การตัดสินใจของเด็กหนุ่ม
โดย
หมอแมว
“รอน รอน เป็นอะไรหรือเปล่าลูก”
“เปล่าครับแม่ …แค่เพลียๆนิดหน่อย” รอนตอบขณะเดินลงมาจากชั้นสอง ….เขามองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบเที่ยง …
ความจริงเขาตื่นตั้งนานแล้วแหละ แต่ว่าความกลัว ความเครียด ความสับสน ทำให้เขาไม่อยากลุกออกจากที่นอน
คืนนี้เขาต้องกลับไปที่นั่นอีกหรือเนี่ย …รอนคิด
เด็กหนุ่มกินข้าวฝีมือมารดา ส่วนพ่อนั่งอ่านข่าวในโทรศัพท์มือถือเงียบๆไม่มีใครพูดอะไร
“เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกหน่อยนะครับ” รอนบอกก่อนลุกเอาจานข้าวไปเก็บแล้วเดินออกจากห้องครัวไป พ่อกับแม่มองหน้ากันแปลกแต่ไม่ได้ว่าอะไร ….ความจริงรอนก็กลับไปคล้ายแต่ก่อนที่ยังติดเกม วันเสาร์อาทิตย์แบบนี้บางครั้งเด็กคนนี้ก็กินข้าวเสร็จแล้วออกไปข้างนอกเพื่อไปร้านเกมแบบนี้เหมือนกัน
“หรือว่าจะอกหัก” แม่ถาม
“ไม่มั้ง วันก่อนยังเห็นโทรคุยกันอยู่เลยนี่แม่” พ่อส่ายหน้า
รอนหยิบกระเป๋าเงินแล้วออกจากบ้านไป ….
คืนนี้ตอนเที่ยงคืน เขาจะต้องกลับไปที่สนามรบโชกเลือดนั้นอีก
ทั้งอาวุธและโล่ป้องกันของเขาแตกหักหมดแล้ว …. ต้องหาใหม่ แต่อาวุธอะไรจะไปสู้กับก็อบลินเป็นร้อยๆตัวได้ล่ะ
รองเท้า …รองเท้าคอมแบทวิ่งได้ไม่เร็ว ถ้าเขาจะซื้อรองเท้าวิ่งจะดีไหม
แล้วเขาก็นึกภาพของโรล่าขึ้นมา ….รู้สึกจุกในลำคอ
รอนเดินเข้าห้างค้าปลีก ค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ ช้าๆ … เดินดูของไปเรื่อยๆ รอบนึง สองรอบ แต่ยังนึกไม่ออก
รอนเดินเตร่ไปที่ชั้นล่าง ผ่านร้านประดับยนต์ … และมองเข้าไป
“สนับเข่า!” เขาอุทานแล้วตรงเข้าไป …สนับเข่าตรงหน้าเป็นแบบอลูมิเนียม ฝังในแผ่นหนังมีสายคาดที่เข่าและหน้าแข้ง ….รอนรีบควักเงินซื้อทันที ในราคา 1500 บาท
“นั่นด้วยครับ” รอนชี้ไปที่หมวกกันน๊อคโครเมี่ยมสีเงินแวววาว
“ใส่ได้แต่ตอนกลางคืนนะน้อง …ใส่กลางวันสะท้อนแสง ตำรวจจับ” พี่คนขายบอก
“เท่าไหร่ครับ”
“1500บาท”
“โอเคครับ เอาครับ”
รอนรับหมวกมาไว้ในมือ … ตอนที่เขาจากมาเป็นช่วงเที่ยง ถ้าเขาสู้กับก็อบลินแล้วมันเจอแสงแยงตา เขาน่าจะมีแต้มต่อขึ้นอีกนิดนึง
รอนเดินกลับเข้าไปในห้างค้าปลีกอีกรอบ เดินไปที่แผนกประดับยนต์ ซื้อถุงมือขี่มอเตอร์ไซค์ ราคา 350 มาคู่นึง
แผนกเสื้อผ้า กางเกงยีนส์ราคา 300 ….
กระทะเทฟล่อนอย่างดี ขนาด1ฟุต …. ราคา3000
จากนั้นเดินไปต่อ ซื้อเป้สะพายหลังแทนอันเก่าที่ขาดไปแล้ว
….
ว่าแต่อาวุธล่ะ
รอนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี
จะเอามีดสแตนเลสทำครัวเรอะ …แต่ว่ามีดทำครัวทำจากสแตนเลส ถึงจะแข็งแต่ก็มีความเสี่ยงหักได้หากปะทะแรงๆ
…
เด็กหนุ่มเดินดูไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดทางเครื่องครัว ในที่สุดตัดสินใจไม่ได้ เลยซื้อของอีกสองอย่าง …ขวดน้ำยาสีม่วงแพ็คสามขวด กับถุงพลาสติกบรรจุเกล็ดสีขาวหนึ่งถุง
รอนหิ้วของพะรุงกะรังเดินออกมาจากห้างค้าปลีก … เดินไปยังร้านขายของยี่สิบบาทที่ตั้งตรงนั้น
…เขากะว่าอีกวิธีนึงคือซื้อเหมามีดราคายี่สิบบาทที่ร้านขายอยู่ … เขาจะลองถามว่าร้านมีมีดที่ยังอยู่ในกล่องไหมแล้วเอาไปทั้งกล่อง …. ถ้ามีมีดสแตนเลสราคาถูกสัก40-50อัน เขาน่าจะสู้กับก็อบลินได้
แต่จะดีเรอะ ถ้าหากปักๆก็อบลินไป แล้วพวกมันไปดึงมีดจากร่างเพื่อนที่ตายไปแล้วหันมาเล่นงานเขา ก็เท่ากับเขาต้องรับDamageจากมีดตัวเองสิ
…
กลับบ้านก่อนแล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที
“ป็อก ป็อก ป็อก”
เสียงเคาะอะไรบางอย่างดังมาจากห้องแถวข้างปากซอยบ้าน อาม่าร้านขายของชำลังนั่งเฉาะมะพร้าวอยู่ด้วยมีดพร้าเหล็กขนาดฟุตนึงในมือ
มีดพร้า !
“อาม่าาาา อาม่ามีมีดขายไหม”
“มีสิอารอน… เอาแบบไหน”
“เอาแบบที่อาม่าใช้อยู่ มีไหม”
“ไม่มี …. ” อาม่าตอบก่อนจะเดินไปที่กองถ่านหุงต้มที่มัดไว้เป็นถุงๆ หยิบมีดด้ามนึงออกมา “อาม่ามีแต่แบบนี้”
รอนดูมีดในมืออาม่าแล้วตกลงซื้อในราคา500
เวลาผ่านไปช้าๆ เวลานี้22:30น.รอนเดินไปเดินมาในห้องอย่างไม่มีสมาธิ เขามองของที่วางเรียงอยู่ที่พื้นห้อง
เสื้อผ้าเครื่องป้องกันที่จะใส่ไปที่โน่นก็เตรียมพร้อมแล้ว เขาลองใส่ชุดทั้งหมดดูเมื่อครู่แล้วซ้อมการเคลื่อนไหวดูก็ไม่มีปัญหา หมวกกันน็อคก็ไม่ได้จำกัดการมองมากนัก ยังมองเห็นด้านหน้าได้มุมกว้างพอใช้
สัมภาระทุกอย่างที่จะเอาไปก็จัดการแล้ว เขาเอาขวดน้ำยาสามขวดใส่เป้หลัง คาดมีดจากร้านอาม่าและมีดทำครัวที่หยิบจากในครัวไว้ที่เข็มขัดกางเกง ถือกระทะมือซ้าย มือขวาถือถุงสีขาว
“สเตตัส” รอนพูดเบาๆ
ตรงหน้าแสดงเป็นจอภาพรูปตัวเขาซ้อนกับภาพห้องนอนที่เขากำลังเห็นอยู่ รอนเช็คในช่องต่างๆและพบว่าสิ่งของที่ขนไว้ทั้งหมด เสื้อผ้า และชุดป้องกัน อยู่ในตำแหน่งและพร้อมเคลื่อนย้ายได้
“ปิดสเตตัส” เขาสั่ง ภาพตรงหน้าหายไป รอนมองไปที่มุมด้านซ้ายบน มีเลข12สีน้ำเงิน และ เลข20สีเขียวที่เขาไม่รู้ความหมาย …มันอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งแล้วหายไป
“สเตตัส” รอนพูดอีกครั้ง ภาพรูปตัวเขาขึ้นมาพร้อมเลข 12 และ 20
“12” …. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“20” …. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รอนลองเอื้อมมือไป แตะๆจิ้มๆเลข20ในอากาศ … ไม่มีอะไร
เขาลองเอื้อมมือไปแตะที่เลข12มั่ง …..
ภาพรูปตัวเขาเปลี่ยนหายไป
มีตัวเลข 01:28:35 ขึ้นมาแทน …. และตัวเลขท้ายลดลงเรื่อยๆ 34 33 32 31
“ตัวนับเวลาถอยหลังสินะ” รอนคิดในใจก่อนที่จะดูช่องด้านล่าง มีตัวเลข12 24 อยู่
เขาลองกด24ดู
“ท่านจะอยู่ที่อีกฝั่ง24ชั่วโมงก่อนถูกส่งกลับ”
เขากด12อีกครั้ง
“ท่านจะอยู่ที่อีกฝั่ง12ชั่วโมงก่อนถูกส่งกลับ”
ที่แท้มีการปรับตรงนี้ได้
แล้วปุ่มนี้ล่ะ … รอนมองไปที่ปุ่มล่างสุด เป็นลูกศรชี้ไปทางขวา กับปุ่มที่เขียนว่า synchronize เขาเตรียมกดดูแต่ชะงัก
‘เกิดมันเป็นปุ่มให้ข้ามไปฝั่งนั้นทันทีล่ะ’
เขาตัดสินใจยังไม่กดและปิดสเตตัสลงไปอีกครั้ง
….
ตุ่งตุงตุ๊ง ตุ่งตุงตุ๊ง
รอนหันไปมองที่โทรศัพท์มือถือที่ชาร์ทไว้ที่มุมห้อง เสียงวีดีโอคอลดังขึ้นมา ….. แพทนี่นา
“ไงแพท”
“รอน …. วันนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“เปล่านี่ … ทำไมเหรอ”
“คือเราโทรไปหลายครั้งตอนบ่ายแต่ว่าเธอไม่ได้รับสาย …. เราเลยไม่รู้ว่ามีอะไรหรือเปล่า”แพทบอก
….รอนเลื่อนหน้าจอลงก่อนจะเห็นว่ามีMiss Call 2สายจากกวินและเอกชัย กับอีก8 สายจากแพท เขาเลื่อนหน้าจอกลับขึ้นมาเป็นใบหน้าของเด็กสาวอีกครั้ง
“อ่อ วันนี้เราลืมเอาโทรศัพท์ไปข้างนอกน่ะ” รอนโกหก
หญิงสาวมองหน้าเพื่อนร่วมชั้นของตนครู่นึง …..
“รอน …. เราอยากขอบคุณ”
“?”
“เราขอบคุณเธอมากที่เธอช่วยติวให้เรา …. สัปดาห์ที่ผ่านมาเราเรียนรู้เรื่องขึ้นมากเลย”
“อือ … “
“ตอนนั้นที่เราไปขอร้องเธอที่ห้องสมุดให้ช่วย … จริงๆเราก็กังวลว่าเธอจะยุ่งและช่วยเราได้ไม่นาน … “
“ไม่ต้องคิดมากหรอกแพท” รอนยิ้มให้ “วันนั้นเราสัญญาว่าจะช่วยเธอ ยังไงเราก็จะรักษาสัญญา”
“ขอบคุณมากนะรอน” แพทตอบและยิ้มให้
…
…
…
“วันนี้รอนดูเครียดๆนะ มีอะไรหรือเปล่า” แพทถามอีกครั้ง
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร … ” รอนบอก “อือ แพท เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ พอดีเรามีธุระ”
รอนตัดสายทิ้งก่อนจะนั่งลงบนเตียง กดปิดเครื่อง จากนั้นเอาหมอนมาปิดหน้าแล้วร้องไห้ …. เขาไม่อยากไปทางโน้นแล้ว เขากลัว
รอนนึกถึงภาพชาวบ้านที่ถูกก็อบลินฆ่า
นึกภาพป้าแอนนี่ที่ถูกไฟคลอกเผา
นึกภาพหัวสามหัวที่ถูกเสียบไว้ที่ปลายหอก
เขากลัว …กลัวว่าเมื่อไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก
เวลาผ่านไป เหลือเวลาอีก10นาทีก่อนเที่ยงคืน รอนแต่งตัวและใส่อุปกรณ์ เช็คสถานะให้พร้อม ของทุกอย่างเข้าที่แล้ว เด็กหนุ่มหายใจเข้าออกลึกๆก่อนจะกดเลข12 …. จากนั้นเลือกเครื่องหมายลูกศร … กดลงไป มีเสียงดังขึ้นมาพร้อมตัวอักษรตรงหน้า
“ท่านจะยกเลิกการเดินทางข้ามไปอีกฝั่งในรอบนี้หรือไม่(คำเตือน เวลาที่อีกฝั่งจะยังเดินไปตามปกติ และต้องรออีก12ชั่วโมงจึงจะไปใหม่ได้)”
“เอ๊ะ” รอนอุทาน
ไม่ต้องไปก็ได้รึ จริงดิ
เขากดยกเลิกและกดเลือกขึ้นมาใหม่ เสียงดังพร้อมตัวอักษรแบบเดิม
“ฮะฮะฮะ ฮะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” รอนหัวเราะขึ้นด้วยความยินดี …. ที่แท้ก็สามารถยกเลิกได้ และเวลาอีกฝั่งเดินไปได้ตามปกติ ก็แปลว่าเมื่อเขากลับไปอีกครั้ง ที่โน่นก็จะผ่านไปแล้ว12ชั่วโมง … ก็อบลินก็ไปหมดแล้ว
แต่ … แล้วคนทางนั้นล่ะ
โรล่าล่ะ …
รอนคิดถึงเด็กสาวร่างเล็ก ที่นั่งข้างพ่อเฒ่าเบรเซอร์ที่ไม่ได้สติ … แล้วเธอจะเป็นยังไง
…
..
.
เด็กหนุ่มกำมือแน่น มองนาฬิกาในห้อง เหลืออีก 30วินาที เขากดปุ่ม
“ยกเลิกการเดินทางในรอบนี้”
รอนได้ยินเสียงคลิ๊ก … เขาถอนหายใจ
เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา
เขามีพ่อ แม่ ที่ต้องดูและในอนาคต
เขาต้องรักษาสัญญาที่จะติวให้แพท
เขาช่วยคนได้ไม่หมดทุกคนหรอก …
…
..
.
ข้ออ้าง
มันคือข้ออ้าง
จริงๆมันเป็นแค่ข้ออ้าง
จริงๆเขากลัว
…
สัญญาเหรอ
เขาจำได้ว่าเขาสัญญาบางอย่างกับเด็กสาวคนนึงไว้
สัญญาว่าจะช่วยเหลือพวกเธอจนตลอดรอดฝั่ง
…
รอนลืมตาขึ้น ตาที่พร่าไปด้วยน้ำตามองไปที่นาฬิกาที่ฝาห้อง บอกเวลาเที่ยงคืน10วินาที …
เขามองมันด้วยความรู้สึกผิด …. โรล่าฝากความหวังไว้กับเขา
ถึงแม้เธอจะบอกให้เขาหนีไป
ถึงแม้ว่าเรื่องมันจะเกินกำลัง
แต่ผิดสัญญาก็คือผิดสัญญา
แกมันไอ้คนขี้แพ้
ความรู้สึกผิดเกาะกุมขึ้นมา น้ำตาทำท่าจะไหล ในเวลาไม่เกิน5นาทีต่อจากนี้ โรล่าและมาเรียกำลังจะตาย ….
ถ้าเลือกได้
ถ้าเลือกได้
ถ้าเลือกได้เขาจะกลับไปอีกครั้ง
…
เอ๊ะ
รอนมองไปข้างหน้าดีๆอีกครั้ง มีตัวหนังสือลอยซ้อนอยู่ในอากาศ
“ยืนยันอีกครั้ง ท่านแน่ใจว่าจะยกเลิกการเดินทางรอบนี้จริงๆหรือ
1. ยกเลิกการเดินทางครั้งนี้
2. ไม่ยกเลิก ….. เดินทางต่อตามปกติ
เด็กหนุ่มหายใจเข้าลึกๆ หยิบอุปกรณ์ทุกอย่างที่เตรียมไว้ แล้วกดเลือกเบอร์2
เตรียมตัวเดินทางใน 5…4…3…2..1… วาร์ป!