ตั่วเจ๊เมษามีบัญชา
โดย
หมอแมว
โรล่าผงะจากเสียงร้องของแพท เธอจ้องผ่านไปในความมืดไปแล้วก็ต้องตกใจ เพราะเบื้องหน้าของเธอคือแพท ไม่ใช่รอน
“โรล่า ทำไมเธอมาอยู่ในบ้านชั้นได้เนี่ย แล้วยังมาจูบชั้นแบบนี้อีก” แพทร้องถามอย่างสับสน
โรล่าเองก็ตกใจ แต่เธอเองรีบตั้งสติ ไม่ได้สิ ถ้าหากเผลอเปิดพิรุธอะไรออกไปคุณรอนจะต้องแย่แน่ๆ เผลอๆคุณแพทอาจจะโกรธและเข้าใจผิดคุณรอนไปเลย
เอางี้แล้วกัน
“คุณรอนให้โรล่ามารอคุณแพทที่นี่ค่ะ บอกว่าถ้ามาถึงเมื่อไหร่ให้ไปหาที่ตรงจุดที่กังหันปั่นไฟ” โรล่าบอก
“อ้าว” แพท
“เมื่อวานนี้ทางทหารแจ้งว่าเจ้าชายดีโอจะมารับอาวุธที่สั่งทำเอาไว้ คุณรอนก็เลยต้องเร่งมือทำน่ะค่ะ แต่คุณรอนกลัวว่าหากคุณแพทกลับมาแล้วไม่เจอจะตกใจ ก็เลยสั่งให้โรล่ามารอในบ้าน พอคุณแพทมาจะได้บอกให้ไปเจอกัน” โรล่าแต่งเรื่องแบบสดๆ “ทีนี้มันดึกไป รอยังไงคุณแพทก็ยังไม่มาสักที โรล่าก็เลยแอบมางีบนอนตรงนี้น่ะค่ะ”
“แล้ว แล้วทำไมจู่ๆเธอลุกมาจูบชั้นแบบนั้น” แพทถามอย่างสงสัย
“เรื่องนั้น คือ” เด็กสาวเอานิ้วพันหมุนเส้นผมสีทองของตนอย่างเอียงอาย “คุณแพทก็รู้ว่าโรล่าอยู่กับมาเรียกันสองคน เมื่อกี้โรล่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมาเรีย ก็เลย …”
“อ่อๆๆๆๆ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เมื่อกี้แพทก็ตกใจเกินไปหน่อย” เด็กสาวรีบบอกปัด “งั้นเดี๋ยวชั้นไปหารอนก่อนแล้วกัน”
“งั้นโรล่าไปด้วยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เธอกลับไปนอนก่อนเถอะ ดึกแล้ว”
“…”
สองเด็กสาวเดินออกจากบ้านตัดผ่านไปทางโบสถ์ไปยังกังหัน เสียงหึ่งเบาๆของเครื่องพิมพ์สามมิติยังทำงานอยู่ให้ได้ยิน
“แพท มาแล้วเหรอ”
“อือ” เด็กสาวตอบก่อนจะหันไปทางโรล่าที่ตามมา “ไปนอนเถอะ”
โรล่าทำท่าอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้า เธอกลัวว่ารอนจะเล่าไม่ตรงกับเธอจนถูกจับได้
“ขอบใจนะโรล่าที่ช่วยอยู่ที่บ้านรอเจอคุณแพท” รอนบอกอย่างเป็นธรรมชาติ “ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ”
“ค่ะ” เด็กสาวตอบรับและเดินออกไปอย่างโล่งอก
รอนเองไม่รู้หรอกว่าโรล่ากับแพทคุยอะไรกัน แต่ว่าดูจากที่แพทตามหาเขาเจอได้รวดเร็วโดยไม่มีท่าทางโมโหอะไร แถมมาพร้อมกับโรล่า แปลว่าโรล่าต้องเผลอหลับไปจนเจอกับแพทในบ้านแน่ๆ
เด็กหนุ่มเชื่อใจโรล่าว่าจะไม่กลับคำพูดที่ให้ไว้ และเชื่อว่าโรล่าน่าจะหลอกแพทว่าเขาสั่งให้รอจนเผลอหลับไป
“ทำอะไรเหรอรอน”
“ระเบิดเวทมนตร์ไซส์เล็กน่ะ เป็นแบบที่วางลงบนไม้ง่ามหนังสติ๊กแล้วยิงได้” รอนบอก “เจ้าชายน่าจะชอบของแบบนี้”
“ให้เราช่วยทำไหม” แพทเสนอตัว
รอนสอนวิธีการใช้เครื่องให้แล้วก็ให้แพททำหน้าที่ผลิตไป ส่วนเขาเองก็นั่งพัก เวลาแสนสงบแบบนี้จะทำอะไรต่อดีนะ
รอนมองผ่านความมืดไปยังบ้านของเขาที่ยังสร้างไม่เสร็จ เครื่องมือช่างบางอย่างถูกทิ้งเอาไว้กับเศษไม้จำนวนหนึ่ง
จริงสิ!
เด็กหนุ่มเดินไปหยิบแท่งไม้เหลือใช้มา จากนั้นหยิบสิ่ว สว่าน ค้อน ตะปูมา
เขาเลือกต้นไม้ยืนต้นตายต้นหนึ่ง จัดการเจาะรูลงไปช้าๆ จากนั้นเสียบแท่งไม้เข้าไปในต้นไม้ ตอกตะปูลงไปเพื่อยึดให้แน่น
“ทำอะไรเหรอรอน”
“เราจะทำที่ฝึกการต่อสู้ระยะประชิดน่ะ” เด็กหนุ่มบอกพร้อมทั้งดูผลงานที่เสร็จสิ้น ต้นไม้ถูกปักไปด้วยท่อนไม้ตามตำแหน่งต่างๆ เขาเก็บเครื่องมือไป จากนั้นก็เริ่มฝึก เหมือนตอนที่อยู่ที่บ้านอาม่า
แพทนั่งดูเงียบๆ จัดการกับเครื่องพิมพ์สามมิติไปมองรอนไปไม่วางตา เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอในตอนนี้ดูมีสมาธิและจดจ่อกับการซ้อมอย่างมากเสียงฝ่ามือกระทบไม้ดังเป็นจังหวะไปเรื่อยๆเคล้ากับเสียงเครื่องพิมพ์
[Agility +0.01]
[Dexterity +0.01]
[Charm +0.1]
เด็กหนุ่มชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นสเตตัสที่ขึ้นมาล่าสุด ดูเหมือนแพทจะสังเกตเขาอยู่และรู้สึกดี
แต่รอนสลัดทิ้งซึ่งความวอกแวก เขาหันกลับไปสนใจกับต้นไม้ตรงหน้า แล้วก็ฝึกหัดการใช้ฝ่ามือต่อไปเรื่อยๆ
[Trance]
รอนค่อยๆเลื่อนเข้าสู่สภาวะภวังค์ ฝึกหัดต่อไปพร้อมกับค่าสกิลที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
“แต่นอกจากออร์ค โลกนี้ไม่มีมอนสเตอร์ที่รูปร่างเหมือนคนเลยนี่ เธอจะฝึกสู้ประชิดแบบใช้มือเปล่าไปทำไมล่ะ” แพทถามอย่างสงสัยขณะเดินไปด้วยกันตามถนน
“ก็เพราะเราต้องต่อสู้ที่โลกด้วยไงล่ะ ถ้าหากไปที่โลกของเรา เราใช้อาวุธไม่ได้เสรีแบบที่นี่ ก็มีแต่ต้องใช้การต่อสู้มือเปล่าตัวต่อตัวเท่านั้น” รอนตอบ “เราไม่อยากทำลายชีวิตคนโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว”
“แต่แก๊งเมษาก็โดนทำลายไปแล้วนี่” แพทว่า
“ไม่หรอก ยังเหลือสาขาใหญ่ที่ต่างประเทศ ถ้าหากพวกมันสืบสาวมาได้ขึ้นมาพวกเราอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้อีก”รอนบอก “เตรียมตัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย”
ถึงแม้เขาจะมั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดเจอตัดตอนไปก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสได้ส่งกลับ
สำนักงานใหญ่ คนที่เคยเห็นหน้าเขาทุกคนก็เจอจับเข้าคุกไปหมดและไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเขา แต่ว่าทุกอย่างก็มีข้อยกเว้น ไม่แน่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันแบบครั้งก่อนๆก็ได้
“รอน นั่นขบวนของเจ้าชายอยู่ที่ค่ายทหารแล้ว ไปกันเถอะ”
“อื้อ”
รอนสลัดความคิดกังวลไป แล้วเดินเคียงคู่กับแพทตรงไปที่ค่ายทหาร
ที่โลก ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร หญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้บนยกพื้น เบื้องล่างมีองครักษ์ 4 คนยืนเฝ้าระวัง แสงไฟมืดสลัวส่องจากเพดานลงมาที่พื้นเบื้องหน้าจนชายที่นั่งย่อที่พื้นไม่อาจมองเห็นใบหน้าของผู้ที่อยู่บนเก้าอี้นั้นได้ชัด
“ขณะนี้ได้รับการยืนยันชัดเจนแล้วครับ สาขาแก๊งเมษาประจำอุษาคเนย์ของเราได้ถูกทำลายลงแล้ว”ชายคนนั้นกล่าว “ปัญญา ผู้เฒ่าผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาเสียชีวิตในฐานหลักครับ”
“อย่างนั้นรึ มีข้อมูลอะไรมากกว่านี้อีกไหม”
“ไม่มีครับ ก่อนที่ฐานหลักจะถูกทำลาย สัญญาณการสื่อสารทั้งหมดถูกทำลายไปจนหมด” ชายคนนั้นกล่าว “เราทราบเพียงแต่ว่าปัญญาเรียกกำลังมือปืนจาก 3 ภาคให้ปฏิบัติการในคืนนั้นพร้อมๆกัน และทั้งหมดถูกทำลายในคืนนั้น มีคนที่รอดมาได้ไม่กี่คนระบุว่ามีศัตรูที่ใส่หน้ากากและหมวกสีดำเป็นฝ่ายตรงข้ามครับ”
“อย่างนั้นรึ” หญิงสาวคนนั้นลุกขึ้นยืน “หลงเว่ยรับคำสั่ง”
“ขอรับ ตั่วเจ๊เมษา”
“เดินทางไปที่นั่น ค้นหาเบาะแสของศัตรูของแก๊งเมษา หาข้อมูลให้ได้ว่าใครคือศัตรูของพวกเรา”
“หลงเว่ยน้อมรับคำสั่ง” ชายคนนั้นโค้งคำนับ
“อีกอย่าง ตอนนี้ฐานของเราในเอเชียใต้กำลังขยายขุมกำลังอยู่” หญิงสาวบอก “ขากลับให้ตรวจงานและกำชับผู้นำสาขาให้อย่าทำงานผิดพลาดเด็ดขาด”
“ขอรับ”
หลงเว่ยคำนับแล้วเดินออกจากห้องไป หญิงสาวลุกลงจากเก้าอี้สูง
“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเทศกาลเดือนสี่อันเป็นวันครบรอบของแก๊งเรา พวกเราแก๊งสื่อซือ (เดือนสี่/เมษา) จะไม่ยอมให้ผู้ต่อต้านมีชีวิตพ้นผ่านวันสำคัญนั้นไปได้”
“ทุกคนจำไว้ ใครตามเราอยู่ ใครต้านเราตาย”
“ขอรับ ตั่วเจ๊”