ความเอะใจของเจ้าชายดีโอ
โดย
หมอแมว
เสียงร้องของเจ้าเมืองทำให้ทุกคนกรูกันเข้าไปอย่างตกใจ ร่างของท่านโซล่าที่คุกเข่าอยู่ที่แท่นหินนั้นทำให้ทุกคนถึงกับอึ้งไป เจ้าเมืองที่ดูสุขุมเงียบครึมคนนั้นตอนนี้อยู่ในสภาพโกรธจัดเหมือนกับจะควบคุมตนเองไม่ได้
และที่แท่นหินนั้น ที่ซึ่งควรจะมีร่างของท่านอารย่านอนอยู่กลับว่างเปล่า มีเพียงเสื้อผ้าชุดหนึ่งวางอยู่เท่านั้น
“แล้วศิลานักปราชญ์ล่ะ” เจ้าชายดีโอถามขึ้น
นักบวชทั้งหมดส่ายหน้า นักบวชอาวุโสยกไม้เท้าในมือขึ้นเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง หากแต่เจ้าชายดีโอห้ามเอาไว้
“ท่านโซล่า สงบสติอารมณ์ก่อน”
“มันแน่ๆ ต้องเป็นเจ้าเทนสไควร์แน่ๆ” ท่านโซล่าร้องออกมา “มันก็เป็นนักรบมังกร มันเปิดประตูเวทมนตร์นี้ได้แน่ มันฆ่าท่านอารย่าไม่พอมันยังขโมยศพของท่านอารย่าไปอีก ให้อภัยไม่ได้”
“ท่านโซล่า อย่าเพิ่งด่วนสรุปแบบนั้นเลย ท่านอย่าลืมสิว่านักรบมังกรเท็นสไควร์น่ะเข้าไปในวังของท่านพ่อและถูกล้อมเอาไว้ก่อนจะข้ามมิติไปที่อีกโลกหนึ่ง หลังจากนั้นมาพื้นที่นั้นก็ถูกปิดล้อมเอาไว้และมีเวรยามเฝ้าตลอด30ปี” เจ้าชายดีโอพูดขึ้น “ในเมื่อมันยังไม่ปรากฎตัว ก็แปลว่าตลอด30ปีที่ผ่านมามันไม่ได้กลับมาจากโลกใบโน้น แล้วมันจะมาขโมยศพของท่านอารย่าไปได้อย่างไร”
เจ้าเมืองชะงักและค่อยๆตั้งสติได้ จริงสินะ หลังจากที่เท็นสไควร์ลอบสังหารท่านอารย่า มันก็หนีมุ่งตรงไปที่เมืองหลวงทันที ใครจะคิดว่ามันจะบุกเข้าพระราชวัง เข้าขโมยของในท้องพระคลังแล้วก็ใช้พลังของนักรบมังกรข้ามมิติไปและไม่ปรากฎตัวขึ้นอีก
เจ้าชายดีโอเหลือบมองไปยังรอนและแพทที่ยืนมองท่านโซล่าอยู่ เจ้าชายค่อยๆเดินไปที่นักบวช หยิบไม้เท้ายาวที่มีลูกแก้วสีขาวผนึกอยู่มาถือไว้แล้วตรงไปหาแพท
“คุณแพทช่วยข้าถือของหน่อย” เจ้าชายดีโอยื่นไม้เท้าให้เด็กสาวก่อนจะเดินไปประคองร่างของท่านโซล่าขึ้นมา เขาค่อยๆประคองกลับไปทางแพท
“คุณแพทพาท่านโซล่าออกไปด้านนอกก่อนเถอะ พวกเราจะสำรวจดูในถ้ำอีกรอบหนึ่ง” เจ้าชายดีโอจ้องที่ลูกแก้วสีขาวบนไม้เท้านั้นแล้วรับเอาไม้เท้ากลับมา
แพทพาเจ้าเมืองเดินไปที่ประตูแล้ว เจ้าชายดีโอหันกลับไปถามนักบวช
“พบอะไรบ้างไหม”
“ภายในห้องมีร่องรอยถูกรื้อค้น ถังใส่น้ำผึ้งและน้ำสำหรับผู้ตายถูกค้น ลูกแก้วผนึกอาหารถูกขโมยไป”
รอนใจหายแว้บอีกรอบ ลูกแก้วใส่น้ำผึ้งและน้ำเรอะ …. นั่นมันของที่เขาค้นเจอตอนวันแรกที่มาที่นี่แล้วก็หยิบออกไปนี่ … ตอนนี้ของพวกนั้นบางส่วนอยู่ที่หมู่บ้าน ถ้าเจอค้นล่ะก็เสร็จแน่ๆ
“คุณรอน ช่วยข้าถือไม้เท้านี้หน่อย ข้าจะตรวจค้นอะไรสักหน่อย” เจ้าชายส่งไม้เท้าอันนั้นให้รอน เด็กหนุ่มรับเอาไว้อย่างไม่สงสัยอะไรท่ามกลางสายตาของนักบวชและนักรบมังกรคนอื่นๆ ลูกแก้วสีขาวนั้นยังคงสภาพปกติ
เจ้าชายดีโอค้นถังใบนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเดินมารับไม้เท้าจากมือของรอน
รอนเองซึ่งก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้นานๆเพราะกลัวจะก่อพิรุธก็ขอตามแพทออกไปเบื้องนอก คนที่เหลืออยู่ในห้องมองตามจนรอนลับสายตาไป เจ้าชายดีโอจึงส่งไม้เท้าให้อัลเบิร์ต เมื่อไม้เท้าถึงมือของนักรบมังกรหนุ่ม ลูกแก้วสีขาวนั้นก็ส่องประกายแสงสว่างออกมา
“ไม้เท้าใช้งานได้ปกติและไม่มีปฏิกริยากับทั้งคู่ แสดงว่าสองคนนั้นไม่ใช่คนที่เอาศิลานักปราชญ์ไป” เจ้าชายเอ่ยขึ้น
“เจ้าชายสงสัยว่าสองคนนั่นจะเป็นคนเอาศิลานักปราชญ์ไปเหรอครับ” นักบวชถาม
“ที่จริงข้าก็ไม่ได้สงสัยมาก่อนเท่าไหร่หรอกจนกระทั่งเห็นว่าภายในสุสานไม่มีศพของท่านอารย่า” เจ้าชายบอก “พอเห็นว่าศิลานักปราชญ์หายไป ข้าก็อดคิดไม่ได้ เพราะทั้งสองคนนี้มีที่มาที่ไปที่ไม่แน่ชัดและครอบครองสิ่งของอะไรหลายอย่างที่ให้พวกเราต้องประหลาดใจ”
“ไม่นับว่าจากข้อมูลที่ผ่านๆมา มีคนเห็นคุณรอนและคุณแพทตื่นตัวตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืนซึ่งเป็นลักษณะร่วมของนักรบมังกรที่สามารถฝึกฝนวิชาได้โดยไม่ง่วงและไม่ต้องการการนอนหลับ” เจ้าชายบอก
“แต่ไม้เท้าไม่แสดงสัญญาณใดๆ คงไม่ใช่กระมัง” นักบวชกล่าว
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ไม้เท้าตรวจสอบนี้จะส่องประกายขึ้นด้วยเวทมนตร์ในร่างของนักรบมังกรแห่งแสงสว่าง ถ้าในตัวของทั้งสองคนนั้นมีศิลานักปราชญ์อยู่ เมื่อครู่นี้ต้องมีแสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว”
ที่เมื่อครู่ไม่เกิดแสงขึ้นก็เพราะในร่างของรอนไม่มีเวทมนตร์ ส่วนแพทเองนั้นมีเวทมนตร์และศิลานักปราชญ์ก็จริงแต่เป็นของฝั่งความมืด
“เดี๋ยวสิ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เจ้าชายดีโอบอกขึ้น
“เด็กหนุ่มรอนคนนั้น ใช่แล้ว จากรายงานตอนนั้น รอนเอาชนะนักรบมังกรดราซัคได้เพราะเขาไม่มีพลังเวทในร่างกาย ถ้าแบบนี้การที่ไม้เท้านี่ไม่ส่องแสงออกก็ไม่บอกอะไร” เจ้าชายดีโอกล่าว
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็พอมีทางพิสูจน์ครับเจ้าชาย” อัลเบิร์ตกล่าว
ทุกคนเดินออกจากห้องศิลาในสุสานมาอยู่ที่เบื้องนอก เจ้าชายมองไปทางรอนและแพทอย่างจดจ่อ
“ใกล้เวลาหรือยัง”
“ครับ อีกสิบวินาที เก้า แปด เจ็ด หก ห้า …”
ดวงอาทิตย์สาดแสงมาจากกลางท้องฟ้าบอกเวลาเที่ยง
“สาม สอง หนึ่ง..”
สิ้นเสียงนับ ร่างของนักรบมังกรหนุ่มสาวทั้ง5คนก็หายไป ทั้งหมดหายไปประมาณ 10 วินาทีก่อนที่จะปรากฎกายขึ้นอีกครั้ง ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าทุกคนแต่งกายและถือสิ่งของต่างไปจากเดิมเล็กน้อย
“เป็นอย่างไรบ้างครับเจ้าชาย สองคนนั้นข้ามมิติหรือไม่ครับ” อัลเบิร์ตถาม
เจ้าชายส่ายหน้า
“ไม่ ทั้งสองคนนั้นอยู่ตรงนั้นปกติดี ไม่ได้หายตัวไปไหนในเวลาเที่ยงวัน ข้าคงคิดมากไปเอง” เจ้าชายดีโอบอกพลางมองไปทางรอนและแพทที่ยืนอยู่กับท่านโซล่า “เอาเถอะ ศิลานักปราชญ์หายไปแล้ว พวกเราคงต้องเตรียมการกันใหม่ ไปกันเถอะ”
ด้วยความเป็นนักรบมังกรมือใหม่ทั้ง 5 คนเลยไม่รู้ว่าฟังก์ชั่นข้ามมิติสามารถเลือกได้ว่าจะปิดหรือเปิดตอนกลางวันจนทำให้รอนรอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด