บทที่ 45 อันดับที่หนึ่งของในโลก
หลี่อี้และซูอวี้ ทั้งสองคนทุกคนต่างคาดเดาได้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อที่จูลี่พูดออกมาเป็นชื่อสุดท้ายแล้ว พิธีกรที่ยืนอยู่ข้างจูลี่ถึงกับตะลึงงันไป ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างตะลึงค้างกันทั้งหมด แม้ตัวถวนจื่อยังถึงกับคาดไม่ถึง
และในขณะเดียวกัน… ก็รู้สึกไม่ยุติธรรม
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?ทั้งๆ ที่ถวนจื่อเป็นผู้ชนะ ทำไมจูลี่ถึงข้ามเขาที่ได้ที่หนึ่ง แต่กลับเลือกที่สอง?
ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์ทั้งหมดต่างสงสัยในการตัดสินใจของจูลี่ เพราะทุกคนต่างรู้ว่า ถวนจื่อเป็นผู้ชนะบนเวทีนี้ แต่จูลี่กลับไม่เลือกเขา กลับเลือกผู้ที่ได้อันดับสองอย่างผิดคาด
ในขณะที่ถวนจื่อยืนนิ่งข้างไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่นั่นเอง ฟางฉีจึงเดินเข้ามา เริ่มเอ่ยกับ ถวนจื่อ”ขอโทษด้วยนะ ก่อนหน้านี้ฉันอยากจะบอกกับนายแล้ว … แต่จริงๆ แล้ว เรื่องนี้เป็นครูฝึกจูลี่มาที่บ้านฉันเพื่อคุยเรื่องนี้กันตั้งแต่แรกแล้ว”
ลี่จุนถิงได้ยินเขาพูดอย่างนั้น จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเริ่มบูดเบี้ยว “ทำไม?”
ฟางฉีคิดอยู่นาน ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นด้วยความสัตย์ซื่อ “อาจจะเป็นเพราะ… เพราะบ้านเรามีเงินมั้งครับ”
เงินเหรอ?เมื่อได้ยินคนอื่นพูดถึงคำนี้ ลี่จุนถิงอดแค่นยิ้มออกมาไม่ได้ ชายคนนี้ทำให้ ฟางฉีรู้สึกกลัว เขาสั่นเทิ้มขึ้น
ลี่จุนถิงก้มหน้าต่ำลง และไม่ได้พูดอะไรอีก เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกสั่นสะท้านพลางมองไปยังถวนจื่อ เพราะเกรงว่าเรื่องนี้จะทำให้ถวนจื่อรู้สึกผิดหวังและรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ขณะเดียวกันก็เริ่มโทษตัวเองที่ไม่มีความสามารถ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะสถานะทางบ้านที่ไม่ดีเทียบเท่าคนอื่น ถวนจื่อคงไม่ต้องได้รับความอยุติธรรมเอาแบบนี้?
ทั้งหมดต้องโทษเธอ ที่ดูแลถวนจื่ออย่างดีไม่ได้ … เจียงหยุนเอ๋อต่างโทษตัวเองโดยตลอด
ถวนจื่อเอาแต่ก้มหน้า ไม่พูดอะไรอยู่นาน เจียงหยุนเอ๋อมองไปยังเขาอย่างระมัดระวัง แล้วย่อตัวลงอยากเห็นสีหน้าของเขา “ถวนจื่อ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงแสดงความห่วงกังวล ถวนจื่อจึงรีบเงยหน้าขึ้นทันที พลางส่ายหน้ากับเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ “หยุนเอ๋อ ผมไม่เป็นอะไรครับ”
“ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?” แม้ถวนจื่อจะตอบมาอย่างนั้น แต่อย่างไรเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่อาจวางใจทั้งหมด จึงถามอีกครั้งหนึ่ง
“หยุนเอ๋อ ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ” ถวนจื่อตอบเจียงหยุนเอ๋อด้วยน้ำเสียงดื้อดึงแบบเด็ก “ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้เข้าร่วมทีม AY ของครูฝึกจูลี่ แต่แม่ดูสิ ผมอายุยังน้อยอยู่เลย ต่อไปภายภาคหน้าต้องมีโอกาสอีกแน่ๆ”
เมื่อพูดจบ ถวนจื่อก็ยังคงเกรงว่าเจียงหยุนเอ๋อจะไม่สบายใจ ยังเอ่ยเสริมขึ้นอีก “ต่อไปพวกเราฝึกฝนเองก็ได้ ในอนาคตผมจะใช้ความสามารถของตัวเองเข้าร่วมทีมที่เก่งที่สุดของประเทศ และผมจะเป็นผู้เข้าแข่งขันที่เก่งที่สุดให้ได้”
เมื่อได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของถวนจื่อ เจียงหยุนเอ๋อถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง และยังแยกไม่ออกว่าถวนจื่อไม่เสียใจจริงๆ หรือทำเพื่อปลอบเธอเท่านั้น ท้ายที่สุด เจียงหยุนเอ๋อทำได้เพียงพยักพเยิดหน้า
คำพูดของถวนจื่อนับว่าลอยไปกระทบหูของลี่จุนถิง แววตาของเขาส่องประกายขบขันออกมา พลางเอ่ยขึ้นเสียงเบา “น่าสนใจ”
เจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่ใกล้กับลี่จุนถิง เมื่อได้ยินดังนั้น อดไม่ได้ที่จะขอความเป็นธรรมให้กับถวนจื่อ นางกระทืบเท้าเบาๆ ลืมนึกถึงหน้าตาของลี่จุนถิง ถามกลับ “ถวนจื่อถูกกระทำถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณถึงรู้สึกว่ามันน่าสนใจหรือ?”
จริงๆ แล้วหากเจียงหยุนเอ๋อพิจารณาให้ดี ก็จะเข้าใจได้ว่าที่ลี่จุนถิงเอ่ยออกมาแบบนั้นต้องไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องที่ถวนจื่อไม่ได้รับเลือกแน่ๆ แต่เป็นเพราะเธอใส่ใจถวนจื่อมากจริงๆ จนดูจะเป็นห่วงมากเกินไป
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับตัวเอง และยังกล่าวโทษตัวเองอีก ลี่จุนถิงต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ แต่หากเปลี่ยนเป็นตอนนี้ หากเป็นคนอื่นก็คงไม่กล้าทำแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ช่างแปลกประหลาดนัก ลี่จุนถิงกลับไม่รู้สึกอะไรเสียด้วยซ้ำ
เขาเพียงแต่ปรายตามองเจียงหยุนเอ๋อเอ่ยถามขึ้น “เธอคิดว่า ฉันหมายความว่าอย่างนั้นเหรอ?”
เจียงหยุนเอ๋อที่ค่อยๆ สงบลงก็ลังเลที่จะมองลี่จุนถิง แล้วถามขึ้น “อย่างนั้น… ไม่อย่างนั้นคุณหมายความว่าอะไร?”
“นิสัยของถวนจื่อแบบนี้ ดีมากเลย” ลี่จุนถิงตอบ
ได้ยินดังนั้น เจียงหยุนเอ๋อถึงได้รู้ว่าตัวเองได้เข้าใจผิดลี่จุนถิงไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมรับผิด ทำได้เพียงหาเหตุผลมาพูดให้ตัวเองดูถูกต้อง “ใครบอกให้คุณพูดไม่ชัดเจนกันเล่า…”
ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่ถูกเรียกชื่อโดยครูฝึกจูลี่ ต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่ แม้ถวนจื่อจะไม่ได้รับเลือก และพวกเขาก็แปลกใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าครูฝึกจูลี่ พวกเขาก็ไม่กล้าจะพูดอะไรมาก ทำได้เพียงส่งสายตาเห็นใจและให้กำลังใจไปยัง ถวนจื่อ
ถวนจื่อก็รับความรู้สึกผ่านสายตานั้นอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันเดินไปบนเวที สีหน้าของลี่จุนถิงดูหม่นหมอง แม้เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ เห็นสายตาดังนั้นก็อดประหลาดใจไม่ได้
“ลี่จุนถิง คุณ…เป็นอะไร?” เจียงหยุนเอ๋อกลืนน้ำลายลงคอ พลางถามอย่างระมัดระวัง
สายตาของลี่จุนถิงจับจ้องไปบนตัวของครูฝึกจูลี่ ที่อยู่ไกลๆ สายตาเผยให้เห็นความไม่พอใจอย่างเต็มที่โดยชัดเจน เจียงหยุนเอ๋อสัมผัสความน่ากลัวที่รู้สึกได้จากแววตาของเขา ก็ให้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ลี่จุนถิงไม่ได้ตอบเจียงหยุนเอ๋อแต่กลับนำโทรศัพท์ออกมาโทรหาซู่จี้งยี้
“นายมาตรงนี้หน่อย”
ไม่นานหลังจากนั้น ซู่จี้งยี้ก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อเห็นซู่จี้งยี้ในชั่วครู่นั้น ความรู้สึกในใจของเจียงหยุนเอ๋อสับสนขึ้นมาทันที
ไม่ใช่เป็นเพราะเธอมีอคติกับซู่จี้งยี้ แต่เพราะทุกครั้งที่ลี่จุนถิงเรียกซู่จี้งยี้มา ก็จะต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรสักอย่างขึ้น
เพียงเห็นลี่จุนถิงกระซิบที่หูของซู่จี้งยี้ไม่กี่คำ จากนั้นซู่จี้งยี้ก็พยักพเยิดครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินไปทางเวที
เมื่อเห็นภาพนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ตะลึงงันแล้ว รีบเอ่ยถามขั้น “คุณเรียกผู้ช่วยซู่ ไปทำอะไร?”
คงไม่ใช่ไปประกาศเรื่องที่ถวนจื่อได้รับความอยุติธรรมหรอก?เจียงหยุนเอ๋อเริ่มคิดไปต่างๆ นาๆ
ลี่จุนถิงปรายตามองมายังนางแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ตอบอะไร ในตอนนั้นซู่จี้งยี้ได้ขึ้นเวทีไปแล้ว แล้วเอ่ยอะไรข้างๆ หูพิธีกร
พิธีกรดูราวกับแปรเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นขึ้นมา
ผู้คนเบื้องล่างเวทีเห็นผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปบนเวทีก็รู้สึกแปลกใจขึ้น ยิ่งเป็นปฏิกิริยาของพิธีกร ยิ่งอยากรู้ว่าตกลงซู่จี้งยี้คุยอะไรกับพิธีกร
หลังจากนั้น พิธีกรก็ถือไมโครโฟนขึ้น ประกาศขึ้นที่สนามนั้นเอง “ตอนนี้มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามคุณX ได้รับชมการแข่งขันครั้งนี้ในสนาม รู้สึกชื่นชมผู้ชนะกลุ่มเยาวชนรุ่นเล็กเจียงซิ่งหวีเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงสมัครใจมอบเงินยี่สิบล้านสร้างทีมขึ้นมา และชื่อของทีมนี้ก็มาจากชื่อย่อของเจียงซิ่งหวีเป็น XY ทีมนี้ในอนาคตจะลงทุนอีกจำนวนมากเพื่อเชิญคนที่เก่งที่สุดเข้าทีม พร้อมสร้างศูนย์ฝึกที่หรูหราใหญ่โต สร้างบรรยากาศการแข่งขันออนไลน์ให้กับผู้เข้าแข่งขัน”
หยุดไปชั่วครู่ พิธีกรจึงเอ่ยต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของเขาคือที่หนึ่งในประเทศ S และครองอันดับหนึ่งของโลก!”