Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 985 : ข้ารับใช้ของความลับ

เหนือมิติหมอกสีเทาที่ไร้ขอบเขต ภายในพระราชวังอันงดงาม

ในวินาทีที่เลียวนาร์ด·มิเชลปรากฏตัวด้านข้างโต๊ะทองแดงยาว จิตใต้สำนึกของมันบ่งบอกให้ทำความเคารพเดอะฟูล

ทว่า เมื่อกวาดตาไปมอง จุดดังกล่าวว่างเปล่าปราศจากผู้ใดนั่ง

ไม่ใช่ว่ามิสเตอร์ฟูลอยู่ที่นี่ตลอดหรือ? เลียวนาร์ดครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่ง

‘เดอะเวิร์ล’ นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบงัน ร่างกายพร่ามัวประหนึ่งกลมกลืนไปกับหมอก

“มีแค่เราสองคน ไม่ต้องใช้หน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ก็ได้” เลียวนาร์ดนั่งลง กล่าวอย่างเป็นกันเองกับเดอะเวิร์ล

เมื่อพบว่ามิสเตอร์ฟูลไม่อยู่ มันผ่อนคลายลงอย่างมาก มิได้ประหม่าเหมือนขณะเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ แทบจะยกขาขึ้นมาพาดบนโต๊ะ

“ผมเคยชินไปแล้ว” ไคลน์ตอบห้วน

เลียวนาร์ดพยักหน้ารับ

“ผมได้ยินว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ในทะเลเป็นคนเย็นชา สงวนท่าที สง่างาม และสุภาพ บรรยากาศรอบตัวคุณในปัจจุบันบ่งบอกเรื่องนั้นเป็นอย่างดี… แต่ว่านะไคลน์ ตัวคุณเมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้ จงจำไว้ว่านั่นเป็นแค่การแสดง อย่าปล่อยให้อิทธิพลของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ครอบงำ”

เฮ้เฮ้… ฉันเรียกนายขึ้นมาเพื่อคุยเรื่องอามุนด์ ไม่ใช่พูดจาไร้สาระ! เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณปู่ในตัวนาย ทำไมถึงได้สบายใจนัก! ในตอนแรก ไคลน์คิดจะใช้บรรยากาศและมาดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตามความเคยชิน แต่หลังจากได้ยินเลียวนาร์ดกล่าวเช่นนั้น มันกระอักกระอ่วนเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นโฉมเดิม หัวเราะในลำคอและกล่าว

“พาลีส·โซโรอาสเตอร์เป็นคนสอนหรือ เกี่ยวกับเรื่องที่ ‘ห้ามลืมว่ากำลังสวมบทบาท’ ?”

“ใช่” เลียวนาร์ดตอบใจเย็น

ปู่คนนี้ไม่เลว ถึงกับสอนสิ่งสำคัญให้เลียวนาร์ด… เมื่อเทียบกับแล้ว ครึ่งเทพในร่างหนูก่อนหน้านี้ค่อนข้างแย่ แทบไม่สอนอะไรเฮเซลเลย แถมยังบอกข้อมูลผิดๆ … หึหึ ต่อให้เป็นผู้วิเศษเถื่อนที่ไม่มีครูบาอาจารย์หรือองค์กร แต่ถ้าเป็นถึงครึ่งเทพก็ย่อมต้องได้รับความรู้จากโอสถบ้าง ไม่มีทางโง่เขลาโดยสมบูรณ์ แม้แต่งูทะเลคาเวทูว่าก็ยังรู้วิธีตอบสนองพิธีกรรม เรียกร้องเครื่องเซ่น และรู้จักมอบบางสิ่งตอบแทน… ไคลน์เปลี่ยนบรรทัดฐานเกี่ยวกับพาลีส·โซโรอาสเตอร์

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มยังไม่รีบตัดสิน เพราะท้ายที่สุด การตกปลาก็จำเป็นต้องใช้เหยื่อดีๆ พฤติกรรมเพียงเรื่องเดียวไม่ช่วยให้เห็นภาพรวม

เมื่อเห็นไคลน์เงียบ หลังจากทักทายเสร็จ เลียวนาร์ดเข้าประเด็นทันที

“คุณพบเบาะแสใหม่ของ ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ที่ไหน?”

ไคลน์เน้นเสียงตอบ

“ผมกำลังไล่ล่าครึ่งเทพของเส้นทางนักจารกรรมที่ใกล้คลุ้มคลั่ง แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับอามุนด์ในเขตชานเมืองของเบ็คลันด์ ต้องอาศัยพลังของมิสเตอร์ฟูลเพื่อหลบหนีฉับพลัน”

“ร่างโคลนของอามุนด์ยังอยู่ในเบ็คลันด์จริงๆ ด้วย…” เลียวนาร์ดถอนหายใจ จากนั้นก็ถามด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ว่าแต่ ทำไมคุณถึงไล่ล่าครึ่งเทพของเส้นทางนักจารกรรมที่ใกล้คลุ้มคลั่ง?”

ถามจบ มันฉุกคิดบางสิ่งได้ รีบเสริมทันที

“หากเรื่องนั้นเกี่ยวกับแผนการของมิสเตอร์ฟูล ให้ถือว่าผมไม่เคยถาม”

ทำไมน่ะหรือ? ก็การปราบปรามผู้คลุ้มคลั่งคืองานของเหยี่ยวราตรีไม่ใช่รึไง? ได้ยินคำถามเลียวนาร์ด ไคลน์ถอนหายใจครู่หนึ่ง

มันอดไม่ได้ที่ย้อนนึกถึงความทรงจำสมัยทิงเก็น

ในช่วงเวลานั้นๆ ราวสองเดือนกว่า มีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นไม่น้อย ไม่ว่าจะการปราบปราม ‘ทูตพิพากษา’ แห่งโบสถ์วายุสลาตันที่คลุ้มคลั่ง ฮู้ด·ยูเก็นที่คลุ้มคลั่ง ลุงนีลล์ที่ถูกปราชญ์เร้นลับกัดกร่อน แม้จะมีจำนวนคดีไม่มาก แต่ก็สร้างความประทับใจให้ไคลน์ไม่น้อย คติธรรมบางอย่างได้ถูกสลักลงในใจ

ดังนั้น อาศัยความสามารถในการสืบสวนที่เชี่ยวชาญ เมื่อได้ยินข่าวเฮเซลถูกหนูบ้ากัด มันก็วิเคราะห์ทันทีว่าครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมคงใกล้คลุ้มคลั่งเต็มที ไม่ลังเลที่จะใช้ภาพลวงตา ‘สอบปากคำ’ จากเฮเซลโดยตรง จากนั้นก็ไม่มัวรีรอ ไม่ต้องเตรียมตัวนานเป็นวันหรือสองวัน ส่งตัวเองขึ้นไปบนมิติหมอกสีเทาและเตรียมการเบื้องต้น วางแผน จากนั้นก็ลงมือทันที

สำหรับมัน การทำแบบนี้ก็เหมือนกับพนักงานดับเพลิง!

นอกจากนั้น ไคลน์อยากจัดการครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมตนนี้มานานแล้ว เพราะอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายกับเฮเซลชัดเจนเกินไป นอกจากนั้น หล่อนยังพยายามล่อลวงให้มิสเมจิกเชี่ยนไปหาขุมทรัพย์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นกับดัก หากไม่ติดว่าตอนนั้นไคลน์ยังไม่ใช่ครึ่งเทพ ฝีมือห่างกันเกินไป คงลงมือจัดการทันทีโดยไม่มัวรีรอ

ดังนั้น หลังจากยืนยันสถานการณ์ของครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม ไคลน์เริ่มแผนการล่า

แผนขั้นแรก พาเหยื่อออกจากคฤหาสน์กวางมูส ด้วยเกรงว่าร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ก่อนตายของอีกฝ่ายจะสร้างความเดือดร้อนให้คนธรรมดา ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจ แผนส่วนใหญ่ราบรื่น เพียงแต่การระดมยิงด้วยปืนใหญ่อัดอากาศล้มเหลว ทำให้ครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมสามารถหลบหนีและเข้าไปเป็นปรสิตในต้นไม้ใหญ่

เดิมที ไคลน์มีแผนสอง เตรียมไว้ในสถานการณ์ที่มิอาจจัดการกับหล่อนได้เด็ดขาด แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ อามุนด์ปรากฏตัวขึ้น จนไคลน์ต้องสละแผนทั้งหมดและรีบร้อนเผ่นหนีโดยไม่ลังเล แผนดังกล่าวก็คือ บังคับให้หุ่นเชิดตัวหนึ่งออกจากสนามรบ เขียนจดหมายบอกให้แพทริค·เบรน ครึ่งเทพที่เป็นผลผลิตอันล้มเหลวจากมรณาเทียม เดินทางมาช่วยอีกแรก เพราะ ‘อมรณา’ รายนี้น่าจะมีความสามารถในการเดินทางผ่านโลกวิญญาณระดับหนึ่ง หรือถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน มันก็เตรียมไหว้วานมิสผู้ส่งสาร จ่ายนั้นก็ค่อยตามใช้หนี้

ขณะความคิดล่องลอย ไคลน์ตอบคำถามเลียวนาร์ดพลางถอนหายใจยาว

“ความลับน่ะ”

เว้นวรรคครู่หนึ่ง มันถามเสียงขรึม

“ทำไมคุณถึงไม่หาโอกาสแจ้งโบสถ์รัตติกาลว่าร่างโคลนอามุนด์อยู่ในเบ็คลันด์?”

เลียวนาร์ดเริ่มอธิบายอย่างฉะฉาน ระบุว่าหากอามุนด์ที่ปรากฏตัวในเบ็คลันด์เป็นร่างจริง จะเกิดเหตุการณ์ ‘ทวยเทพเสด็จลงมาเยือน’ อย่างแน่นอน นอกจากนั้น อามุนด์สามารถ ‘เห็น’ ชะตากรรมผ่านความตายของร่างโคลน ถอดรหัสความเชื่อมโยงและค้นหาต้นตอความวุ่นวาย คาดเดาได้ในระดับหนึ่งว่าต้นตอของเรื่องราวอาศัยอยู่ในขอบเขตใด และอามุนด์ยังชอบที่ใช้ร่างโคลนตัวหนึ่งทำตัวโดดเด่น แต่รอบๆ มันมีร่างโคลนอีกหลายร้อยอำพรางอยู่ในสิ่งมีชีวิตประเภทต่างๆ หากไม่ใช่ครึ่งเทพ คงยากที่จะตรวจพบว่าสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นโฮสต์

จนกระทั่งในตอนสุดท้าย เลียวนาร์ดเล่าให้ไคลน์ฟังเกี่ยวกับวิธีที่อามุนด์ขโมยชะตากรรมเหยื่อ

ได้ยินเช่นนั้น ไคลน์เริ่มใจเย็นลง ขอบคุณตัวเองที่ไม่เลินเล่อคิดจะจัดการกับอามุนด์ ไม่อย่างนั้น ปัจจุบันตำแหน่งมิสเตอร์ฟูลคงเปลี่ยนมือ

เข้าใจแล้วว่าทำไมเลียวนาร์ดถึงไม่รายงานเรื่องนี้… อามุนด์จงใจให้ร่างโคลนปรากฏตัวอย่างโฉ่งฉ่าง แต่ความจริงแล้วนั่นคือเหยื่อล่อ โดยมีร่างอื่นๆ อีกจำนวนมากซ่อนอยู่ในเงามืด แถมยังสามารถเป็นปรสิตในสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก… แค่นึกภาพตามก็ชวนให้หนังหัวกระตุกแล้ว… ตัวเราในปัจจุบันยังไม่มีปัญญาจะควบคุมสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กถึงขั้นนั้น เพราะยิ่งตัวเล็ก ด้ายวิญญาณก็ยิ่งไม่ชัดเจน ยกเว้นแต่ในกรณีพิเศษ… เฮ้อ… เราคงหวังพึ่งโบสถ์รัตติกาลไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าคนรายงานให้โบสถ์ทราบจะไม่มีความผิดปรกติใดๆ เลย… ไคลน์นึกเสียดาย ขณะเดียวกันก็ตกตะลึงในความน่าสะพรึงของอามุนด์

ในสายตาชายหนุ่ม เลียวนาร์ดคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรายงานไปถึงโบสถ์ แต่ติดตรงที่พาลีส·โซโรอาสเตอร์ในร่างกายไม่ปรารถนาจะเสี่ยงเผยตัวต่อหน้าอามุนด์

อันที่จริง มิสเตอร์แฮงแมนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ทำงานนี้ได้ แต่เขายังขาดแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่จะทำให้โบสถ์ยอมเชื่อ… หากต้องการให้เขาเป็นคนรายงาน คงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการหาเบาะแสที่เป็นรูปธรรม…

ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์ย้อนกลับมานึกถึงตัวเอง นึกถึงตัวตนเชอร์ล็อก·โมเรียตี้และเกอร์มัน·สแปร์โรว์!

ในฐานะข้ารับใช้ของรัตติกาล ตัวเราน้ำหนักพอจะให้โบสถ์รัตติกาลเชื่อว่าอามุนด์อยู่ในเบ็คลันด์จริง แถมอามุนด์ก็ยังย้อนกลับเบาะแสมาหาไม่ได้!

และเนื่องจากเราคือจอมเวทพิสดารที่ต่อสู้กับครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรม จึงเป็นคนเห็นว่าร่างโคลนของอามุนด์มาเยือนเบ็คลันด์กับตาตัวเอง ข้อเท็จจริงตรงนี้จะไม่ทำให้อามุนด์สงสัย… นอกจากนั้น เรายังเป็นข้ารับใช้ของรัตติกาล หากอามุนด์ไม่ต้องการเสียร่างโคลน มันก็คงไม่อยากยุ่งสักเท่าไร ไม่อย่างนั้นอาจตกหลุมพราง ‘ทวยเทพเสร็จลงมาเยือน’ ก็เป็นได้!

รู้สึกโชคดีที่ได้อยู่หลังฉาก… แต่ของขวัญจากโชคชะตาทั้งหมด ล้วนมีราคาที่ต้องแลกมา… ไคลน์เริ่มสรุปข้อมูลได้เบื้องต้น

จากนั้น มันเปลี่ยนมุมมองในการคิดตามความเคยชิน ลองคิดในมุมอามุนด์

เส้นทางนักทำนายไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับอามุนด์ มันสามารถคาดเดาเส้นทางของเราได้จากพลังสองชนิดซึ่งประกอบด้วยการเชิดหุ่นและการสลับตำแหน่งกับหุ่น

ในเมื่อปล่อยให้จอมเวทพิสดารหนีไปได้ อามุนด์คงทำใจไว้แล้วว่าข้อมูลของตนจะถูกเปิดเผย บางที มันอาจหวังล่อให้เหยื่อที่ต้องการเข้าไปติดกับ…

เราปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์เกอร์มัน·สแปร์โรว์ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะถ้ามันรู้เส้นทาง ย่อมต้องรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือผู้ไร้หน้า สามารถแปลงโฉมเป็นใครก็ได้… อา… แล้วอามุนด์จะใช้เบาะแสใดยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเรา? ครึ่งเทพนิรนามเส้นทางนักทำนาย… เนื่องจากโบสถ์รัตติกาลและลัทธิเร้นลับต่างผูกขาดสูตรโอสถ ตะกอนพลัง วัตถุดิบ และนางเงือกไว้เป็นส่วนใหญ่ จอมเวทพิสดารไร้สังกัดจึงมีจำนวนเพียงหยิบมือ หรือแทบไม่มีเลย… ทายาทตระกูลอันทีโกนัสถูกเก็บกวาดหมดแล้ว ดังนั้น หากไม่ใช่คนของลัทธิเร้นลับ ก็ต้องเป็นคนที่โบสถ์รัตติกาลแอบเลี้ยงไว้…

ผนวกกับเรื่องที่ที่นี่คือเบ็คลันด์ คำตอบก็แทบจะนอนมา…

ด้วยเหตุผลข้างตน อามุนด์จึงเชื่อได้ว่า โบสถ์รัตติกาลกำลังจะรู้ถึงการมาเยือนของตนและเตรียมลงมือปฏิบัติการ ‘เก็บกวาด’ ร่างโคลน ดังนั้น การที่เราแจ้งให้โบสถ์รัตติกาลทราบ ก็นับเป็นเรื่องสมเหตุสมผลอย่างมาก…

อา… เราจะซ่อนตัวแบบนี้ไปก่อน แม้ว่าอามุนด์จะขโมยชะตากรรมครึ่งเทพเส้นทางนักจารกรรมรายนั้นมาแล้ว แต่ก็คงไม่แวะมาที่ถนนเบิร์คลุนไปอีกสักพัก!

คิดถึงจุดนี้ ไคลน์ผ่อนคลายลงหลายส่วน เนื่องจากตนยังมีเวลาให้เตรียมตัวอีกมาก!

“คุณมีไอเดียไหม?” เมื่อเห็นว่าไคลน์นิ่งไปนานหลังจากฟังคำอธิบาย เลียวนาร์ดอดไม่ได้ที่จะถาม

ไคลน์รวบรวมสมาธิ ถามกลับโดยยังไม่ตอบ

“พาลีส·โซโรอาสเตอร์มีคำแนะนำอะไรไหม?”

“เขาบอกว่า หากคุณต้องการขจัดร่างโคลนของอามุนด์ สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือพรแห่งการปกปิด” เลียวนาร์ดตอบตามความจริง

พรแห่งการปกปิด… พาลีส·โซโรอาสเตอร์ต้องการทดสอบเรา… สัญลักษณ์หลังเก้าอี้เดอะฟูล ครึ่งหนึ่งหมายถึงความลับและการปกปิด… ถ้าเราใช้เทวทูตกระดาษคู่กับไพ่นักบวชสีชาด จริงอยู่ที่สามารถเคลื่อนพลังมิติหมอกเพื่อแทรกแซงการรับรู้ล่วงหน้าของร่างโคลนอามุนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะห้ามมิให้อามุนด์ร่างหลัก สอดส่องโชคชะตาหลังจากร่างโคลนตาย… แต่ว่า เรายังมีอีกหนึ่งตัวตนเป็นข้ารับใช้ของรัตติกาล หนึ่งในสมญานามของเทพธิดาคือ ‘มารดาแห่งความลับ’ … หากเราขจัดร่างโคลนอามุนด์สำเร็จ พระองค์จะมองว่าเป็นการ ‘ตอบแทน’ หรือเป็นการ ‘รับของขวัญ’ ? อาจจะทั้งคู่… ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบกลับเสียงทุ้ม

“บอกกับพาลีส·โซโรอาสเตอร์ว่า ผมเป็นข้ารับใช้ของความลับ จะพยายามสวดวิงวอนขอความช่วยเหลือ”

ไคลน์หมายถึง ตนคือข้ารับใช้ของ ‘มารดาแห่งความลับ’ แต่การพูดเช่นนี้จะทำให้พาลีส·โซโรอาสเตอร์เข้าใจว่าเป็นข้ารับใช้ของ ‘เดอะฟูล’

………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset