คริสต์มาสแฟร์
โดย
หมอแมว
“รอน ไม่ไปโรงเรียนเหรอลูก สายแล้วนะ” แม่ตะโกนเรียกจากห้องครัว
“ครับแม่ มาแล้วครับๆ”
เด็กหนุ่มวิ่งลงมาจากชั้นบน เมื่อคืนเขาใช้อินเตอร์เน็ทนานไปหน่อยจนนอนดึก
วันนี้วันอะไรนะ …. เขาคิด … อ้อ วันศุกร์
รอนนึกไม่ออก เหมือนว่าวันนี้จะมีอะไรสำคัญสักอย่าง …. รอนรีบกินข้าวแล้วจัดกระเป๋าเดินออกนอนบ้าน ลมเย็นๆหน้าหนาวพัดมาโดนตัว เด็กหนุ่มเดินไปรอรถสองแถวที่ฝั่งตรงข้าม
“รอนๆ จะไปไหน” เสียงที่คุ้นเคยเรียกรอนมาจากถนนฝั่งตรงข้าม
“อ้าวแพท มาทำอะไรแถวนี้” รอนร้องเรียก เช้าๆแบบนี้แพทมาทำอะไรแถวบ้านเขา เด็กสาวลงจากรถโบกมือให้ลุงบัวที่กำลังขับอยู่ก่อนจะมองไปที่กระเป๋านักเรียนของเด็กหนุ่ม
“อย่าบอกว่าเธอจะไปเรียนนะ”
“หืม? ใช่สิ เรากำลังจะไปโรงเรียน … ว่าแต่เธอมาทำอะไรแถวนี้เนี่ย” รอนถาม
แพทไม่ตอบอะไรนอกจากชี้มือไปในซอย ชี้ไปยังนักเรียนทั้งประถมมัธยมที่กำลังเดินเข้าโรงเรียนอยู่
“วันนี้วันคริสต์มาสแฟร์ “
รอนหน้าแดงแทบจะแทรกพื้นถนนหนี …. เขาลืมไปสนิทเลย วันนี้เป็นวันศุกร์ก่อนวันคริสต์มาส ทางโรงเรียนจะจัดงานวันคริสต์มาสแฟร์ที่โรงเรียนฝั่งประถมซึ่งอยู่ในซอยบ้านเขา … นี่ถ้าเขานั่งสองแถวไปแล้วไปโรงเรียน สิ่งที่รอเขาอยู่คงเป็นโรงเรียนร้างที่ไม่มีคนไปเรียน
รอนข้ามถนนกลับไป “เดี๋ยวเราเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านก่อน เธอรอเดี๋ยวนะ”
“เดี๋ยวเราไปด้วย” แพทบอก
ทั้งสองเดินไปด้วยกันกลับไปที่บ้านของรอน
“อ้าวกลับมาทำไมลูก แล้วนั่นหนูแพท” แม่ของรอนพูดอย่างแปลกใจ
“สวัสดีค่ะ … วันนี้วันคริสต์มาสแฟร์ค่ะคุณแม่ … ทุกคนมาฝั่งประถมหมด มีแต่หมอนี่นี่แหละที่จะไปเรียนคนเดียว นี่ถ้าไม่บังเอิญหนูนั่งรถผ่านมาป่านนี้นายรอนขึ้นสองแถวไปแล้ว” แพทบอกก่อนจะหันไปเห็นพ่อของรอนเดินลงมาจากชั้นสอง “สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“พอแล้ว ไปกันเถอะ” รอนดึงมือแพทออกจากบ้าน “ไปก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่”
เด็กหนุ่มดึงมือพากันออกมาจากบ้านแล้วเดินไปโรงเรียน ทั้งสองเดินผ่านนักเรียนประถมที่เดินดูของที่ร้านค้าหน้าโรงเรียนกัน
“เอ้อ แพท ทำไมเธอเรียกพ่อกับแม่เราว่าคุณพ่อ คุณแม่ล่ะ” รอนถาม
“อ๋อ ก็คือเท่าที่รู้ พ่อนายอ่อนกว่าพ่อเรา แต่แม่นายอายุมากกว่าแม่เรา ” เด็กสาวตอบ ” ถ้าเราเรียกแม่เธอว่าคุณป้า แต่เรียกพ่อเธอว่าน้าหรืออา มันก็คงดูแปลกๆจริงไหมล่ะ เราเลยเรียกง่าคุณพ่อคุณแม่ไปเลย”
“อ๋อ จริง … แต่แปลกดี”
“อะไรเหรอ”
“ก็เวลาเราเรียกคุณพ่อเธอว่าคุณพ่อ พ่อเธอจะให้เราเรียกคุณลุงตลอด” รอนบอก
ตุ้บ เด็กสาวเอามือขวาที่สวมกำไลฝังพลอยสีแดงทุบไหล่รอนดังปั๊ก!
[-0.1]
“บ้า”
รอนเอามือคลำแขนป้อยๆ อัลลัยกัน นอกจากไม่อธิบายแล้วยังทำร้ายกันอีก
ทั้งคู่เข้าไปในโรงเรียน มีของมาขายที่ใต้ตึก มีร้านค้ามาเปิดขายของ ขายอาหาร ของเล่น มีของตั้งแต่สำหรับเด็กชั้นประถมเรื่อยไปจนของสำหรับวัยมัธยมปลาย ส่วนที่สนามหญ้าด้านหลังโรงเรียน มีเครื่องเล่นมาเปิดรอบๆเกือบเต็มพื้นที่ ….
หลังจากเข้าแถว ฟังพิธีเปิดจากบราเดอร์อธิการเสร็จ นักเรียนทั้งประถมมัธยมก็แยกย้ายกันไป
รอนและแพทยังยืนอยู่ตรงกลางสนาม ไม่รู้จะไปไหน
“ปกติงานคริสต์มาสแฟร์ทุกๆปีเธอไปทำอะไรบ้างล่ะ” แพทถาม
“สองปีมานี้เราไปที่ตึกป.6 ตรงนั้นชมรมคอมพิวเตอร์มาเปิดแข่งเกมกัน” รอนตอบ “เราก็ไปนั่งเล่นจนเย็นแล้วค่อยกลับบ้าน”
แพทมองหน้ารอนแล้วส่ายหน้า …. เป็นการกระทำที่เสียของสุดๆสำหรับงานที่มีจัดปีละครั้ง
“แล้วเธอล่ะไปไหน” รอนถามมั่ง
“ทุกปีเราจะไปที่ห้องสมุด ฟังครูเล่านิทานกับอ่านหนังสือให้นักเรียนฟัง” แพทตอบ
“……แพท ….. นั่นมันให้เด็กป1-ป3ฟังไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเราก็ไปเล่นม้าหมุน … ชิงช้าสวรรค์ … ยิงปืน … เสร็จแล้วก็ไปนั่งดูการ์ตูนที่ใต้ตึกประถม แล้วก็กลับไปห้องสมุดใหม่”
” ………. “
” อย่ามองเราแบบนั้นสิ …. พวกกิจกรรมอื่นมันต้องอ่านป้ายอธิบาย เราอ่านไม่ได้นี่นา” แพทบ่นอายๆ
รอนเพิ่งนึกได้ว่าแพทมีปัญหาเรื่องการอ่าน จะว่าไปแทบทุกกิจกรรมมันต้องอ่านป้ายกันหมดนี่นะ สำหรับแพทที่อ่านตัวหนังสือได้ช้ามาก กิจกรรมแบบนี้ทำให้เธออึดอัดพอสมควรทีเดียว
“แล้วพวกผู้หญิงคนอื่นๆล่ะ” รอนถาม
” ….. เราเกรงใจคนอื่นๆน่ะ ทุกคนต้องมารออธิบายเราทุกอย่าง เค้าก็เล่นกันไม่สนุกหรอก”
รอนพยักหน้า … จะว่าไปเขาก็ไม่เห็นแพทมีเพื่อนผู้หญิงคนอื่นๆเท่าไหร่ ก็จริงว่าถ้าหากไปเที่ยวกันแล้วทุกคนต้องมาอธิบายตัวหนังสือให้คนๆเดียวในกลุ่ม ทั้งคนอธิบายและคนถูกอธิบายก็คงอึดอัดกันทุกคนแน่ๆ
ไม่มีใครอยากผิดปกติหรือดูแปลกแยกจากคนอื่น … และแพทคงอึดอัดไม่น้อยที่ต้องให้คนอื่นอ่านป้ายให้
“งั้นเอางี้ ปีนี้เราสองคนเที่ยวงานไปด้วยกัน เดี๋ยวเราอ่านป้ายให้เอง อยากไปไหนบอกมาได้เลยวางใจได้” รอนทุบอกจนรุ่นพี่ม.ปลายที่เดินผ่านมาสามคนหันมอง
“ไม่ดีกว่า เราเกรงใจ” แพทตอบ
“เกรงจงเกรงใจอะไร เราสองคนมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะมาเกรงใจอะไรอีก” รอนบอก …. ก็ทุกเย็นก็นั่งติวนั่งอ่านนั่งสรุปวิชาที่เรียนให้ทุกวัน อ่านหนังสือให้ฟังทุกวัน กะอีแค่อ่านป้ายนี่มันจะเท่าไหร่กันเชียว
“มันก็จริง”แพทพูด
“อย่างเมื่อคืนเธอก็ให้เราทวนซ้ำตั้งสองรอบ ไม่เห็นจะเกรงใจเลย” รอนพูดถึงที่แพทให้สอนทวนวิชาภาษาไทยซ้ำสองรอบเพราะไม่เข้าใจ …
“บ้า ไม่เห็นต้องย้ำเลย”
“งั้นไปสอยดาวกันเถอะ”
“อืม”
แล้วทั้งคู่ก็เดินไป ทิ้งให้รุ่นพี่ม.ปลายสามคนที่ผ่านมาตะกี้ยืนมองหน้ากัน
“ได้ยินเหมือนกูไหมวะ …… ”
“เราสองคนมาถึงขั้นนี้แล้ว”
“ทวนซ้ำสองรอบ”
“ไปสอยดาวกัน”
….
ทั้งรอนกับแพทไม่รู้ตัวว่าพวกตนทำให้รุ่นพี่กลุ่มเดิมกลุ่มนี้คิดเตลิดไปไหนต่อไหนแล้ว
“สอยดาว …. ซื้อบัตรใบละ10บาท แล้วเข้าไปหยิบได้ …. พอหยิบแล้วห้ามแกะฉลาก ต้องเอาไปให้ครูเปิดที่จุดรับรางวัล” รอนสรุปใจความสำคัญในป้ายให้
“แล้วของรางวัลล่ะ”
“…. คือถ้าเป็นของรางวัลใหญ่ ก็นั่น ” รอนชี้ไปที่มุมห้อง “ครูเค้าติดป้ายไว้แล้วว่าได้ตราปั้มอะไรได้ของรางวัลเป็นอะไรบ้าง”
“ส่วนถ้าของรางวัลเล็กๆ ก็ มีได้ตราปั้มรูปดาว ได้ท็อฟฟี่สามเม็ด ตราปั้มรูปเป็ด ได้อมยิ้ม ตราปั้มรูปแมวได้ดินสอ ตราปั้มรูปเครื่องบิน ได้พวงกุญแจ”
“งั้นเราสอยกันคนละอัน”
“หือ คนละอันพอเหรอแพท” รอนถามอย่างสงสัย จริงๆทั้งเขาและแพทถ้าจะสอยดาวสักคนละ100-200ใบ เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
“พอสิ … ก็สอยแบบแค่พอตื่นเต้น … ลองคิดกลับกันว่าถ้าซื้อเยอะๆสอยเยอะๆ ความตื่นเต้นมันก็ไม่มีสิ” แพทบอก “แล้วโน่น รางวัลใหญ่ พวกมอเตอร์ไซค์ ตู้เย็น ทีวี เราสองคนจะเอาไปทำไม”
รอนพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็ซื้อสลากสอยดาวให้ตัวเองและแพทจากนั้นก็เข้าไปห้อง …. ห้องสอยดาวคือห้องของชั้นป5 ทั้งชั้น ปกติจะมีการดึงฉากไม้กั้นแต่ละห้อง มาวันนี้ที่เป็นวันคริสต์มาสแฟร์ ฉากกั้นแต่ละห้องถูกพับเก็บทำให้กลายสภาพเป็นโถงโล่งยาว มีเชือกขึงห้อยโยงยาวไปทั้งบริเวณโดยมีฉลากกระดาษสีต่างๆพับห้อยลงมาจากเชือกนั้นอีกทีหนึ่งนับพันนับหมื่นอัน
รอนและแพทเข้าไปยืนด้วยกัน ไม่รู้จะหยิบอันไหนดี …
“ผมอยากได้ทีวี ทีวีที่ห้องกลางเสียยังไม่ได้ซ่อมเลย”
“หนูอยากได้ตู้เย็น … ตู้ที่ชั้นสองเสียมาตั้งนานแล้ว”
“ผมก็อยากได้เหมือนกัน”
“หนูด้วย”
เสียงจ้อกแจ้กของเด็กๆดังมาจากด้านหน้าห้องจนแพทและรอนหันไปมอง เป็นคุณพ่อปิติที่ดูแลบ้านพักเด็กอยู่ในโบสถ์ข้างโรงเรียน รอบๆเป็นเด็กๆประถมสิบกว่าคน ทั้งหมดเป็นเด็กกำพร้าหรือไม่ก็เด็กที่พ่อแม่ยากจนแต่ทางโบสถ์รับมาดูแล ….
แพทมองเด็กๆแล้วมองฉลากในมือ
“รอน เราขอฉลากได้ไหม” แพทถาม
“อือ เอาไปสิ” รอนยิ้มแล้วส่งให้ แพทรับไปแล้วหลับตา
โดยไม่รู้ตัว หินพลอยสีแดงที่อยู่บนกำไลของเด็กสาวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเป็นสีขาวแล้วกลายเป็นผงค่อยๆร่วงหล่นลงพื้น …. แพทลืมตาแล้วมองไปที่ฉลาก เดินไปที่มุมห้องดึงกระดาษมาใบนึง จากนั้นเดินไปที่กลางห้อง … หยิบกระดาษฉลากสอยดาวลงมาอีกใบ
เด็กสาวเดินเอาบัตรสอยดาวกับฉลากไปยังกลุ่มเด็กๆ จากนั้นยื่นให้
“นี่จ๊ะ พี่ให้ ……. ขอให้โชคดีได้รางวัลนะจ๊ะ”
“โอ๊ะ … ขอบคุณค่ะ” “ขอบคุณครับ”
เด็กๆยกมือไหว้ขอบคุณ คุณพ่อปิติยิ้มให้อย่างขอบคุณในน้ำใจ
กลุ่มเด็กจากบ้านพักเอาฉลากไปให้ครูที่ทางออก… ครูแกะบัตร ดู แล้วมือนึงคว้าเชือกระฆัง อีกมือคว้าไมค์
แก้งๆๆๆๆๆ
“รางวัลใหญ่ออกแล้วสองรางวัล … ทีวี กับ ตู้เย็น”
เสียงระฆังและเสียงเด็กๆกรี๊ดด้วยความดีใจดังไปถึงบันไดที่รอนและแพทกำลังเดินลง รอนเหลือบมองเด็กสาวที่กำลังยิ้มอย่างยินดีอยู่
ต่อจากสอยดาว ทั้งคู่เดินไปเล่นเครื่องเล่นที่สนาม นั่งม้าหมุน ยิงปืน ยิงเป็ด ฯลฯ ทั้งคู่เล่น กิน ทำกิจกรรมที่ปีที่ผ่านๆมาไม่ได้ทำมาก่อน จากนั้นก็ไปนั่งกินข้าวกลางวันกันสองคน
ตกบ่ายรอนขอไปดูที่ชมรมคอมพิวเตอร์ ….. เขาเข้าไปและพบว่าปีนี้ไม่มีการแข่งเกม … แต่กลายเป็นซุ้มดูลายมือด้วยคอมพิวเตอร์แบบไม่มีคนเฝ้าสักคน … รอนมองดูคนเข้าไปวางทาบฝ่ามือบนหน้าจอ จากนั้นพอเครื่องสแกนอ่านผลเสร็จแล้ว ก็พิมพ์ผลการดูดวงใส่กระดาษแบบต่อเนื่อง …. พอพิมพ์เสร็จคนดูดวงก็ฉีกผลเอากลับได้เลย
รอนกลับออกมาจากห้องแล้วยักไหล่ให้แพทก่อนจะไปหาอะไรอย่างอื่นเล่นต่อ จะว่าไปเขาก็ไม่ได้อยากเล่นเกมเท่าไหร่ แค่อยากมาดูเฉยๆว่างานเกมปีนี้คึกคักไหมเท่านั้น …..
…..
“ไปเล่นชิงช้าสวรรค์กัน”
“โหย ไม่เหนื่อยเหรอแพท”
“หน่อยน่า เดี๋ยวเราก็กลับแล้ว”
เด็กสาวดึงมือรอนไปต่อคิวชิงช้าสวรรค์ คนคุมเครื่องเปิดให้เข้าไปก่อนที่จะเปิดหมุนต่อช้าๆ …. ช่วง4โมงเย็นแบบนี้คนเล่นน้อยลงมากจนไม่ต้องรีบร้อนอะไร
ชิงช้าสวรรค์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ช้าๆ …. แพทมองทิวทัศน์ข้างนอกที่ค่อยๆสูงขึ้น สูงขึ้น เสียงนักเรียนที่วิ่งเล่นในสนามค่อยๆเบาลง เบาลง
รอนมองหน้าเพื่อนสาวที่มองไปภายนอก ในมือของเด็กสาวมีกระดาษที่ระบายกาวแล้วโรยกากเพชรเป็นรูปตัวการ์ตูน …. วันนี้เขาพาแพทไปเล่นกิจกรรมหลายๆอย่างที่เธอไม่เคยเล่นมาก่อน วาดรูประบายสี … เล่นรถบังคับ … ตกปลาแม่เหล็ก … แทบทุกกิจกรรมเป็นการเล่นกับเด็กประถม
ตอนแรกเขาก็อายนิดๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีใจและสนุกมีความสุขของแพทแล้ว ความอายทั้งหมดก็ไม่มีความหมาย
อันที่จริงเขารู้สึกเห็นใจ …. โลกของแพทที่อ่านตัวหนังสือได้ลำบาก ทำให้จำกัดอะไรหลายๆอย่างจริงๆ
รอนมองเด็กสาวที่มองไปด้านนอกกระเช้า พวงแก้มเป็นสีชมพู ริมฝีปากแดงเรื่อๆ และพรายเหงื่อที่ผุดขึ้นตามหน้าผาก … แม้อากาศเดือนธันวาคมจะเย็นสบาย แต่ภายใต้แดดยามบ่ายและการวิ่งไปมาทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำให้แพทร้อนจนเหงื่อออก
รอนหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนยื่นให้ แพทยิ้มรับไว้แล้วซับเหงื่อ
“กินน้ำก่อนไหม” รอนเปิดขวดน้ำแล้วใส่หลอดยื่นให้
“ขอบคุณนะ” แพทรับไปดูดน้ำเย็นดับกระหายก่อนจะส่งคืนให้
รอนรับกลับไป ใส่หลอดดูดใหม่ลงไปแล้วดื่มน้ำเย็นบ้าง …. แม้จะไม่ได้วิ่งเท่าเด็กสาว แต่หลายกิจกรรมก็อยู่กลางแดดทำให้เหนื่อยเหมือนๆกัน
“คริสต์มาสอีฟนี้เธอไปเที่ยวที่ไหนไหม” รอนถาม
“ไม่หรอก … เราอยู่บ้าน” แพทตอบ
“อือ เหมือนกัน”
……
…
.
“แล้วคริสต์มาสนี้เธอมีขออะไรไหม” เด็กสาวถาม
“ไม่มี …. เราไม่ได้ถือคริสต์” รอนตอบ
“อือ เราก็ไม่ได้ถือเหมือนกัน”
…..
..
.
“ถึงเราจะไม่ได้ถือ แต่ถ้าเป็นไปได้ เราอยากขอ” เด็กสาวพูด “เราอยากขอให้เราสามารถอ่านหนังสือได้เอง อยากให้เป็นเหมือนกับคนอื่นๆที่ทุกคนเป็นกัน”
“ขอบคุณมากนะรอน วันนี้เราสนุกมากที่สุดเลย” แพทยิ้มและยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้ แตะมือเบาๆหยิบขวดน้ำจากรอนไป …. เธอก้มลงมองหาหลอดดูดที่มีรอยลิปสติกก่อนจะหยิบเลือกหลอดมาดื่มน้ำและมองไปข้างนอกรับกับสายลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้ามา
รอนส่งแพทขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเดินออกจากโรงเรียนไปกดเงิน จากนั้นไปที่ร้านUniverseที่ขายคุรุภัณฑ์และอุปกรณ์สำนักงานอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ลุงมีกระดาษปรินท์เตอร์แบบต่อเนื่องไหมครับ”
“มีสิ แบบA4กล่องละ500”
“งั้นเอากล่องนึงครับ…..แล้วก็เอากาวยางแบบหลอดใหญ่ที่สุด2หลอดด้วยครับ”
ลุงเจ้าของร้านเดินไปหยิบมาให้แล้วรับเงินไป เขามองไปที่มือของเด็กหนุ่ม
“ทิ้งขวดเปล่านั่นไหม เดี๋ยวลุงเอาไปทิ้งให้”
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอาขวดไปใส่น้ำต่อ”
รอนถือของพะรุงพะรังเดินกลับบ้าน ที่ปากซอยบ้านเขาแวะร้านอาม่า ก่อนจะออกมาพร้อมกับเครื่องปั่นไฟที่เขาเห็นในชั้นใต้ดินของร้านอาม่าเมื่อหลายวันก่อน …. แม้จะหนักสุดๆจากทั้งเครื่องและน้ำมันที่ใส่ไว้เต็มแกลลอนปั่นไฟแต่รอนรู้สึกว่าหลังๆนี้เขามีกำลังมากพอจะขนของหนักๆได้สบาย
เด็กหนุ่มเอาเครื่องปั่นไฟวางไว้ที่สนามหญ้าตรงกระสอบดิน คลุมผ้าใบไว้จากนั้นเข้าบ้าน วางกระดาษปรินท์ต่อเนื่องไว้ที่โต๊ะคอมแล้วขึ้นไปที่ห้องนอน วางกาวยางหลอดยักษ์ไว้ที่โต๊ะเตรียมข้ามมิติคืนนี้ จากนั้นเข้าห้องน้ำล้างขวดพลาสติก สะบัดๆแล้ววางไว้ในตู้
“รอน กินข้าวเย็นได้แล้วลูก”
“ครับแม่!”
เด็กหนุ่มละมือจากตู้แล้วเดินลงไป ขวดเปล่าตั้งในตู้มีหลอดเสียบอยู่ …. ทั้งสองหลอดมีรอยลิปสติกสีแดง