สละส่วนน้อยรักษาส่วนมาก!
โดย
หมอแมว
ทหารทั้งหมดที่ได้ยินเสียงแตรสัญญาณต่างกรูลงไปข้างหน้า
ศัตรูมีเพียงหนึ่งเดียว นอกจากคนที่ได้ยินโซล่าหรือจากทหารเก่า ไม่มีใครรู้ว่าชายชุดดำบนหลังม้าคือใคร ได้แต่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่มีความสำคัญหรือแม่ทัพของศัตรู
แต่สำหรับทหารเก่าที่ทันในยุคสงครามใหญ่เมื่อ30ปีก่อน ชื่อของนักรบมังกรดราซัคคือชื่อที่สร้างความหวาดหวั่น
เพราะดราซัคคือจอมเวทความมืด … เป็นนักรบมังกรที่นำทัพมอนสเตอร์บุกผ่านทุ่งหญ้าของชนเผ่ามนุษย์ครึ่งสัตว์และรุกรานเข้าตอนใต้ของอาณาจักรแอสคาลอน บุกทะลวงผ่านแนวป้องกันและตีเมืองได้หลายเมือง จนภาพของพ่อมดดำที่มีปานแดงรูปฝ่ามือบนใบหน้าเป็นที่หวาดผวาของทหารแอสคาลอน
เวทที่น่ากลัวที่สุดของดราซัคคือ ‘เวทเผาผลาญมานา’ เป็นเวทที่เปลี่ยนมานาในร่างกายให้ลุกไหม้และเผาผลาญเจ้าของร่าง
และไม่ใช่เวทแบบธรรมดาที่แค่ทำให้คันแบบที่แอริสเคยทดลองกับรอน หากแต่เป็นเวทต้องห้ามที่สามารถทำร้ายให้บาดเจ็บจริงๆได้
ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ดราซัคต่างจากจอมเวทความมืดธรรมดาคือ เขาใช้เวทนี้ได้ในรัศมีที่กว้างกว่าจอมเวทอื่นใด นั่นคือใช้ได้ในรัศมี1ไมล์
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อ30ปีก่อนกองทัพพันธมิตรร่วมมือกันผนึกราชาUndeadได้ จนดราซัคที่กำลังบุกในแนวหน้าหายหลบซ่อนตัวไปอย่างลึกลับในครั้งนั้น เมืองกาล่าก็คงถูกกวาดล้างไปแล้วเช่นกัน
“ข้าแต่เทพฟรีแลนซ์ โปรดทะลวงศัตรูของข้า”
“!”
“ย้ากกกก”
ทหารหลายสิบคนฟาดฟันทิ่มแทงดราซัค … ไม่สิ ต้องเรียกว่าทิ่มแทงโล่เวทมนตร์ของดราซัคที่กางรัศมีรอบๆตัวนักรบมังกรคนนั้นอย่างไร้ผล
“เราเจาะเกราะมันไม่ได้เลยครับ”
ดาบที่ฟันลงไป เหมือนกับฟันลงไปบนทรายที่ดูดซับแรงทั้งหมดไว้ ธนูที่ถูกยิงมาก็ชนกับอะไรบางอย่างกลางอากาศแล้วก็หมดกำลังตกลงสู่พื้น
ดราซัคยิ้มจากบนหลังม้า เวทของมัน แม้จะใช้ได้เพียงวันละครั้งเดียว แต่ก็มีพลังป้องกันที่สูงส่ง อย่าว่าแต่มนุษย์เพียงเท่านี้เลย ต่อให้เป็นโทรลทั้งฝูงรุมโจมตีก็ต้องใช้เวลาเกินครึ่งชั่วโมงในการเจาะผ่านเวทมนตร์นี้
และมันก็ไม่ได้ต้องการเวลานานขนาดนั้น
“ข้าแต่เทพเบเลนุสผู้ดูแลไฟแห่งฟากฟ้า ที่สอดส่องทั่วพื้นพิภพ …….” ดราซัคเริ่มร่ายเวท ” …. โปรดรับเครื่องบูชามานาแห่งตัวข้า เพื่อปลดผนึกมานาในตัวศัตรูที่รายล้อมข้า ณ ที่นี้ ….. “
“เร็ว มันร่ายเวทแล้ว เร็วเข้า!” โซล่าใช้เวทเพลิงให้ดาบของตนลุกเป็นไฟแล้วพยายามเจาะทำลายโล่เวทมนตร์แต่ไม่เป็นผล
“โปรดเผาผลาญมานาของศัตรูของข้า เปลี่ยนให้เป็นเพลิงที่เผาไหม้กายของพวกมันจนกว่าจะมอดไหม้”
ดราซัคยกไม้เท้ากระดูกในมือขึ้น
“จงลุกไหม้ ”
แสงสีเขียววาบเป็นวงที่พื้น ก่อนจะขยายอาณาเขตไปรอบๆเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วกินพื้นที่กว่าหนึ่งไมล์รอบตัวของดราซัค ทหารที่ยังใช้พลังเวทไม่หมดรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ก่อตัวขึ้น
“อ้ากๆๆๆ”
“โอย ร้อน ร้อน ร้อน”
“โอย”
ร่างของทหารกว่าครึ่งในกองทัพล้มลงพร้อมกับไฟที่ลุกขึ้นทั่วร่างกาย หากเป็นทหารทั่วไปก็เบาหน่อยเพียงแต่ลุกไหม้ผิวจนลอกร่อน แต่สำหรับนักเวทที่มีมานามากกว่าคนอื่น ไฟที่ลุกขึ้นเผาไหม้อย่างรุนแรงสว่างเจิดจ้าไม่ยอมหยุด แม้จะล้มตัวลงกลิ้งกับพื้นแต่ไฟที่เผาผลาญมาจากภายในก็ไม่หยุดการลุกไหม้
หากมีน้ำสักนิด ก็ยังพอจะดับไฟที่เผาไหม้นี้ได้ แต่ในป่าที่ไม่มีน้ำเช่นนี้แบบนี้กับไฟที่ลุกขึ้นมาพร้อมๆกัน ก็ยากที่จะหาทางดับได้ ….สำหรับเวทมนตร์เรียกน้ำหรือเวทรักษาก็อาจจะพอใช้ได้ผล
แต่ว่าใครเล่าจะเหลือเวทมนตร์ เมื่อพลังมานาของคนแต่ละคนถูกเผาไหม้จนหมดสิ้นไปแล้ว
ไฟลุกไหม้อยู่ประมาณ 3 นาทีก่อนจะค่อยๆดับลง คนที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่อยู่ในกองร้อยที่ห่างออกไปและไม่ทันได้รับคำสั่งที่โซล่าสั่งการให้รีบใช้เวทมนตร์ นักเวทของกองร้อยทุกกองอยู่ในสภาพดำไหม้จนจำไม่ได้ ยกเว้นแอริสในกองร้อยที่1ที่ใกล้กับโซล่ามากที่สุดที่ใช้เวทหมดทันเวลาเพียงคนเดียว ….. แอริสรีบหยิบแกนมอนสเตอร์ออกมาดูดซับมานาแล้วใช้เวทน้ำดับไฟที่ยังลุกไหม้บนตัวทหารหลายๆคน
“ท่านโซล่าครับ กองทัพออร์คกำลังเดินทัพเข้ามาครับ” ทหารวิ่งมารายงานด้วยสภาพเสื้อผ้าไหม้หลายจุด
“พวกเรา …..ถอยทัพก่อน” โซล่าออกคำสั่งทันที “คนที่บาดเจ็บไม่มากช่วยกันพาคนที่เจ็บหนักถอนทัพกลับ”
“เซ็นจูเรี่ยนที่ 4 ถึง 20 ถอนกำลัง …… ให้นายร้อยที่4เป็นผู้นำการถอนทัพ หากไม่สามารถนำทัพได้ ให้นายร้อยที่5 6 7 ทำหน้าที่นำการถอนทัพเรียงไปตามลำดับ”
“เซ็นจูเรี่ยนที่1 – 2 – 3 ตั้งแนวป้องกันการโจมตี พวกเราจะรั้งท้ายต้านออร์คไว้จนกว่าหน่วยอื่นจะถอยได้ ” โซล่าชูดาบ “ตามข้าพเจ้ามา”
แน่นอนว่าเซ็นจูเรี่ยนที่1-3 ที่อยู่ใกล้กับโซล่ามากที่สุดในตอนแรกรีบปล่อยมานาไปจนเกือบหมด ทำให้บาดเจ็บน้อยกว่าหน่วยอื่นๆ …แต่พวกเขาก็ต้องทำหน้าที่รั้งท้ายเพื่อให้กลุ่มอื่นได้ถอยทัพ
“อ้าก!”
ทหารที่นอนบาดเจ็บอยู่ร้องอย่างเจ็บปวด ร่างกายบิดเกร็งก่อนจะนิ่งไป … ธนูเวทมนตร์สีดำที่ปักคาที่หน้าอกคงสภาพอยู่ชั่วคราวแล้วหายไป
“อรี๊ย”
ธนูปักเข้าที่เอวของทหารอีกคนที่ยังนอนอยู่ที่พื้น เขาร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะนิ่งหมดลม
…. ทหารที่ยังยืนไหว ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว … ธนูเวทมนตร์ที่ฆ่าคนได้ในครั้งเดียวน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะกล้าต่อสู้ด้วย
แต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ
ในสายตาของดราซัคที่มองไปรอบๆ … มนุษย์แต่ละคนมีแถบพลังชีวิตขึ้นให้เห็น .. และเขาเลือกยิงธนูเวทใส่คนที่แถบพลังชีวิตอยู่ที่สีแดงใกล้จะตายแล้วเท่านั้น … มันยิ้มที่มุมปาก … พลังเวทของมันแทบไม่เหลือแล้วหลังจากใช้ และใช้การปลิดชีพมนุษย์ในการทำให้ทหารเหล่านั้นถอยห่างออกไป
มนุษย์พวกนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำไป ว่าการหลบในที่ซ่อนปราศจากความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้านักรบมังกร เพราะเมื่อใดที่มีคนจ้องมองนักรบมังกร ก็จะเกิดการเตือนว่าถูกเฝ้ามอง
และเมื่อใดที่เป็นการจ้องด้วยจิตมุ่งสังหาร นอกจากคำเตือนแล้ว ก็จะปรากฎแถบพลังชีวิตปรากฎขึ้นมา
นั่นทำให้การซุ่มโจมตีไร้ผล เพราะเมื่อเข้าใกล้จุดที่กองทัพของเมืองกาล่าอยู่ ดราซัคก็เห็นแถบพลังชีวิตจำนวนมากปรากฎขึ้น … ที่เหลือก็เพียงแค่เดินเข้าไปตรงใจกลางของกองทัพ จากนั้นก็ใช้เวทเพื่อทำให้กองทัพทั้งกองเสียหาย จากนั้นก็ …….
“โจมตีได้” ดราซัคชูมือขึ้น … กองทัพออร์คที่อยู่เบื้องหลังค่อยๆเดินแถวถือโล่สี่เหลี่ยมตรงไปหาทหาร3กองร้อยที่ตั้งแถวรอรับอยู่
กองทัพออร์คต่างพากันดาหน้าเข้าไปหาเหล่ามนุษย์ ดาบและขวานของออร์คฟาดฟันลงไปบนโล่ สวนกับหอกของเหล่าทหารที่ทิ่มแทงสวนกลับมา เสียงร้องของการฆ่าฟันดังอื้ออึง เลือดไหลนองเต็มพื้นถนนกลางป่าเกิดเป็นแอ่งน้ำสีแดงคล้ำที่ถูกเหยียบย่ำด้วยนักรบทั้งสองฝ่าย
โซล่าคิดถึงเรื่องเล่าของวีรบุรุษในตำนานที่นำกำลังทหารฮ็อปไทด์เพียงสามร้อยนายต้านยันศัตรูนับแสนที่ช่องเขาแห่งหนึ่งได้เป็นเวลาหลายวัน … ตอนนี้เขาก็กำลังนำกำลังทหารสามร้อยนายต้านศัตรูอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่ากองทัพของเขาเสียเปรียบเรื่องการบาดเจ็บกว่าศัตรู และพื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่ช่องเขาแต่เป็นถนนกลางป่า …แม้ศัตรูจะไม่สามารถโอบล้อมได้ง่ายนัก แต่ว่าถ้าไม่ระวังพวกเขาก็อาจถูกตลบหลังได้
เซ็นจูเรี่ยนทั้ง3กองร้อยสู้พลางถอยพลาง ทำให้เมื่อมีทหารคนใดที่ถูกแทงเข้าจุดสำคัญจนล้มลง สักครู่ก็จะถูกเหยียบย่ำทิ่มแทงก่อนที่จะมีโอกาสได้ลุกขึ้นมา
“ถอยห้าสิบก้าวแล้วตั้งหลักใหม่”โซล่าชูดาบตะโกน ทหารทุกนายรีบถอยอย่างรวดเร็วจนออร์คตามไม่ทัน ทั้งหมดถอยไปประมาณ50ก้าวก่อนจะตั้งแนวอีกครั้ง ทุกคนยกโล่กลมขึ้นบังด้านหน้าและยกหอกข้ามที่กำบังขึ้นชี้ไปด้านหน้า … ทหารสามกองร้อยที่เหลือ เหลืออยู่เพียง150นาย
“โยฮัน… บอกทุกคนใช้แผนสุดท้าย” โซล่าบอก …โยฮันเม้มปากแน่นไม่พูดอะไร …กลยุทธสุดท้ายเป็นกลยุทธที่จะใช้ก็ต่อเมื่อการรบตกอยู่ระดับที่สิ้นหวังที่สุดเท่านั้น
ออร์คที่กำลังจะตามมาหยุดรออย่างลังเลเมื่อเห็นว่าฝ่ายมนุษย์ตั้งรับอย่างแน่นหนาอีกครั้ง …แม้เมื่อสักครู่พวกมันจะจัดการมนุษย์ได้หลายคน แต่พวกมันก็ล้มตายไปไม่น้อยทีเดียว ตอนนี้มนุษย์ตรงหน้าตั้งโล่กลมเป็นสองชั้น ชั้นแรกวางไว้ที่พื้น และชั้นที่สองวางระดับลำตัว เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ต้องการปักหลักเต็มที่
“พู่หมวกสีดำ ….ข้าไม่นึกเลยว่าดักซ์แห่งเมืองกาล่ารุ่นนี้ จะกล้านำทัพออกมารบเอง”ออร์คเปิดทางให้ม้าของดราซัคเดินมาตรงด้านหน้า “แต่พวกเจ้าไม่มีทางรอดออกไปจากป่าแห่งนี้ได้ …. หากยังต่อต้านข้าอยู่”
“ย้าก” โยฮันขว้างหอกของตนออกไป หอกหนาหนักพุ่งลอยไปชนโล่เวทมนตร์ของดราซัคก่อนจะตกลงสู่พื้น …. จอมเวทความมืดผู้นี้ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ หากแต่มองไปที่กองทหารตรงหน้า
“หากเจ้ายอมแพ้ข้า … ข้าจะทำตามธรรมเนียมที่เคยทำมา คือ ไม่ทำร้ายชาวเมือง เพียงแต่จะทำลายโบสถ์แห่งแสงในเมือง และทุกคนจะต้องทำงานและทุ่มเทแก่ราชาของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
โซล่ากัดฟันกรอด …. เมื่อ30ปีก่อน บิดาของเขาเป็นเจ้าเมืองและครองตำแหน่งดักซ์ หากไม่ใช่เพราะว่าบิดาของเขาป่วยหนักจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก็คงนำทัพออกรบเหมือนดักซ์แห่งเมืองอื่นๆแน่นอน …… สำหรับการยอมแพ้ … แม้จะน่าเย้ายวนต่อการอยู่รอด แต่ว่าเขาก็ไม่อาจตัดสินใจแบบนั้นได้ เพราะภายในเมืองมีประชาชนอีกหลายหมื่นคน หากยอมแพ้ ชีวิตของคนอีกหลายหมื่นคนจะต้องตกอยู่ในความยากลำบากเป็นแน่
และเมื่อสามวิบปีก่อนเขาเองก็ได้ร่วมรบในกองทัพ และเคยอยู่ในกองทัพที่พ่ายแพ้ … แม่ทัพที่เก่งกว่าเขาหลายคนเคยปักหลักสู้แบบนี้กับดราซัคเพื่อเปิดโอกาสให้กองทัพส่วนอื่นหนีไป …. และไม่มีใครรอดชีวิต
“โยฮัน พวกเราพร้อมหรือยัง”
“พร้อมแล้วครับ”
“ทหารแห่งเมืองกาล่าทุกคน … จงฟัง … ข้างหน้าของพวกเราคือดราซัค นักรบมังกรผู้ชั่วร้ายที่ในอดีตเคยทำลายล้างเมืองหลายเมืองในอาณาจักรของเรา” เจ้าเมืองตะโกนก้อง
ดราซัคมองอย่างยิ้มเยาะ … เมื่อครั้งที่มันรบเข้ามาในอาณาจักรนี้เมื่อ30ปีก่อน นายทหารของมนุษย์จำนวนไม่น้อยจะปักหลักแล้วพูดปลุกใจก่อนการบุกครั้งสุดท้าย …. และทุกครั้งกองทัพของดราซัคก็ไม่เคยแพ้กับการบุกแบบนี้
เจ้าคิดว่ากำลังใจอย่างเดียวจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้รึ !
อ่อนหัด อ่อนหัดยิ่งนัก !
พ่อมดดำยกมือเป็นสัญญาณให้ออร์คหยุดการล้อมและโจมตี … มันชื่นชอบการพูดในวาระสุดท้ายของมนุษย์แบบนี้อย่างยิ่ง … หลังจากการพูดทุกคนจะมีความหวังและฮึดสู้ …. ก่อนที่จะเปลี่ยนแปรเป็นความสิ้นหวังและหวาดกลัว มันไม่ยอมให้ออร์คเหล่านี้มาทำลายละครฉากตรงหน้าแน่ๆ
“ทหารทุกคน ….ทุกคนมีลูก เมีย พ่อ แม่ พี่น้อง มีคนข้างหลัง … พวกเราสู้ เพื่อปกป้องคนเหล่านั้น เพื่อหวังว่าจะได้กลับไปหาคนที่บ้าน” โซล่าร้อง ” ต่อจากนี้ จะเป็นการต่อสู้กับตนเอง … ไม่มียศ ตำแหน่ง หรือชนชั้นใดๆ ….”
โซล่าโยนถอดหมวกเกราะพู่สีดำที่สวมอยู่ทิ้งไป โยฮันและหัวหน้าหน่วยเซ็นจูเรี่ยนท้ังสามคน ถอดเกราะเหล็กพู่แดงของตนออก ทหารทุกนายถอดหมวกใบหนักทิ้งตาม เสียงโลหะกระแทกหล่นตามพื้นอย่างต่อเนื่อง ….ออร์คกำโล่อย่างตึงเครียด เพราะนอกจากเสียงเกราะกระทบพื้นแล้ว โล่ที่ตั้งเป็นกำแพงทำให้มันมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมอาวุธใดเอาไว้
“ทหารทุกคน ดูดซับมานาจากผลึกเวท” ทหารทุกคนดูดมานาจากผลึกที่เตรียมไว้ในมือ … จากนั้นโซล่าก็ร้องตะโกน “ร่ายเวทได้!”
“ข้าแต่เทพโบร่าแห่งสายลมโปรดอวยพร…………….”
” ….. โปรดมาสถิตที่เท้าทั้งสองของข้า เพิ่มความเร็วในการวิ่งของข้า ณ บัดนี้ ! “
“ทหารทุกคน วิ่ง …. หนีสุดชีวิต เอาชีวิตรอดให้ได้” โซล่าตะโกนก่อนจะขว้างหอกในมือของตนไปข้างหน้าแล้วหันหลังกลับวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต … หอกนับร้อยที่เหลือพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วตกลงไปปักออร์คที่อยู่แนวหน้าจนล้มตายลง
ทหารทุกคนที่ปาหอกแล้วโยนโล่ทิ้งไปก่อนจะหันหลังกลับ วิ่งหนีสุดแรงเกิด … กำแพงโล่ที่ตั้งบังอยู่ล้มลงจนหมด เห็นแต่แผ่นหลังของเหล่าทหารมนุษย์ที่วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อนั้นทั้งดราซัคและออร์คทั้งหมด จึงเห็นว่า เบื้องหลังโล่ที่ตั้งอยู่กับการพูดปลุกใจเมื่อครู่ แท้จริงคือการถ่วงเวลาให้ทหารเมืองกาล่าทั้งหมดได้ถอดทุกอย่างที่มีน้ำหนักออกไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเกราะอ่อน เกราะเหล็ก มีด ดาบ หอก หมวก หรือเสื้อผ้า
เป็นการสละยุทโธปกรณ์เพื่อรักษาชีวิต
สละส่วนน้อยรักษาส่วนมาก
” ทุกคนวิ่ง วิ่งให้สุดชีวิต …. ถ้ามันปล่อยไรเดอร์มาเราจะหนีไม่ทัน”
ดราซัคมองตามไป ออร์คไรเดอร์อีก50นายยังไม่ได้เข้ามาในป่า … จะสั่งให้มาตอนนี้ก็คงไม่ทันแน่ๆ ….
ถึงยังไงออร์คไรเดอร์ที่ใส่เกราะเต็มอัตราของเขา ไม่มีเร็วกว่าทหารร่างกำยำ150นายที่ใช้เวทเพิ่มความเร็ววิ่งตัวปลิวโดยใส่เพียงรองเท้าและกางเกงในตัวเดียวแน่นอน