นักรบคลั่ง Level 10 พลิกสถานการณ์
โดย
หมอแมว
“พวกเราเดินหน้าต่อไป!”
“โอ๊ย”
“คนเจ็บถอยกลับไป คนด้านในมาเปลี่ยนแทน” รอนสั่งก่อนจะหันไปร่ายเวท “[Heal]”
เวทรักษาจากรอนรักษาคนเจ็บจนบาดแผลดีขึ้น รอนกระอักเลือดออกมาที่มุมปากจากการที่ใช้สกิลของนักรบคลั่งในการรักษา
{นักรบคลั่ง Lv 9 :90/100}
{Kill 490}
รอนก้มลงเก็บแขนของออร์คที่ขาดตกพื้นอยู่ขึ้นมาแล้วกัดเลือดเนื้อกลืนลงไป
+5 +5 +5 +5
สนามรบแบบนี้เป็นที่ซึ่งรอนปลดปล่อยพลังนักรบคลั่งได้อย่างเต็มที่
เมื่อคนรอบข้างบาดเจ็บ ก็ใช้พลังชีวิตของตนเองเปลี่ยนเป็นเวทรักษา รักษาผู้อื่น
จากนั้นก็เก็บเลือดเนื้อของข้าศึกขึ้นมากินเพิ่มพลังชีวิตให้ตนเอง
รอนชูมือขึ้นฟ้า
“[Blessing]”
-150
ตัวเลขพลังชีวิตที่ลดลงมาพร้อมกับแสงสว่างเรืองรองปรากฎขึ้นรอบกองทหารแห่งโอลเซ่น คนทั้งสองร้อยคนรับรู้ได้ถึงความสดชื่น สายลมแห่งเวทอำนวยพรปัดเป่าเอาความเหนื่อยล้าออกไปจนหมด ส่วนรอนก็กระอักเลือดออกมาอีกอึกใหญ่ เขาก้มลงคว้าแขนที่พื้นขึ้นมาเคี้ยวใส่ปาก
+30 +30 +30
หืม ทำไมพลังชีวิตขึ้นเยอะแบบนี้
รอนก้มลงมองแขนในมือ
แขนมนุษย์ 400 กรัม
รอนผงะขนลุกซู่ …ที่แท้เป็นแขนมนุษย์นี่เอง พอเป็นเนื้อที่เขาไม่ได้กินบ่อย พลังชีวิตที่เพิ่มขึ้นเลยเพิ่มแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่จะให้จงใจกินแขนมนุษย์เหรอ … ไม่ไหวหรอก
รอนกัดอีกสองคำ
+30 +30
พลังชีวิตเต็มพอดี รอนเลยโยนแขนข้างนั้นทิ้งไป คว้าหอกซัดออกมา เล็ง ขว้าง
“อ้ากกก”
มนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางฝูงออร์คล้มลง กองทหารแห่งโอลเซ่นดาหน้าเหยียบย่ำลงไปและฟาดฟันปลิดชีวิตอย่างไม่รีรอ
ในกองทัพมอนสเตอร์ มีมนุษย์ที่ทรยศต่อเผ่าพันธุ์ปะปนอยู่ด้วย
กับมนุษย์พวกนี้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องละเว้นชีวิต
กองทหารทั้ง200คนฝ่ากองทัพออร์คไปเบื้องหน้าอย่างช้าๆ ยิ่งเวลาผ่านไป เหล่าออร์คยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะใครก็ตามที่เข้าขวางแนวโล่ของโอลเซ่น ก็ล้วนแล้วแต่ต้องมีอันถูกเสียบแทงจนร่างขาดเป็นชิ้นๆ
“เจ้าพวกใช้การไม่ได้ ถอยไป” แม่ทัพออร์คในเกราะเหล็กทั้งตัวเดินเข้ามา ดาบใหญ่ในมือฟาดเข้าใส่โล่กันกระสุนอย่างจังจนคนที่ถืออยู่ต้องผลักดันอย่างเต็มแรง
“เอาดาบClaymoreมา” รอนเก็บดาบสั้นในมือลง
เกราะคลุมทั้งตัวเช่นนี้ มีแต่ต้องใช้ดาบใหญ่เท่านั้น
“นี่ครับคุณรอน”
“เฮ้ย!” รอนร้องอุทานเมื่อเห็นของในมือ
นี่มันระเบิด Claymore ไม่ใช่ดาบ Claymore
คุณหลิวลี่จงเอาอีกแล้ว!
“{เจ้าพวกมนุษย์ เจ้าต้องตาย}” ออร์คในเกราะเหล็กเงื้อดาบในมือขึ้น
“ย้ากกกก” รอนทิ้งโล่พุ่งกระโดดถีบแม่ทัพออร์คจนกระเด็นไป เขาปักระเบิดClaymoreไว้ที่พื้น พุ่งตัวกลับมา5เมตร แล้วเสียบสายเข้ากับตัวจุดระเบิด
“{พวกเราบุก!}”แม่ทัพออร์คชูดาบยักษ์ขึ้น
“ทุกคนหลบหลังโล่!” รอนหมุนตัวจุดชนวนในมือทันที
บรึ้ม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ประกายไฟแลบแปลบปลาบ และเมื่อกลุ่มควันจางลง ร่างในชุดเกราะเหล็กของแม่ทัพออร์คก็ปรากฎอยู่ที่พื้น เกราะเหล็กที่ด้านหน้าฉีกเป็นรูพรุนเต็มไปหมด
“{ว้ากกก}”
“{ท่านแม่ทัพ}”
กองทัพออร์คเบื้องหน้าแตกกระจาย ไม่มีใครกล้าต้านทานศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้อีกต่อไป รอนและชาวบ้านใช้โอกาสนั้นรีบเคลื่อนตัวไปเบื้องหน้า ในเวลาเดียวกัน พวกออร์คบางส่วนก็ถืออาวุธหมายจะโจมตีจากด้านหลัง
“{อ๊ะ นั่น ที่พื้น}”
บรึ้ม!
ออร์ค 20 กว่าตัวที่ดาหน้าเข้ามาล้มลงกองกับพื้นทันที ขณะที่อีกหลายสิบตัวล้มลงกลิ้งกับพื้น กุมใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหะของระเบิด
รอนคว้าหอกของออร์คที่พื้นขึ้น ขว้างต่อไปไม่หยุด เป้าหมายคือมนุษย์ที่เข้ากับกลุ่มของออร์ค
ฉึก
{นักรบคลั่ง Lv 9 :91/100}
{Kill 491}
ฉึก
{นักรบคลั่ง Lv 9 :92/100}
{Kill 492}
พวกโจรที่ไปเข้ากับออร์คร้องอย่างหวาดกลัว พวกมันคิดว่างานของมันก็แค่เป็นไกด์นำทางหรือไม่ก็ทำหน้าที่หลอกให้หมู่บ้านเปิดประตูให้ออร์คโจมตี
ไม่คาดว่าจะต้องมาเจอกับกองกำลังที่เข้มแข็งเช่นนี้
“ไอ้เด็กบ้า ตายยย”
เคร้ง ชิ้ง
โจรมองดาบเหล็กหักกลางในมือของตนอย่างซึมเซา ก่อนที่ดาบเหล็กกล้าของรอนจะเสียบเข้ากลางอก ล้มลงสิ้นใจอย่างเลอะเลือนงมงาย
{นักรบคลั่ง Lv 9 :93/100}
{Kill 493}
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า” ชาวโอลเซ่นร้องขึ้นสามครา ทิ่มแทงหอกในมือออกไป ร่างของมอนสเตอร์และโจรรอบๆล้มลง
“ทุกคนไปได้เลย ผมจะจัดการพวกนี้ก่อน”
รอนวิ่งออกจากขบวน ตรงเข้าฆ่าโจรบาดเจ็บที่พื้น
{Kill 496}
{Kill 497}
{Kill 498}
{Kill 499}
“อย่า อย่าฆ่าข้า ได้โปรด”โจรที่บาดเจ็บนอนอยู่ที่พื้นร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่ารอนมุ่งเป้าสังหารเฉพาะมนุษย์
“อย่าทำข้า ข้ามีลูกเมียต้องดูแล”
“ได้โปรด ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้ใช้เงินทองที่หามาให้จุใจเลย”
รอนเตรียมยกดาบขึ้น แต่เสียงในหัวของเขาก็ดังเตือนขึ้นมา
[คุณรับรู้ได้ถึงจิตสังหาร]
เงาทะมึนพุ่งลงมาจากท้องฟ้าทาบทับลงมาบนตัวของรอน เด็กหนุ่มกระโดดหลบออกข้างอย่างทันควัน
ตูม!
กลุ่มควันจางลง ร่างของมังกรดำยักษ์ใหญ่ปรากฎขึ้นตรงจุดที่รอนยืนอยู่เมื่อครู่นี้ บนหลังของมันมีนักรบในเกราะสีดำนั่งอยู่
“เจ้านี่มีสกิลรับรู้จิตสังหารสินะ” นักรบเกราะดำคนนั้นถามขึ้น
“เจ้าคือเวก้า?” รอนถาม
“ถูกต้อง และข้าก็คือคนที่จะมาฆ่าเจ้า” เวก้ายกมือขึ้น “จัดการ!”
ปลายหางอันเต็มไปด้วยหนามแหลมของมังกรดำยกขึ้นและพุ่งเข้าใส่ รอนยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“คุณรอน!”
“ระวังครับ”
ชาวบ้านโอลเซ่นร้องตะโกน
และก่อนที่หางจะเข้าถึงรอน
“[Swift]” “[Might]”
-50
-150
รอนเบี่ยงตัวหลบออกซ้ายในเสี้ยววินาที หางมังกรปักพลาดเป้าไปเพียงเมตรเดียว
แต่ไม่ทันที่ใครจะทันร้องดีใจออกมา หางมหึมาก็ตวัดฟาดอย่างแรง
เคร้ง!
ฝุ่นควันที่พื้นจางลง หางมังกรลากกวาดจนพื้นดินแตกเป็นรอยดั่งถูกรถไถกรีด เลือดเนื้อซากศพที่พื้นกระจัดกระจาย
แต่ตรงนั้นไม่มีร่างของรอน
ทุกคนเงยหน้ามองขึ้นไป ที่หลังของมังกรดำนั้น ร่างของคนสองคนกำลังประดาบกันอยู่ ดาบสั้นในมือของเด็กหนุ่มยันเข้ากับดาบของนักรบมังกรเวก้า
ชิ้ง!
เวก้าใช้กำลังของมันผลักดาบในมือออก ร่างของรอนหมุนตีลังกาลงสู่พื้นเบื้องล่าง
“เจ้ามีฝีมือพอตัวอยู่เหมือนกันสินะ” เวก้าบอก “แต่ถ้าเจ้ามีพลังเพียงเท่านี้ก็ไม่พอที่จะสู้กับข้าได้หรอก”
รอนพยักหน้ารับอย่างไม่คัดค้าน
พลังที่แท้จริงของเขาเมื่อใช้ Bonus Stat คือกำลังแขนข้างละ 4000 กิโลกรัม
แต่เพื่อฝึกฝีมือและไม่พึ่งพาศิลานักปราชญ์จนเกินไป เขาเลยจูบกับแพท และใช้มานาที่ได้จากการจูบปรับระดับพลังให้เหลือแค่ 200 กิโลกรัม
ด้วยความที่เกิดสงครามขึ้นเสียก่อนและสถานการณ์เร่งด่วน เขาเลยไม่ได้จูบกับแพทเพื่อปรับพลังให้เป็น 4000 กิโลกรัมตามเดิม
“ถูกต้อง ตอนนี้ ด้วยพลังเพียงเท่านี้ย่อมไม่เพียงพออยู่แล้ว” รอนบอกก่อนจะเงื้อดาบขึ้น แทงลงไปเบื้องล่าง
เสียงกรีดร้องดังขึ้น โจรที่นอนบาดเจ็บที่พื้นดิ้นพราดๆก่อนที่จะคอพับลง
กิ๊ง!
{Kill 500}
{Level Up}
{นักรบคลั่ง Lv 10}
รอนเลื่อนหน้าต่างพลังเวทลงไป ชื่อเวทมนตร์ที่เค้าคุ้นเคยอยู่ที่ขอบล่างสุดของระดับ Level 10
-1000
เลือดทะลักออกจากทวารทั้ง5ของเด็กหนุ่มจนร่างทั้งร่างกลายเป็นร่างสีแดง
บูม!
ร่างของรอนหายแวบไปจากพื้นตรงหน้า และยังไม่ทันที่เวก้าจะทันตั้งตัว เงาร่างหนึ่งก็ปรากฎขึ้นที่กลางอากาศเหนือศีรษะของมังกรดำ
ตูม! ศีรษะของมังกรดำเหมือนถูกฟาดด้วยค้อนขนาดยักษ์ หัวและลำคอกระแทกเข้าที่พื้นดินจนยุบลงไป
“นี่มัน…”
รอนแวบหายไปอีกครั้ง เวก้าอุทานขึ้นมาก่อนจะชักดาบขึ้นกันเบื้องหน้าตามสัญชาตญาณ
เคร้ง
เวก้ากระเด็นตกจากหลังมังกรกระแทกจมพื้นดิน
“แก เวทที่แกใช้นี่มัน!”
“ถูกต้อง!”
รอนเดินเข้าหานักรบมังกรแห่งความมืดอย่างไม่เกรงกลัว
“Power Overwhelming”