Midterm Fantasy – ตอนที่ 210

ลูกพี่ลูกน้อง
โดย
หมอแมว

น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวนั่งอยู่ที่หน้าหลุมศพอย่างไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี
ควรจะดีใจ กับการพบกับหลุมศพของพ่อแม่และพบญาติที่ยังเหลืออยู่
หรือ
ควรจะรู้สึกยังไง เมื่อได้รับรู้ว่าชายที่เธอรักคือลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าเธอ10ปี
“อาม่ารู้อยู่แล้วใช่ไหมคะ เรื่องที่หนูเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรอน” เจนัสถาม
อาม่าพยักหน้า
“อาม่ามาเชงเม้งกับครอบครัวนี้ทุกปี เคยเห็นรูปหน้าหลุมศพของแม่เรา เรากับแม่ของเราหน้าตาเหมือนกันมาก” อาม่าตอบ “และชื่อของเจนัสก็ตรงกับชื่อบนป้ายหลุมศพนี้ พ่อแม่ของอารอนเล่าว่าในหลุมฝังศพนี้ไม่มีร่างหลานสาวของพวกเขาที่หายไป ตำรวจยังหาศพไม่พบ”
“และเราก็เล่าว่าแถวบ้านญาติของเรามีถนนที่มีคลอง ตรงกับถนนข้างนอกที่แต่ก่อนสมัยก่อนที่รถไฟลอยฟ้าจะผ่าน เราเล่าว่าเคยไปเที่ยวบ้านญาติแล้วเผลอไปเดินเล่นเด็ดลูกไม้กินในดงตะขบจนพ่อแม่หากันวุ่นวาย” อาม่าบอกต่อ “เมื่อ15ปีก่อน ลุงป้าของรอนที่พาลูกสาวมาเยี่ยม ก็เคยมาถามหาลูกสาวที่ออกมาเดินเล่นแล้วหายไป ตอนหลังมารู้ว่าเด็กสาวคนนั้นไปเดินในดงตะขบ เรื่องที่ตรงกันขนาดนี้อาม่าคิดว่าคงไม่ผิดคนแน่”
เจนัสปาดน้ำตา
“อาม่าก็เลยให้หนูใช้แซ่ของอาม่า”
อาม่าพยักหน้า
“มีบางครอบครัวจะถือธรรมเนียมว่าไม่ให้ลูกหลานใน3รุ่นแต่งงานกัน และก็บางครอบครัวที่ไม่ได้ถือแบบนั้น สำหรับอาม่าเอง ความรักก็คือความรัก และอาม่ารู้ว่าเธอทั้งคู่คิดต่อกันอย่างไร” อาม่าบอก “เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต อาม่าก็เลยคิดว่าให้เธอใช้แซ่ของอาม่าซะ แล้วที่เหลือก็ให้เป็นเรื่องของอนาคต”
เจนัสคิดอะไรไม่ออก ในหัวมีแต่ความสับสนเต็มไปหมด
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าที่มาชาติกำเนิดและอายุที่ต่างกันและการที่อีกฝ่ายมีคนรักอยู่แล้วคืออุปสรรคที่หนักหนาแล้ว
แต่มาตอนนี้มีเรื่องการเป็นญาติสนิทเข้ามาอีก
ญาติใกล้ชิดที่ฝ่ายหญิงอายุมากกว่า แถมฝ่ายชายยังมีคนรักอยู่แล้ว
“เรากลับกันเถอะค่ะ” เจนัสลุกขึ้น เช็ดน้ำตาออกจนหมด
“พี่เจนัส” เจนและแจนร้องออกมา
“เจน เดี๋ยวเรานั่งตักพี่ แจน เธอไปนั่งตักน้องรอน พี่จะนั่งริมหน้าต่างขวา” เจนัสบอก
ทั้งหมดถือของกลับไปที่รถอย่างเงียบๆแล้วขึ้นรถไป บรรยากาศที่ดูร่าเริงในตอนขามาดูเงียบลงเสียถนัด ไม่มีใครชวนคุยแบบขามาอีก พ่อและแม่รอนก็รู้สึกผิดสังเกตบ้างแต่ไม่มากนัก ต่างคิดกันว่าคงเป็นเพราะไปเยี่ยมสุสานก็เลยตกอยู่ในบรรยากาศนี้
รถจอดที่หน้าบ้านอาม่า รอนลงไปช่วยขนของลงจากท้ายรถยกเข้าร้านขณะที่พ่อขับรถต่อกลับเข้าไปในซอยบ้าน
“เดี๋ยวผมช่วยยกครับ” รอนเอื้อมมือไปหยิบตะกร้าในมือหญิงสาว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ยกเอง” เจนัสบอก
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” รอนถามต่อ
“ไม่มีอะไรหรอก คงจะเพลียน่ะ” เจนัสตอบ
อาม่าเดินไปที่หน้าร้าน ขณะที่เจนและแจนค่อยๆถอยระยะเปิดโอกาสให้สองคนคุยกันสะดวกๆ
“คุณดูไม่ปกติ คิดเรื่องเมื่อกลางวันอยู่หรือเปล่า” เด็กหนุ่มถามอย่างกังวล
“อือ มีเรื่องให้คิดจริงๆนั่นแหละ สำหรับเรื่องนั้นพี่ขอคิดอะไรสักหน่อยก่อนก็แล้วกัน หวังว่าเราคงจะยอมรับการตัดสินใจของพี่นะ” หญิงสาวบอกออกไป “แล้วอีกอย่างนึงนะรอน”
“ต่อจากนี้ไปสัญญากับพี่ได้ไหม ว่าเราจะไม่ทำตัวแบบนี้ จะไม่ทำดีเป็นพิเศษแบบให้ความหวังกับผู้หญิงคนไหนอีก เพราะผลสุดท้ายแล้วมันจะไปลงเอยที่การตัดสินใจที่จะมีคนหลายคนต้องเจ็บปวด” 
รอนส่ายหน้า
“ต่อจากนี้ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมรู้แล้วว่ามันทำให้ทุกฝ่ายเจ็บปวด” รอนกำลังจะพูดต่อแล้วก็ชะงักไป  “แต่..”
‘แต่ความรู้สึกที่ผมมีให้คุณในตอนนี้ มันก็เป็นความรู้สึกที่แท้จริง’
รอนคิดในใจโดยไม่พูดออกไป เพราะมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสับสนไปอีก
“อือ ความรู้สึกของชั้นที่มีกับเธอก็เป็นความรู้สึกจากใจจริงเหมือนกัน” หญิงสาวตอบกลับทั้งที่รอนไม่ได้พูด
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมาพร้อมๆกันกับความรู้ใจกันแบบนี้
“ผมกลับก่อนนะครับ”
“พรุ่งนี้เจอกัน … แพทไปงานด้วยใช่ไหม”
“ครับ”
“อือ”
รอนเดินกลับออกไปแล้ว อาม่ากับสองสาวเดินกลับเข้ามาที่เจนัสที่กำลังยืนเหม่ออยู่
“อาม่าคะ หนูจะทำยังไงดี หนูลืมเขาไม่ได้” 
แล้วหญิงสาวก็กอดอาม่าร้องไห้ในร้านชำเล็กๆนั้น 
รอนกลับถึงบ้าน เดินเข้าห้องครัวเจอแม่กับพ่อที่กำลังช่วยกันทำกับข้าวอยู่
“รอน เจนัสกับลูกดูสนิทกันดีนะ” แม่ทัก
“ก็ประมาณนึงครับแม่ ก็อย่างที่เคยเล่านั่นแหละครับ” รอนบอก
“อือ แต่ลูกก็อย่าไปสนิทมากเกินไปนะ” พ่อบอก “อย่าลืมนะว่ามีแพทอยู่แล้วทั้งคน”
“ครับพ่อ ครับแม่” รอนรับคำก่อนจะช่วยยกจานข้าวออกมาจากครัว พ่อและแม่ยกจากชามข้าวออกมาวางที่โต๊ะแล้วเตรียมนั่ง พ่อทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ แล้วก็เดินออกไปที่ห้องรับแขก
“อ้าว พ่อ มีอะไรเหรอ” แม่ถามก่อนจะเดินไปดู พ่อของรอนกำลังอยู่ที่หน้ารูปถ่ายของครอบครัว
“วันนี้ตอนอยู่ที่สุสาน พ่อจำได้ว่ากลับมาตั้งใจไว้ว่าจะมาดูรูปที่บ้าน จำไม่ได้เหมือนกันว่าจะดูทำไม”
“สงสัยพ่อจะคิดถึงความหลังเลยอยากดูรูปมั้ง” แม่ว่า
“ไม่ใช่นะ เหมือนว่าพ่อคุ้นๆหน้าใครอะไรนี่แหละ” พ่อบอก “นึกไม่ออก เอ๊ะ เดี๋ยวสิ แล้วรูปตรงนี้หายไปไหน แม่ รอน สองคนเห็นรูปที่เคยอยู่ตรงนี้ไหม”
“รูปอะไรเหรอครับพ่อ” รอนถามงงๆ
“ก็รูปของพี่ชายกับพี่สะใภ้พ่อ รูปครอบครัวลุงของลูกน่ะ” พ่อถาม
“รูปนั้นมันตั้งนานแล้วนี่พ่อ มันหายไปแล้วหรือเปล่า”
“ไม่นะ วันก่อนที่อาม่าหวงมาส่งของที่บ้านเรา พ่อกับอาม่าหวงยังดูรูปแล้วคุยกันอยู่เลย” พ่อบ่นอย่างเสียดาย​ “แย่จริง รูปสุดท้ายเสียด้วย” 
“เอาน่าคุณ ของมันก็หายไปแล้ว ช่างมันเถอะ”
“หายไปไหนกันนะ”
พ่อบ่นอุบ ก่อนที่จะชวนทุกคนกินข้าวกัน
ที่ห่างออกไป ณ ชายทะเลทางภาคตะวันออก กรุ๊ปทัวร์กลุ่มหนึ่งกำลังขึ้นรถทัวร์ คนที่ทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยวยกธงโบกไปมาจนแน่ใจว่าทุกคนขึ้นรถเรียบร้อย จากนั้นก็ปิดประตู รถทัวร์เคลื่อนตัวไปช้าๆตามถนน มุ่งหน้าไปทางตะวันตก
รถวิ่งไปตามถนนสักครู่ใหญ่ๆ ก็มีรถติดไฟกระพริบสีแดงแล่นมาปาดหน้ามีผู้ชายลงมาจากรถ5คน ทั้งหมดอยู่ในชุดเสื้อยืดขาวขอบแดงเลือดหมู กางเกงสีกากี รองเท้าหนัง ติดบัตรแปลกๆ เคาะให้เปิดประตูรถ คนขับเปิดประตูรถแล้วชายเหล่านั้นก็ก้าวขึ้นมา
“มีอะไรเหรอครับคุณตำรวจ” ไกด์ถาม
“ขอดูใบอนุญาตทัวร์” ชายคนที่ขึ้นมาบอก
ไกด์เอาใบอนุญาตส่งให้ดู ขณะที่คนขับรถมองลงไปที่รถติดไฟสัญญาณนั้นสังเกตตราบนรถแล้วร้องออกมาอย่างตื่นตัว
“นี่ไม่ใช่รถตำรวจ”
ตราคล้ายตราโล่คาดดาบ แต่ไม่ใช่ตราตำรวจ
พวกผู้ชายที่อยู่ข้างล่างที่เหลือกรูขึ้นรถแล้วยกก้านปิดประตูรถ คนสุดท้ายดึงคนขับที่กำลังตกใจออกจากที่นั่ง
“แกจะทำอะไร แกเป็นใคร”  ไกด์ร้องออกมาอย่างตกใจ นักท่องเที่ยวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมามองอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเด็กทารกร้องจ้าอย่างตกใจ
“จ่ายมา ถ้าไม่อยากมีเรื่อง” ตำรวจปลอมบอกพลางกวาดสายตาไปทั่วๆรถ  ไกด์ตกใจรีบควักเงินในกระเป๋าส่งให้ ธนบัตรสีเทาร่วมยี่สิบใบถูกส่งให้อย่างรวดเร็ว หากแต่ตำรวจปลอมกลับยิ้ม ส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วมทีมไปที่ที่นั่งคนขับ
“เดี๋ยว ก็จ่ายให้แล้วไง”​ ไกด์ร้อง
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยไปนี่ ขอยืมรถสักแป๊บนึงแล้วกัน” ตำรวจปลอมส่งสัญญาณให้ออกรถ รถทัวร์ถูกขับออกไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวเต็มคันที่ตื่นตกใจ เสียงเด็กทารกร้องไห้จ้าไม่หยุด
“เฮ้ย ทำให้ไอ้เด็กบ้านั่นหยุดร้องซะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง” ตำรวจปลอมด่าก่อนจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายคงจะฟังไม่เข้าใจ “กูบอกให้หยุดร้องไง ไอ้เด็กเปรต”
มันกระชากเด็กทารกออกจากอ้อมกอดของพ่อแล้วเอามืออุดปาก
แว้ แว้ แว้ แว้ แว้
“นี่มันอะไรกัน … ตุ๊กตาทารก!”
“อ๊ากกก”
“อ๊ากกก”
“อุ๊ค”
“โอ๊ย อะไร เจ็บๆๆ อุ๊คๆๆ”
ตุบตุบตุบตุบ
เสียงร่วงหล่นของอะไรบางอย่างลงสู่พื้นทำให้ตำรวจปลอมที่กำลังขับรถทัวร์อยู่ร้องออกมา
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ อุ๊คๆๆๆ”
ร่างของมันถูกยกลอยออกจากที่นั่งคนขับ มือสองข้างพยายามดึงเส้นลวดที่รัดคอของมันออกอย่างไร้ผล คนขับรถทัวร์เข้าสลับนั่งที่แทนอย่างรวดเร็วขณะที่ตัวมันถูกจับหันไปด้านหลัง
และสิ่งสุดท้ายที่ตำรวจปลอมเห็นก็คือ ร่างทั้ง4ของเพื่อนของมันที่นอนตายอยู่ที่พื้นพร้อมมีดที่ปักเข้าที่ขมับ นักท่องเที่ยวเต็มคันรถที่ถือปืนและมีด กับตุ๊กตาทารกที่แผดเสียงร้องไห้อยู่ที่พื้น
ปั๊ก!
มีดเสียบเข้าที่ขมับ ร่างของมันกระตุกเกร็งไปทั้งร่างก่อนจะไหลลงสู่พื้น จบชีวิตนักไถแห่งท้องถนน
“มีอะไรรึหงซัน ทำไมรถออกนอกเส้นทาง” เสียงจากโทรศัพท์ดังออกมา
“มีหนอนสกปรกขึ้นมาบนรถห้าตัวน่ะ จัดการเรียบร้อยแล้ว” หงซันตอบไป
“อย่าลืมไปประจำตำแหน่งตามที่นัดหมาย งานนี้ตั่วเจ๊เมษาส่งผู้คุ้มกฎทั้ง4มาด้วย เราจะผิดพลาดไม่ได้”
“แก็งเมษาจงเจริญ!”

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ … มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset