ข้อความจากพี่ใหญ่ปัญญ์
โดย
หมอแมว
“”
+5 +5 +5
ตัวเลขสีเขียวผุดขึ้นที่หน้าจอของรอน เด็กหนุ่มค่อยๆรู้สึกว่าตัวร้อนลดลงเล็กน้อย
ขณะที่หน้าจอยังขึ้นสถานะสีแดง
[Immune Reaction :ไข้]
“เอาล่ะ ทีนี้ออกไปเดินไปเดินมาให้ชาวบ้านเห็นซะ จะได้ไม่มีใครสงสัย” แพทสั่งและตบบ่าแปะๆ รอนลุกขึ้นเดินออกจากบ้านไปด้วยใบหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะที่ภายนอกนั้นบรรดาชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่นกำลังเข้าแถวกันเพื่อฉีดวัคซีน
“นั่นไง ถ้านายจะลังเลล่ะก็ เมื่อครู่ท่านรอนก็ฉีดยาที่ว่านี้ไป ไม่เห็นจะมีอะไรเลยยังเดินไปเดินมาได้ปกติ” ชาวบ้านคนนึงชี้
“โอ้ จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นข้าก็สบายใจแล้ว”ชาวบ้านอีกคนบอก
รอนยิ้มเจื่อนๆพลางดูเอกสารกำกับยา
[วัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก DTP ข้อควรระวัง
ไม่ควรฉีดในผู้ใหญ่ที่เคยได้รับวัคซีนนี้ครบมาก่อน เนื่องจากอาจจะเกิดไข้สูง ควรฉีดวัคซีนชนิดปราศจากเซลล์]
เด็กหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเจ้าวัคซีนปราศจากเซลล์นี้คืออะไร แต่เขารู้ว่ามันคือวัคซีนอีกตัวที่ไม่ใช่ตัวนี้แน่ๆ
สำหรับชาวบ้านที่ไม่เคยได้วัคซีนมาก่อนเลย แต่ละคนต่างไม่มีอาการอะไรผิดปกติ แต่สำหรับเขาซึ่งเคยได้รับวัคซีนตอนเด็กๆอย่างครบถ้วนนั้น หลังจากฉีดเสร็จแล้วทั้งเจ็บทั้งปวดและไข้ขึ้นสูง แต่รอนก็ต้องทนเนื่องจากเขาฉีดเป็นตัวอย่างให้ชาวบ้านดูเพื่อให้ทุกคนเห็นว่ามันไม่ใช่ของอันตราย
“ตอนนี้ชาวบ้านของโอลเซ่นฉีดกันเกือบครบแล้ว พวกนักเดินทางและนักผจญภัยที่ผ่านทางมาก็สนใจจะฉีดด้วยเหมือนกัน เธอจะให้พวกเขาฉีดด้วยไหม” พ่อเฒ่าเบรเซอร์ถาม
“ฉีดด้วยเลยครับ” รอนบอก “ยาพวกนี้เก็บรักษายาก จัดการฉีดให้หมดไปเลยดีกว่า”
ยาพวกนี้ต้องเก็บในที่เย็น รอนซึ่งไม่ได้เตรียมสถานที่เก็บรักษาเอาไว้เลยต้องฉีดให้หมดๆไป
“เจ้าชายและองครักษ์จะฉีดด้วยไหมคะ แพทกันยาเอาไว้ให้แล้ว” แพทเดินเข้าไปถาม
“เรื่องนั้นข้าคิดว่าอย่าเพิ่งเลย” กัปตันกอร์ดอนยกมือห้ามไว้ หากแต่เจ้าชายดีโอเดินยิ้มแฉ่งเข้ามา
“ข้าจะฉีด” ดีโอบอก
“เจ้าชาย!” กอร์ดอนร้องอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ “เราไม่รู้ว่ามันอันตรายหรือไม่นะครับ”
“เอาน่ากอร์ดอน คุณรอนเองก็ฉีดไม่ใช่รึ” เจ้าชายกล่าว “และคุณแพทคงไม่เอาของอันตรายมาให้พวกเราหรอก จริงไหม”
เจ้าชายดีโอยิ้มหวานให้แพทและนั่งลงเตรียมให้เธอฉีดยา ขณะที่แพทหลิ่วตาให้กับรอน
แผนสำเร็จได้ผล รอนต้องการให้เจ้าชายฉีดเป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็น ถ้าเจ้าชายเองก็ฉีด ต่อไปหากเขานำวัคซีนมาที่นี่ เสียงต่อต้านก็คงจะน้อยลงแน่ๆ
และการให้แพทชวนเจ้าชายให้ฉีดก็ดูจะได้ผลดี
“เจ้าชายดีโอครับ และนี่คือยาสำหรับโรคระบาด” รอนยกถุงพลาสติกใสที่ใส่ยาอิริโทรมัยซินขึ้นมา “ให้ใช้ช้อนนี้ตักแล้วผสมน้ำให้คนป่วยดื่มวันละ 4 ครั้งครับ”
“ยา?” กัปตันกอร์ดอนเลิกคิ้วสูง “ทำไมพวกท่านเตรียมยาได้รวดเร็วขนาดนี้ พวกเราเพิ่งบอกข้อมูลโรคระบาดเมื่อวานนี้เองไม่ใช่หรือ”
รอนยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแล้วกดเปิดเสียง
“….คอที่บวมโตและมีแผ่นหนาขึ้นที่ผนังคอและทอนซิล หมอคิดว่านี่คือคลิปของคนที่ป่วยด้วยโรคคอตีบ”
เสียงของหมอเคดังออกมา ทุกคนในที่นั้นฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นเสียงของคนที่พวกเขาไม่รู้จัก
“นี่คือ?”
“หลังจากได้คลิปโรคระบาดเมื่อวานนี้ ผมก็รีบติดต่อกับท่านหมอเคเพื่อหาทางรักษา”
“ท่านหมอเค?”
“เป็นหมอที่พวกเรารู้จักค่ะ” แพทรีบตอบ
“ใช่ครับ ท่านหมอเครู้จักโรคที่ว่านี้และรู้วิธีรักษา ยาที่ข้านำมาฉีดและยาในถุงที่ให้เจ้าชายนี่ เป็นยาที่ท่านหมอเคส่งมาให้ครับ”
“แล้วตอนนี้ท่านหมออยู่ที่ไหนกัน” เจ้าชายถามอย่างมีความหวัง
“ท่านหมออยู่ที่ทวีปอื่นครับ กำลังเดินทางไปช่วยหมู่บ้านที่เกิดโรคระบาดอยู่ครับ ตอนนี้ติดต่อไม่ได้แล้ว” รอนตอบไปตรงๆ
“ทวีปอื่น …แต่ยานี่มัน … ห๊ะ รึว่ายาเหล่านี้ถูกส่งข้ามทวีปผ่านวงแหวนมิติ” กัปตันกอร์ดอนร้องเสียงหลง
“ใช่ครับ ดังนั้นผมเลยมีแค่ตัวอย่างเท่านั้น ของที่เหลือกำลังถูกขนส่งอย่างเร่งด่วนอยู่ คาดว่าอีกสักสัปดาห์น่าจะมาถึงครับ” รอนบอก
“ขอบคุณคุณรอนมากที่ช่วยเป็นธุระให้พวกเรา ข้าต้องขอขอบคุณแทนประชาชนของแอสคาลอนมาก”เจ้าชายกล่าว “ถ้าหากยานี้ได้ผล ข้าจะทูลท่านพ่อให้ซื้อยาเหล่านี้จากท่านในราคาที่เป็นธรรม”
เจ้าชายกลับไปยังค่ายทหารแล้ว ขณะที่แพทถามรอนอย่างสงสัย
“ทำไมเธอให้ยาไปแค่2ขีดเองล่ะ พวกเราขนยามา50กิโลไม่ใช่เหรอ” แพทถาม
“เธอก็เห็นนี่ว่ากัปตันกอร์ดอนยังสงสัยเลยว่าทำไมพวกเราเตรียมของได้รวดเร็ว ขืนเราเอาของออกมาหมดล่ะก็มีหวังพวกเขาได้คิดว่าพวกเราคือคนปล่อยโรคออกมาเพื่อหวังขายยาทำกำไรแน่ๆ” รอนตอบไป
“ส่วนที่เราเสี่ยงให้เจ้าชายฉีดกับให้ตัวอย่างยาไปก่อนเลยตอนนี้ ก็เพราะที่คุยกับหมอเค หมอบอกว่าโรคคอตีบที่ว่านี้มันแพร่ได้เร็ว” รอนว่า “หากเจ้าชายได้ทดลองยานี้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะมีโอกาสได้ช่วยคนมากขึ้น …”
“แค่นั้นเหรอ” แพทหรี่ตา
“แล้วก็ได้กำไรด้วย” รอนต่อ “ยิ่งบอกว่ายามาจากต่างทวีปแล้วล่ะก็ราคาต้องดีแน่ๆ”
“เฮ้อ รอน เธอนี่นะ ของที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนเธอก็เพลาๆกำไรหน่อยก็ได้” แพทบอก
“มันไม่ใช่แค่นั้นไงแพท ถ้าเราตั้งราคายาถูกเกินไป คนอื่นก็จะมองมันว่าเป็นของไม่มีค่า และพอเราไม่อาจหายามาเพิ่มเติมได้ทันจากที่คนมองเห็นเป็นบุญคุณก็จะกลับมองว่าความล่าช้าของเราคือสาเหตุที่ทำให้คนตาย” รอนบอก “ตั้งราคาไว้สูงนิดๆแหละดีแล้ว”
“งั้นก็ลดลงมาสักหน่อยแล้วกัน อย่าให้แพงมากไป เรารู้สึกไม่ดี” เด็กสาวบอก
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวเราจะลองคุยกับคุณกลาสดู” รอนบอกอน่างใช้ความคิด ถ้าไม่เอาเป็นเงินก็อาจจะเอาเป็นพวกที่ดิน สินค้า ทรัพยากรอย่างอื่นก็ได้สินะ
วันนั้นผ่านไปอย่างไม่มีอะไรมาก
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในห้องดับจิตของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ชายสองคนกำลังเดินอยู่ในทางเดินมืดๆยามราตรี
“ทางนี้ครับ ตู้แช่ศพของหัวหน้าปัญญาอยู่นี่” ชายในเสื้อกาวน์ไขกุญแจเข้าไป “ตำรวจตรวจดีเอ็นเอยืนยันศพแล้ว พรุ่งนี้กำลังจะเตรียมผ่าชันสูตรครับ”
ตู้แช่ถูกดึงเลื่อนออกมา ศพที่ไหม้ไฟไปบางส่วนเป็นสีดำหงิกงออยู่ในท่ากุมเกาะใบหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง นิ้วมือสองข้างจิ้มปักเข้าไปในลูกตาและรูหู
“ศพอยู่ในท่านี้ตั้งแต่แรกเลยรึหมอ”
“ใช่ครับคุณหลงเว่ย” หมอตอบ “ผมก็คิดว่าแปลก สภาพศพที่เห็น หัวหน้าปัญญาน่าจะถูกไฟคลอกเจ็บปวดมากจนใช้มือจิกเข้าไปในลูกตา”
หลงเว่ยหรี่ตามองแล้วส่ายหน้า
“ไม่หรอก ปัญญาไม่ใช่คนที่แพ้อะไรกับความเจ็บแค่นั้น” หลงเว่ยเอื้อมมือไป ค่อยๆดึงนิ้วที่ปักในเบ้าตาออก แกะนิ้วที่จิกเนื้อและรูหูออกทีละนิ้ว “หัวหน้าปัญญารู้ตัวว่าตนเองกำลังจะถูกไฟคลอก และเขาคงต้องการปกป้องอะไรบางอย่างในปากของเขา”
นิ้วถูกแงะออกจนหมด ลูกตาที่ถูกจิ้มปักติดนิ้วก้อยทั้งสองข้างหลุดไหลออกมา หลงเว่ยพยายามแงะปากที่กัดแน่นขึ้นช้าๆ แล้วคีบอะไรบางอย่างออกมา
“แฟลชไดร์ฟนี่ไง หัวหน้าปัญญาอมเจ้าสิ่งนี้ในปาก แต่เกรงว่าพอตนตายลงอาจจะอ้าปากจนไฟเผาทำลาย จะใช้มือปิดปากก็กลัวว่าเมื่อตายแล้วเอ็นจะยึดจนมือกางออก เขาจึงใช้นิ้วจิกเกี่ยวเบ้าตาและช่องหูไว้เพื่อที่เมื่อตายไปแล้วมือของเขาจะยังบังช่องปากได้” หลงเว่ยเอ่ยอย่างเคารพก่อนจะค่อยๆบรรจุดวงตากลับเข้าไป หมอช่วยดึงมือและแขนของศพให้กลับไปอยู่ในท่าเดิม
หลงเว่ยเก็บหลักฐานนั้นเข้ากระเป๋าก่อนที่เขาและหมอจะเอามือขวาแนบไว้ที่หน้าอกและพูดออกมาพร้อมกัน
“แก๊งเมษาจงเจริญ”