เมื่อแกะเทวทูตกระดาษออก ไคลน์เทขวดที่บรรจุเลือดปีศาจลงในไหเคลือบเงา จากนั้นก็คนกวนด้วยแท่งแก้วที่เสกขึ้นมา
ฟู่ว…ในที่สุดก็รวบรวมมาได้ครบแล้ว…ชายหนุ่มจ้องมองสองสามวินาทีก่อนจะถอนหายใจยาว
ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีเวลาเหลือพอสมควรก่อนที่จอร์จที่สามจะประกอบพิธีกรรม
สำหรับเลือดของนักลอบสังหารและปีศาจ ไคลน์ไม่กังวลว่ามันจะตัดการเชื่อมต่อกับเจ้าของหรือยัง เพราะหลังจากการทำนายถาม ชายหนุ่มยืนยันได้ว่าเจ้าของเลือดเสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่
มันลองทำนายถึงที่มาของเลือดนักลอบสังหารเพื่อดูว่าเป็นของทริสซี่หรือไม่ ถ้าหากใช่ ไคลน์จะกันไว้บางส่วนสำหรับป้ายลงบนปก ‘การเดินทางของกรอซาย’ ในภายหลัง
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มผิดหวัง แต่ก็ไม่ประหลาดใจสักเท่าไร เพราะทริสซี่มันรู้จักเป็นคนรอบคอบเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว
เส้นทางแม่มดมีลำดับ ‘นักกระตุ้น’ ที่ต้องใช้สติปัญญาสูง…อา…โอสถนักกระตุ้นและนักวางแผนคงมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างสติปัญญา ไม่อย่างนั้นอนาคตของเดนิสต้องลำบากมากแน่…ขณะครุ่นคิด ไคลน์โยนไหเคลือบเงาเข้าไปในกองขยะ
มันส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงและตรวจสอบรายละเอียดพิธีกรรมที่ทริสซี่เขียนให้
พิธีกรรมสำหรับสื่อสารกับมิสเตอร์ประตูในคืนจันทร์เต็มดวง
“อัญมณีเก้าชนิด…ไม่ฟุ่มเฟือยไปหน่อยหรือ?” ไคลน์ขมวดคิ้วพึมพำ
ในฐานะเศรษฐีที่มีเงินสดเกือบสามหมื่นปอนด์หลังจากบริจาคไปแล้วบางส่วน (ธนบัตรหนึ่งหมื่นสี่พันปอนด์ ทองคำแท่งหนึ่งหมื่นห้าพันปอนด์ เหรียญทองสามสิบห้าทองปอนด์ และเศษเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง) ชายหนุ่มมีเงินเหลือเฟือสำหรับซื้ออัญมณี เพียงแค่คิดว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป
หลังจากไตร่ตรองสิบวินาที ไคลน์ตัดสินใจจะอัญเชิญอัญมณีออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ เพราะแต่ไหนแต่ไร มันไม่ได้คิดจะทำให้มิสเตอร์ประตูพึงพอใจอยู่แล้ว เพียงหวังว่าหลังจากพิธีกรรมจบลงและอัญมณีหายไป ตนจะไม่ถูกมิสเตอร์ประตูเล่นงาน
แต่ถ้าใช้การไม่ได้ เราคงไม่มีทางเลือกนอกจากซื้อจากร้านขายเครื่องประดับ…ไคลน์ลุกขึ้น ลงมือประกอบพิธีกรรมในห้องด้านนอก
หลังจากเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ ชายหนุ่มเหยียดมือขวาออกพยายามคว้าอากาศด้านหน้าอย่างตั้งใจ
มันหยิบกุญแจทองเหลืองที่ดูธรรมดาออกจากความว่างเปล่า
นี่คือกุญแจที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในพิธีกรรมติดต่อกับมิสเตอร์ประตู มาสเตอร์คีย์
ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์เหยียดมือออกไปคว้าอากาศด้านหน้าอีกครั้ง ลากบางสิ่งออกจากความว่างเปล่า
วัตถุชิ้นนี้มีรูปทรงพระจันทร์เต็มดวง รายล้อมด้วยอัญมณีสีแดงเข้ม กึ่งกลางเป็นสัญลักษณ์ดวงจันทร์และลวดลายลึกลับ เปล่งแสงอบอุ่นออกมาตลอดเวลา
มงกุฎจันทร์ชาด!
มุงกฎจันทร์ชาดที่ปัจจุบันเป็นของชารอน!
มีคุณสมบัติในการสร้างผลลัพธ์แบบเดียวกับพระจันทร์เต็มดวง ช่วยให้ผู้ที่ถือมาสเตอร์คีย์ได้ยินเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู
หากสิ่งที่ไคลน์ต้องการมีเพียงฟังเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู การเตรียมตัวแค่นี้ถือว่าเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องประกอบพิธีกรรม อย่างไรก็ตามจุดประสงค์หลักของชายหนุ่มคือการได้พูดคุยกับราชาเทวทูต ดังนั้นพิธีกรรมคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
หลังจากวางมาสเตอร์คีย์และมงกุฎจันทร์ชาดไว้บนแท่นบูชา ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก ยื่นมือขวาออกไปข้างหน้า ดึงบางสิ่งออกจากอากาศ
คราวนี้มันหยิบสร้อยคอฝังเพชรพลอยที่ถูกดัดให้เป็นรูปทรงหัวใจ
อา…ประสบการณ์ของดอน ดันเตสก็พอจะมีประโยชน์บ้างเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสตรีชนชั้นสูงและเห็นเครื่องประดับหรูหรามากมายของพวกเธอ แถมยังดึงเส้นที่ต้องการออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์อย่างแม่นยำ…สร้อยเส้นนี้คงสภาพได้สิบห้านาที…มีเวลาเหลือเฟือ…ไคลน์ที่บรรลุเป้าหมาย ถอนหายใจอย่างอิ่มเอม
จากนั้น มันเหยียดมือขวาออกไปอีกครั้ง เตรียมรวบรวมอัญมณีให้ตรงตามเงื่อนไขจากสตรีที่เคยเต้นรำด้วย
ไม่กี่วินาทีถัดมา มือของมันชะงักกลางอากาศ สีหน้าพลันแข็งทื่อ
ลืมไปเลยว่าดึงภาพฉายออกมาได้พร้อมกันสูงสุดแค่สามภาพ…ทำยังไงดี? นำสร้อยเส้นปัจจุบันไปคืนและเปลี่ยนไปเป็นเส้นที่มีอัญมณีครบทั้งเก้าชนิด? แล้วต้องทำยังไงถึงจะนึกออกว่าเคยพบสร้อยแบบนั้นจากใคร…ทำนายด้วยความฝัน? ใช่แล้ว! โอสถนักทำนายช่วยสนับสนุนปราชญ์โบราณได้เป็นอย่างดี…เมื่อรวมกันจะกลายเป็นสุดยอดพลัง…ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์มองหาเก้าอี้เพื่อนั่งลงและเตรียมทำนาย แต่ทันใดนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว
มันตระหนักถึงความผิดปรกติ
ภายใต้สถานการณ์ปรกติ เป็นไปไม่ได้ที่ตนจะลืมข้อจำกัดซึ่งระบุว่า สามารถอัญเชิญภาพฉายทางประวัติศาสตร์ได้สูงสุดแค่สามภาพในเวลาเดียวกัน
เป็นการเตือนจากสัมผัสวิญญาณ? ไคลน์ชำเลืองมาสเตอร์คีย์และมงกุฎจันทร์ชาดบนแท่นบูชา โบกมือแผ่วเบาเพื่อทำให้พวกมันเลือนหายไป
จากนั้น มันเดินถอยหลังสี่ก้าว ท่องพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์และส่งตัวเองมายังเก้าอี้เดอะฟูลบนสายหมอก
เมื่อกระดาษและปากกาถูกเสกขึ้น ไคลน์เขียนข้อความ
“การสนทนากับมิสเตอร์ประตูตอนนี้คือสิ่งที่อันตราย”
การทำนายจะพุ่งเป้าไปยังมิสเตอร์ประตูโดยตรง หมายความว่าไคลน์อาจต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่รุนแรง แต่ในปัจจุบัน มันมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับปราสาทต้นกำเนิดและระดมพลังสายหมอกได้มากขึ้น ไคลน์เชื่อว่าตนรับมือไหว และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องไม่ลืมว่ามิสเตอร์ประตูกำลังอยู่ในสถานะถูกผนึกและเนรเทศ
ชายหนุ่มคลายลูกตุ้มที่ข้อมือซ้ายและจับมันด้วยมือซ้ายและปล่อยให้ปลายจี้จ่อกระดาษจนเกือบจะสัมผัส
มันหลับตาลง พึมพำประโยคทำนายเจ็ดครั้งด้วยสติเคร่งขรึม
ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของไคลน์ถูกกระตุ้นอย่างน่าประหลาด
มันรีบลืมตาและพบว่าจี้บุษราคัมแหลกละเอียดกลายเป็นเศษผง
หลังจากเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทต้นกำเนิด การทำนายบางชนิดจะถูกยับยั้งเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ?
มันทำไปเพื่อความปลอดภัยของเรา? หรือเป็นเพราะช่องว่างระหว่างเรากับมิสเตอร์ประตูลดลงจนถึงระดับหนึ่งแล้ว? แน่นอนว่าหมายถึงมิสเตอร์ประตูในสภาพถูกผนึก…หรือเกิดจากเหตุผลทั้งสองข้อประกอบกัน?
ผลลัพธ์เช่นนี้หมายความว่า การสนทนากับมิสเตอร์ประตูในปัจจุบันมีอันตรายที่เหนือจินตนาการรออยู่…ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ไคลน์ขมวดคิ้วสับสน มิอาจคาดเดาได้อย่างสมเหตุสมผล
ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักสูง ส่ายหน้าและถอนหายใจ ยกเลิกแผนการเดิม
คงต้องเตรียมตัวในรูปแบบอื่นแทน…เพียงไคลน์วางมือซ้ายลง จี้บุษราคัมก็กลับเป็นปรกติทันที เพราะมันเป็นเพียงภาพฉายบนมิติหมอก
เนื่องจากพลังทำนายบนมิติหมอกมีการเปลี่ยนแปลง ไคลน์ลองทบทวนสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และบางที การทำนายถึงกลุ่มก้อนหนอนแมลงบนยอดเขาหลักของเทือกเขาโฮนาซิสในคราวนี้ อาจไม่อันตรายเหมือนกับแต่ก่อน
อีกฝ่ายน่าจะเป็นเทวทูตลำดับหนึ่ง แห่งตระกูลอันทีโกนัส และอาจเป็น ‘ฮาล์ฟฟูล’ ที่เลียวนาร์ดพูดถึง…ถ้าเรา ‘จ้องมอง’ ได้สักพัก บางทีอาจถอดรหัสสูตรโอสถลำดับสอง ‘ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์’ ได้จากลวดลายศักดิ์สิทธิ์บนตัวหนอน…แต่เรามีโอกาสแค่ครั้งเดียว ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดบ้าคลั่งที่แสนอันตราย…ไว้ย่อยโอสถปราชญ์โบราณเสร็จเมื่อไรค่อยทดสอบก็แล้วกัน…ไคลน์ลูบหน้าผาก ร่างของมันเลือนหายไปจากมิติเหนือสายหมอก
กลับถึงโลกความจริง ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเก็บกวาดแท่นบูชา แต่นั่งบนเก้าอี้และไตร่ตรองอย่างจริงจังเกี่ยวกับการเตรียมตัวในแง่มุมอื่น
การเตรียมตัวแบบทั่วไปจะประกอบด้วยนัดพบกับราชินีเงื่อนงำเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของแผนมอบของขวัญเพิ่มเติมให้กับวิล อัสติน ไรเน็ตต์ ไทน์เคอร์ และพาลีส โซโรอาสเตอร์สวดวิงวอนถึงเทพธิดารัตติกาลเพื่อเพิ่มโอกาสในการอัญเชิญภาพฉายของหัวหน้านักบวชแห่งรัตติกาล อาเรียน่า ออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ทำความเคยชินกับพลังของปราชญ์โบราณ…
สำหรับการเตรียมตัวที่เหนือกว่า ‘ทั่วไป’ นั่นขึ้นอยู่กับจินตนาการของไคลน์
ครุ่นคิดสักพัก สีหน้าไคลน์ทวีความเคร่งขรึม ขมวดคิ้วและเหยียดมือขวาไปในอากาศ
คราวนี้มันไม่ได้ลากอะไรออกมา
ไคลน์ลองคว้าอีกสิบครั้ง แต่ความพยายามทั้งหมดก็ล้มเหลว ส่งผลให้ไคลน์จำใจยอมรับสภาพ
ลำพังพลังของเราคนเดียว ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้สำเร็จ!
มันหยิบนกกระเรียนกระดาษออกจากกระเป๋าสตางค์ เขียนด้วยดินสอบนผิวกระดาษ
“ผมต้องการความโชคดี จะตอบแทนด้วยไอศกรีมจากภัตตาคารเซอเรนโซ่”
พับนกกระเรียนเสร็จ ไคลน์เข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงและบังคับหลับด้วยการเข้าฌาน
ท่ามกลางความฝันสีเทา มันเห็นงูสีเงินตัวเล็กเรียงเป็นคำพูด:
“ห้า!”
“จัดไป” ไคลน์ยิ้มและรับปาก
ถัดมามันลืมตาตื่น
หลังจากพยุงตัวนั่ง ชายหนุ่มยื่นมือขวาจับอากาศอีกสิบครั้งติดต่อกัน
แต่ก็ยังล้มเหลวทั้งหมด!
แค่โชคดียังไม่เพียงพอ…ยากฉิบ…ไคลน์นึกอยากจะใช้นิ้วเคาะที่วางแขนเก้าอี้ แต่มันระงับความคิดไว้ได้ทัน นิสัยดังกล่าวเป็นของเดอะฟูลเหนือสายหมอก ไม่เหมาะสมที่จะนำลงมาบนโลกความจริง
หลังจากเดินวนเวียนไตร่ตรองเป็นเวลานาน นึกทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองกับสิ่งต่าง ๆ ไคลน์ตัดสินเข้าสู่มิติหมอกและนำบางสิ่งกลับมายังโลกแห่งความจริง จากนั้นเดินออกจากห้องนอนมายังแท่นบูชาด้านนอก
สิ่งนั้นคือหนังสือโบราณที่ปกทำจากกระดาษหนังสีน้ำตาลเข้ม
‘การเดินทางของกรอซาย’
เมื่อหยิบบันทึกการเดินทางขึ้นมาถือ ไคลน์สูดลมหายใจยาว หลับตาลงและสัมผัสกับบางสิ่ง
จากนั้น มันเหยียดมือขวาออกไปคว้าอากาศ
ล้มเหลว
ล้มเหลว
ยังคงล้มเหลว
หลังจากล้มเหลวติดต่อกันห้าครั้ง การเคลื่อนไหวของไคลน์ชะงักไปเล็กน้อย คล้ายกับเตรียมหยิบถ่านออกจากเตาผิงที่กำลังลุกโชน
ทันใดนั้น กล้ามเนื้อแขนของมันกระตุกแผ่วเบา ดึงบางสิ่งออกมาอย่างระมัดระวัง
มือขวาของชายหนุ่มบรรจงลากปากกาขนนกที่ดูโบราณและธรรมดาออกมา
สิ่งนี้ถูกดึงออกจากเหตุการณ์ในจัตุรัสคืนชีพแห่งเมืองคูคัว แคว้นเหนือของไบลัมตะวันตก
เป็นปากกาขนนกที่เคยตกอยู่ข้างศพอินซ์ แซงวิลล์
ศูนย์ ศูนย์แปด ก่อนที่จะโดนพี่ชายอามุนด์หยิบไป
…………………………