณผ่านการอนุมัติแล้ว

กล่าวคือ เหล่าเบื้องบนของเมืองเงินพิสุทธิ์ตกลงที่จะซื้อเห็ดเหล่านั้น

พิธีกรรมเลื่อนลำดับ…ต้องเจียระไนศิลาแห่งชีวิตด้วยตัวเอง…ศิลาแห่งชีวิตคืออะไร? ไม่คำอธิบายเขียนไว้…เดอร์ริคอ่านข้อมูลที่เขียนไว้ในกระดาษ เตรียมประกอบพิธีกรรมโดยไม่คิดมาก

ตามความเห็นของมัน มิสเตอร์ฟูลย่อมทราบว่าศิลาแห่งชีวิตคืออะไร ตนจึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาของมิสเตอร์เวิร์ล

หลังจากเตรียมแท่นบูชาเสร็จ เด็กหนุ่มหยิบหลอดโลหะสองหลอดที่บรรจุเลือดของตนและ ‘อัศวินรุ่งอรุณ’ แห่งเมืองเงินพิสุทธิ์ออกมาถือ

อัศวินรุ่งอรุณคนดังกล่าวค่อนข้างมีอายุ ร่างกายของมันมิอาจทนต่อการกัดกร่อนจากสารพิษในอาหารที่สะสมมานาน อนาคตของมันค่อนข้าง ชัดเจน อีกไม่นานก็จะดำเนินไปถึงจุดจบของชีวิต เมื่อสองวันก่อนจึงตัดสินใจบอกหลานสาวแทงดาบเพื่อปลิดชีพ

เดอร์ริคได้รับการยินยอมจากเจ้าเมืองให้หาโอกาสเก็บเลือดของผู้ตาย

สำหรับเลือดของปีศาจที่มิสเตอร์เวิร์ลต้องการ ในคลังของเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีเก็บไว้ แต่เจ้าเมืองโคลินรับปากว่า หากเห็ดดังกล่าวทำให้ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์พึงพอใจ มันจะตั้งทีมล่าและออกเดินทางไปจุดที่มีปีศาจชุกชุม

หลังจากวางท่อโลหะสองหลอดและกระดาษหนังสัตว์ลงบนแท่นบูชา เดอร์ริคก้าวถอยหลัง หันหน้าเข้าหาเทียนไขที่ถูกจุด เริ่มประกอบพิธีกรรมสังเวยและรับมอบ

เมื่อผ่านขั้นตอนอันวุ่นวาย ประตูมายาซึ่งเกิดจากเปลวไฟเทียนไขและวัสดุวิญญาณได้เปิดออก สิ่งของบนแท่นบูชาถูกดูดหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงแสงอันเจิดจ้า

เมื่อแสงจางลง เห็ดที่มีรูปร่างแตกต่างกันปรากฏสู่สายตาเดอร์ริค

สำหรับคำถามที่ว่า ‘รูปลักษณ์’ ของเห็ดผิดไปจากปกติหรือไม่ เดอร์ริคมิได้ใส่ใจนัก เพราะตลอดชีวิตของมันเคยเห็นเห็ดแค่ครั้งเดียว และไม่ทราบว่าเห็ดดังกล่าวปกติหรือไม่ เรียกได้ว่าขาดแคลนแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ

เมื่อนึกทบทวนคำอธิบายของมิสเตอร์เวิร์ล เดอร์ริคจัดหมวดหมู่ของเห็ดและแยกเก็บใส่กระเป๋า

ทันทีหลังจากนั้น มันมิอาจเก็บซ่อนความตื่นเต้น รีบหยิบไม้กางเขนเจิดจรัสและเตรียมมุ่งหน้าไปยังยอดหอคอย

ทว่า ทันทีที่ฝ่ามือสัมผัสกับไม้กางเขนทองแดงอมเขียว ความแสบร้อนและซาบซ่านพลันแล่นไปทั่วร่าง ขณะเดียวกันก็มีจุดแสงส่องจากไม้กางเขนไปทางเห็ด

“พวกมันคือสิ่งชั่วร้ายที่จำเป็นต้องถูกชำระล้าง…” เดอร์ริคออกอาการสับสน แต่ในที่สุดก็เลือกจะเชื่อใจเดอะเวิร์ล

มันนำไม้กางเขนเจิดจรัสไปซ่อน ถือค้อนเทพสายฟ้าคำรามและตรงไปยังยอดหอคอยเพื่อพบเจ้าเมืองโคลิน

“นี่คือเห็ดที่เคยเล่าให้ฟัง?” ขณะถาม นักล่าปีศาจโคลินอาศัยดวงตาที่มีสัญลักษณ์สีเขียวซับซ้อน จ้องไปทางกลุ่มเห็ดซึ่งประกอบด้วยเห็ดสีขาวล้วน หรือไม่ก็เห็นที่มีลักษณ์คล้ายเนื้อ

“ครับ…” เดอร์ริคเริ่มการแนะนำ

โคลินกลับเป็นปกติ กล่าวหลังจากเงียบไปหลายวินาที

“พวกมันมีกลิ่นอายของมลทินและความชั่วร้าย แต่ก็น้อยจนอยู่ในระดับที่รับไหว…คุณสมบัติดังกล่าวอาจหายไปหลังจากได้กินเลือดเนื้อของสัตว์ประหลาด”

มันเว้นวรรค

“ลองทดสอบความสามารถในการสืบพันธุ์ดูก่อน”

กล่าวจบ ทีมงานของเมืองเงินพิสุทธิ์ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว นำซากศพสัตว์ประหลาดจำนวนหนึ่งเข้าไปในห้องทำงานเจ้าเมือง จากนั้นก็โปรยเห็ดชนิดต่าง ๆ ลงไป

ทันทีที่เห็ดสัมผัสกับเลือดเนื้อ พวกมันทำการงอกรากและแทรกซึมลงไปในศพ

ผ่านไปราวยี่สิบวินาที เห็ดเริ่มพองตัวและขยายขนาดอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับปล่อยสปอร์

เพียงพริบตาเดียว ซากของสัตว์ประหลาดเต็มไปด้วยเห็ด

ทว่า เห็ดชุดแรกยังไม่หยุดเติบโต ความสูงของลำต้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุด เห็ดบางดอกสูงยิ่งกว่าเดอร์ริค·เบเกอร์เสียอีก พวกมันเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มด้วยท่าทีของ ‘ผู้เหนือกว่า’

…มิสเตอร์เวิร์ลไม่ได้บอกว่าพวกมันจะใหญ่ขนาดนี้…แถมอัตราการทวีคูณและความเร็วในการเจริญเติบโตก็ยังสูงจนน่าตกตะลึง…เดอร์ริคจ้องด้วยสายตาเหม่อลอย แต่ไม่คิดว่านี่เป็นปัญหา

โคลิน·อีเลียดยังไม่เปลี่ยนสีหน้า รอจนกระทั่งซากสัตว์ประหลาดเหลือเพียงโครงกระดูก มันมองไปรอบ ๆ และพูด

“ยอดเยี่ยมกว่าที่คิดไว้…ต่อไป…ใครจะลองทดสอบกิน?”

เดอร์ริคเสนอตัวโดยไม่ลังเล

“ท่านเจ้าเมือง ผมเอง”

มันคือคนที่ ‘แนะนำ’ เห็ดเหล่านี้ให้กับเมืองเงินพิสุทธิ์ จึงต้องทดสอบความปลอดภัยด้วยตัวเอง

โคลิน·อีเลียดพยักหน้าแผ่วเบา

“ตกลง”

มันหันไปพูดกับทีมงานของตน

“เรียกอาวุโสโลเฟียร์มาที่นี่เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน”

ในฐานะผู้วิเศษที่มีพลังในขอบเขตเลือดเนื้อ โลเฟียร์สามารถแก้ไขความผิดปกติที่เกิดกับร่างกายมนุษย์ได้เกือบทั้งหมด

แต่แน่นอน เหยื่อจะรอดชีวิตหรือไม่ นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทุกคนยืนรอสักพัก จนกระทั่งคนเลี้ยงแกะโลเฟียร์ที่แต่งกายในชุดคลุมสีม่วงเข้มเดินเข้ามา

ทันทีที่ผ่านกรอบประตู ดวงตาสีเทาซีดของหญิงสาวหรี่ลง หันไปจ้องกลุ่มเห็ดซึ่งกำลังยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้อง

จ้องมองอยู่สักพัก โลเฟียร์หันไปทางโคลินและพยักหน้า เป็นนัยว่าพร้อมที่จะช่วยเหลือ

เดอร์ริค·เบเกอร์ไม่ลังเลอีกต่อไป เลือกเห็ดที่มีสีดำเป็นส่วนใหญ่ มีเนื้อสีแดงและลวดลายไขมันแทรกตรงกลาง สูงราวครึ่งหนึ่งของตัวเอง เด็กหนุ่มทำการฉีกเห็ดออกจากซากกระดูก จุดไฟก่อกองไฟและเริ่มย่าง

กลิ่นที่ราวกับสามารถซึมเข้าไปในท้องของทุกคน บรรจงลอยโชยด้วยความหอมหวน เป็นกลิ่นที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ลูกกระเดือกของทุกคนขยับขึ้นลงขณะกลืนน้ำลายอย่างมิอาจหักห้าม

ยิ่งกองไฟส่งเสียง ‘ฉ่า’ จากน้ำมัน กลิ่นหอมหวนก็ยิ่งทวีความทรงพลัง

อาการเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับทุกคน พวกมันค่อนข้างคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นการตอบสนองแบบเดียวกับเมื่อครั้งที่กลับจากภารกิจสำรวจและได้กินหญ้าผิวดำซึ่งห่างหายไปนาน

เมื่อเสียง ‘ฉ่า’ ดังชัดเจนขึ้นและถี่ขึ้น เปลวไฟยิ่งลุกโชนร้อนแรง พวกมันรู้สึกราวกับมีมือยื่นออกจากท้องตัวเอง หวังคว้าอาหารนั่นกลับมากิน

โดยไม่รู้ตัว ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์คนอื่นที่อยู่ภายในหอคอย เดินตามกลิ่นหอมหวนจนกระทั่งมารวมกันหน้าประตูห้อง

เดอร์ริคใช้พลังใจอย่างมากในการควบคุมความอยากอาหาร กลั้นใจไม่ชิมรสชาติของเห็ดก่อนสุก จนกระทั่งเนื้อสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมน้ำตาล เดอร์ริคดึงเห็ดออกจากกองไฟและสูดลมหายใจ

ในวินาทีนี้ สายตาทุกคู่จดจ้องมาทางเด็กหนุ่ม ไม่เว้นแม้แต่โคลินและโลเฟียร์

ด้วยความศรัทธาที่มีต่อเดอะเวิร์ลและมิสเตอร์ฟูล เดอร์ริคไม่มัวลีลา รีบก้มหน้าลงและกัดเห็ดคำใหญ่

“อะ…” มันส่งเสียงคล้ายกับลิ้นถูกลวก ก่อนจะเริ่มเคี้ยวและกลืนลงคอ

เมื่อเห็ดหายไปกว่าครึ่ง เดอร์ริคเงยหน้าขึ้น กล่าวด้วยปากมันเยิ้ม

“เป็นรสชาติที่แปลก…มาก…หยุดไม่ได้…ผมหยุดกินไม่ได้…”

โคลิน·อีเลียดสำรวจเดอร์ริคหัวจรดเท้าสักพัก หันหน้าไปทางคนเลี้ยงแกะโลเฟียร์

โลเฟียร์ส่ายหน้าแผ่วเบา

“ไม่ผิดปกติ”

คนรอบข้างต่างส่งเสียงเชียร์พร้อมกับกรูเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังเดอร์ริค บ้างขอแบ่งเห็ดที่กำลังกิน บ้างถามถึงเห็ดชนิดอื่น

ได้เห็นฉากตรงหน้า นักล่าปีศาจโคลินเผยสีหน้าผ่อนคลาย บรรจงหลับตาลงและเชิดคาง

มันสูดลมหายใจยาว ดื่มด่ำไปกับกลิ่นหอมหวนที่ปกคลุมห้อง

เมืองเงินพิสุทธิ์กำลังจัดงานเทศกาลเห็ด? ฟังดูพิลึกหูฉิบ…แล้วศิลาแห่งชีวิตคืออะไร? อา…คนของโบสถ์พระแม่ธรณีน่าจะทราบ แฟรงค์ก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้น…เหนือสายหมอกสีเทา ไคลน์ฟังรายงานล่าสุดจากเดอะซันน้อย คลี่แผ่นหนังที่เพิ่งมีโอกาสได้อ่านอย่างละเอียด

สาเหตุที่มันรีบกลับสู่โลกความจริงหลังจบพิธีกรรมสังเวยและรับมอบ เป็นเพราะนิยายตำนานสยองขวัญในของโรงพยาบาลในกรุงเบ็คลันด์ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์มาหลายสัปดาห์ กำลังดำเนินถึงจุดเข้มข้น ส่งผลให้โอสถถูกย่อยอย่างรวดเร็ว

และในปัจจุบัน กระบวนการดังกล่าวจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ

มันพร้อมแล้วที่จะเลื่อนลำดับเป็น ‘ปราชญ์โบราณ’

…………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset