ผู้อพยพจากม่านหมอกแห่งความมืด
โดย
หมอแมว
ก๊อบๆ ก๊อบๆ ก๊อบๆ
เสียงฝีเท้าม้าที่เหยียบย่างไปบนถนนเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังไปทั่วท้องทุ่งอันกว้างใหญ่นี้
12ชั่วโมงผ่านไปแล้วตั้งแต่ม่านหมอกแห่งความมืดปกคลุมทวีปซีแลนเดีย และเป็น 12 ชั่วโมงที่ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว
หมู่บ้านไลเน่ เป็นหมู่บ้านหนึ่งในเขตของเมืองแอมโบรเซีย หลังจากม่านหมอกความมืดเข้าปกคลุมในช่วงเย็น ชาวบ้านก็หนีเข้าเขตกำแพงและปิดประตูหมู่บ้าน
ค่ำคืนนั้นก็อบลินจำนวนไม่มากพยายามบุกเข้าโจมตีหมู่บ้าน หากแต่ชาวบ้านช่วยกันต้านเอาไว้ได้จนถึงเช้า
ตอนเช้าที่ไม่มีใครเห็นแม้แต่ดวงอาทิตย์ ม่านหมอกความมืดนี้ประหลาดนัก เหมือนกับมันบดบังแสงอาทิตย์ไปจนหมด สิ่งที่ทุกคนเห็นมีเพียงแสงจันทร์ และแสงจากมหานวดาราซูเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เท่านั้น
เครื่องมือเวทมนตร์ที่ใช้ติดต่อระหว่างหมู่บ้านใช้การไม่ได้
มีผู้ที่หลบหนีภัยเข้ามาในหมู่บ้านบอกว่าตอนนี้ข้างนอกนั่นเริ่มมีก็อบลินที่รวมกลุ่มเป็นกองกำลังตั้งบนถนนใหญ่ที่จะไปเมืองแอมโบรเซีย เหมือนกับจะเตรียมโจมตีหมู่บ้านและปิดเส้นทางหลบหนี
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้ ถ้าก็อบลินโจมตีพวกเราคงสู้ไม่ได้แน่”
“แล้วพวกเราจะไปไหนล่ะ”
ชาวบ้านทั้งหมดเป็นชาวเมืองแอมโบรเซีย รู้จักเพียงแต่เส้นทางไปเมืองของตน
แต่ละคนแทบไม่เคยออกนอกเขตเมืองนี้ หรือถ้าเคยก็เป็นการเดินทางตอนกลางวันสว่างๆที่เห็นเส้นทาง ไม่เคยมีใครเดินทางทั้งที่มืดๆแบบนี้
“ไปที่นั่นไง”
ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ไปที่ขอบฟ้า ที่นั่นมีแสงสว่างเรืองรองส่องอยู่
“แสงนั่น!”
“หมู่บ้านโอลเซ่น จริงสิ ข้าได้ยินว่าที่นั่นได้รับความคุ้มครองจากเทพแห่งแสงนิชลีน”
“เทพนิชลีน จริงสิ”
ชาวบ้านทั้งหลายหันไปมองรถม้าสองคันที่จอดอยู่กลางหมู่บ้าน
คืนที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมดแทบจะหมดหวังในชีวิตไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะรถม้าสองคันนี้
เพราะท่ามกลางความมืดมิดที่ไฟก็ไม่อาจจุดติดนี้ แสงสว่างจากไฟแอลอีดีในตุ๊กตานิชลีนประจำรถม้าทั้งสอง ถือเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านทุกคน ในรัศมี100เมตรรอบรถม้า ไม่มีหมอกสีดำอยู่เลย
“พวกเราไปหมู่บ้านโอลเซ่นกันเถอะ”
“ใช่ๆ”
“ว่าแต่เราจะไปยังไงล่ะ พวกเราไม่เคยไปกันไม่ใช่เหรอ”
ทุกคนนิ่งอึ้งไปพร้อมกันอีกครั้งก่อนที่เจ้าของรถม้าผู้ที่ทำงานให้กับอูเบอร์จะยกมือขึ้น
“คือพวกข้ารู้ทางไปโอลเซ่นนะ”
ชาวหมู่บ้านไลเน่เดินเท้าไปกับรถม้ารวบรวมอาวุธและข้าวของไปกันโดยมีรถม้าปิดหัวท้าย ที่กลางขบวนมีผู้ที่ถือเสาติดหุ่นนิชลีนที่แงะมาจากสำนักงาน
ไฟส่องสว่างสามดวง เป็นเหมือนแสงไฟเรือลำน้อยที่ลอยในทะเลแห่งความมืด
ก๊อบๆ ก๊อบๆ
“นั่นใคร” บราวน์ตะโกนจากรถม้าเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหน้า
“พวกเราไม่ใช่คนร้าย พวกเราเป็นคนจากหมู่บ้านวีชัทกับแวทออฟ”
ชาวบ้านร่วมสามร้อยคนโผล่มาจากข้างทาง
“ทำไมมีกันแค่นี้ล่ะ” บราวน์ถามอย่างประหลาดใจ ชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้านน่าจะมากกว่านี้สิ
“เมื่อคืนก็อบลินโจมตีหมู่บ้านของเราจนแตก นี่คือคนที่หนีรอดมาได้” ชาวบ้านคนนึงบอก “ให้พวกเราไปกับพวกท่านเถอะ”
“ว่าไงบอส” บราวน์ถาม
“จะให้ว่าไง ก็ต้องไปด้วยกันสิ คนยิ่งเยอะยิ่งดี” บอสตอบ
บอสกับบราวน์ผู้ขับรถม้าทั้งสองคนไม่ได้ว่าอะไรต่อ เขาจำได้ว่าหมู่บ้านวีชัทและแวทออฟเป็นสองหมู่บ้านที่ไม่มีสาขาของอูเบอร์
ขบวนเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าม้าดังปะปนไปกับเสียงปั่นไฟด้วยเครื่องปั่นไฟมือหมุน บราวน์ปั่นไฟไปด้วยมองไปรอบๆ ก่อนที่ชาวบ้านที่ทำหน้าที่ลาดตระเวนด้านหน้าจะวิ่งกลับมา
“ทุกคนระวัง” หญิงสาวที่ลาดตระเวนอยู่ตะโกนบอก
“เกิดอะไรขึ้นแซลลี่” บอสถาม
เฮฮฮฮฮฮ
ร่างสีเขียวพุ่งออกมาจากความมืดแห่กันเข้ามา
“ก็อบลินบุก!”
ก็อบลินพุ่งเข้ามานับร้อย ชาวบ้านที่อยู่กลางขบวนกรีดร้อง ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้ระงม
บอสกับบราวน์ขับรถม้าขึ้นขวาง
“เร็วเข้า หน่วยป้องกันหมู่บ้านเตรียมตัวเร็วเข้า” บอสตะโกน “ใครมีอะไรก็เอามาสู้เดี๋ยวนี้เลย”
รถม้าสองคันหันข้างให้กลุ่มก็อบลินที่บุกเข้ามา จากนั้นหลังคาก็เปิดออกเผยให้เห็นหน้าไม้อัตโนมัติ บอสและบราวน์กดคันโยกและหันแท่นยิงกราดออกไป ลูกศรหน้าไม้พุ่งออกไปครั้งละ 5 ดอก ยิงได้1ครั้งต่อ2 วินาที ห่าลูกดอกหน้าไม้พุ่งปักก็อบลินจนล้มลงเป็นแถบๆ
ทีแรกพ่อค้าอูเบอร์ก็ไม่อยากให้ติดหน้าไม้ไว้ แต่รอนให้เหตุผลว่าเผื่อจะมีโจรดักปล้น … ตอนนี้หน้าไม้ได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว
“เร็วเข้า กระสุนจะหมดแล้ว” บอสร้องเรียก “เจมส์ พร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้ว” เจมส์ขานรับ “หน่วยป้องกันหมู่บ้าน บุกได้”
เฮฮฮฮฮฮ
เหล่าผู้ชายวิ่งออกไปพร้อมดาบและโล่เข้าสู้กับฝูงก็อบลิน ก็อบลินที่กว่าครึ่งได้รับบาดเจ็บไม่ใช่คู่มือของคนเหล่านี้เลย
การต่อสู้ดำเนินต่อไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวด้านหลัง ร่างในชุดสีแดง 10 ร่างปรากฎขึ้นและร่ายเวทลูกไฟ
“กรี๊ดดดด ก็อบลินเมจ”
“พวกเราหลบเร็วเข้า”
ลูกไฟลอยพุ่งเข้ามาในขบวน ผู้คนต่างวิ่งหลบหนี
“แย่แล้ว หน่วยป้องกันหมู่บ้านยังสู้ด้านโน้นอยู่”
“ถอยเร็ว อย่าโดนลูกไฟของมัน”
ลูกไฟพุ่งเข้ามานับสิบลูก ชาวบ้านทิ้งข้าวของแตกตื่นหนีตาย เด็กเล็กๆที่วิ่งอยู่หกล้มร้องไห้กระเจิงจนคนที่ต่อสู้อีกด้านก็ห่วงพะวง
จะทำอย่างไรดี
“กรี๊ดดดด” เด็กห้าขวบคนหนึ่งหกล้มลงกับพื้น ลูกไฟลอยพุ่งเข้าไปหาร่างเด็กคนนั้น
“ย้ากกกกก” เสียงหญิงคนหนึ่งร้องขึ้นมา และพุ่งเข้าขวาง ในมือยกกระทะขึ้นกัน
ซูมมมมมมมมมม
ลูกไฟถูกกักเอาไว้ในกระทะเทฟล่อน!
“กระทะ กระทะของร้านARMAMENTป้องกันลูกไฟของมันได้จริงๆด้วย”
เหตุการณ์ที่รอนเคยใช้กระทะเทฟล่อนกักลูกไฟของก็อบลินเมจแล้วโยนกลับ ถูกเล่าขานโดน Bard ไปยังหลายพื้นที่ ไม่นึกว่าตอนนี้ชาวบ้านทั่วไปจะได้ทำตาม
“เอาคืนไป”
ซูมมมม ฟู่ อ้ากกกกก
ก็อบลินเมจที่ไม่ทันระวังเจอลูกไฟลอยย้อนกลับเข้าตัว
“โคนี่ แซลลี่ เจสสิก้า ทุกคน ไปกันเลย”
“เฮฮฮฮฮ”
เหล่าแม่บ้านคว้ากระทะโครินทร์คิง และมีดทำครัวตราหัวแมวลายดาหน้าเข้าหาก็อบลินเมจ ลูกไฟพุ่งเข้าใส่เหล่าแม่บ้าน แต่ทุกคนล้วนป้องกันเอาไว้ด้วยกระทะในมือได้
“เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ แกคิดว่าข้าจะปล่อยเมจให้มากันโดยไม่มีใครคุ้มกันเรอะ” ก็อบลินกัปตันปรากฎกายขึ้น “รับดาบของข้าซะ”
เคร้ง!
ดาบเหล็กของก็อบลินกัปตันหักกระเด็นลอยขึ้นไป กระทะโครินทร์คิงอันประกอบไปด้วยโลหะผสม36ชั้นแข็งแกร่งกว่าดาบเหล็กโกโรโกโสนั่นมากนัก และก่อนที่หัวหน้ามอนสเตอร์จะทันตั้งตัว มีดทำครัวนับสิบก็เสียบทะลุเกราะของมัน
“ไม่ .. จริง .. น่า ..” ก็อบลินกัปตันล้มลง ขณะที่ฝูงก็อบลินเมจวิ่งหนีตายดั่งแมลงวันไร้หัว พวกมันหนีไปได้ไม่ไกลก็ถูกแม่บ้านเอากระทะฟาดแล้วจ้วงแทง
“เอาล่ะทุกคน ไปช่วยพวกผู้ชายกัน”
“เฮฮฮฮ”
การต่อสู้จบลงในเวลาอันสั้น ก็อบลินร่วมสามร้อยทิ้งชีวิตเอาไว้ตรงนั้น ขณะที่ชาวบ้านมีความสูญเสียไม่ถึง10คน
นอกจากลูกศรและหน่วยป้องกันหมู่บ้านแล้ว อีกส่วนเป็นเพราะก็อบลินประเมินพวกแม่บ้านพลาดไป มันไม่คิดว่ากระทะกับมีดทำครัวนั่นจะทำจากโอริค่อนที่แข็งแกร่ง
“เอาล่ะ ทุกคนเดินทางต่อกัน หมู่บ้านโอลเซ่นอยู่ข้างหน้านี่แล้ว”
ขบวนของหมู่บ้านไลเน่เดินทางไปเรื่อยๆ มีชาวบ้านที่เข้ามาสบทบเพิ่มขึ้นช้าๆ ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านโอลเซ่นทุกคนก็พบว่าคนที่มาถึงตรงนี้ได้ก็เป็นเพราะเหตุผลเดียวกัน
เพราะมีรถม้าอูเบอร์ที่ติดตั้งรูปเคารพของท่านเทพนิชลีนส่องแสงนำทางนั่นเอง
นอกจากนี้ แม้จะไม่เห็นดวงอาทิตย์ไม่รู้ทิศทาง แต่ถนนที่รอนส่งเสริมให้สร้างมีการติดตั้งหลักกิโล ป้ายบอกทางเป็นระยะ ทำให้คนขับรถสามารถหาเส้นทางถนนได้อย่างไม่ผิดพลาด
“นั่นหมู่บ้านโอลเซ่นอยู่ข้างหน้า อีกแค่สามไมล์เราก็จะถึงแล้ว”
“นั่นน่ะรึหมู่บ้านโอลเซ่น”
ทุกสายตาจับจ้องไป หมู่บ้านโอลเซ่นในตอนนี้ส่องสว่างโดดเด่นท่ามกลางความมืด แสงสว่างน้อยๆจากรถม้านี้ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับเรือน้อยๆที่แล่นฝ่ามหาสมุทรมาได้มาพบกับเมืองท่าเป้าหมายแล้ว
“เร่งฝีเท้าเร็ว”
“รถม้ากระจายขนาบข้าง ป้องกันการโจมตี”
“หน่วยป้องกันหมู่บ้าน ระวังไว้ให้ดี ไม่แน่ว่าจะมีก็อบลินอีก”
ทั้งหมดเร่งฝีเท้ากันอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ขบวนประกอบไปด้วยรถม้า12คัน รวบรวมผู้คนจากหมู่บ้าน36หมู่บ้าน เป็นขบวนอพยพขนาดใหญ่ที่มีคนราวๆ 8000 คน
ด้วยจำนวนขนาดนี้ ข่าวสารที่ทุกคนแลกเปลี่ยนกันจึงทำให้ทราบว่าก็อบลินที่โจมตีแต่ละหมู่บ้านนั้นมากมายนัก ทำให้ทุกคนกลัวการลอบโจมตีอย่างที่สุด
“บราวน์ ข้างหลังนั่น” บอสร้องบอก
บราวน์มองไปด้านหลังด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วหันไปตะโกนบอก
“หน่วยคุ้มกันหมู่บ้าน รวมกำลังเดี๋ยวนี้”
“ทุกคนทิ้งสัมภาระที่ไม่จำเป็น หนีเข้าหมู่บ้าน หน่วยวัลคีรีคอยคุ้มกันคนเข้าเมือง”
หน่วยวัลคีรีทั้งหมดชูกระทะและมีดทำครัวเป็นการรับคำก่อนจะคุ้มกันเด็กและคนชรารีบวิ่งหนีมุ่งไปทางหมู่บ้านโอลเซ่น ขณะที่หน่วยคุ้มกันหมู่บ้านต่างรวมกลุ่มกันที่แนวรถม้า ทุกคนจับจ้องไปที่หมอกความมืดที่เป็นเหมือนกำแพงสีดำตรงหน้า
พื้นดินสั่นสะเทือนช้าๆ แล้วร่างสีเขียวก็ปรากฎก้าวเข้ามาจากหมอกแห่งความมืด
ก็อบลิน ก็อบลินเต็มไปหมด ประเมินด้วยสายตาน่าจะมีหลายพัน !
“จะไหวเหรอ”
“แต่ไม่ไหวก็ต้องไหว ไม่งั้นครอบครัวของพวกเราต้องไม่รอดแน่”
“สู้!”
ชาวบ้านกระชับโล่ในมือให้มั่น หอกในมือเตรียมพร้อมเข้าสู้ศึก ขณะที่ก็อบลินที่โผล่ขึ้นยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ละตัวแยกเขี้ยวแสยะออก ดาบเหล็กผุพังในมือของพวกมันบางตัวยังมีคราบเลือดของมนุษย์ที่โชคร้าย และก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเคลื่อนกำลังเข้าสู้กันนั้นเอง
ครืน ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงสั่นสะเทือนดังมาจากพื้นดินอีกครั้ง
“นั่นมันอะไรกัน”
จู่ๆโกเลมอัลปาก้านับร้อยโผล่มาม่านหมอกอีกด้าน แล้วพุ่งเข้าไปในหมู่ก็อบลิน หลายตัวแบกก้อนเรืองแสงกลมๆสีชมพูไว้ที่หลัง และก่อนที่ใครจะทันตั้งตัว ก้อนเรืองแสงเหล่านั้นก็ระเบิดออก
บรึม!
ก็อบลินที่อยู่แนวหน้าถูกแรงระเบิดอัดลอยขึ้นไปในอากาศ แขนขาเลือดเนื้อกระเด็นไปทั่วทิศทาง ไม่เพียงเท่านั้น เด็กสาวคนหนึ่งบนหลังม้าก็ปรากฎตัวขึ้น คทาเวทในมือของเธอยกขึ้นก่อนที่เกล็ดน้ำแข็งแหลมคมจะก่่อตัวในอากาศ
“[Blizzard]”
ตูม! ตูม! ตูม!
“กัปตันเรย์คะ!”
“ได้เลยคุณแพท!” เสียงของกัปตันเรย์ขานรับ “ทหารม้า ชาร์จ!”
“เฮฮฮฮฮ”
ทหารม้าหนักโรมันสองกองร้อยบุกเข้าบดขยี้ก็อบลินที่พยายามจัดกำลัง กองทหารม้าทะลวงเข้าไปอย่างง่ายดายดุจดั่งมีดร้อนๆที่ตัดทะลุเนย
“ทุกคนถอยก่อนค่ะ พวกเราจะยันเอาไว้”
เด็กสาวในชุดเกราะจอมเวทร้องบอกเหล่าชาวบ้านและคนขับรถม้าอูเบอร์
“ขอบคุณมาก ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยพวกเราคงแย่แน่ๆ คุณ…”
“แพทค่ะเป็นผู้ปกป้องหมู่บ้านนี้”
แพทตอบออกไป
“ขอต้อนรับทุกท่านสู่หมู่บ้านโอลเซ่น”