Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1145 : ศรสามดอก

ไคลน์ไม่มีเวลามัวคิดเล็กคิดน้อย ทันทีที่เข้าสู่สถานะ ‘ปกปิด’ ชายหนุ่มสั่งให้ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดใหม่ที่เป็นอดีตโจรสลัด

ทันทีหลังจากนั้น มันกระตุ้นยุบพองหิวโหยและพาหุ่นเชิดเอ็นยูนกับโจนาสไปยังสุสานในแคว้นอาโฮว่า

เนื่องจากภาพฉายทางประวัติศาสตร์จะถูกดึงออกมาได้มากที่สุดเพียงสามภาพในเวลาเดียวกัน ไคลน์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ร่างจริงพาหุ่นเชิดมาด้วย เพราะถ้าส่งภาพฉายทางประวัติศาสตร์มาแทน นั่นจะเป็นการสิ้นเปลือง ‘โควตา’ ที่สำคัญสำหรับอัญเชิญภาพฉายอื่น ส่วนหุ่นเชิดที่ยังหลงเหลือในจัตุรัสรำลึก มันจะไม่ตายในทันที ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกราวครึ่งชั่วโมงในสภาพเหม่อลอย แต่ก็ไม่ใช่สถานะที่ผิดปกติในการฟังสุนทรพจน์ และต่อให้ไคลน์ไม่กลับไป ก็จะมีถุงมือแดงจากโบสถ์รัตติกาลมาช่วยเก็บกวาดให้

ขณะเดียวกันด้านนอกสุสานลับในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก แบร์นาแดตซึ่งสวมชุดสีเหลืองของเด็กสาวและหมวกอ่อนสีดำทรงโบราณ ถูกรายล้อมด้วยเถาวัลย์ที่งอกเงยจากความว่างเปล่า

ผมยาวสีเกาลัดของเธอถูกปล่อยลงตามธรรมชาติ คิ้วยาวตรงได้สัดส่วน ดวงตาคล้ายกับอัดแน่นไปด้วยน้ำทะเลสีคราม

จ้องมองกำแพงภูเขาตรงหน้า ราชินีเงื่อนงำยื่นมือขวาออกไปพร้อมกับสร้างสัญลักษณ์จากความว่างเปล่า

เพียงตวัดปลายนิ้ว หยดเลือดสีแดงสดที่ดูคล้ายกับอัญมณีเลอค่า ไหลออกจากความว่างเปล่าและแข็งตัว

เพียงพริบตาสัญลักษณ์ซับซ้อนที่เกิดจากการเรียงทับของ ‘ประตู’ ถูกวาดเสร็จ พวกมันสั่นระริกราวกับกำลังเชื่อมต่อเข้ากับที่ใดสักแห่ง

ไม่กี่อึดใจถัดมา สัญลักษณ์โลหิตขยายตัวกลายเป็นประตูมายาโปร่งแสง มองเข้าไปด้านในจะเห็นสุสานขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินสีดำ

แบร์นาแดตย่างกรายเข้าไปทันที ผ่านกรอบประตูมายาจนกระทั่งบรรยากาศกลายเป็นมืดสลัว

แสงสว่างส่องมาจากเสาหินทั้งสองฝั่งทางเดินและตะไคร่น้ำประหลาดที่เกาะอยู่บนกำแพง พวกมันช่วยกันมอบแสงสว่างจนเธอสามารถมองเห็นสุสานลับที่ตั้งอยู่ภายในสายหมอกด้านล่าง

สัญลักษณ์ของมิสเตอร์ประตูใช้ได้จริง!

ทันใดนั้นพิธีกรรมบางอย่างถูกประกอบขึ้นอย่างรวดเร็วในชั้นใต้ดิน ส่งผลให้จุดแสงเริ่มทยอยมารวมตัวกันและควบแน่นกลายเป็นร่างหนึ่งกลางอากาศ

ร่างดังกล่าวมีคางเหลี่ยม ผมสีดำ ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง เคราดกหนา สีหน้าแววตาเคร่งขรึม

รูปลักษณ์เช่นนี้นับว่าคุ้นตาชาวโลเอ็นเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนกับใบหน้าที่ถูกพิมพ์บนธนบัตรสิบปอนด์ทุกประการ และแน่นอน ต่อให้คนที่ไม่เคยจับธนบัตรสิบปอนด์มาก่อน ก็ต้องเคยเห็นรูปปั้นที่มีใบหน้าดังกล่าวตามสถานที่สำคัญของอาณาจักร เช่นจัตุรัสรำลึก

ผู้ก่อตั้งและผู้พิทักษ์ของอาณาจักรโลเอ็น ปฐมกษัตริย์ วิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่ง

ตัวตนที่สมควรถูกเรียกว่า ‘ท่าน’ !

อาศัยความช่วยเหลือจากพิธีกรรม ท่านสามารถหายตัวจากเบ็คลันด์มาปรากฏกายที่นี่ได้ในพริบตา!

สีหน้าแบร์นาแดตยังคงเรียบเฉย เพียงพลิกฝ่ามือ สมบัติชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น

วัตถุดังกล่าวมีสีทอง รูปทรงคล้ายกาน้ำใบเล็ก มีไส้เทียนยื่นออกจากปากกา

ทันทีที่มือขวาของแบร์นาแดตถูไถไปบนผิววัตถุที่ปกคลุมด้วยสัญลักษณ์ซับซ้อน ไส้ตะเกียงลุกไหม้เงียบงัน

ละอองแสงที่สว่างขึ้นดูคล้ายกับไอน้ำที่ลอยสูง ก่อตัวเป็นร่างสีทองซีดอันพร่ามัวและบิดเบี้ยว

“ผู้เป็นนิรันดร์แห่งตะเกียงวิเศษเอ๋ย ความปรารถนาที่สองของข้าคือได้รับความแข็งแกร่งของ ‘จักรพรรดิความรู้’ เป็นเวลาหนึ่งวัน” แบร์นาแดตฉวยโอกาสที่วิลเลียมออกัสตัสยังเคลื่อนย้ายร่างกายไม่สมบูรณ์ กล่าวเป็นภาษาคนยักษ์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

สมบัติที่อยู่ในมือเธอมีชื่อว่า ‘ตะเกียงวิเศษประทานพร’ กล่าวกันว่ามาจากยุคสมัยที่หนึ่ง ถึงแม้เจ็ดโบสถ์หลักจะไม่เคยครอบครองสิ่งนี้ แต่มันก็มีรหัสของสมบัติปิดผนึก

ศูนย์-ศูนย์ห้า!

สมบัติชิ้นนี้สามารถบรรลุความปรารถนาของผู้ถือได้สิบข้อ แต่จะมาในรูปแบบที่บิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยผลลัพธ์ที่ยากจะคาดเดา

ไม่เคยมีอดีตเจ้าของคนใดเผชิญจุดจบที่ดี ไม่เว้นแม้แต่โรซายล์กุสตาฟ

มหาจักรพรรดิได้ตักเตือนบุตรสาวของตนว่า สำหรับพรสองข้อแรก ต้องไตร่ตรองคำพูดให้รอบคอบและเตรียมการอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน แต่ห้ามขอพรข้อที่สามเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ห้าม!

แคว้นอาโฮว่า ใกล้กับสุสานลับ ไคลน์มาเยือนที่นี่อย่างเงียบงันโดยปราศจากพิรุธ

แม้ว่าเวลาจะกระชั้นชิดเข้ามา แต่ชายหนุ่มก็มิได้บุ่มบ่ามบุกเข้าไปในสุสานอย่างประมาท เพียงเหยียดแขนขวาจับอากาศตรงหน้า

หลังจากทำแบบเดิมซ้ำห้าครั้ง กล้ามเนื้อแขนไคลน์พลันหดเกร็งประหนึ่งกำลังดึงวัตถุที่หนักมาก

เมื่อดึงมือขวากลับ ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ร่างดังกล่าวมีผิวสีแทน รูปร่างสันทัด ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าอ่อนโยนและมีไฝเม็ดเล็กใต้ติ่งหูขวา ไม่ใช่ใครนอกจากอะซิกอายเกส

ทว่าแตกต่างจากอะซิกที่ไคลน์รู้จัก ร่างดังกล่าวมีดวงตาเย็นชาสุดขีด แต่งกายในเสื้อคลุมสีดำเข้มปักด้ายสีทอง เหนือศีรษะสวมมงกุฎรูปนกที่สร้างจากทองคำ สายตามองต่ำราวกับกำลังดูแคลนสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

นี่คืออดีตกงสุลมรณะ เทวทูตลำดับสอง!

ไคลน์ไม่มัวจ้องมอง เหยียดแขนจับอากาศอีกครั้ง

ในหนนี้ คล้ายกับมันไม่ได้จับสิ่งใดออกมา แต่ในความจริงเป็นการเรียกตัวเองเมื่อสิบวินาทีที่แล้วซึ่งอยู่ในสถานะถูกปกปิด!

จากนั้น ไคลน์โยนขวดโลหะให้ภาพฉายตัวเองก่อนจะหายตัวเข้าไปในช่องว่างประวัติศาสตร์

สติฟื้นคืนมาอยู่ในร่างอดีตด้วยความคล่องแคล่ว

ไคลน์ในสถานะปกปิด นำกงสุลมรณะอะซิก ไปยังที่ตั้งสุสานลับซึ่งมองไม่เห็นทางเข้า จากนั้นก็หยิบขวดโลหะเมื่อครู่และใช้พลังวิญญาณดึงเลือดสีแดงสดราวกับอัญมณีออกมา วาดเป็นสัญลักษณ์สีแดงของมิสเตอร์ประตูกลางอากาศอย่างว่องไว

สัญลักษณ์เสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อกับบางจุดภายในสุสานและขยายตัวเป็นประตูมายา

ไคลน์ในสถานะปกปิดและกงสุลมรณะอะซิก เดินผ่านกรอบประตูส่งตัวเองเข้าไปในสุสานปลายทาง

ขณะเดียวกันบรรดาเวรยามต่างตระหนักถึงผู้บุกรุกและเริ่มประกอบพิธีกรรม แต่สิ่งที่พวกมันเห็นกลับมีเพียงกงสุลมรณะซึ่งก้มมองทุกคนด้วยสายตาดูแคลน

ที่ใดสักแห่งภายในกรุงเบ็คลันด์ ขณะอดีตยุคแห่งนันวีลล์ ดริงก์ออกัสตัส เตรียมใช้เส้นทางที่เปิดออกโดยพิธีกรรมเพื่อมุ่งหน้าไปยังสุสานลับปลายทาง ชายที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วและโพล่งขึ้น

“นั่นมันอะซิกอายเกส…ไม่สิ ท่าทีแข็งเกินไป คล้ายกับภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่ปราชญ์โบราณของลัทธิเร้นลับเรียกออกมา…งานนี้ให้ข้าจัดการเอง ท่านอยู่ที่นี่เพื่อคอยรับมือกับปราชญ์โบราณที่อาจซ่อนตัวในความมืด แม้พวกมันจะยังไม่ใช่เทวทูตแต่ก็น่ารำคาญพอตัว”

ดริงก์ออกัสตัส ชายชราซึ่งค่อนข้างเย่อหยิ่ง ผมสีดำมีสีเงินแซมพอประมาณ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแสยะยิ้มหลังจากได้ยิน

“ปราชญ์โบราณก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ? แม้จะเป็นสถานะปกปิด แต่ข้าสัมผัสได้จากความผิดปรกติรอบตัว…เจ้านั่นกำลังตบตาเรา ทำให้เราเข้าใจว่าเป็นการหลอกโจมตีที่นี่ด้วยภาพฉายทางประวัติศาสตร์ ส่วนตัวจริงเตรียมโจมตีสุสานอื่น…แต่ความจริงแล้วกำลังซ่อนตัวอยู่ข้างภาพฉายของอะซิก รอจนกระทั่งพวกเรานำกำลังหลักไปไว้ที่อื่น มันจะอาศัยสถานะปกปิดลอบเข้าไปทำลายสุสาน…นอกจากนั้นไม่ว่าตัวจริงจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอัญเชิญภาพฉายระดับเทวทูตออกมาแล้ว ต่อให้เจ้าใช้งานสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ แต่การกำจัดทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากการต่อสู้ส่งผลกระทบไปถึงสุสาน สิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า…และถึงอีกฝ่ายจะหลอกสามชั้นด้วยการนำตัวจริงไปบุกสุสานอื่น เจ้านั่นก็คงอัญเชิญเทวทูตตนใหม่ออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ไม่ได้แล้ว ส่งผลให้เจ้าจัดการได้ค่อนข้างง่าย”

ขณะกล่าววรรคแรก ดริงก์ออกัสตัสได้เดินผ่านประตูที่เปิดจากพิธีกรรมเข้าไปแล้ว ส่วนรายละเอียดช่วงหลังเป็นการพูดผ่านภาพมายาที่ยังตกค้างอยู่

ภายในสุสานลับแห่งแคว้นอาโฮว่า อะซิกอายเกสซึ่งมีสีหน้าเฉยเมยและเย็นชา ชำเลืองไปรอบตัวก่อนจะขยายร่างกลายเป็นงูยักษ์ซึ่งปกคลุมพื้นที่ว่างด้านบนสุสาน

งูยักษ์ดังกล่าวดูกึ่งมายากึ่งจริง คล้ายกับก่อตัวจากสิ่งที่มนุษย์มิอาจทำความเข้าใจ ร่างกายทุกส่วนปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ ตามซอกเกล็ดมีขนนกสีขาวงอกแซม บนเกล็ดอัดแน่นด้วยสัญลักษณ์ประหลาดที่มีรูปร่างแตกต่างกัน เพียงจ้องมองด้วยตาเปล่าก็มากพอจะทำให้คนเป็นเปลี่ยนเป็นซอมบี้

นี่คือ ‘เทพงูขนนก’ ในตำนานทวีปใต้ เบ้าตาลุกโชนด้วยเพลิงสีซีด ปีกขนาดมหึมาแผ่ออกจากแผ่นหลัง

ท่ามกลางเสียงสายลม งูขนนกที่กำลังลอยกลางอากาศ โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับพ่นเพลิงสีซีดออกมาปกคลุมสุสาน

…แม้ภาพฉายทางประวัติศาสตร์ของมิสเตอร์อะซิกจะอ่อนแอกว่าตัวจริงพอสมควร แต่ก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี…สมแล้วที่เป็นบุตรแห่งเทพมรณา กงสุลมรณะแห่งจักรวรรดิไบลัม…ไคลน์ซึ่งเคยทดลองอัญเชิญบนเกาะ คาดไม่ถึงว่าอะซิกอายเกสในร่างอดีตจะแข็งแกร่งขนาดนี้

ในเวลาเดียวกัน ละอองแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากส่วนลึกของสุสาน ส่งผลให้เปลวไฟสีซีดชะงักงัน มิอาจพุ่งไปข้างหน้าได้มากกว่าเดิม

วินาทีถัดมาละอองแสงก่อตัวเป็นร่างมนุษย์ ไม่ใช่ใครนอกจากเทวทูตลำดับสอง ‘ผู้สร้างสมดุล’ ดริงก์ออกัสตัส

เมื่อเห็นอีกฝ่าย ไคลน์ในสภาพถูกปกปิดพลันเปลี่ยนท่าทีกลายเป็นแข็งทื่อและไร้ชีวิตชีวา เคลื่อนไหวจากสัญชาตญาณได้เพียงอย่างเดียว เนื่องจากจิตของไคลน์ถูกส่งกลับไปยังช่องว่างประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่นอกสุสานลับเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นชายหนุ่มเทเลพอร์ตไปยังด้านนอกสุสานลับทางตอนล่างของแม่น้ำทัสซอค หยิบขวดโลหะอีกใบออกมาพร้อมกับใช้พลังวิญญาณวาดสัญลักษณ์สีแดง

เพียงพริบตา สัญลักษณ์เลือดเสร็จสมบูรณ์และกลายเป็นประตูมายา ไคลน์กับหุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนพากันย่างกรายเข้าไป

แน่นอนว่าในแม่น้ำและป่าด้านนอก ไคลน์เปลี่ยนหลายชีวิตให้เป็นหุ่นเชิดเตรียมรอไว้แล้ว

ใกล้กับโบราณสถานหมายเลขหนึ่งแถบชานเมืองเบ็คลันด์ ร่างหนึ่งออกจากสถานะล่องหน

ผมสีดำขลับ ใบหน้ากลมกลึงและอ่อนโยน เจือความอ่อนหวานเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวน่าหลงใหล ไม่ใช่ใครนอกจากแม่มดทริสซี่

หลังจากทริสซี่เข้าใกล้โบราณสถานหมายเลขหนึ่ง เธอหยิบขวดโลหะออกมาและใช้เลือดด้านในวาดสัญลักษณ์ของมิสเตอร์ประตู

ประตูมายาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

…………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset