Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1058 : เครื่องมือ

สี่ทุ่มคืนนี้… ไคลน์ชำเลืองมิสผู้ส่งสารที่ยังยืนรอ มันรีบกลับไปที่โต๊ะอ่านหนังสือและคลี่กระดาษขาวออกมาเขียน

“ผมจะไปตามเวลานัด… นอกจากนั้นสถานการณ์ภายในเบ็คลันด์กำลังตึงเครียดอย่างมาก อย่าลืมคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลาย”

หลังจากเขียนเตือนชารอนเสร็จ ไคลน์พับกระดาษจดหมายและหยิบเหรียญทองกับ ‘เพชร’ ทรงสี่เหลี่ยมที่ส่องแสงตลอดเวลาออกจากกระเป๋าเสื้อ

“นี่คือยันต์วันวานอีกครั้ง มันจะช่วยให้คุณยืนพลังจากอดีตได้ครู่หนึ่ง” ไคลน์ยื่นวัตถุสามชนิดให้ไรเน็ตต·ไทน์เคอร์พร้อมกัน

หนึ่งในปากของไรเน็ตต์อ้ากว้างและงับทุกสิ่งเข้าไปในคราวเดียว ส่วนอีกสามปากกล่าวอย่างพร้อมเพรียง

“ให้…” “ข้า…” “ทำไม…”

“เป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างล่วงหน้า” ไคลน์ยิ้มเหมือนทุกครั้ง

คำเตือนของกระจกวิเศษอาโรเดสทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจเตรียมการอย่างรัดกุมมากขึ้น

ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ไม่ได้ถามเซ้าซี้ สี่หัวที่ดูงดงามพยักหน้าพร้อมกันด้วยความช่วยเหลือจากมือที่หิ้วเส้นผม

จากนั้น เธอก้าวเข้าไปในความว่างเปล่าและหายไปจากห้อง

ไคลน์มองออกไปยังสายฝนโปรยท่ามกลางท้องฟ้าสีดำด้านนอกห้อง ตามด้วยถอดเสื้อนอกส่งให้บุรุษรับใช้เอ็นยูน

สามทุ่มห้าสิบนาที เขตเชอร์วู้ด บนถนนใกล้กับแม่น้ำทัสซอค

ท่ามกลางสายฝนที่เกิดขึ้นเป็นปรกติในกรุงเบ็คลันด์ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว รถม้าเช่าคันหนึ่งหักหัวเลี้ยวเข้ามาในถนนอย่างเชื่องช้า

ภายในรถม้า เอ็มลิน·ไวท์ที่กำลังถือหมวกทรงสูงในมือมองไปยังชายหนุ่มใบหน้าขาวซีดฝั่งตรงข้าม ผมเผ้าของอีกฝ่ายยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาที่อยู่ถัดลงมาเป็นสีแดงสว่าง เอ็มลินยกมุมปากเล็กน้อยพร้อมกับกล่าว

“ที่นี่?”

มาริคที่มีร่างกายกึ่งมายาผงกศีรษะรับ ตามด้วยชี้นิ้วไปทางร้านค้าในตึกหลังที่เฉียงออกไปด้านหน้า

“ใช่… ร้านหนังสือตรงนั้น เจ้าของร้านชื่อชาร์ลี·เลค เป็นชาวโลเอ็นเลือดแท้ แต่ตอนยังหนุ่มตัดสินใจเดินทางไปยังทวีปใต้เพื่อแสวงหาความร่ำรวย ที่นั่นทำให้มันกลายเป็นสาวกของโรงเรียนกุหลาบ กลายเป็นผู้เชื่อในเทพผู้ถูกล่าม ภายหลังมันถูกส่งมายังเบ็คลันด์เพื่อสืบข่าวและคอยให้ความช่วยเหลือสมาชิกของโรงเรียนกุหลาบทำงานจิปาถะ พวกเราจับตามองมันมานานแล้วและอยากเชือดทิ้งกับมือ จะได้ตัดการส่งข่าวและใช้ชีวิตได้อย่างสบายมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ฝืนใจไว้ชีวิตมันมาตลอด”

เอ็มลินกล่าวพลางยิ้ม

“กลายเป็นว่า ‘การรับแรงปรารถนา’ กำลังผลิดอกออกผล… หึหึ… อันที่จริงท่าทีของคุณผิดไปจากที่ผมจินตนาการเล็กน้อย นึกว่าวิญญาณอาฆาตที่ระงับแรงปรารถนาจะพูดกระชับกว่านี้”

มาริคชำเลืองแวมไพร์ที่โอ้อวดตัวเองว่าเป็นไวเคาต์

“ต่างคนก็ต่างนิสัย ความอดกลั้นมีไว้เพื่อตัดแรงปรารถนาที่เกิดขีดจำกัดเท่านั้น… การที่ผมต้องอธิบายยาวๆ ก็เพราะกังวลว่าคุณอาจจะไม่เข้าใจ ส่งผลให้งานของเราล้มเหลว และนั่นจะยิ่งทำให้แรงปรารถนาของผมถูกกระตุ้นจนปรอทแตก”

โฮ่… ช่างสำบัดสำนวน แต่ไม่ต้องยกตัวอย่างเป็นข้าก็ได้… เอ็มลินเอนหลังพิงกำแพงด้วยท่าทีผ่อนคลาย จากนั้นก็มองหน้าอีกฝ่ายและพูด

“เล่าต่อเลย”

มาริคมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“ภายในบ้านของชาร์ลี·เลคยังมีสาวใช้ที่มาจากหุบเขาเพิร์ธอีกหนึ่งคน หล่อนเองก็เป็นสมาชิกโรงเรียนกุหลาบ… นอกจากนั้นภายในบ้านฝั่งตรงข้ามร้านหนังสือของชาร์ลี·เลคเยื้องไปสองหลัง ที่นั่นมีแม่ม่ายและขี้เมาอาศัยแยกกัน พวกมันต่างเป็นสาวกของเทพผู้ถูกล่ามและคอยส่งข้อมูลให้กับโรงเรียนกุหลาบในยามคับขันเสมอ… สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ หลังจากพวกเราจัดการกับชาร์ลี·เลค ให้คอยจับตามองทั้งสามคนนี้เอาไว้ สังเกตวิธีการส่งข้าวและล็อกเป้าผู้นำสูงสุดของโรงเรียนกุหลาบในกรุงเบ็คลันด์ให้ได้… แน่นอนว่าพวกเราจะเปิดโอกาสทางให้ชาร์ลี·เลคได้ขอความช่วยเหลือหรือส่งสัญญาณ”

เอ็มลินพยักหน้าและตอบ

“เข้าใจแล้ว”

มันรีบเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆหนาจนบดบังแสงจันทร์สีแดง พลางหมุนแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งประดับประดาไปด้วยอัญมณีสีน้ำเงิน

แหวนวงนี้คือ ‘คำสาบานแห่งกุหลาบ’ ช่วยให้เอิร์ลมิสทราลแบ่งปันการมองเห็น การได้ยิน และการดมกลิ่นกับเอ็มลิน

แหวนวงนี้เปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาอยู่กับเอ็มลินอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าแค่ชั่วคราว

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกคำที่มาริคอธิบายให้ฟังเมื่อครู่ล่วงรู้ถึงหูเอิร์ลมิสทราลเรียบร้อยแล้ว และกำลังถูกส่งต่อให้กับผีดูดเลือดตนอื่นที่เข้าร่วมปฏิบัติการ

เดิมทีเอ็มลินคิดว่าแม้ตนจะมีหน้าที่เป็นคนกลางซึ่งไม่ได้ทำงานสำคัญ แต่อย่างน้อยก็น่าจะได้แสดงความสามารถที่คล้ายเวทมนตร์ของปราชญ์สีชาดอยู่บ้าง เช่นการส่งข่าวต่อหน้าวิญญาณอาฆาตมาริคด้วยท่วงท่าสง่างาม ใครจะไม่คิดว่ามันไม่ต้องทำอะไรเลยจริงๆ มีหน้าที่แค่สวมแหวนและเฝ้ามองเห็นการในระยะใกล้

สิ่งนี้ทำให้มันหดหู่และรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงเครื่องมือ

หากไม่ใช่ครึ่งเทพ อย่าว่าแต่การกอบกู้ตระกูลผีดูดเลือดเลย จำนวนภารกิจที่เรามีส่วนร่วมได้ตรงๆ นั้นน้อยมาก… หัวใจเอ็มลินเริ่มเต้นแรงทันที ตระหนักว่าระดับในปัจจุบันของตนยังไม่คู่ควรแก่การเป็น ‘ตัวตนลับ’ ที่มีภารกิจกอบกู้วงศ์ตระกูล

สำหรับพลังของแหวนคำสาบานแห่งกุหลาบที่จะส่งความคิดของผู้สวมไปหาอีกฝ่ายอยู่เนืองๆ เอ็มลินมิได้กังวลนักเพราะมันไหว้วานให้มิสจัสติสสะกดจิตไว้ล่วงหน้า ไม่ให้กล่าวในสิ่งที่อาวุโสร่วมเผ่าพันธุ์รายนี้ไม่ควรล่วงรู้

ทันทีที่ความคิดจบลง เสียงของเอิร์ลมิสทราลพลันดังแว่วในหัว

“โอหัง… เด็กน้อย… ไร้เดียงสา”

นี่มัน… แหวนคำสาบานแห่งกุหลาบสุ่มถ่ายทอดความคิดของเราให้เอิร์ลมิสทราล… หึ… เอ็มลินเหยียดหยันในใจ ตามด้วยการเริ่มท่องชื่อหนึ่งอย่างเงียบงัน

“เออร์เนส·โบยาร์… เออร์เนส·โบยาร์”

แวมไพร์ไวเคาต์รายนี้เคยถูกล่อลวงไปยังวิหารฤดูเก็บเกี่ยวแม้จะอยู่ภายใต้การคุ้มกันจากเอิร์ลมิสทราล!

ถึงตรงนี้ มาริคสำรวจสีหน้าเอ็มลินพร้อมกับผงกศีรษะ

“ท่าทีของคุณทำให้ผมเบาใจ”

จริงจัง สุขุม และมีสมาธิอย่างมาก

หือ? เอ็มลินผงะเล็กน้อยก่อนจะรีบยกมุมปากและตอบ

“ขอบใจ”

บนชั้นสองของร้านหนังสือในบ้านชาร์ลี·เลค กล่าวกันว่าพ่อและแม่ของนักธุรกิจวัยห้าสิบรายนี้เสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนตัวมันไม่เคยสมรส แต่มีข่าวลือว่ามีลูกนอกสมรสอยู่ไม่น้อยและทั้งหมดไม่ได้อาศัยอยู่กับมัน

หลังจากกำชับสาวใช้ให้ลงกลอนประตูและหน้าต่าง มันกลับไปยังห้องนอนและรินไวน์ลงแก้ว นั่งลงบนโซฟาและดื่มอย่างผ่อนคลาย

มันมีนิสัยชอบดื่มไวน์ก่อนเข้านอน

รอจนกระทั่งไวน์แดงหมดแก้ว ชาร์ลี·เลคลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องน้ำ

ขณะเดินผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องนอน มันชำเลืองตามปรกติ แต่ร่างกายกลับต้องชะงัก

ตัวมันภายในกระจกมีผิวซีดจนน่าตกใจ ดวงตาถลึงออกมาอย่างผิดธรรมชาติและตรงมุมมีสีเลือด มุมปากเองก็เปรอะเลือดสีแดงเข้ม

ในฐานะคนของโรงเรียนกุหลาบ มันไม่ประหลาดใจกับฉากที่เห็น ไม่คิดแหกปากและวิ่งหนีเหมือนคนธรรมดา แต่เลือกจะยกมือขวาขึ้นมาทาบหน้าอก

ยังไม่ทันจะได้สัมผัสกับเครื่องประดับที่มันสวม ร่างกายพลันเย็นเยียบราวกับถ้ำน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย

ประหนึ่งความเย็นเหล่านี้มีชีวิตจิตใจ พวกมันแผ่ซ่านอย่างรวดเร็วไปยังทุกซอกมุมร่างกายชาร์ลีจนมิอาจควบคุมแขนขาและกล้ามเนื้อ ราวกับตนมิได้เป็นเจ้าของและขยับไปตามความนึกคิดของผู้อื่น

ในวินาทีนี้ ชาร์ลีรู้สึกเหมือนในร่างกายของมันมีอีกคนหนึ่งอาศัยอยู่ จิตของอีกฝ่ายเย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยจิตสังหาร เพียงไม่นานก็ควบคุมทุกสิ่งได้เบ็ดเสร็จยกเว้นความคิดของชาร์ลี·เลค

ขณะเดียวกันชาร์ลีสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย มีสองร่างปรากฏขึ้นในภายในดวงตาที่กำลังสะท้อนบนกระจกบานใหญ่ ทั้งสองร่างคือชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกั๊กสีดำ

แต่ทันใดนั้น เมื่อมือขวาของมันสัมผัสเข้ากับวัตถุบนหน้าอก แสงสว่างพลันเจิดจ้าขึ้นทันที

แสงดังกล่าวคล้ายกับมีต้นกำเนิดจากดวงอาทิตย์ขนาดย่อยส่วน ช่วยมอบทั้งความสว่างและความร้อน

ชาร์ลี·เลคสัมผัสถึงความอบอุ่นได้ทันทีและไม่หนาวอีกต่อไป จึงรีบพ่นคำออกมา

“ชำระล้าง!”

ดวงอาทิตย์ขนาดย่อส่วนบนหน้าอกมีความร้อนสูงขึ้นจากเดิม แสงสว่างแปรสภาพกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับน้ำอุ่นและแทรกซึมเข้าไปในร่างกายในลักษณะคลื่นกระเพื่อม

ส่งผลให้ชาร์ลี·เลคได้รับสิทธิ์การควบคุมร่างกายกลับคืนมา อย่างไรก็ตาม มันไม่แยแสประตู แต่เปลี่ยนเป็นการวิ่งเข้าใส่หน้าต่างแทน

หน้าต่างในจุดดังกล่าวยังไม่ถูกขึงปิด ยังคงมองเห็นฝนปรอยๆ ด้านนอกและแสงสว่างจากโคมไฟริมถนนที่มีหมอกหนาแน่น

กึก กึก กึก!

ขณะชาร์ลี·เลควิ่งผ่านพรมตรงโต๊ะกาแฟและโซฟา มันเสียหลักกะทันหันจนเกือบล้มหัวคะมำ

คล้ายกับพรมมีชีวิตชีวาขึ้นมาและพันธนาการขามันไว้!

โครม!

โต๊ะกาแฟลอยกระแทกใบหน้าชาร์ลีพร้อมกับถ้วยชากระเบื้องเคลือบและเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และเรียงตัวกลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายหุ่นกระบอกแยกส่วน

แต่เพียงพริบตา ร่างของชาร์ลี·เลคหายไปโผล่อีกฝั่งหนึ่งของห้องพร้อมกับวิ่งหนีสุดชีวิตด้วยความกลัว

มันไม่เคยเกลียดการที่มีห้องนอนใหญ่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

โครม! โครม! โครม!

ท่ามกลางปากกาที่ยิงใส่อย่างส่งเดชและกระดาษที่พุ่งเข้าใส่ในแนวเฉียง ในที่สุดชาร์ลี·เลคก็วิ่งมาถึงหน้าต่าง

ในฐานะสาวกเดนตาย มันไม่รีบร้อนพังหน้าต่างออกไปทันที แต่เลือกที่จะกระชากผ้าม่านออกมาปิดไว้ครึ่งหนึ่ง

ในเวลาเดียวกัน มันยื่นมืออีกข้างไปทางท่อแก๊ส

บนผิวโลหะสีดำ เกล็ดน้ำแข็งสีขาวโพลนพลันก่อตัวหนาแน่น

เพล้ง! กระจกหน้าต่างแตกด้วยตัวเองโดยที่เศษแหลมๆ พลันพรั่งพรูเข้าใส่ใบหน้านักธุรกิจวัยกลางคน ผิวหนังที่เรียบเนียนของมันถูกทะลวงผ่านในพริบตาพร้อมกับเกิดเลือดไหลเป็นทางยาวถึงคอ

ดวงตาของชาร์ลี·เลคพลันหม่นหมอง ร่างกายทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างอ่อนเพลียโดยที่พยายามส่งเสียงร้อง แต่เนื้อเสียงกลับมิอาจส่งไปได้ไกลเกินกว่าห้องนอน

ขณะเดียวกัน ภายในอีกหนึ่งห้องนอนของบ้าน สาวใช้ที่เป็นชาวทวีปใต้สังเกตเห็นว่าท่อแก๊สกำลังสั่น

เธอรีบหันหน้าไปมองยังทิศทางของห้องที่ ‘นายจ้าง’ พักอาศัย ก่อนจะสังเกตเห็นว่าท่อแก๊สที่เชื่อมกับห้องดังกล่าวมีน้ำแข็งเกาะ

ภายในบ้านฝั่งตรงข้าม ชายขี้เหล้าที่กำลังถกแขนเสื้อดื่มเหล้าพลันตระหนักว่าผ้าม่านบ้านชาร์ลีถูกขึงปิดเพียงครึ่งเดียว

สัญญาณลับที่ชาร์ลีตกลงไว้กับคนอื่นก็คือ หากผ้าม่านขึงปิดมิดชิดหรือเปิดโล่ง นั่นหมายถึงไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากผ้าม่านขึงปิดเพียงครึ่งเดียว นั่นแปลว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นและมันกำลังตกที่นั่งลำบาก อีกฝ่ายต้องรีบแจ้งข่าวให้เบื้องบนทราบทันที

ชายขี้เมาพลันลุกพรวด

……………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset