โรล่า
โดย
หมอแมว
เปร้ง! เสียงวันถุกระแทกเข้ากับกระทะโลหะ รอนหันกระทะเฉียงออกไปทางซ้ายเล็กน้อยและก้าวเท้าหมุนตัวไปในทิศตรงข้าม ก่อนจะเหวี่ยงไม้ในมือขวาฟาดลงไป
พลั่ก!
บราวนี่กระเด็นกลิ้งไปตัวนึง แต่รอนไม่ได้สนใจ เขาหันกระทะรับบราวนี่อีกตัวที่พุ่งเข้ามา บราวนี่ที่ปะทะกับกระทะหยุดและถอยตั้งหลักเพียงเพื่อจะพบว่า …
พลั่ก!
ไม้ฟาดลงมาจากเบื้องบนทุบบราวนี่ตัวนั้นลงกับพื้น จังหวะนั้นบราวนี่ตัวที่สามกระโจนกัดที่ข้อมือซ้าย เด็กหนุ่มทิ้งไม้ลงกับพื้นแล้วดึงมีดที่เหน็บไว้กับเข็มขัดออกมา ‘ฉึก ฉึก ฉึก’
ร่างเล็กสีน้ำตาลร่วงลงพื้นถอยไปตั้งหลัก แถบพลังยังอยู่ในโซนสีเขียว แผลที่ลำตัวของมันเป็นแผลเล็กๆสามรอย มันเดินวนเล็กน้อยก่อนจะพุ่งเข้ามาอีกครั้ง รอนตวัดมีดในมือปาดออกไป เลือดสีแดงกระเซ็นลงพื้น
“โอ๊ย”
[-1]
บราวนี่กัดอยู่ที่ตรงข้อมือจนเขาต้องปล่อยมีดหลุดลง รอนเอากระทะในมืซ้ายทุบลงบนตัวมันไม่ยั้งจนแถบพลังมันตกลงไปที่แถบเหลือง จังหวะที่มันอ้าปากนั่นเองรอนคว้าขามันได้ จากนั้นฟาดลงกับพื้นไม่ยั้ง
พลั่ก พลั่ก พลั่ก!
ร่างในมือนิ่งสนิท รอนวางบราวนี่ลง จากนั้นก็หยิบมีดมาคว้านเอาผลึกแกนมอนสเตอร์ออกมาทีละตัวๆ พลางมองมีดในมืออย่างขัดใจ
เขานึกว่ามีดจะใช้ในการต่อสู้ได้ดีแต่ปรากฎว่ากับศัตรูที่ขนาดเล็กและเบาอย่างบราวนี่ พอเขาจิ้มมีดไปปรากฎว่ามันจะกระเด็นหรือถอยไปตามแรงมีดก่อนที่มันจะได้แผลลึก ส่วนการฟันด้วยมีดก็ยากเพราะว่ามีดสั้นเกินไปจนเขาพลาดเป็นส่วนใหญ่
รอนเก็บมีดเหน็บไว้ข้างเอวและนับผลึกในมือ … 18ชิ้น นี่คือจำนวนที่เขาจัดการได้นับตั้งแต่เริ่มเดินมาได้2ชั่วโมงครึ่ง
หลังจากเขาฝึกการใช่โล่(กระทะ)คู่กับไม้อยู่6ชั่วโมง แสงอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นที่ขอบฟ้า เขาจึงใส่น้ำและอาหารลงในเป้ จากนั้นรวมอาวุธที่มีแล้วออกสำรวจ … แล้วรอนก็พบว่าเพียงแค่เดินออกจากทางออก และออกจากแนวป่าได้เล็กน้อย เขาก็พบกับถนนดิน ที่พื้นยังพอมีรอยล้อรถทำให้เห็นว่าที่นี่มีอายรธรรมและมีคนอาศัย รอนตัดสินใจเลือกไปทางขวาซึ่งถ้ามองไปไกลๆเป็นทางลาดลง
หมู่บ้านควรอยู่ใกล้น้ำ และน้ำไหลลงจากที่สูง
จากนั้นเขาก็ถูกโจมตีจากกลุ่มของบราวนี่เป็นระยะๆ แต่ละกลุ่มมีประมาณ3-5ตัว
เขาเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆ เก็บก้อนหินขนาดพอดีๆจากพื้นใส่ลงในเป้ที่สะพายข้างหลัง มองนาฬิกาที่บอกเวลา8โมงครึ่ง แม้พระอาทิตย์จะขึ้นสูงแล้ว แต่ต้นไม้ใบเขียวก็ป้องกันแสงที่สาดส่องลงได้อยู่พอสมควร
รอนเดินไปสักพักก่อนจะได้ยินเสียงดังจากด้านหน้าไกลๆ
“กี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
เสียงของบราวนี่ที่เขาได้ยินมาตลอดตั้งแต่ออกเดินทาง เพียงแต่ว่าจำนวนต้นเสียงดูเหมือนจะมากอยู่สักหน่อย รอนค่อยๆเดินไปช้าๆ สายตาสอดส่องไปรอบๆ
ที่ข้างหน้าห่างไปประมาณ20เมตร มีบราวนี่20กว่าตัววิ่งวนรอบต้นไม้ บนนั้นมีเด็กสาวผิวขาวอายุประมาณ14 ผมสีทองนั่งบนกิ่งล่างสุดมือทั้งสองโอบต้นไม้ไว้อย่างตื่นกลัว เพราะที่พื้นเบื้องล่างมีร่างของคนอีกคนนอนนิ่งโดยมีบราวนี่หลายตัวกัดแทะอยู่
รอนรู้สึกทั้งกลัวและโมโหไปพร้อมๆกันกับภาพข้างหน้า เขามองไปรอบๆ เก็บกระทะและมีดเข้ากระเป๋าเป้ และมองหาตำแหน่งรอบๆตัวที่เหมาะๆ ก่อนจะค่อยๆเดินไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่กิ่งล่างสุดดูมั่นคงและห่างจากต้นที่เด็กหญิงคนนั้นอยู่ประมาณ10เมตร เขาเอาไม้ท่อนคู่มือวางไว้ที่โคนต้นไม้นั้นแล้วค่อยๆปีนขึ้นไปช้าๆ บราวนี่บางตัวสังเกตเห็นเขา แต่มันก็ไม่ละจากเหยื่อของมันที่นอนนิ่งจมกองเลือดที่พื้นมาแต่อย่างใด
เด็กหนุ่มจัดท่าทางที่นั่งจนแน่ใจว่าจะไม่ตกลงไป จากนั้นล้วงเอาไม้หนังสติ๊กออกมา เอนหลังพิงกับต้นไม้ จากนั้นบรรจุกระสุนเหล็กก่อนจะดึงยืดเต็มที่
‘ปุ’ ตุบ
เสียงดังเบาๆที่หัวของบราวนี่ตัวที่อยู่ขอบนอกที่สุดก่อนที่มันจะล้มลง … รอนส่ายหน้าก่อนจะเล็งไปที่ตัวที่อยู่ใจกลางวง
‘ปุ’ “กี๊ดดๆๆ”
ได้ผล … เพราะนอกจากมันจะร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะล้มลงนอนตาย บราวนี่ตัวที่เหลือและเด็กหญิงบนคาคบไม้ต่างหันมามองเขา
ก่อนที่บางตัวจะวิ่งมุ่งตรงมายังต้นไม้ที่เขาพิงอยู่
“คุณ! อย่าเพิ่งลงจากต้นไม้”รอนตะโกน ตามองบราวนี่ประมาณ10ตัวที่กรูมาอยู่ใต้ต้นไม้ของเขา เขาล้วงมือเข้าไปในเป้ หยิบก้อนหินที่เขาเก็บมาจากทีละน้อยๆจากข้างทางออกมาแล้วเหนี่ยวเล็ง
‘ปุ’ “กี๊ดดๆๆ”
‘ปุ’ “กี๊ดดๆๆๆๆ”
เสียงบราวนี่ร้องอย่างเจ็บปวดโกรธแค้นดังมาจากเบื้องล่าง สำหรับการยิงที่สบายๆไม่รีบร้อนแบบนี้ รอนไม่อยากสิ้นเปลืองกระสุนเหล็ก เขาใช้ก้อนหินยิงไปเรื่อยๆ ตัวละสองถึงสามครั้ง ถือเป็นการหัดเล็งยิงเป้าระยะใกล้ไปในตัว
เด็กหนุ่มยิงจนกระทั่งหินที่เก็บมาหมด เขาเก็บไม้หนังสติ๊กลงกระเป๋า ล้วงเอากระทะออกมาแล้วค่อยๆไต่ลงจากต้นไม้ บราวนี่ที่ยังเหลือรอดพร้อมแถบพลังชีวิตสีเหลืองและแดงอีก4ตัวพุ่งเข้าหาเขาพร้อมๆกัน
“ระวัง!” เสียงเด็กหญิงร้องเตือนมาจากบนต้นไม้ รอนใช้กระทะฟาดสวนเหล่าบราวนี่จนถอยไป แล้วก็คว้าท่อนไม้ที่วางพิงไว้ขึ้นมาไล่ตีทุกตัวจนหมด
บราวนี่ตายหมดแล้ว รอนมองไปรอบๆตรวจความปลอดภัย เมื่อแน่ใจแล้วเขาจึงเดินตรงไปที่เด็กหญิงที่ปีนลงจากต้นไม้แล้ว เธอคุกเข่าลงข้างร่างปราศจากวิญญาณของชายคนนั้น
“ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยฉันไว้” เธอพูดขึ้น “ฉันชื่อโรล่า เป็นชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่น…. พวกเรากำลังมาเก็บสมุนไพรเอาไปส่งที่หมู่บ้านแต่มาโดนบราวนี่โจมตีเสียก่อน”
รอนพยักหน้าให้เด็กสาวที่กำลังใช้มีดหินพยายามตัดเชือกที่ข้อมือของชายคนนั้น เขาสังเกตว่าที่ข้อมือของเด็กสาวก็มีเชือกแบบเดียวกันนี้อยู่
“ใช้อันนี้ดีกว่าครับ” รอนยื่นมีดให้ โรล่ารับไปและตัดเชือกออกได้ในทันที เธอยื่นมีดคืนให้แต่รอนส่ายหน้า
“คุณเก็บไว้ก่อนเถอะ ผมคิดว่ามีดหินในมือคุณสู้บราวนี่ไม่ได้แน่ๆ ถ้าเจอมันเข้าอีกต้องแย่แน่ๆ” รอนบอก “เดี๋ยวผมจะพาคุณไปส่งจนถึงหมู่บ้านแล้วกัน”
เด็กสาวพยักหน้าอีกครั้งและเก็บสมุนไพรที่กระจัดกระจายตามพื้น เธอเก็บจนหมดแม้แต่ชิ้นที่เปื้อนเลือดของชายคนนั้น รอนยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆมองไปรอบๆเผื่อว่าจะมีตัวอะไรโผล่ออกมาอีก เด็กสาวเก็บของจนเสร็จแล้วเอ่ยปากถามอย่างแปลกใจ
“คุณไม่ตัดหางบราวนี่เหรอคะ”
“หืม ตัดหาง ตัดทำไมครับ”
“ก็จะได้นำไปเป็นหลักฐานรับเงินรางวัลไงคะ แล้วก็แกนมอนสเตอร์ด้วย”
รอนมองไปที่บราวนี่ที่กระจัดกระจายอยู่ แล้วส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่าครับ เรากลับไปหมู่บ้านของคุณก่อนดีกว่า ไม่รู้ว่าจะมีพวกมันออกมาอีกหรือเปล่า”
โรล่าพยักหน้า แม้จะดูน่าเสียดายแต่ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยปากเองพร้อมเหตุผล เธอก็ตกลงและเดินนำทางไป ทั้งคู่เดินไปตามทางเดินในป่า เสียงรอบๆมีเพียงเสียงลมและใบไม้ ปราศจากเสียงนกและแมลงอย่างที่ป่าทั่วไปควรจะมี ระหว่างทางรอนก้มลงเก็บก้อนหินขนาดเล็กใส่เป้ … ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีลูกเหล็กเหลืออีก40กว่าลูก แต่เขาก็ต้องเก็บไว้ใช้เฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น
ทั้งคู่เดินพ้นออกจากชายป่า ผ่านทุ่งโล่ง และก็เริ่มผ่านที่รกร้างที่พอเห็นสภาพว่าเคยเป็นไร่นาหากแต่ตอนนี้ปรากฎแต่เพียงต้นหญ้าและต้นไม้ที่ยืนต้นตาย
“หมู่บ้านอยู่ข้างหน้า ใกล้จะถึงแล้วค่ะ” เด็กสาวบอกด้วยสีหน้าที่ดูคลายกังวล … แต่เพียงครู่เดียวเธอก็มีสีหน้าที่ดูตกใจ และเดินเร่งฝีเท้าขึ้น รอนรีบตามไปพร้อมกับได้ยินเสียงร้องดังมาจากด้านหน้า
เบื้องหน้าไปประมาณ50เมตร ปรากฎเป็นกำแพงรั้วไม้ของหมู่บ้าน ประตูทางเข้าซึ่งหักพังลงไปบานนึงเปิดช่องทางให้ ฝูงบราวนี่ไม่ต่ำกว่า50ตัววิ่งไปมาอยู่ โดยมีคนจำนวน10กว่าคนถือไม้คุมเชิงอยู่ ที่พื้นมีร่างหลายร่างที่นอนนิ่ง… แม้จะดูมีคนอยู่มาก แต่ว่าแต่ละคนมีสภาพของคนป่วยที่ไม่มีเรี่ยวแรงจนพอจะเดาได้ว่าหากไม่มีกำแพงป้องกันไว้ ฝูงบราวนี่ทั้งหมดคงล้อมกรอบจัดการได้อย่างไม่ยากเย็น
เด็กสาวหน้าซีดมือสั่น เธอพยายามหยิบมีดที่รอนมอบให้ขึ้นมาแต่ว่ามืออันสั่นเทาไม่เป็นใจเอาเสียเลย
“โรล่า … เดี๋ยวคุณขึ้นต้นไม้ต้นนั้นไป เดี๋ยวผมจะหาทางช่วยเอง” รอนบอก “ไม่ต้องห่วง”
เด็กหญิงมองหน้าเด็กหนุ่มในชุดสีเขียวแปลกตาตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าแล้วปีนขึ้นต้นไม้ใกล้ๆ ส่วนรอนมองไปเบื้องหน้า ค่อยๆเดินอ้อมไปทางซ้าย …
สำหรับกลุ่มคนที่ยืนป้องกันตรงทางเข้าต่างเห็นโรล่าและเด็กหนุ่มในชุดสีเขียวตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่ากับจำนวนบราวนี่ขนาดนี้ คนเพียงคนเดียวคงช่วยอะไรไม่ได้แน่ … ทุกคนเห็นเด็กหนุ่มค่อยๆปีนขึ้นต้นไม้ที่ห่างออกไปไม่มาก ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นทำอะไร ไม่มีใครเห็นกระบอกใส่ลูกศรหรือธนู … และการใช้สลิงแกว่งรอบศีรษะเพื่อขว้างหินจากต้นไม้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
วู้ส!!! ปุ!! ตุบ!
เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากทิศทางนั้น บราวนี่ตัวหนึ่งล้มลง
วู้ส …. ปุ .. ตุบ
เสียงหนักๆดังจากบราวนี่ที่ยืนนิ่งๆก่อนจะทรุดลงไป
วู้ส … ปุ … กี๊ดดดด!
เสียงร้องแหลมของบราวนี่โชคร้ายทำให้ฝูงที่พยายามเข้าหมู่บ้านหยุดและหันไปมอง มันร้องออกมาอีกครั้งก่อนจะทรุดลงไป เลือดไหลรินจากรูเล็กๆที่ข้างลำตัว
เก้งๆๆๆๆ
รอนเคาะกระทะด้วยมีด เสียงโลหะดังกังวานชัดเจน
“พวกแกมาทางนี้ เหยื่อของแกอยู่นี่”
รอนตะโกนลงมาจากต้นไม้ก่อนจะล้วงเอาไม้ยิงหนังสติ๊กออกมาอีกครั้ง จับจ้องไปยังฝูงบราวนี่ที่วิ่งตรงเข้ามา