กองพลที่ 9 เตรียมเคลื่อนพลได้!
โดย
หมอแมว
องครักษ์เกราะดำร่วม20นายชักดาบออกมา ทั้งหมดร่ายเวทเพิ่มพลัง
“[Might]”
ทหารชั้นยอดของอาณาจักรแอสคาลอนพุ่งเข้าหาวิทวัสอย่างพร้อมเพรียงกันอย่างไม่เปิดช่องว่าง
แต่คุณพ่อของแพทไม่ได้รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย มือทั้งสองข้างกลับไปล้วงกระเป๋า กระดกข้อเท้าเพียงครั้งเดียว ร่างก็พุ่งลอยขึ้นไปในอากาศจนเกือบถึงเพดาน จ้องมองลงมายังองครักษ์ทั้ง20อย่างหยามเหยียด
“[Void Domain]”
ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ
ร่างขององครักษ์ทั้งหมดถูกเขตแดนแห่งความมืดกดดันลงมาจนร่างทั้งร่างหนักอึ้ง ไม่มีแม้สักคนเดียวที่จะก้าวไปข้างหน้าต่อได้ ร่างของวิทวัสที่ลอยในอากาศจกลงมาตามแรงโน้มถ่วง เหยียบย่ำลงไปบนโล่และดาบที่ตกที่พื้น เขายกนิ้วขึ้นมาแล้วดีดครั้งนึง เขตแดนแห่งความมืดรอบตัวก็หายไป
ทหารองครักษ์ที่ล้มอยู่ลุกขึ้นและถอยกลับออกไป วิทวัสล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูท
“ระวังให้ดีนะทุกคน”
“[Holy Shield]”
“[Heroic Barrier]”
“[Earth Shield]”
นักรบและจอมเวททั้งหลายต่างร่ายเวทป้องกันออกมาเพราะไม่รู้ว่าเท็นสไควร์จะหยิบอะไรออกมาจากเสื้อ
วิทวัสล้วงมือออก แล้วยกอัลบั้มรูปถ่ายออกมาชูให้พระราชาแห่งแอสคาลอนดู
แคร้ง!
ดาบในมือไหลหลุดตกลงสู่พื้น พระราชาอ้าปากค้าง
“เกิดอะไรขึ้น แกทำอะไรกับพระราชา” กิลเลี่ยนที่เพิ่งงัดตัวออกมาจากกำแพงได้วิ่งเข้ามา “โอ้ววววว”
แคร้ง! ดาบในมือเลื่อนหลุดลงไปกระแทกพื้น แต่กิลเลี่ยนนั้นตั้งสติได้เร็วกว่ารีบหยิบดาบขึ้นแล้วสะกิดเตือนพระราชา
“เอาล่ะ ทุกคนพอแค่นี้ เก็บอาวุธได้” พระราชายกมือขึ้นห้าม “เท็นสไควร์ ท่านกับข้ามีเรื่องต้องคุยกัน”
รอนนั่งกินขนมฟื้นพลังชีวิตที่มุมห้องอย่างเงียบๆ ปล่อยให้พ่อของแพทคุยกับพระราชาไป อัลบั้มรูปถ่ายแต่งงานที่เขาให้พ่อของแพทนำมาด้วยใช้ได้ผลตามที่คาดไว้
ที่หน้าปกของอัลบั้ม เป็นรูปของอารยาตอนแต่งงานกับวิทวัส เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากแกล้งตายและหนีตามกันไปใหม่ๆ
นอกจากพระราชาที่เคยหลงรักอารย่าแล้ว ในท้องพระโรงนั้นยังมีอีกหลายคนที่มีความเกี่ยวข้องกัน แม่ทัพนายทหารที่เคยรบร่วมกัน , นักปราชญ์3คนที่เคยเป็นอาจารย์ให้ , ขุนนางที่เคยติดค้างหนี้บุญคุณ เกือบครึ่งของคนในท้องพระโรงล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์อันดีกับอารย่ามาก่อน
บรรยากาศที่กำลังตึงเครียดแปรเปลี่ยนเป็นบางเบาเมื่อทุกคนรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอยังมีชีวิตอยู่ และเป็นภรรยาของเท็นสไควร์
แถมแพทที่ตอนนี้อยู่ที่หมู่บ้านโอลเซ่น ก็ยังเป็นลูกของทั้งสองอีกด้วย
“อารย่ายังมีชีวิตอยู่จริงๆรึนี่” พระราชาเปิดอัลบั้มภาพครอบครัวดู
“ใช่ และเธอเป็นภรรยาข้า” วิทวัสพูดตาเขียวปัด
“ท่านจะช่วยพวกเราได้หรือไม่” พระราชาถามวิทวัส
“ก็ช่วยมาตั้งเยอะแล้ว ช่วยอีกหน่อยจะเป็นไรไป” วิทวัสบอกและหันไปทางรอน
แน่นอนว่ารอนไม่เก้ท พระราชาและคนอื่นๆก็ไม่เก้ท
“ท่านคิดว่าทำไมเจ้าเด็กบื้อนั่นถึงได้มีศิลานักปราชญ์ของอารย่าได้ล่ะ” วิทวัสบอก “แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ช่วยพวกท่านสังหารดราซัค ช่วยเอาของจากโลกโน้นมาพัฒนาประเทศและกองทัพ”
“หรือว่า!” พระราชาเบิกตากว้าง
“ถูกต้อง เพราะเราสองคน … ไม่สิ เพราะอารย่ายังเป็นห่วงพวกท่าน เธอจึงส่งรอนมาดู พอเจอว่าทางนี้เกิดโรคระบาดขึ้นก็เลยช่วยเหลือ จากนั้นก็ช่วยไปช่วยมาจนช่วยกำจัดเจ้าดราซัคให้” วิทวัสพูดต่อ “และถ้าดราซัคโผล่มา สุดท้ายก็เจ้าเวก้าและทรอนก็ต้องโผล่มา เราสองคนก็เลยให้ลูกสาวคนเดียวของเรามาช่วยพวกท่านด้วยอีกแรง ระเบิดเวทมนตร์ ม้วนเวท ของใช้ เครื่องมือการรบ หรือแม้แต่สูตรการผลิตอาวุธโอริค่อน แอสคาลอนก็ได้จากรอนกับแพทมิใช่หรือ”
กิ๊ง! คุณรับรู้ได้ว่ามี [Poker Face Monarch] ราชันหน้าตาย อยู่บริเวณนี้
รอนรับรู้ถึงความเนียนของพ่อของแพท เปลี่ยนสิ่งที่เขาทำช่วยอาณาจักรนี้ทั้งหมดให้กลายเป็นความคิดของคุณพ่อคุณแม่แพทไป
โอเค ช่างเถอะ นั่นพ่อแพท … ทำคะแนนสำคัญกว่า
รอนพยักหน้าตามอย่างเนียนกริ๊บ ไม่มีใครจับได้ว่ากำลังแอคติ้งอยู่
“ที่แท้พวกท่านก็ไม่ได้ละทิ้งแอสคาลอน” พระราชาบอก
“แต่ดูเหมือนที่ทำไปมันจะยังไม่เพียงพอ ข้าก็เลยต้องมาด้วยตัวเอง” วิทวัสบอก
ทุกคนในท้องพระโรงนั้นนิ่งเงียบ อารย่าก็ยังไม่ตาย เท็นสไควร์ที่เคยถูกมองเป็นศัตรูก็มาช่วย นับว่าเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
“ข้าถามจริงๆเถอะ ท่านคิดจะใช้กองทัพธรรมดาไปต่อสู้กับนักรบมังกรเวก้าโดยไม่นำกองทหารเพรเตอร์เรียนไปด้วยรึไง” วิทวัสบอก “ดูซิ แค่ข้าใช้พลังออกมาเมื่อครู่ ทหารของท่านยังทำอะไรข้าไม่ได้เลย แล้วถ้าเป็นในสนามรบกองทัพที่มีแต่ทหารธรรมดาของท่านจะต้านทานได้แค่ไหนกัน”
“แต่หน้าที่ของเพรเตอร์เรียนการ์ดคือการปกป้องจักรพรรดิแห่งโรม เราต้องปกป้องประตูมิติที่จะกลับไปยังโรมที่เราจากมา”
“โรมล่มสลายไปแล้ว ไม่มีโรมอีกแล้ว” วิทวัสบอก
“ท่านพูดอะไรออกมา” พระราชาลูเซียสถามกลับทันทีอย่างไม่พอใจที่จู่ๆก็ถูกพูดเช่นนี้
“โลกที่ข้าและอารย่าถูกส่งไป คือโลกที่อาณาจักรโรมเคยตั้งอยู่” วิทวัสบอก “รอนอธิบายให้พวกเค้าฟัง”
“ครับ”
รอนเปิดข้อมูลที่เซฟไว้ในมือถือให้พระราชาดู
เปิดภาพโบราณสถานที่ยังหลงเหลือจากสมัยนั้น เปิดภาพธง เว็กซิลุม และซิกนั่ม ชุดเกราะ โบราณวัตถุที่หลงเหลือจากสมัยดังกล่าว
นักปราชญ์ทั้ง3รับเอามือถือไปดู สีหน้าของทั้งหมดล้วนแต่หนักอึ้ง
“จากที่ผมเทียบประวัติศาสตร์ดู บรรพบุรุษของพวกท่านคือกองพลที่ 9 ฮิสปาน่า ซึ่งมีประวัติการสู้รบครั้งสุดท้ายที่เมืองแห่งหนึ่งในบริตาเนีย เมืองนั้นถูกข้าศึกล้อมและเผาไฟทิ้งทำลายทั้งเมือง” รอนบอก “ประวัติศาสตร์ของแอสคาลอนบอกว่า ระหว่างที่ชาวเมืองและกองทัพถูกเปลวเพลิงล้อมทั้งเมืองจนไม่มีทางหนีไปได้ เทพีเวโรน่าได้เปิดเส้นทางให้และนำพามาที่โลกนี้”
“สัญลักษณ์ของแอสคาลอน ตรงกับกองพลที่ 9 ที่สาบสูญของโรม โรมที่ล่มสลายไปแล้วกว่าพันปี”
“พวกท่านคือชาวโรมกลุ่มสุดท้ายครับ”
รอนสรุป
“แล้วทำไมที่ผ่านมา ไม่มีนักรบมังกรแห่งแสงรายไหนที่เล่าเรื่องพวกนี้เลย” พระราชาถามขึ้น
“ประเทศที่ท่านอารย่าไปลง เป็นประเทศที่อยู่คนละทวีปกับโรมครับ และยุคที่ท่านอารย่าไป ข้อมูลข่าวสารยังไม่ได้ทั่วถึง ถ้าไม่ได้ตั้งใจค้นหาจริงๆและไม่ได้เข้าเรียนหนังสือในโรงเรียน ก็ไม่มีทางรู้จักโรมได้ครับ” รอนตอบ
สิ้นคำพูดอธิบายของรอน ทุกคนในห้องล้วนแล้วแต่นิ่งเงียบกันไปหมด
ความจริงแล้ว หลายคนก็คิดว่าผ่านมานับพันปีแล้ว โรมในอดีตอาจจะไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
แต่เมื่อพบเข้ากับความเป็นจริงจากปากของรอน ความรู้สึกนั้นมันช่างแปลกประหลาดนัก ทั้งผิดหวังและโล่งอกไปพร้อมๆกัน
“ท่านลูเซียส เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมายึดติดกับอดีตหรือคำสั่งเสียของคนที่ตายไปแล้ว” วิทวัสบอก “ตอนนี้ท่านควรจะต้องทุ่มกำลังทั้งหมดบุกออกไป ไม่ใช่ทิ้งกองกำลังที่ดีที่สุดไว้เฝ้าสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง”
ทุกคนหันไปมองพระราชาลูเซียส เสียงในท้องพระโรงต่างเงียบกริบ มีเพียงเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากทางเดินด้านนอกก่อนจะเลี้ยวเข้ามาภายใน
“มีรายงานครับ” ทหารสื่อสารย่อเข่าลงรายงาน
“ว่ามา” กิลเลี่ยนตอบกลับ
“เมืองกาล่าถูกโจมตีอย่างหนัก นักรบมังกรเวก้านำทัพเอง ตอนนี้กำแพงเมืองตะวันออกถูกทำลายแล้ว ชาวเมืองกำลังเริ่มการอพยพ ท่านโซล่าและบุตรี นำกำลังต้านข้าศึกเอาไว้อยู่ครับ” ทหารสื่อสารแจ้ง “และมีข้อความจากหมู่บ้านโอลเซ่นในเขตแดนของส่งเข้ามาเมื่อครู่”
“แล้วหมู่บ้านโอลเซ่นแจ้งว่าอะไร”
“แจ้งว่า ลงมือแล้วเมื่อเที่ยงคืนครับ”
แม้จะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ แต่ทุกคนต่างเข้าใจดี
ลูกแก้วไพล่อนที่ใช้เปิดประตูมิติในการเคลื่อนทัพ ต้องใช้เวลา 72 ชั่วโมงในการร่ายเวท
3 วัน !
ต้องถ่วงเวลาเวก้าให้ได้ 3 วัน !
“ตอนนี้เวก้ายังคงเข้าใจผิดว่าประตูมิติสำหรับเคลื่อนทัพอยู่ที่เมืองกาล่า ข้ามีคำสั่งให้ท่านโซล่าแล้วว่า หากสู้ไม่ได้ให้ถอยกลับเข้าปราสาท” พระราชาลูเซียสบอก “ถ้าหากโซล่ายันเอาไว้ได้ถึง3วัน กำลังเสริมจากอีกสองอาณาจักรก็จะเดินทางมาช่วยเราได้”
“ท่านคิดว่าโซล่าจะป้องกันได้ถึง 3 วันรึ” วิทวัสถาม
“ไม่ …” พระราชาลูเซียสลุกขึ้น “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป…”
“กองพันทหารม้าที่ 1 2 3 และ 4 ให้ออกลาดตระเวนและกรุยเส้นทาง”
“กองพันสำรองทั้งหมด ให้ออกเดินทางในอีกสองชั่วโมง ทำการกวาดล้างกองกำลังขนาดเล็กของข้าศึก”
“กองพลที่ 9 และเพรเตอร์เรี่ยนการ์ด เตรียมเคลื่อนทัพในรุ่งสาง”
แม่ทัพนายทหารทั้งหมดลุกขึ้นและยกแขนชูแสดงความเคารพ พระราชาหันไปทางวิทวัสและรอน
“ถึงโซล่าจะถ่วงเวลาได้ไม่ถึง 3 วัน แต่ถ้ามีข้าและกองทัพทั้งหมดเป็นตัวล่อ เวก้ามันคงไม่เสียเวลาค้นหาลูกแก้วไพล่อนเป็นแน่”
“ท่านจะช่วยข้าต่อสู้ได้หรือไม่”
วิทวัสและรอนพยักหน้า
ม่านหมอกแห่งความมืดที่ปกคลุมทวีปซีแลนเดียค่อยๆจางหายลงไปจนหมด เผยให้เห็นพื้นที่ซึ่งเสียหายไปด้วยไฟสงคราม
และในที่ราบกว้างใหญ่ใกล้แม่น้ำออเรเรียส บัดนี้ปรากฎกองทัพสีดำขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของแอสคาลอน
ศึกสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว