การสละชีพที่ไม่จำเป็น?
โดย
หมอแมว
รอนค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” กัปตันเรย์ถาม
“ก็เกือบไปครับ แล้วชาวบ้านเป็นยังไงบ้างครับ” รอนค่อยๆยันตัวขึ้น
“ตายไป 45 ส่วนคนที่บาดเจ็บทุกคนได้รับการรักษาแล้ว” นายทหารแห่งกองทหารม้าบอก
“ทุกคนดูกำลังใจยังดีอยู่นะครับ” รอนเอ่ยเมื่อเห็นว่าแม้จะมีคนตายไปหลายคนแต่คนที่เหลือก็ยังดูสดชื่นแจ่มใส
“แน่ล่ะ ก็ก็อบลินลอร์ดที่โรล่าจัดการได้มันไม่ใช่ก็อบลินลอร์ดธรรมดา” กัปตันเรย์บอก “ดูจากแขนกลเวทมนตร์ของมันนั่น เจ้านี่คือจาบุโร่ ก็อบลินลอร์ดที่เคยอยู่ร่วมศึกใหญ่เมื่อ30ปีก่อน มีชื่อเสียงทำลายกองทหารไปได้หลายกอง ถ้าดูจากความเคลื่อนไหวของก็อบลินที่ผ่านมาหลายปีในบริเวณนี้ คิดว่าเจ้านี่คือผู้บงการกลุ่มก็อบลินในการทำลายหมู่บ้านต่างๆ”
รอนมองไปรอบๆ ซากศพของมอนสเตอร์เกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ส่วนศพของชาวบ้านที่ตายไปถูกวางเรียงเป็นแนวเตรียมขนย้ายขึ้นรถลาก
ถ้าเป็นแต่ก่อน เขาคงรู้สึกแย่ที่มีคนตายถึง 45 คน
แต่เมื่อมองซากศพของฝ่ายตรงข้ามนับพัน เขาก็ละทิ้งความคิดนั้นไป พกเขาถูกล้อมด้วยศัตรูที่มากกว่าถึง 4 เท่า การที่มีความเสียหายเพียงเท่านี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“ผมขอไปดูศพของคนที่ตายหน่อยครับ” รอนบอกและลุกขึ้นเดินไป แม้จะมีความสูญเสียแต่บรรยากาศรอบๆก็มีแต่คนยินดียิ้มแย้ม ดูท่าทางเจ้าก็อบลินลอร์ดที่ปราบได้วันนี้จะมีชื่อเสียงพอควร
เด็กหนุ่มเหลือบตามองที่มุมขวาของจอ สถานะที่ขึ้นก่อนหน้านี้บ่งบอกว่าก่อนหน้านี้เขาถูกโจมตีจนกระทั่งหมดสติไปและหยุดหายใจ
“มันมีการหยุดหายใจได้ด้วย อันตรายแฮะ แบบนี้เครื่องรางรักษาก็อาจจะใช้ไม่ได้ผลสินะ” รอนบอก “เอ แล้วนี่เลขอะไร”
ต่อจากบรรทัดนั้น เป็นตัวเลข [+10] [+10] [+10] ดูเหมือนว่าแพทน่าจะใช้เวทรักษาช่วยเขาเอาไว้
และต่อจากนั้นมีตัวเลขสีฟ้า [+0.5] ก่อนที่จะมีตัวเลข [-0.5] สีแดงที่อีกบรรทัด
จะว่าไป เขาเคยเห็นแบบนี้มาแล้วสองสามครั้ง แต่ไม่ทันได้หาคำตอบว่ามันคืออะไร
“ฮือ”
เสียงร้องไห้ทำให้เขาออกจากความคิดแล้วมองออกไป ตรงนั้นมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งร้องไห้ที่ข้างศพเด็กหนุ่มโดยมีคนอีกหลายคนกำลังปลอบ
“ท่านรอน” ชายคนนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วพยายามหยุดร้องไห้
“คนๆนี้…”
“ลูกชายของผมครับ” ชายคนนั้นกล่าว
“อย่าเสียใจไปเลย” เพื่อนของชายคนนั้นบอก
“ใช่ อย่างน้อยก็เป็นการสละชีพที่คุ้มค่า เป็นการเสียสละเพื่อส่วนรวม” เพื่อนอีกคนบอก
รอนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ในอารมณ์ที่ทุกคนกำลังได้รับชัยชนะแบบนี้คงไม่มีใครอยากทำลายบรรยากาศลง แต่ว่าการสูญเสียก็คือการสูญเสีย
เขาย่อตัวลง ดูใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไร้ชีวิต เด็กหนุ่มคนนี้อายุเท่าๆกับเขาเลย
“หืม”
รอนเอื้อมมือไปคอ สร้อยเครื่องรางหนึ่งแขวนอยู่ที่คอของเด็กหนุ่ม
“น่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นเร็วมาก อัศวินกระดูกนั่นมันแทงทะลุโล่เข้าหัวใจพอดี ถ้าถูกตำแหน่งอื่นก็คงจะพอมีโอกาสทันหยิบเครื่องรางรักษามาใช้” พ่อของคนตายบอก “เครื่องรางที่ท่านรอนมอบให้ลูกของข้า ข้าขอมอบคืนแล้วกันครับ”
รอนรับเอาเครื่อรางนั้นไปมองอย่างงงๆ เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และก็ก้มลงตรวจโล่ของเด็กหนุ่มคนนั้น โล่ไม้ที่มีรอยทะลุและคราบเลือดติดอยู่
เขาลุกจากร่างของเด็กคนนั้นแล้วไปตรวจเช็คโล่และเครื่องรางที่ห้อยคอที่ศพอื่นๆ จากนั้นก็กลับออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“คุณรอนดีขึ้นแล้วใช่ไหม ดูนี่สิโรล่าจัดการหัวหน้ามอนสเตอร์ได้อีกตัวแล้ว” เด็กสาวยิ้มร่าเดินหิ้วกล่องใส่หัวก็อบลินลอร์ดมา “เอ๊ะ มีอะไรรึเปล่าคะคุณรอน”
“เป็นอะไรเหรอรอน” แพทถามด้วยคน รอนดูแปลกจริงๆ
“กัปตันเรย์ครับ พวกเราจะกลับกันก่อน ฝากทหารช่วยกันเคลียร์พื้นที่ด้วย” รอนบอก “สำหรับก็อบลินที่ติดในนั้นถ้าเป็นไปได้ก็จับเป็นครับ พวกมันมีประโยชน์สำหรับชาวบ้านอยู่”
“ได้ ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าคุณรอน” กัปตันเรย์ถาม “สีหน้าดูไม่ดีเลย”
“มีครับ เรื่องใหญ่ด้วย แต่เรื่องนี้คงต้องให้พ่อเฒ่าเบรเซอร์เป็นคนจัดการ” รอนบอก “เอาล่ะ ทุกคน เตรียมตัวเดินทางกลับหมู่บ้านได้”
รอนใช้เวลาที่ทุกคนเก็บข้าวของกันนั้น เดินแยกออกไปคนเดียว เขากางวงแหวนเวทสื่อสารระยะไกลที่ใช้ติดต่อกับหมู่บ้าน พูดคุยกับพ่อเฒ่าเบรเซอร์สักครู่ก่อนที่จะออกเดินทาง
ขบวนทหารชาวบ้านแห่งหมู่บ้านโอลเซ่นค่อยๆเดินทางกลับกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความรื่นรมย์ยินดี มอนสเตอร์ระดับลอร์ดจะมีพื้นที่ครอบครองของมันอยู่ ดังนั้นการกำจัดก็อบลินลอร์ดในพื้นที่ได้ก็เท่ากับการันตีว่าในหลายปีต่อจากนี้พื้นที่หมู่บ้านจะไม่ถูกโจมตีด้วยกลุ่มมอนสเตอร์แบบที่ผ่านๆมาอีก
“นั่นไง หมู่บ้าน พวกเรามาถึงหมู่บ้านแล้ว”
รอนมองตรงไปที่หมู่บ้าน หมู่บ้านโอลเซ่นจากมุมนี้ดูแปลกตาไปกว่าสมัยที่เขามาถึงใหม่ๆมาก ขนาดของหมู่บ้านในตอนนี้ขยายจากเดิมมีคนไม่กี่ร้อยคน จนตอนนี้มีคนหลายพันคน กำแพงหมู่บ้านถูกขยายยาวเหยียดไปกว่าเดิมหลายเท่าอันเป็นผลจากการพัฒนาของเขา แม้ตอนนี้จะเรียกว่าหมู่บ้าน แต่ก็เหมือนเมืองเล็กๆเมืองนึงแล้ว
ชาวบ้านที่เหลืออยู่สองร้อยกว่าคนรอบๆตัวรอนชูโล่และอาวุธขึ้นโบกไปมา เสียงเชียร์อย่างยินดีตะโกนต้อนรับดังมาจากทางเข้าหมู่บ้าน คนหลายพันทั้งประชากรหมู่บ้าน พ่อค้า และนักผจญภัยต่างมารอต้อนรับ
กองร้อยทั้งสามเดินผ่านขบวนผู้คนที่มาต้อนรับสองข้างทาง นายกองโยฮันมายืนรอรับที่กลางถนนก่อนถึงลานหมู่บ้าน
“ทำไมคนถึงได้ยินดีกันขนาดนี้ครับท่านโยฮัน” รอนถาม
“ท่านรอนอาจจะไม่ทราบ ก็อบลินลอร์ดที่ใช้แขนเวทมนตร์นั่นเป็นมอนสเตอร์ลอร์ดที่มีชื่อเสียง แถมก่อนที่ท่านรอนจะกลับมา กัปตันเรย์ส่งรายงานของจำนวนข้าศึกที่ตายในที่รบมาที่ค่ายทหาร พอชาวบ้านรู้จำนวนของของมอนสเตอร์ที่ตาย ก็เลยกังวลกันว่าจะเหลือคนรอดชีวิตกลับมาแค่ไหน” นายกองโยฮันกล่าว “พอเห็นว่ากลับมาได้เกินครึ่ง ทุกคนเลยดีใจกันยกใหญ่ครับ”
“อ้าว แล้วกัปตันเรย์ไม่ได้บอกเหรอครับว่าพวกเราสูญเสียเท่าไหร่” รอนถาม
“ไม่ได้บอกสิ” โยฮันทำหน้าแปลกๆ “ก็หน้าที่นี้ต้องให้ท่านรอนที่เป็นคนคุมกำลังรายงานนี่ครับ”
รอนเขกหัวตัวเองหนึ่งที ตอนที่เขาติดต่อคุณเบรเซอร์ก็ลืมบอกไปเสียสนิท ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีหัวทางด้านการจัดการจริงๆ
รอนเดินมาถึงลานหมู่บ้าน โรล่าหยิบเอากล่องใส่ศีรษะและแขนกลของก็อบลินลอร์ดไปวางที่โต๊ะกลางลาน ชาวบ้านที่รอดชีวิตลำเลียงศพผู้ตายลงมาวางเรียงกัน จากนั้นครอบครัวของคนที่ออกไปรบก็เข้ามาในพื้นที่
ครอบครัวของคนที่ยังอยู่ต่างยิ้มหัวเราะอย่างยินดี ขณะที่คนที่หาสมาชิกครอบครัวไม่เจอก็เดินไปดูศพที่พื้น บรรยากาศอันยินดีค่อยๆเปลี่ยนเป็นอึมครึมเศร้าโศก
“ไม่เป็นไร อย่างน้อยสามีของข้าก็ได้สละชีพเพื่อหมู่บ้าน”
“ใช่ ลูกข้าเสียสละต่อสู้ปกป้องทุกคน ข้าควรจะยินดีถึงจะถูก”
สายตาของครอบครัวผู้ตายดูเด็ดเดี่ยวและมองไปที่รอนอย่างขอบคุณ ทุกคนคิดคล้ายๆกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนหน้าที่รอนจะเข้ามาช่วย พวกเขามีแต่ต้องอพยพหนีภัย หรือไม่ก็ได้แต่ตายอย่างไร้ค่าไปหมดแล้ว
แต่กับสายตาที่ขอบคุณเหล่านั้น รอนกลับไม่ได้รู้สึกดี เขาหันไปมองพ่อเฒ่าเบรเซอร์แล้วพยักหน้า พ่อเฒ่าพยักหน้ารับแล้วร้องสั่งออกไป
“เอาตัวสามคนนั่นมา”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างที่สะบักสะบอมของชาวบ้านสามคนถูกหิ้วปีกเข้ามา