เสร็จศึก?
โดย
หมอแมว
เสียงร้องอย่างโกรธแค้นและไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ของดราซัคดังไปทั่ว หมู่ออร์คที่รอดูท่าทีอยู่แล้วต่างจ้องมองมาทางเดียวกัน
“{ดราซัคตายแล้ว!}”
“{พวกมนุษย์ฆ่านักรบมังกรตายแล้ว!}”
“{หนีเร็ว พวกเราหนีเร็วเข้า!}”
พวกออร์คต่างส่งเสียงร้องเป็นภาษาของตนก่อนจะหันหลังกลับวิ่งหนี ความจริงพวกมันก็ไม่ได้อยากที่จะรบมากนัก เพียงแต่ว่ามันถูกชักชวนกึ่งบังคับจากดราซัคให้ทำการรบกับพวกมนุษย์
ในเมื่อกำลังใจในสนามรบตกต่ำจนถึงขีดสุดได้สักพัก และที่พวกมันยังไม่หนีก็เพราะกลัวจอมเวทความมืดจะฆ่าหากมันหลบหนี
พอดราซัคตาย พวกมันจึงหนีโดยไม่คิดอะไรอีก
“พวกออร์คหนีแล้ว” ทหารร้องขึ้น
“ดราซัคตายแล้ว …ท่านรอนจัดการมันได้แล้ว” ทหารบนกำแพงเมืองป้องปากตะโกนลงมา
“พวกเราทุกคน บุกออกไป ฆ่ามันให้หมด”มีอาชูดาบในมือร้องสั่ง “ให้พวกมันจดจำไว้ว่าการมาบุกโจมตีมนุษย์จะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“เฮฮฮฮฮ!”
ทั้งทหารและชาวเมืองต่างกรูกันออกจากประตูเมือง ทหารราบและชาวเมืองบุกลงไปในพื้นที่นาที่เฉอะแฉะ ส่วนทหารม้าวิ่งไปตามถนนเพื่อจัดการกับออร์คที่หนีไปไกลแล้ว
เป้าหมายในตอนนี้ ไม่ใช่การป้องกันเมืองแล้ว หากแต่เป็นการฆ่าออร์คให้ได้มากที่สุด
ออร์คที่ตายเพิ่มขึ้นหนึ่งตัว หมายถึงความปลอดภัยในอนาคตของชาวบ้านในหมู่บ้านต่างๆที่จะเพิ่มมากขึ้น
รอนยืนอยู่ตรงจุดเดิม ออร์คทั้งหมดวิ่งหนีไปโดยไม่กล้าเข้าใกล้เขา และเด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้สนใจออร์คพวกนั้น …เขามองไปที่ร่างของดราซัคที่หมดลมไปแล้ว สีหน้าก่อนตายของจอมเวทดำเต็มไปด้วยความแค้นและเจ็บปวด ….
เด็กหนุ่มไม่ต้องเช็คว่าจอมเวทดำตายหรือยัง เพราะแถบพลังชีวิตที่เมื่อครู่ยังมีสีแดง ตอนนี้หายไปแล้ว
เขามองไปรอบๆ ออร์คกระจายเลี่ยงเขาอย่างชัดเจน ส่วนทหารที่มาด้วยกันกับเขาเมื่อครู่ก็ยังสู้กับออร์คที่หลบหนีอยู่ ทหารม้าก็วิ่งไปตามถนน
รอนนั่งย่อลงที่ข้างศพของดราซัค กำลังคิดว่าจะยกศพของมันขึ้นโชว์อีกครั้งให้ออร์คเสียขวัญดีหรือไม่
ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ….
“ลูกแก้วนี่มัน …”
รอนมองไปที่ลูกแก้วสีขาว ที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากหน้าอกของศพ … มันโผล่ขึ้นมาช้าๆจนค่อยๆขึ้นมาอยู่บนผิวหนัง จากนั้นก็กลิ้งตกลงพื้น เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมา
[ศิลานักปราชญ์ 1pt]
ศิลานักปราชญ์ ! รอนนึกในใจ …มันคือของเดียวกันกับที่เขาหยิบและรับเข้าตัวเองไปตอนย้ายข้ามโลกนี้มานี่นา
รอนมองซ้ายมองขวา จากนั้นก็หยิบลูกแก้วใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกง
จากนั้นรอนลองเช็คดูตามตัวของศพ … มือที่เละไปแล้วของดราซัคมีแหวนสวมอยู่
[แหวนเก็บของต่างมิติ 1pt]
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ในที่สุด …. ” รอนหัวเราะ ” ในที่สุดก็มีของดีจนได้”
เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างดีใจ เพราะที่ผ่านมาเขาต้องขนของนั่นนี่ตามตัว ทั้งหนัก ทั้งเกะกะ ถ้ามีแหวนวงนี้ชีวิตก็จะสบายขึ้นมากแน่นอน
เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปจับอีกครั้ง
[ท่านต้องมีพลังเวทมนตร์จึงจะใช้แหวนวงนี้ได้]
[เสียใจด้วย ท่านไม่มีพลังเวทมนตร์ ใช้แหวนนี้ไม่ได้]
รอนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะควักเอาแกนมอนสเตอร์ออกมา …ในเมื่อแกนมอนสเตอร์มีพลังเวทและใช้เหมือนแบตเตอรี่กับม้วนเวทมนตร์ได้ ก็น่าจะใช้กับแหวนเก็บของได้สินะ
[ต้องใช้พลังเวทจากภายในร่างกายเท่านั้น ไม่สามารถใช้พลังเวทภายนอกได้ เสียใจด้วย]
“ว้อททททททททท!” รอนกรีดร้องกับตัวเอง นี่เขาไม่สามารถใช้ของดีๆแบบนี้ได้หรือเนี่ย !!!!
รอนมองไปที่ของอื่นๆที่ตัวดราซัคและมองดูทหารที่สู้เข้ามาใกล้ๆ จากนั้นตัดสินใจว่าจะยังไม่แตะต้องสิ่งของของนักรบมังกรคนนี้ … ส่วนนึงเพราะเขาไม่รู้ว่าดราซัคมีของที่ไปขโมยมาจากที่อื่นหรือไม่ การไปเก็บของเหล่านั้นมาเป็นของตัวเองอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคตก็ได้
อีกอย่าง ตอนนี้ทหารและชาวเมืองก็เข้ามาใกล้แล้ว การที่คนอื่นกำลังสู้อยู่แล้วเขามัวแต่ค้นของอยู่คงดูไม่ค่อยดี
“ท่านรอน ท่านรอนเป็นอะไรบ้างไหม บาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าคะ” มีอาถาม
“ผมปลอดภัยดีครับ” รอนตอบ ” ศพของดราซัคตรงนี้ ผมให้คุณมีอาจัดการต่อก็แล้วกันนะครับ”
“ค่ะ”
รอนกระโดดขึ้นหลังม้าหญ้าโคลน จากนั้นสั่งให้มันวิ่งตามออร์คที่เหลือ เขาไล่ฟันออร์คจากด้านหลังไปอีกสิบกว่าตัวจนถึงชายป่าแล้วหันกลับ มองไปยังตัวเมือง ระยะห่างสามไมล์จากป่าถึงกำแพงเมืองเหลือออร์คไม่กี่ตัว ชาวเมืองและทหารต่างจัดการเก็บกวาดสนามรบ ช่วยกันแทงจัดการออร์คที่อยู่ที่พื้นไม่ว่าจะเป็นซากศพหรือแกล้งตาย ส่วนทหารม้าก็ควบม้าไล่จัดการออร์คที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
ไม่มีการเก็บเชลยศึก …
ไม่มีการไว้ชีวิต
เหมือนกับที่ออร์คก็ไม่ไว้ชีวิตทหารเช่นกัน
เป็นกฎของสงครามของมนุษย์และมอนสเตอร์
รอนควบโกเลมอัลปาก้า(ม้าหญ้าโคลน) กลับไปทางตัวเมือง ชาวเมืองและทหารชูอาวุธทำความเคารพและตะโกนโห่ร้องยินดีให้เขาไปตลอดเส้นทาง เด็กหนุ่มควบไปจนถึงตัวเมือง เขาผ่านประตูเมืองเข้าไป ผ่านบริเวณที่มีผู้บาดเจ็บและศพชาวเมืองตรงไปที่ปราสาทก่อนจะเลี้ยวซ้ายตรงไปตามถนน … เขาตรงไปไม่หยุดแม้ตลอดเส้นทางชาวเมืองและทหารจะโบกมือแสดงความดีใจและเรียกชื่อของเขา … เด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ ไม่หยุด … จนกระทั่งถึงจุดที่มีคนยืนอยู่มากมาย
รอนลงจากหลังโกเลม เดินตรงไปในหมู่คน ตรงกลางคือโรล่าและเด็กๆของบ้านเด็กกำพร้า … เด็กหนุ่มหยุดยืนมองสักครู่ก่อนจะค่อยๆเดินตรงเข้าไป
“คุณรอน!” เด็กสาวหันมาร้องอย่างดีใจก่อนจะวิ่งตรงมา
“โรล่า! … ปลอดภัยดีใช่ไหม” รอนเดินเข้าไปหา ก่อนที่จะต้องหยุดกระทันหันเพราะเด็กสาวที่โถมเข้ามากอด
“ปลอดภัยดีค่ะ …. คุณรอนไม่เป็นไรแน่นะคะ” เด็กสาวถามก่อนจะดึงเสื้อที่ขาดแหว่งเป็นรู “เสื้อผ้าคุณ……”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมหายดีแล้ว …. แล้วคนอื่นๆเป็นยังไงบ้าง”
“คุณเบรเซอร์บาดเจ็บอยู่ค่ะ แต่ว่าตอนนี้ดูแลเบื้องต้นแล้ว” โรล่าบอก ” พวกนักบวชบอกว่าถ้าพวกเขาฟื้นพลังเวทเสร็จคุณเบรเซอร์จะเป็นคิวถัดไปค่ะ น่าจะได้รักษาจริงๆพรุ่งนี้ ….. ว่าแต่คุณรอนมาทางนี้ แล้วการรบที่ด้านโน้นล่ะคะ”
“ตอนนี้นักรบมังกรตายแล้ว กองทัพออร์คก็แตกทัพไปหมดแล้ว ” รอนประกาศ “เราชนะแล้วครับ”
“เราชนะแล้ว!”
“ฮูเร่!!”
“เฮฮฮฮฮ!!”
“ฮูเร่ให้ท่านรอนกับโรล่า”
“รอน โรล่า รอน โรล่า รอน โรล่า รอน โรล่า”
ชาวเมืองและทหารต่างพากันแซ่ซ้องร้องยินดีรอบๆตัวเด็กหนุ่มสาวทั้งสองคนที่ยืนอยู่ตรงกลางถนน กับชัยชนะครั้งสำคัญที่ทำให้เมืองรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้
รอนพาโรล่าและชาวหมู่บ้านโอลเซ่นที่มาช่วยประตูตะวันตก เดินกลับไปที่ที่พักตรงทางทิศใต้ของเมือง ตลอดเส้นทางมีแต่คนออกมาตามถนนเพื่อแสดงความดีใจที่เมืองรอดพ้นจากภัยแล้ว
“ท่านรอนปลอดภัยดีใช่ไหมครับ” โซล่าเจ้าเมืองเดินออกมาจากทางเข้าปราสาทพร้อมกับนายทหารอีกหลายนาย
“ปลอดภัยดีครับ ”
” ดีแล้ว … เดี๋ยวข้าจะให้เมืองเตรียมการฉลองชัย ครั้งนี้เป็นชัยชนะที่สำคัญมากจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
นายทหารทุกคนยิ้มยินดีกัน ต้องอย่าลืมว่านักรบมังกรดราซัค คือนักรบมังกรที่เคยรบชนะเมืองต่างๆมาหลายเมืองเมื่อ30ปีก่อน ไม่นับว่าครั้งนี้กองทัพของเมืองเพิ่งแตกพ่ายและเสียกำลังรบไปจำนวนมาก จนครั้งนี้ทุกคนคิดว่าจะต้องแพ้แน่ๆแล้ว
แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้นำพาเอาชัยชนะมาสู่เมืองกาล่าแห่งนี้ได้อย่างงดงาม
“เอ่อ …..” รอนมองดูเจ้าเมืองและนายทหาร …. แต่เขาก็หยุดไม่เอ่ยสิ่งที่อยากจะพูดแล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มแทน เขาหันไปทักคุยกับทหารคนอื่นๆ
“ท่านรอน …” เจ้าเมืองเดินมาจากด้านหลัง มือจับที่บ่าของเด็กหนุ่ม “เมื่อครู่ท่านมีอะไรจะบอกอะไรข้าหรือเปล่า”
“ครับ …..” รอนหันไปมอง ตอนนี้ท่านโซล่าเดินมาเพียงคนเดียว ส่วนทหารคนอื่นๆเดินแยกย้ายกันไปจุดอื่นๆแล้ว ตรงนี้มีเพียงรอนและเจ้าเมืองเพียงสองคนเท่านั้น
“คือ ก่อนที่จะฉลองชัย … ผมอยากให้ท่านจัดกำลังไปดูจุดที่กองทหารปะทะกับกองทัพออร์คครั้งแรกในป่าครับ” รอนบอก “ผมคิดว่าอาจจะยังมีคนที่รอดชีวิตอยู่ก็ได้”
“… เรื่องนั้นข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว … ข้าให้ทหารม้าสอดแนมที่1-2-3 คุ้มกันรถม้าที่มีนักบวชและหมอไป และมีชาวเมืองที่มีญาติพี่น้องเป็นทหารที่ไม่ได้กลับมา อาสาเดินทางไปที่จุดที่มีการรบเพื่อไปค้นหาญาติพี่น้องของตนเอง”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ …
“ท่านมาจากต่างถิ่น ธรรมเนียมบางอย่างอาจจะต่างกับเรา แต่สำหรับเราแล้วการฉลองชัยก็เป็นสิ่งจำเป็นหลังการรบ … แม้ว่าจะมีคนที่เศร้าเสียใจจากญาติพี่น้องที่ต้องตายจากไป แต่การจัดงานฉลองชัยก็จะเป็นเหมือนงานที่ตอกย้ำสร้างความมั่นใจในชัยชนะ ช่วยให้คนที่ยังอยู่มีแรงผลักดันที่จะมีชีวิตต่อไปและมั่นใจในอนาคต”
เด็กหนุ่มเดินพาชาวบ้านโอลเซ่นเดินกลับไปที่พัก เจ้าเมืองมองตามและพยักหน้าให้กับตนเอง ….
*********
“คุณเบรเซอร์เป็นยังไงบ้างครับ” รอนเดินเข้าไปในกระโจม ชายชรานอนอยู่บนเตียงที่แขนพันผ้าปิดแผลอยู่
“ก็ดี แผลไม่หนักมาก” เบรเซอร์ตอบ “ได้ยินว่าท่านจัดการนักรบมังกรได้”
“……. จริงๆก็ไม่เชิงน่ะครับ เพราะสุดท้ายแล้วผมไม่ได้เป็นคนลงมือ แต่ว่าผมโชคดีที่ดราซัคใช้เวทผิดพลาดแล้วเวทมนตร์ของเขาทำลายตัวเอง” รอนบอก ” ความจริงผมก็พลาดไปตอนที่หันหลังให้ …. หากตอนนั้นดราซัคเลือกใช้เวทโจมตีผมแทนที่จะใช้เวทคำสาป ผมอาจจะแย่ไปแล้วก็ได้”
รอนมีท่าทางที่รู้สึกไม่ดีและไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เขารู้สึกว่าที่ทุกคนให้เครดิตเขาในการจัดการดราซัคดูออกจะเป็นเครดิตที่มากเกินไป และที่สำคัญคือตอนสุดท้ายที่เขาเอาชนะได้เป็นเรื่องโชคช่วย
เบรเซอร์มองดูเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วยิ้มให้
“ท่านรอนกำลังรู้สึกว่าที่ครั้งนี้ชนะได้ เป็นเพราะโชคช่วยมากกว่าฝีมือใช่ไหม”
รอนเงยหน้ามองทำตาโตที่ชายชราล่วงรู้สิ่งที่เขากำลังคิดแล้วพยักหน้า “ครับ”
“ท่านรอนอาจจะรู้สึกว่า ความสำเร็จครั้งนี้ เกิดจากคนทุกคนช่วยเหลือร่วมมือกัน , รู้สึกว่ามีคนมากมายที่ตายไปและไม่มีคนพูดถึง , มีความรู้สึกว่าชัยชนะหลายส่วนมากจากโชคช่วย , รู้สึกว่าก่อนจะฉลองชัยเราควรจะช่วยเหลือคนที่ยังบาดเจ็บหรือเห็นใจคนที่สูญเสีย ……… และท่านรอนรู้สึกว่าเกียรติยศการเชิดชูจากคนรอบข้างที่มีให้ มันมากเกินกว่าสิ่งที่ท่านทำ” เบรเซอร์อธิบาย
“…. ซึ่งท่านไม่ต้องแปลกใจหรอก …. ความจริง ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่คนที่เพิ่งเคยออกรบหรือออกผจญภัยใหม่ๆจะรู้สึกกันแทบทุกคน … ในภาษานักผจญภัยเราเรียกว่า ภาวะ Imposter syndrome”
“ข้าอยากจะบอกว่า ผลงานที่ท่านรอนทำ มีส่วนสำคัญต่อเมืองจริงๆ ท่านช่วยพวกเรามาจากหมู่บ้านที่กำลังถูกโจมตี , ท่านช่วยกองทหารเล็กๆให้รบชนะกองกำลังออร์คที่ปิดเส้นทาง….”
“ท่านสร้างเครื่องมือยิงหิน แจกจ่ายยาให้ชาวเมือง สร้างอาวุธ ทำกับดัก … ทั้งหมดที่ว่ามานี้ลดความสูญเสียของชาวเมือง ทำให้คนเสียชีวิตน้อยลง”
“ท่านบุกออกไปนอกกำแพงเมือง และไม่ได้ทำครั้งเดียวแต่ทำถึงสองครั้ง ในขณะที่พวกเราส่วนใหญ่สู้กันที่หน้าประตูเมือง”
“ทั้งหมดนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าท่านรอนคู่ควรกับการสรรเสริญ และผลงานในการรบนี้ก็เหมาะแล้วที่จะเป็นของท่าน”
ชายชราให้กำลังใจเด็กหนุ่ม
” และสำหรับเรื่องโชค … การรบทุกครั้ง มีเรื่องโชคช่วยมาเกี่ยวข้องเสมอ ….. ทหารหลายคนตรากตรำฝึกเพลงดาบ วิ่งฝึกร่างกายทุกเช้า ฝึกหัดเทคนิกแผนการรบ อ่านตำรามอนสเตอร์ … แต่ก็ตายจากลูกธนูลูกเดียวที่ปักเข้าหัวใจ …. ออร์คที่วันนี้บุกมา แต่ละตัวก็ใช้ชีวิตในป่าสมบุกสมบัน แต่ก็ตายจากเครื่องยิงหินเพียงนัดเดียว “
” เรื่องโชคเราแก้ไขไม่ได้ แต่เราสามารถสร้าง’โอกาส’ได้ …. และสิ่งที่ท่านรอนเล่ามา ข้าคิดว่ามันคือ’โอกาส’ไม่ใช่’โชค’ ”
“ท่านรอนคิดว่าการที่ดราซัคใช้คำสาปแทนการใช้เวทโจมตี คือโชคช่วย … แต่จริงๆข้าคิดว่าไม่ใช่”
เบรเซอร์ชี้ไปที่อกเสื้อด้านขวาของเด็กหนุ่มที่ขาดเป็นรูกลมจากการถูกหอกเวทมนตร์ซัด
” หอกของดราซัคไม่เคยพลาดเป้าหัวใจ แต่ท่านสามารถปัดมันจนไปเข้าอกด้านขวาแทนได้ ทำให้รักษาชีวิตไว้ได้ …. ระหว่างการสู้กัน ท่านถูกเวทโจมตีของดราซัคในระยะประชิดแต่สามารถปัดป้องไม่ให้ถูกจุดสำคัญได้ … และในขั้นสุดท้ายท่านหลบลูกหินที่ยิงมาจากเมืองได้ทั้งหมดขณะที่ดราซัคหลบไม่ได้ …. ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ว่าทำไมดราซัคเลือกที่จะใช้เวทคำสาป … เพราะมันคิดว่าถ้าใช้เวทโจมตี ยังไงท่านก็หลบได้”
“ดังนั้นทั้งหมดในวันนี้ ไม่ใช่โชคช่วย … แต่มันคือโอกาสที่ท่านรอนสร้างขึ้นมาเองกับมือ”
ชายชราสรุปให้เด็กหนุ่มตรงหน้าฟัง …. นับตั้งแต่แรกที่พบกัน เขาจับความรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีฝีมือหลายอย่างและมีความสามารถในการพัฒนาตนเอง เพียงแต่ยังมีความลังเลและขาดความเชื่อมั่น
การถ่อมตนเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียได้
และเขาอยากจะเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ก้าวไปไกลกว่านั้น
“ขอบคุณครับ”
“…….”
“อีกอย่างนึง …คุณเบรเซอร์ครับ หลังจากนี้ผมคิดว่าจะออกเดินทางสักหน่อยนึง และอีกสามเดือนถึงค่อยกลับไปที่หมู่บ้านโอลเซ่น”
“ท่านรอนจะเดินทางเมื่อไหร่”
“น่าจะคืนนี้เลยครับ”
เบรเซอร์ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก รอนเดินออกมาจากกระโจม … กำลังคิดว่าจะลาคนอื่นๆอย่างไรดี
ตอนนี้เรื่องวุ่นๆทั้งหลายจบลงเรียบร้อยแล้ว และเขายังติดใจปุ่มในหน้าจอก่อนข้ามมิติมา … เจ้าปุ่มที่เขียนว่า Synchronize ที่มันบอกว่าตอนนี้เวลาของทั้งสองฝั่งไม่เท่ากัน 3 เดือน ถ้าเขากดแปลว่าเขาจะโดยย้ายไปข้างหน้า 3 เดือนหรือเปล่านะ?
“อ้าวท่านรอนอยู่นี่เอง ข้ากำลังตามหาตัวอยู่พอดี” เรย์โบกมือให้
“ครับคุณเรย์ … อ้าว คุณเรย์ไม่ได้ไปกับขบวนช่วยเหลือเหรอครับ”
“ไม่ได้ไปครับ … คนที่ไปเป็นผู้ช่วยของผม ส่วนผมต้องอยู่ในเมืองเพื่อประชุมหารือกับท่านโซล่าและนายทหารอื่นๆต่อ”
“แล้วมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ตอนนี้มีการประชุมที่ปราสาทครับ ท่านเจ้าเมืองเชิญให้คุณรอนเข้าร่วมด้วยครับ” เรย์บอกด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“อ๋อ ได้ครับ … ว่าแต่เรื่องอะไรเหรอครับ” รอนถาม
“ คือ ….” เรย์หลบตาลง “มีปัญหาเรื่องการจัดการหลังการรบครับ เรื่องส่วนแบ่งการรบและอาวุธ”
“ ตอนนี้ สามตระกูลใหญ่กำลังถกเถียงกันเรื่องคุณรอนกับท่านโซล่าอยู่ คุณรอนรีบไปเถอะครับ”