ปลดปล่อยพลังนักรบคลั่ง เปิดใช้Bonus Stat เป็นครั้งแรก!
โดย
หมอแมว
“เคลื่อนตัวต่อไป ทุกคนเกาะกลุ่มไว้อย่างออกนอกแนวโล่ อ้ากก”
“อาเฉิน อาเฉิน!ลุกขึ้นมา”
“ไม่ต้องรอผม ทุกคนเดินต่อไป”
“อีกนิดเดียว อดทนไว้ทุกคน อีกนิดเดียวจะถึงทางออกแล้ว”
กลุ่มยามทั้งสองทีมต่างตั้งโล่แล้วลุยตรงไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะเลือกเส้นทางที่มีศัตรูน้อยที่สุดแล้วก็ตาม แต่ว่าอีกฝ่ายที่ใช้อาวุธสงครามก็สามารถจัดการกับยามของบริษัทรุ่งโรจน์ไปได้ไม่น้อย
แพทเองก็จนปัญญาที่ช่วยเหลืออะไรมากกว่านั้น อาการบาดเจ็บของเธอก็ยังไม่หายดี แกนมอนสเตอร์ที่มีอยู่ก็ใช้ไปหมดแล้ว และเวลาอยู่ที่โลกนี้ มานาจะไม่กลับฟื้นขึ้นมาเหมือนกับตอนอยู่อีกโลกหนึ่ง ดังนั้นในเวลานี้เธอจึงช่วยอะไรคนอื่นไม่ได้เลยนอกจากการเปิดแผนที่รบค้างไว้
ต้องเปิดค้างไว้เพราะเธอไม่มั่นใจว่าหากปิดแผนที่ไปแล้วจะเปิดใหม่ได้อีกหรือไม่แบบที่รอนเองไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากไม่มีพลังเวท
จะใช้ Bonus Stat เพื่ออัพเกรดพลังก็ทำไม่ได้ เพราะการอัพเกรดต้องอาศัยมานาในการเปิด
ทั้งหมดเคลื่อนตัวมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ต จุดเดียวกับที่ทีมน้ำเงินอพยพคนออกไปก่อนหน้านี้ ที่ประตูทางออกมีคนของแก๊งเมษาอยู่กลุ่มใหญ่ พื้นที่โล่งกว้าง100เมตรไม่มีที่ให้กำบัง
“เฮียครับ ลูกดอกหน้าไม้เราหมดแล้ว ปืนที่ยึดมาก็ใช้กระสุนหมดแล้ว”
แท็ดๆๆๆๆๆๆ ตูม! เสียงกระสุนสาดมาเป็นระยะ ระเบิดถูกขว้างเข้าใส่ยามที่พยายามจะเคลื่อนเข้าไป แต่โล่ที่หนักเป็นสิบกิโลทำให้เคลื่อนที่หลบระเบิดไม่ได้ดั่งใจ
“ทีมเหลือง ไปเอารถเข็นมา!” รองหัวหน้าทีมเหลืองสั่ง “ผูกโล่เข้ากับรถเข็น”
โล่กันกระสุนแสนหนักถูกผูกติดที่หน้ารถเข็นซูเปอร์มาร์เก็ต ยามอีกชุดไปเทเอามีดจากแผนกมีดทำครัวมาแจกจ่ายให้ทุกคน
“ทีมเหลืองทั้งหมด ตามมา”
“โอ้อ้อ้อ้อ้”
แท็ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตูม ตูม
“เฮ้ย ยิงดีๆสิเว้ย”
“ทำไมมันเคลื่อนที่เร็วอย่างนี้”
มือปืนแก๊งเมษาทั้งขว้างระเบิดและกราดกระสุนเข้าใส่ แต่รถเข็นจ่ายตลาดติดโล่กันกระสุนนั้นพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ด้านหลังมีเงาไหวๆของกลุ่มยาม
ตูม!
รถเข็นกระแทกเข้ากับแนวตู้ที่มือปืนใช้ พวกมือปืนหลบลงตั้งหลัก แต่เงาร่างจำนวนมากก็พุ่งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเข้ามา ประกายวาววับของมีดสะท้อนแสงเข้าตาพวกมือปืน
“ทีมเหลืองทั้งหมด ประจัญบาน!”
เสียงการต่อสู้กรีดร้องดังลั่น ปืนจู่โจมในมือของมือปืนนั้นยาวเกะกะเกินไปแล้วสำหรับการต่อสู้ประชิด เสียงมีดกระซวกเข้าร่างกาย เสียงปืนพกที่ยิงประชิด เสียงร่างกายที่ล้มลงกับพื้น ดังปนเปกันไป กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วพร้อมกับเลือดที่เจิ่งนอง
“ยึดที่มั่นได้แล้ว ทีมแดง เดินหน้าได้”
รองหัวหน้าทีมเหลืองร้องบอก มือกุมแขนที่ถูกยิงเลือดกำลังไหลริน เขามองไปที่พื้นรอบๆ มือปืนของแก๊งเมษาไม่ต่ำกว่า 50 คนนอนตายเกลื่อน ขณะที่คนของเขาไม่ต่ำกว่า20คนก็ล้มลงในที่นี้
“ทุกคน อพยพเร็วเข้า พวกมันตามมาจากด้านหลังแล้ว” แพทตะโกนบอก
ยามทีมแดงยกโล่เคลื่อนกำลังออกไปที่ทางออกห้างวางแนวเป็นสี่เหลี่ยมให้ประชาชนที่อพยพอยู่ตรงกลาง ด้านนอกนั่น พวกของแก๊งเมษาที่ต่อสู้กับตำรวจอยู่เริ่มหันกลับมายิงต่อสู้ แพทหันไปมองยามทีมเหลืองที่อยู่ด้านหลัง
“คุณหนูไปก่อนครับ พวกเราจะระวังหลังให้เอง” รองหัวหน้าทีมเหลืองบอก “ทีมเหลืองที่เหลือ เก็บอาวุธของพวกมันมา เราจะยันมันเอาไว้ตรงนี้”
แพทพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกไปขณะที่รองหัวหน้าทีมเหลืองหันกลับไปมองลูกน้อง ตอนนี้ทีมสีเหลืองแม้จะเหลือ50กว่าคน แต่ก็เหลือคนที่ต่อสู้ไหวแค่30คนเท่านั้น ขณะที่อีกฝ่ายกำลังแห่กันมาจากในห้างยังไม่รู้จำนวน
ตอนนี้ทีมแดงตั้งแนวป้องกันด้านเดียว บังกระสุนให้ประชาชนที่กำลังอพยพอยู่
ถ้าหากพวกมันออกจากห้างได้ พวกเขาจะโดนกระหนาบจากสองทิศ ต้องมีคนตายอีกมากแน่
“ยันมันไว้ Last Stand!”
ทั้งสองฝ่ายแลกกระสุนกันไปมา กระสุนปลิวว่อนข้ามหัวกลุ่มยาม
“หนอย กระสุนจะหมดแล้ว ทุกคน ยิงประหยัดกระสุนหน่อย”
มือปืนของแก๊งเมษาค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ พวกมันที่เข้ามาก็กระสุนใกล้หมดเช่นกัน หากแต่พวกมันมีปืนพ่นไฟ
“ยิงเจ้าปืนไฟนั่น อย่าให้มันเข้ามา”
“มุมไม่ได้ครับ มันหลบอยู่หลังเสา”
“หมิงซื่อ ข้าจะออกไปเก็บปืนไฟ นายทำหน้าที่บัญชาการต่อ” รองหัวหน้าทีมเหลืองสั่ง
“เฮีย”
“ไม่ต้องห้าม เกราะของเราไม่ป้องกันไฟ ถ้าไม่มีใครออกไป ทุกคนต้องตายกันหมดแน่”
ปัง!
ตูม!
ถังเชื้อเพลิงของปืนพ่นไฟแตกออก ตามด้วยเปลวไฟและร่างของมือปืนที่วิ่งเป็นคบเพลิง
มือปืนที่สะพายปืนพ่นไฟอีกคนหมอบลงกับพื้นทันที
ปัง!
ตูม!
ทะเลเพลิงอีกหย่อมกระจายทั่วพื้น ทีมเหลืองทั้งหมดมองอย่างงงงัน แล้วก็มีคนสังเกตเห็นไฟฉายที่กระพริบเป็นจังหวะจากตึกฝั่งตรงข้าม
“รหัสมอร์ส” ใครคนนึงพูดขึ้นก่อนจะน้ำเสียงจะเปลี่ยนเป็นความดีใจ “นั่นเจ๊เจน เจ๊เจนมาแล้ว”
“ถ…อ…น…กำ…ลัง…ได้…จะ…สกัด…ให้…”
“พวกเรา ถอนกำลังได้ เจ๊เจนมาแล้ว แบกคนเจ็บไปด้วยเร็วเข้า”
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังจากตึกฝั่งตรงข้าม 1นัด 1ศพ เจนหมอบเล็งยิงมือปืนที่โผล่มาตรงทางออกซูเปอร์มาร์เก็ตจนไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมา ขณะที่เบื้องล่างนั้นประชาชนเกือบทั้งหมดถูกอพยพไปที่แนวรับของตำรวจหมดแล้ว
“คุณหนูแพท!ทำไมคุณยังไม่ไปครับ” รองหัวหน้าทีมเหลืองร้องเมื่อเห็นว่าแพทยังบัญชาการรบที่ด้านหลัง
“ไม่ต้องมากความ ไปเร็วเข้า” แพทสั่ง “ทุกคน เตรียมตัวถอนกำลัง ถอยได้”
แพทกับหมอเคอยู่ในกลุ่มสุดท้าย ยามที่เหลืออยู่ยกโล่ขึ้นแล้วเคลื่อนตัวถอย การถอยเป็นไปอย่างไม่ยากเย็นนักเพราะกระสุนที่สาดเข้ามาถูกโล่ป้องกันเอาไว้หมด
แล้วร่างๆหนึ่งก็พุ่งเข้ามา แทรกผลักเข้ามาที่ช่องว่างระหว่างโล่
“เฮ้ย!” ฉัวะๆๆๆ
ร่างของยามล้มลงเป็นใบไม้ร่วง กระบี่ในมือของผู้คุ้มกฎสวนหวู่ตัดเข้าที่รอยต่อของชุดเกราะ ยามที่พยายามจะยกปืนในมือขึ้นสู้ก็เจอจัดการ ไม่มีใครกล้ายิงจากระยะไกลเพราะกลัวจะถูกพวกเดียวกัน
แพทพุ่งตัวเข้าไป ใช้ไม้เท้าเวทต่อสู้
“นังเด็กนี่! มีฝีมือเหมือนกันนี่” ผู้คุ้มกฎสวนหวู่ร้อง “ไป๋หู่!”
ร่างอีกร่างพุ่งเข้ามา มีดสั้นสองเล่มพุ่งเข้าใส่ลำคอของเด็กสาว
“อะต๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ปั่กๆๆๆๆๆ
“คุณแพท ถอยเร็วเข้า” หมอเคร้อง
“หนอย มีแต่กล้ามคิดจะมาสู้กับมีดเรอะ ตายซะ” ผู้คุ้มกฎไป๋หู่ร้อง “เพลงมีดปลาบิน!”
คมมีดหมุนไปมาอย่างพิศวง โจมตีจากหลากทิศอย่างไม่คาดฝัน หากเป็นคนธรรมดาต้องสู้ไม่ได้แน่
แต่ทว่าไม่ใช่กับหมอเค!
“อะต๊ะๆๆๆๆๆๆๆ”
ปั่กๆๆๆๆ
สายตาอันแหลมคมมองดูกล้ามเนื้อที่กำลังขยับของไป๋หู่ จากนั้นกำปั้นของหมอเคก็พุ่งดักทางมีดได้จนหมด
“หนอย เก่งนักเรอะ” ไป๋หู่ร้อง
“เข้ามา” หมอเคท้า
“ได้!” ไป๋หู่รับคำ
ปังๆๆๆๆๆ
“อ้ากกก”
ขาและเข่าของหมอเคพรุนไปด้วยกระสุน หมอหนุ่มล้มลงกับพื้นขณะที่ผู้คุ้มกฎไป๋หู่ทิ้งปืนที่หมดกระสุนแล้วและพุ่งเข้าใส่แพท
ขณะเดียวกันนั้นเอง รอนยังวิ่งอยู่ที่ชั้นบนในตัวตึก หลงทางอย่างไม่เห็นทางออก
“โว้ยยยย ทำไมมันหาทางขึ้นไปชั้นบนยากเย็นอย่างนี้”
“ไม่มีสัญญาณGPS” เสียงจากโทรศัพท์ร้องออกมา
“ข้างหน้าแน่ๆ หลังผ้าม่านนี่คือทางขึ้นชั้นสองแน่ๆ”
“ไม่มีสัญญาณGPS” เสียงจากโทรศัพท์ร้องอีก รอนวิ่งเต็มฝีเท้า เตรียมขึ้นบันไดไปชั้นสอง เขาแหวกม่านออก
“กลับหลัง กลับหลัง” โทรศัพท์ร้องออก
“แว้กกกกกกกกกกกกกกกก” รอนร้องเสียงหลง
แม้จะมีสกิล [บุรุษศึกษา] ที่ทำให้ดักทางได้แต่การต่อสู้กับผู้คุ้มกฎถึงสองคนก็เต็มกลืน
ร่างของเด็กสาวเต็มไปด้วยบาดแผลจากมีดและดาบ กำลังค่อยๆหมดลงไปเรื่อยๆ
ที่พื้นเกลื่อนไปด้วยร่างของยามที่บาดเจ็บ
“แม่หนู ตายซะเถอะ” ผู้คุ้มกฎทั้งสองร้องออกมาพร้อมๆกัน กระบี่และมีดในมือถูกยกขึ้น
เพล้ง!
“แว้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
เสียงร้องดังมาจากเหนือศีรษะทำให้ผู้คุ้มกฎทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกันก่อนจะกระโดดหลบออกมา
ตุบ!
รอนหล่นลงมาตรงกลางข้างๆเด็กสาวที่ร่างโชกเลือด
“รอน!”
“แพท!”
เด็กสาวน้ำตารินหลั่ง โผเข้าหาเด็กหนุ่ม และก่อนที่จะมีใครพูดอะไร ร่างของทั้งสองคนก็หายวับไป
ตอนนี้คือเวลาเที่ยงตรง!
ผู้คุ้มกฎทั้งสองเบิ่งตามอง หายไปไหน!
เวลาผ่านไป5วินาที ก่อนที่ร่างของแพทและรอนจะปรากฎขึ้นมาใหม่
“ตายซะเถอะ”
แคร้ง!
“เฮ้ย”
แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ง แคร้ง
สวนหวู่ถอยกรูด รอนใช้โล่เล็กในมือปัดป้องอย่างคล่องแคล่ว ดาบสั้นในมือพริ้วไหวใส่กระบี่ของมัน
ผู้คุ้มกฎแห่งแก๊งเมษาเสือกแทงกระบี่เข้าที่ร่างของรอนที่เปิดช่องว่าง
แคร้ง!
“เฮ้ย เกราะเหล็ก”
มันเพิ่งสังเกตว่าร่างของรอนนั้นอยู่ในเกราะเหล็กสีดำสนิท
ตะกี้มันอยู่ในชุดเกราะปราบจลาจลไม่ใช่เรอะ
บ้าไปแล้ว เกราะเหล็กแบบนี้กระบี่จะแทงเข้าได้ยังไง …สวนหวู่กรีดร้องในใจ
ขณะที่ไป๋หู่ไม่ได้ดีไปกว่ากัน มันพุ่งเข้าแทงมีดเข้าที่ร่างของแพท เพื่อจะพบกับความประหลาดใจ
เดี๋ยวสิ ตะกี้มันอยู่ในชุดผ้า
ทำไมตอนนี้มันใส่เกราะเหล็กได้ล่ะ
แคร้ง!
มีดสะกิดคาอยู่ที่เกราะอกของแพท แทงไม่ทะลุ มันมองหน้าเด็กสาวอย่างตกใจ
“[Fire Pillar]”
“ว้ากๆๆๆๆๆๆๆ”
ร่างของไป๋หู่ลุกเป็นไฟลอยกลิ้งไปตามพื้น แพทหันไปมองสวนหวู่ที่กำลังสู้กับรอนอยู่จากนั้นใช้เวทหอกน้ำแข็งยิงออกไปเป็นชุด
“เฮื้อกกกกก”
ผู้คุ้มกฎทั้งสองของแก๊งเมษา
ตายในเวลาไม่กี่นาที!
รอนหันหลังกลับ เตรียมกลับเข้าไปในตัวตึก
“รอน!”
แพทร้องเรียก
“เราต้องไปนะแพท” รอนย้ำ
ตอนที่ข้ามไปโลกโน้นเมื่อกี้ รอนและแพทชาร์จพลังและเปลี่ยนเกราะอาวุธเรียบร้อย รอนรู้สถานการณ์ทั้งหมดแล้ว
และเขาก็ตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ต้องไปช่วยเจนัส
แพทมองหน้าเพื่อนชาย
ไม่มีคำถามว่าเขารู้สึกยังไงกับผู้หญิงคนนั้น
เพราะมันไม่ต้องถามอะไรอีก
รอนพร้อมจะเสี่ยงชีวิตเพื่อผู้หญิงคนนั้น
แพทเดินเข้าไปหารอน ประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ
“ไปช่วยคุณเจนัส แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง” เด็กสาวบอก
รอนพยักหน้าและวิ่งกลับเข้าไปในห้าง ลูบมือไปที่ปากเบาๆ
“เอ๊ะ ที่หน้าจอขึ้นเลข 0.5 อีกแล้ว” เด็กหนุ่มสังเกตที่ไปที่มุมจอ
จะว่าไป เจ้าเลขนี่มันขึ้นมาหลายครั้ง
ขึ้นทุกครั้งที่เขาจูบกับแพทนี่นา
มันคืออะไรนะ
เห?