Midterm Fantasy – ตอนที่ 33

การตัดสินใจของเด็กหนุ่ม
โดย
หมอแมว

“รอน รอน เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“เปล่าครับแม่ …​แค่เพลียๆนิดหน่อย” รอนตอบขณะเดินลงมาจากชั้นสอง ….​เขามองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยง …
ความจริงเขาตื่นตั้งนานแล้วแหละ แต่ว่าความกลัว ความเครียด ความสับสน ทำให้เขาไม่อยากลุกออกจากที่นอน
คืนนี้เขาต้องกลับไปที่นั่นอีกหรือเนี่ย …​รอนคิด
เด็กหนุ่มกินข้าวฝีมือมารดา ส่วนพ่อนั่งอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถือเงียบๆไม่มีใครพูดอะไร
“เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกหน่อยนะครับ” รอนบอกก่อนลุกเอาจานข้าวไปเก็บแล้วเดินออกจากห้องครัวไป พ่อกับแม่มองหน้ากันแปลกแต่ไม่ได้ว่าอะไร ….​ความจริงรอนก็กลับไปคล้ายแต่ก่อนที่ยังติดเกม วันเสาร์อาทิตย์แบบนี้บางครั้งเด็กคนนี้ก็กินข้าวเสร็จแล้วออกไปข้างนอกเพื่อไปร้านเกมแบบนี้เหมือนกัน
“หรือว่าจะอกหัก” แม่ถาม
“ไม่มั้ง วันก่อนยังเห็นโทรคุยกันอยู่เลยนี่แม่” พ่อส่ายหน้า
รอนหยิบกระเป๋าเงินแล้วออกจากบ้านไป ….​
คืนนี้ตอนเที่ยงคืน เขาจะต้องกลับไปที่สนามรบโชกเลือดนั้นอีก
ทั้งอาวุธและโล่ป้องกันของเขาแตกหักหมดแล้ว …. ต้องหาใหม่  แต่อาวุธอะไรจะไปสู้กับก็อบลินเป็นร้อยๆตัวได้ล่ะ
รองเท้า …​รองเท้าคอมแบทวิ่งได้ไม่เร็ว ถ้าเขาจะซื้อรองเท้าวิ่งจะดีไหม
แล้วเขาก็นึกภาพของโรล่าขึ้นมา ….​รู้สึกจุกในลำคอ
รอนเดินเข้าห้างค้าปลีก ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ช้าๆ …​ เดินดูของไปเรื่อยๆ รอบนึง สองรอบ แต่ยังนึกไม่ออก
รอนเดินเตร่ไปที่ชั้นล่าง ผ่านร้านประดับยนต์ … และมองเข้าไป
“สนับเข่า!” เขาอุทานแล้วตรงเข้าไป …​สนับเข่าตรงหน้าเป็นแบบอลูมิเนียม ฝังในแผ่นหนังมีสายคาดที่เข่าและหน้าแข้ง ….​รอนรีบควักเงินซื้อทันที ในราคา 1500 บาท
“นั่นด้วยครับ” รอนชี้ไปที่หมวกกันน๊อคโครเมี่ยมสีเงินแวววาว
“ใส่ได้แต่ตอนกลางคืนนะน้อง …​ใส่กลางวันสะท้อนแสง ตำรวจจับ” พี่คนขายบอก
“เท่าไหร่ครับ”
“1500บาท”
“โอเคครับ เอาครับ”
รอนรับหมวกมาไว้ในมือ …​ ตอนที่เขาจากมาเป็นช่วงเที่ยง  ถ้าเขาสู้กับก็อบลินแล้วมันเจอแสงแยงตา เขาน่าจะมีแต้มต่อขึ้นอีกนิดนึง
รอนเดินกลับเข้าไปในห้างค้าปลีกอีกรอบ เดินไปที่แผนกประดับยนต์ ซื้อถุงมือขี่มอเตอร์ไซค์ ราคา 350 มาคู่นึง
แผนกเสื้อผ้า กางเกงยีนส์ราคา 300 ….
กระทะเทฟล่อนอย่างดี ขนาด1ฟุต  ….​ ราคา3000
จากนั้นเดินไปต่อ ซื้อเป้สะพายหลังแทนอันเก่าที่ขาดไปแล้ว
….
ว่าแต่อาวุธล่ะ
รอนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี
จะเอามีดสแตนเลสทำครัวเรอะ …​แต่ว่ามีดทำครัวทำจากสแตนเลส ถึงจะแข็งแต่ก็มีความเสี่ยงหักได้หากปะทะแรงๆ

เด็กหนุ่มเดินดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดทางเครื่องครัว ในที่สุดตัดสินใจไม่ได้ เลยซื้อของอีกสองอย่าง …​ขวดน้ำยาสีม่วงแพ็คสามขวด กับถุงพลาสติกบรรจุเกล็ดสีขาวหนึ่งถุง
รอนหิ้วของพะรุงกะรังเดินออกมาจากห้างค้าปลีก … เดินไปยังร้านขายของยี่สิบบาทที่ตั้งตรงนั้น
…​เขากะว่าอีกวิธีนึงคือซื้อเหมามีดราคายี่สิบบาทที่ร้านขายอยู่ … เขาจะลองถามว่าร้านมีมีดที่ยังอยู่ในกล่องไหมแล้วเอาไปทั้งกล่อง ….​ ถ้ามีมีดสแตนเลสราคาถูกสัก40-50อัน เขาน่าจะสู้กับก็อบลินได้
แต่จะดีเรอะ ถ้าหากปักๆก็อบลินไป แล้วพวกมันไปดึงมีดจากร่างเพื่อนที่ตายไปแล้วหันมาเล่นงานเขา ก็เท่ากับเขาต้องรับDamageจากมีดตัวเองสิ

กลับบ้านก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
“ป็อก ป็อก ป็อก”
เสียงเคาะอะไรบางอย่างดังมาจากห้องแถวข้างปากซอยบ้าน อาม่าร้านขายของชำลังนั่งเฉาะมะพร้าวอยู่ด้วยมีดพร้าเหล็กขนาดฟุตนึงในมือ
มีดพร้า !
“อาม่าาาา อาม่ามีมีดขายไหม”
“มีสิอารอน… เอาแบบไหน”
“เอาแบบที่อาม่าใช้อยู่ มีไหม”
“ไม่มี ….​ ” อาม่าตอบก่อนจะเดินไปที่กองถ่านหุงต้มที่มัดไว้เป็นถุงๆ หยิบมีดด้ามนึงออกมา “อาม่ามีแต่แบบนี้”
รอนดูมีดในมืออาม่าแล้วตกลงซื้อในราคา500
เวลาผ่านไปช้าๆ เวลานี้22:30น.รอนเดินไปเดินมาในห้องอย่างไม่มีสมาธิ เขามองของที่วางเรียงอยู่ที่พื้นห้อง
เสื้อผ้าเครื่องป้องกันที่จะใส่ไปที่โน่นก็เตรียมพร้อมแล้ว เขาลองใส่ชุดทั้งหมดดูเมื่อครู่แล้วซ้อมการเคลื่อนไหวดูก็ไม่มีปัญหา หมวกกันน็อคก็ไม่ได้จำกัดการมองมากนัก ยังมองเห็นด้านหน้าได้มุมกว้างพอใช้
สัมภาระทุกอย่างที่จะเอาไปก็จัดการแล้ว เขาเอาขวดน้ำยาสามขวดใส่เป้หลัง คาดมีดจากร้านอาม่าและมีดทำครัวที่หยิบจากในครัวไว้ที่เข็มขัดกางเกง ถือกระทะมือซ้าย มือขวาถือถุงสีขาว
“สเตตัส” รอนพูดเบาๆ
ตรงหน้าแสดงเป็นจอภาพรูปตัวเขาซ้อนกับภาพห้องนอนที่เขากำลังเห็นอยู่ รอนเช็คในช่องต่างๆและพบว่าสิ่งของที่ขนไว้ทั้งหมด เสื้อผ้า และชุดป้องกัน อยู่ในตำแหน่งและพร้อมเคลื่อนย้ายได้
“ปิดสเตตัส” เขาสั่ง ภาพตรงหน้าหายไป รอนมองไปที่มุมด้านซ้ายบน มีเลข12สีน้ำเงิน และ เลข20สีเขียวที่เขาไม่รู้ความหมาย …มันอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งแล้วหายไป
“สเตตัส” รอนพูดอีกครั้ง ภาพรูปตัวเขาขึ้นมาพร้อมเลข 12 และ 20
“12” …. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“20” …. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รอนลองเอื้อมมือไป แตะๆจิ้มๆเลข20ในอากาศ … ไม่มีอะไร
เขาลองเอื้อมมือไปแตะที่เลข12มั่ง …..
ภาพรูปตัวเขาเปลี่ยนหายไป
มีตัวเลข 01:28:35 ขึ้นมาแทน …. และตัวเลขท้ายลดลงเรื่อยๆ 34 33 32 31
“ตัวนับเวลาถอยหลังสินะ” รอนคิดในใจก่อนที่จะดูช่องด้านล่าง มีตัวเลข12 24 อยู่
เขาลองกด24ดู
“ท่านจะอยู่ที่อีกฝั่ง24ชั่วโมงก่อนถูกส่งกลับ”
เขากด12อีกครั้ง
“ท่านจะอยู่ที่อีกฝั่ง12ชั่วโมงก่อนถูกส่งกลับ”
ที่แท้มีการปรับตรงนี้ได้
แล้วปุ่มนี้ล่ะ … รอนมองไปที่ปุ่มล่างสุด เป็นลูกศรชี้ไปทางขวา กับปุ่มที่เขียนว่า synchronize เขาเตรียมกดดูแต่ชะงัก
‘เกิดมันเป็นปุ่มให้ข้ามไปฝั่งนั้นทันทีล่ะ’
เขาตัดสินใจยังไม่กดและปิดสเตตัสลงไปอีกครั้ง
….
ตุ่งตุงตุ๊ง ตุ่งตุงตุ๊ง
รอนหันไปมองที่โทรศัพท์มือถือที่ชาร์ทไว้ที่มุมห้อง เสียงวีดีโอคอลดังขึ้นมา ….. แพทนี่นา
“ไงแพท”
“รอน …. วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“เปล่านี่ … ทำไมเหรอ”
“คือเราโทรไปหลายครั้งตอนบ่ายแต่ว่าเธอไม่ได้รับสาย …. เราเลยไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า”แพทบอก
….รอนเลื่อนหน้าจอลงก่อนจะเห็นว่ามีMiss Call 2สายจากกวินและเอกชัย กับอีก8 สายจากแพท เขาเลื่อนหน้าจอกลับขึ้นมาเป็นใบหน้าของเด็กสาวอีกครั้ง
“อ่อ วันนี้เราลืมเอาโทรศัพท์ไปข้างนอกน่ะ” รอนโกหก
หญิงสาวมองหน้าเพื่อนร่วมชั้นของตนครู่นึง …..
“รอน …. เราอยากขอบคุณ”
“?”
“เราขอบคุณเธอมากที่เธอช่วยติวให้เรา …. สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเรียนรู้เรื่องขึ้นมากเลย”
“อือ … “
“ตอนนั้นที่เราไปขอร้องเธอที่ห้องสมุดให้ช่วย … จริงๆเราก็กังวลว่าเธอจะยุ่งและช่วยเราได้ไม่นาน … “
“ไม่ต้องคิดมากหรอกแพท” รอนยิ้มให้ “วันนั้นเราสัญญาว่าจะช่วยเธอ ยังไงเราก็จะรักษาสัญญา”
“ขอบคุณมากนะรอน” แพทตอบและยิ้มให้



“วันนี้รอนดูเครียดๆนะ มีอะไรหรือเปล่า” แพทถามอีกครั้ง
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร … ” รอนบอก “อือ แพท เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ พอดีเรามีธุระ”
รอนตัดสายทิ้งก่อนจะนั่งลงบนเตียง กดปิดเครื่อง จากนั้นเอาหมอนมาปิดหน้าแล้วร้องไห้ …. เขาไม่อยากไปทางโน้นแล้ว เขากลัว
รอนนึกถึงภาพชาวบ้านที่ถูกก็อบลินฆ่า
นึกภาพป้าแอนนี่ที่ถูกไฟคลอกเผา
นึกภาพหัวสามหัวที่ถูกเสียบไว้ที่ปลายหอก
เขากลัว …​กลัวว่าเมื่อไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก
เวลาผ่านไป เหลือเวลาอีก10นาทีก่อนเที่ยงคืน รอนแต่งตัวและใส่อุปกรณ์ เช็คสถานะให้พร้อม ของทุกอย่างเข้าที่แล้ว เด็กหนุ่มหายใจเข้าออกลึกๆก่อนจะกดเลข12 …. จากนั้นเลือกเครื่องหมายลูกศร … กดลงไป มีเสียงดังขึ้นมาพร้อมตัวอักษรตรงหน้า
“ท่านจะยกเลิกการเดินทางข้ามไปอีกฝั่งในรอบนี้หรือไม่(คำเตือน เวลาที่อีกฝั่งจะยังเดินไปตามปกติ และต้องรออีก12ชั่วโมงจึงจะไปใหม่ได้)”
“เอ๊ะ” รอนอุทาน
ไม่ต้องไปก็ได้รึ จริงดิ
เขากดยกเลิกและกดเลือกขึ้นมาใหม่ เสียงดังพร้อมตัวอักษรแบบเดิม
“ฮะฮะฮะ ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” รอนหัวเราะขึ้นด้วยความยินดี …. ที่แท้ก็สามารถยกเลิกได้ และเวลาอีกฝั่งเดินไปได้ตามปกติ ก็แปลว่าเมื่อเขากลับไปอีกครั้ง ที่โน่นก็จะผ่านไปแล้ว12ชั่วโมง … ก็อบลินก็ไปหมดแล้ว
แต่ … แล้วคนทางนั้นล่ะ
โรล่าล่ะ …
รอนคิดถึงเด็กสาวร่างเล็ก ที่นั่งข้างพ่อเฒ่าเบรเซอร์ที่ไม่ได้สติ … แล้วเธอจะเป็นยังไง

..
.
เด็กหนุ่มกำมือแน่น มองนาฬิกาในห้อง เหลืออีก 30วินาที เขากดปุ่ม
“ยกเลิกการเดินทางในรอบนี้”
รอนได้ยินเสียงคลิ๊ก … เขาถอนหายใจ
เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา
เขามีพ่อ แม่ ที่ต้องดูและในอนาคต
เขาต้องรักษาสัญญาที่จะติวให้แพท
เขาช่วยคนได้ไม่หมดทุกคนหรอก …

..
.
ข้ออ้าง
มันคือข้ออ้าง
จริงๆมันเป็นแค่ข้ออ้าง
จริงๆเขากลัว

สัญญาเหรอ
เขาจำได้ว่าเขาสัญญาบางอย่างกับเด็กสาวคนนึงไว้
สัญญาว่าจะช่วยเหลือพวกเธอจนตลอดรอดฝั่ง

รอนลืมตาขึ้น ตาที่พร่าไปด้วยน้ำตามองไปที่นาฬิกาที่ฝาห้อง บอกเวลาเที่ยงคืน10วินาที …
เขามองมันด้วยความรู้สึกผิด …. โรล่าฝากความหวังไว้กับเขา
ถึงแม้เธอจะบอกให้เขาหนีไป
ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะเกินกำลัง
แต่ผิดสัญญาก็คือผิดสัญญา
แกมันไอ้คนขี้แพ้
ความรู้สึกผิดเกาะกุมขึ้นมา น้ำตาทำท่าจะไหล  ในเวลาไม่เกิน5นาทีต่อจากนี้ โรล่าและมาเรียกำลังจะตาย ….
ถ้าเลือกได้
ถ้าเลือกได้
ถ้าเลือกได้เขาจะกลับไปอีกครั้ง

เอ๊ะ
รอนมองไปข้างหน้าดีๆอีกครั้ง มีตัวหนังสือลอยซ้อนอยู่ในอากาศ
“ยืนยันอีกครั้ง ท่านแน่ใจว่าจะยกเลิกการเดินทางรอบนี้จริงๆหรือ
1. ยกเลิกการเดินทางครั้งนี้
2. ไม่ยกเลิก ….. เดินทางต่อตามปกติ
เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ หยิบอุปกรณ์ทุกอย่างที่เตรียมไว้ แล้วกดเลือกเบอร์2
เตรียมตัวเดินทางใน 5…4…3…2..1… วาร์ป!

Midterm Fantasy

Midterm Fantasy

เมื่อเด็กหนุ่มติดเกมส์ จำเป็นต้องสอบให้ได้คะแนนดีๆเพื่อให้ขึ้นชั้นม.4ให้ได้ หนำซ้ำในคืนก่อนสอบ Midterm เขายังดันเผลอเล่นเกมจนไม่ได้อ่านหนังสือ … มารู้ตัวอีกทีเขาก็หลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซะแล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset