เฮอร์วิน·แรมบิสจิบชาจากถ้วยกระเบื้องเคลือบ มองหน้าออเดรย์ที่นั่งตัวตรงอย่างสำรวม ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าว
“ไม่ต้องเกร็ง พวกเรามิได้เพิ่งเคยเจอกัน ผมยังจำได้เมื่อสองปีก่อน คุณและผมเคยถกกันเรื่องปรัชญาคุณธรรมของเบอร์แมนและลัทธิปฏิบัตินิยมของคอนไซเซา”
ออเดรย์ยิ้มจาง
“มันยากที่จะให้เชื่อมโยงคุณเข้ากับคณะกรรมการของสมาคมแปรจิต”
เฮอร์วิน·แรมบิสยังไม่ได้แนะนำตัวเอง แต่พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันและความรู้ของออเดรย์ เธอมีสิทธิ์เชื่อมโยงได้อย่างสมเหตุสมผล
เฮอร์วินไขว่ห้างขวาทับซ้าย กล่าวพลางยิ้ม
“ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ต้องไม่ลืมว่า สมาคมแปรจิตของเราเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ เป็นนักวิชาการมากกว่านักธุรกิจ… อา… เป็นเพราะเป็นนักวิชาการ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่คุณจะมองว่าคณะกรรมการของสมาคมแปรจิตเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย”
หากไม่ใช่เพราะมิสเตอร์เวิร์ลเล่าให้ฟังว่า เฮอร์วิน·แรมบิสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าตัวตายของคารอน ไม่ว่าจะมองมุมใด ออเดรย์ก็พบว่าชายชราฝั่งตรงข้ามเปี่ยมไปด้วยความรู้ จิตใจอ่อนโยน มีอารมณ์ขัน เป็นนักปราชญ์ในอุดมคติที่ไม่หยิ่งผยอง แต่ปัจจุบัน เธอทราบความจริงแล้ว จึงไม่หลงเชื่อในสิ่งที่เห็นภายนอก
เธอมองหน้าอีกฝ่าย เรียบเรียงคำพูด ไม่ปล่อยให้สติจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป สร้างความคิดที่กระตือรือร้นและแตกต่าง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกสะกดจิต
ทันใดนั้น คล้ายกับเธอตกอยู่ในภวังค์ มองเห็นดวงแสงบริสุทธิ์เจ็ดดวงที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ มองเห็นร่างหนึ่งซึ่งแน่นหนาและยากจะอธิบาย ร่างดังกล่าวแผ่ปกคลุมทุกสิ่งจากมุมสูง
นี่คือผืนนภาแห่งวิญญาณ เป็นภาพสะท้อนโลกวิญญาณในจิตใจ!
และใต้ผืนนภาแห่งวิญญาณ มีทะเลลึกและมืด น้ำทุกหยดคล้ายกับจุดแสง คล้ายกับเป็นตัวแทนของจิตใต้สำนึกมนุษย์
ใกล้กับทะเลมีหลายเกาะ หนึ่งในนั้นเป็นเกาะของออเดรย์
เธอตระหนักได้ทันทีว่าที่นี่คือ ‘จิตใต้สำนึก’ ของเธอ บนผิวน้ำคือสิ่งที่เธอรับรู้และตระหนักถึง ส่วนลึกลงไปใต้ผิวน้ำทะเลคือข้อมูลระดับจิตใต้สำนึก มิอาจสัมผัสถึงจับต้องได้ตามใจชอบ
ในสภาพลอยอยู่เหนือเกาะ มองลงไปยังด้านล่าง สิ่งแรกที่ออเดรย์เห็นกลุ่มสีเทาที่เงียบงันและแปลกแยก พวกมันบดบังทัศนวิสัย ทำให้มองเห็นเพียงเค้าโครงขนาดใหญ่อันมืดมิดของจิตใต้สำนึก รวมถึงทะเลจิตใต้สำนึกรวมมายาที่กำลังกระเพื่อม เป็นการยากที่จะมองเห็นข้อมูลภายในนั้น
ออเดรย์กำลังสงสัยว่า ตนถูกส่งเข้าสู่ภาวะแปลกประหลาดเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ทันใดนั้นก็มองเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านล่างเกาะ ลึกลงไปในทะเลจิตใต้สำนึกรวม กลุ่มก้อนสีเทาขนาดใหญ่ถูกแหวกออกเหมือนทะเลที่ถูกผ่าครึ่ง เผยให้เห็นบันไดที่ซึ่งมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรก็มิอาจทราบได้
บนขั้นบันได บุคคลหนึ่งเดินขึ้นมาด้วยความเร็วสูงราวกับหายตัว เพียงพริบตาก็เข้าสู่ระยะที่ออเดรย์มองเห็นได้ชัด
ผมสีขาวโพลนแต่ดกหนา สวมสูทมาตรฐานสามชิ้นและกางเกงขายาวสีน้ำเงินอมเทา เนกไทสีแดงเข้ม ริ้วรอยบนหน้าผากเด่นชัดกว่าจุดอื่น ไม่ใช่ใครนอกจากเฮอร์วิน·แรมบิส
เมื่อเทียบกับแรมบิสบนโซฟาเดี่ยว แรมบิสปัจจุบันมีบรรยากาศชั่วร้ายคล้ายนกล่าเหยื่อ ปราศจากรอยยิ้ม ใบหน้าก้มต่ำเล็กๆ คล้ายกับกำลังตรวจสอบจิตใต้สำนึกของออเดรย์ที่ซ่อนอยู่หลังบันได
ผ่านไปสองสามก้าว มันเข้าไปในเกาะจิตใต้สำนึกของออเดรย์ผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม จากนั้นก็ย้ายไปยังผิวน้ำทะเล ทุกสิ่งเกิดขึ้นเงียบๆ ราวกับแขกผู้มาเยือนที่ไม่เคาะประตู
หลังจากเดินไปถึงอีกเกาะหนึ่ง เฮอร์วิน·แรมบิสเงยหน้าขึ้น ผิวหนังบางส่วนปกคลุมด้วยเกล็ดสีเทา ดวงตาสีทอง รูม่านตาทรงรีแนวตั้ง ปราศจากอารมณ์โดยสิ้นเชิง
นี่มัน… ออเดรย์ที่ลอยกลางอากาศ ได้เห็นฉากตรงหน้าก็เข้าใจสถานการณ์ทันที
ที่นี่คือโลกแห่งจิต ด้านบนเป็นผืนนภาแห่งวิญญาณ ด้านล่างเป็นทะเลจิตใต้สำนึกรวมที่ประกอบไปด้วยเกาะจิตใต้สำนึกส่วนบุคคล!
ระหว่างที่ได้รับพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล เฮอร์วิน·แรมบิสบุกรุก ‘กายปัญญา’ ของเราผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม คอยสังเกตพฤติกรรมหวาดระแวงของเราในโลกแห่งจิต… พรของเทวทูตช่วยแยกจิตสำนึกส่วนที่สำคัญที่สุดของเราออกจากกัน ช่วยให้เราสามารถควบคุมทุกสิ่งภายใต้ผืนนภาแห่งวิญญาณ ต่อกรกับพลังการอ่านใจที่แท้จริง… มหัศจรรย์อะไรขนาดนี้… ไม่สิ เฮอร์วิน·แรมบิสน่าขยะแขยงมากต่างหาก! เสียมารยาทที่สุด บุกเข้ามาใน ‘บ้าน’ คนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต แถมยังไม่บอกกล่าว! ออเดรย์พึมพำในอากาศ
เธอเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน แบ่งจิตส่วนหนึ่งเพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงของ ‘เกาะ’ อีกส่วนหนึ่งตอบสนองเฮอร์วิน·แรมบิสที่กำลังนั่งบนโซฟาในโลกความจริง
“ดิฉันยิ่งต้องสำรวมเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์มหาวิทยาลัย”
ขณะสนทนา ออเดรย์เปลี่ยนให้เกาะภายใน ‘พึมพำ’ ว่า:
คำเปรียบเปรยของเขาไม่ถูกต้องสักเท่าไร… ในฐานะคณะกรรมการอาวุโสของสมาคมแปรจิต อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในลำดับ 4 เป็นตัวตนระดับครึ่งเทพ จะไม่ให้หวาดกลัวได้ยังไงกัน!
เฮอร์วิน·แรมบิสบนโซฟาหัวเราะในลำคอ
“ถ้าคิดเช่นนั้นผมคงบังคับคุณไม่ได้… ผมเคยได้ยินฮิลเบิร์ตเล่าเรื่องของคุณให้ฟังแล้ว ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็เลื่อนลำดับจาก ‘นักจิตบำบัด’ กลายเป็น ‘นักสะกดจิต’ ผมอยากทราบว่าคุณทำได้อย่างไร? อา… ผมได้ยินคำอธิบายที่คุณบอกกับเอสลันด์แล้ว นั่นคือความกล้าที่จะลงมือทำ ซึ่งผมอยากฟังรายละเอียดเพิ่มเติม”
กล่าวถึงตรงนี้ เฮอร์วิน·แรมบิสบนเกาะแห่งจิตของออเดรย์มองไปรอบๆ ด้วยสายตาไร้อารมณ์ คอยฟังเสียงสะท้อนจากภายใน
ออเดรย์เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว จึงแสร้งเรียบเรียงคำพูด กล่าวหลังจากผ่านไปสักพัก
“คำว่ากล้าที่จะลงมือคงไม่ถูกต้องนัก… เอ่อ… คงต้องกล่าวว่า ดิฉันเคยตั้งเป้าที่จะเป็นนักจิตบำบัด ในเมื่อได้รับครองพลังดังกล่าว ก็ยินดีที่จะลองใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกันก็เป็นความสุขของดิฉันที่ได้ใช้พลังช่วยเหลือคนรอบข้างแก้ปัญหาทางจิตใจ”
ขณะกล่าว เธอแสดงออกด้วยท่าทีเขินอาย และเกาะแห่งจิตภายในก็กำลังสะท้อนในสิ่งเดียวกัน
เว้นวรรคสักพัก ออเดรย์กล่าวต่อ
“ระหว่างที่ตระเวนรักษา ดิฉันพบว่าโอสถย่อยได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง บางสิ่งในร่างกายถูกทุบจนแตกเป็นเสี่ยงๆ และหลั่งไหลเข้าสู่กระแสเลือด พร้อมกับมองเห็นดวงดาวมายาดวงหนึ่ง มิสเตอร์แรมบิส สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ? เอ่อ… ไม่รู้ทำไม นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดิฉันก็เชื่อว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะเป็นนักสะกดจิต… นั่นอาจเป็นเสียงบอกใบ้จากจิตใต้สำนึก”
กล่าวจบ ออเดรย์จงใจทำให้ตัวเองที่อยู่ภายในเกาะแห่งจิตแลบลิ้นน่ารักๆ เหมือนเด็ก ทำในสิ่งที่ปรกติแล้วจะไม่ทำ เพื่อพิสูจน์ว่าปัจจุบันกำลังเขินอายอย่างแท้จริง เพราะการเล่นเป็นจิตแพทย์นั้น ไม่ต่างอะไรกับการเล่นเป็นเจ้าหญิงในสมัยเด็ก
และความเขินอายย่อมหมายถึง เธอกำลังพูดความจริง
เฮอร์วิน·แรมบิสพยักหน้ารับ
“เก่งมาก… คุณค้นพบเทคนิคการสวมบทบาทด้วยตัวเอง”
“เทคนิคสวมบทบาท?” ออเดรย์เผยสีหน้าประหลาดใจเจือสับสนทั้งภายในและภายนอก ก่อนจะแสร้งทำเป็นกระจ่าง
เฮอร์วิน·แรมบิสกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เธอเข้าใจถูกแล้ว สวมบทบาทไปตามชื่อของโอสถและสรุปกฎที่สอดคล้อง นั่นคือเทคนิคสวมบทบาท จะช่วยให้โอสถถูกย่อยเร็วขึ้น เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดผลข้างเคียงด้านลบ… แต่ก่อนลำดับ 6 ทางเราไม่สนับสนุนให้สมาชิกใช้วิธีนี้เพื่อเร่งการย่อยโอสถ จึงมิได้สอน กลับกลายเป็นว่า คุณค้นพบมันด้วยตัวเองโดยบังเอิญ”
“แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุน?” ออเดรย์ถามด้วยความสงสัยจากก้นบึ้ง
เฮอร์วิน·แรมบิสถอนหายใจและกล่าว
“วิธีนี้จะทำให้สมาชิกสูญเสียความเป็นตัวเอง บางคนอาจรอบรวมกับจิตตกค้างภายในโอสถ… สรุปให้เข้าใจง่าย สามลำดับล่างสุดต้องค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับพลังและการเป็นผู้วิเศษ สร้างความตระหนักรู้ถึงตัวเองอย่างลึกซึ้งและชัดเจน ช่วยให้รับมือกับปัญหาที่อาจเกิดกับเทคนิคสวมบทบาทในภายหลังได้ง่ายขึ้น… แน่นอน นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับเส้นทางผู้ชม สำหรับเส้นทางอื่น ผมเองก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ผู้วิเศษที่ใช้พลังในขอบเขตของจิตใจ จะแตกต่างเล็กน้อยกับเส้นทางที่ใช้พลังเกี่ยวกับการตระหนักรู้ตัวเอง”
ออเดรย์มิอาจบอกได้ว่า เฮอร์วิน·แรมบิสกำลังโกหกอยู่หรือไม่ เธอมองว่ามีบางส่วนในคำพูดเมื่อครู่ที่เป็นเหตุเป็นผล แต่ก็อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด
เดอะซันน้อยเคยกล่าวไว้ว่า ข้อควรระวังของการสวมบทบาท คือต้อง ‘ไม่ลืมว่ากำลังสวมบทบาท’ … เรารู้สึกว่าประโยคนี้ฟังดูเข้าท่ากว่า… อา… และเราก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเสมอมา และต่อไปในอนาคต… ออเดรย์ เธอห้ามประมาทเด็ดขาด หลังจากนี้ต้องตระหนักรู้ถึงตัวเองให้มากขึ้น! ในสายตามิสเตอร์ฟูล นี่คงเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องเน้นย้ำอธิบายให้สมาชิกฟัง สอนว่า ‘แค่สวมบทบาท’ ก็เพียงพอแล้ว… แต่สำหรับคนธรรมดา บางทีเรื่องนี้อาจเป็นสิ่งสำคัญ… ออเดรย์ครุ่นคิดหลายสิ่ง ถามอย่างกระตือรือร้น
“ช่วยอธิบายเทคนิคการสวมบทบาทให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมคะ?”
เฮอร์วิน·แรมบิสเล่าถึงรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะเสริม
“คุณมีฝีมือและคุณสมบัติเพียงพอที่จะสมัครรับสูตรโอสถลำดับ 5 นักท่องฝัน แต่ก่อนหน้านั้น ผมจะมอบหมายงานอีกหลายชิ้น นี่เป็นทั้งการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมและการฝึกฝนคุณไปในตัว เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณกลายเป็นลำดับ 5 จะต้องเป็นผู้นำกลุ่มการสัมมนาเชิงจิตวิทยาในอนาคต ทุกการตัดสินใจและทางเลือกของคุณจะส่งผลต่ออนาคตของสมาชิกภายในบังคับบัญชา หรือแม้กระทั่งส่งผลต่อชีวิตพวกเขา ดังนั้น เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้วิเศษที่ขาดทักษะในการตัดสินใจเลื่อนเป็นลำดับ 5 ได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ” ออเดรย์ไม่คัดค้าน “งานชิ้นแรกคืออะไร?”
เฮอร์วิน·แรมบิสยิ้ม
“เป็นงานง่ายๆ แต่ค่อนข้างขาว… ทุกคนการตอบสนองของคุณจะถูกนับเป็นคะแนนผลงาน”
กล่าวถึงตรงนี้ มันถอนหายใจ
“ความแตกแยกระหว่างพรรคหัวก้าวหน้ากับพรรคอนุรักษนิยมกำลังขยายวงกว้าง มีความขัดแย้งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเมืองภายในอาณาจักร ผมอยากให้คุณคอยสำรวจทัศนคติของบิดาคุณ ท่านเอิร์ลฮอลล์ และนำความคิดเห็นของเขาหรือการเคลื่อนไหวมาเล่าให้ผมฟัง… มั่นใจได้เลย สิ่งนี้จะไม่เป็นอันตรายกับเขา ทางเราแค่ต้องการสมานความขัดแย้ง”
ประโยคครึ่งหลังของมันไม่มีหลักตรรกะรองรับ มีเพียงคำมั่นสัญญาปากเปล่า ทว่า เมื่อเฮอร์วิน·แรมบิสบนเกาะแห่งจิตของออเดรย์ยกมือขวาขึ้นมากดหน้าผาก ออเดรย์พลันรู้สึกว่าคำพูดอีกฝ่ายสมเหตุสมผล
ในสภาพลอยตัวกลางอากาศภายในโลกแห่งจิต เธอตื่นจากภวังค์และพบสิ่งผิดปรกติทันที
…………………………………………