ดวล!
โดย
หมอแมว
รอนชะงักนิดนึงก่อนจะเดินตามมีอาไปห่างๆ เขาพยายามถามสองสามครั้งแต่หญิงสาวไม่ยอมบอกว่าทำไมถึงต้องคุยกันสองคน … หากแต่เธอเดินนำเขาไปตามทางเดิน … ซึ่งหากไม่ใช่ว่าเขารู้จักกับมีอา และตามทางเดินก็มีทั้งทหารและคนที่ทำงานในปราสาทยืนอยู่เป็นระยะเขาคงคิดว่ามีอากำลังประสงค์ร้ายต่อเขาแล้วแน่ๆ
และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้รอนรู้สึกไม่ปกติก็คือยิ่งเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ สายตาของทหารที่มองมาที่พวกเขาทั้งคู่ยิ่งดูแปลกขึ้นเรื่อยๆ บางคนมองมาแล้วยิ้ม บางคนมองมาแล้วส่ายหัว
แต่ก่อนที่เขาจะทันคิดต่อว่านี่มันเรื่องอะไร พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงหน้าประตูแห่งหนึ่งที่สุดทางเดิน มีอาหยิบแกนมอนสเตอร์ขึ้นมาหลายอัน เทลงไปในช่องที่หน้าห้อง จากนั้นก็เปิดประตู แล้วกดปุ่มที่หน้าห้อง
แล้วแสงสว่างก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในห้อง ห้องแห่งนี้มีขนาดเท่ากับสนามบาสเกตบอล เพดานสูงประมาณ5เมตร แสงสว่างมาจากลูกแก้วเรืองแสงที่ฝังอยู่บนเพดาน ส่วนที่พื้นมีลวดลายบางอย่างที่มีแสงเรืองขึ้นมาพร้อมกับความอบอุ่นขับไล่ความหนาวเย็นของฤดูหนาว หญิงสาวเดินไปยังกำแพงห้องฝั่งตรงข้าม จากนั้นถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกพาดไว้กับเก้าอี้ เผยให้เห็นชุดผ้ายาวบางเบาที่สวมใส่ตั้งแต่เมื่อคืน ที่ผนังข้างห้องมีของหลายอย่างวางตั้งอยู่ ทั้งแส้ ชุดหนังเกราะอ่อน ดาบไม้ ไม้พลอง หอกไม้ … มีอาหยิบเกราะหนังตรงนั้นมาสวมทับลงไปบนชุดของตน
“ไหนๆท่านรอนก็จะไปจากที่นี่ในวันสองวันนี้ งั้นวันนี้ขอให้ท่านกับข้าดวลกันแบบตัวต่อตัวแล้วกัน” มีอาบอกพลางกระชับชุดเกราะให้เข้าที่เข้าทางแล้วหยิบดาบไม้ออกมาจากผนัง
“อ๋อ …. ถ้าเป็นการดวลล่ะก็” รอนพูด “ได้เลยครับ”
เด็กหนุ่มเดินไปที่กำแพงห้องแล้วหยิบดาบไม้ โล่เล็กกับเกราะหนังออกมา
“กติกามีง่ายๆ คือ ดวลกันด้วยเพลงดาบโดยไม่ใช้เวทมนตร์ช่วย” มีอาพูด “ไม่ว่าจะเป็นเวทโจมตี เวทป้องกัน หรือเวทเพิ่มความสามารถ”
รอนพยักหน้าให้ก่อนจะสวมหมวก เกราะแขนและเกราะลำตัว แล้วหยิบดาบสั้นกับโล่ขึ้นมาตั้งท่า มีอาใช้ดาบยาวโดยไม่ใช้โล่ยืนตั้งท่าเช่นเดียวกัน
“เชิญ!” หญิงสาวร้องขึ้น ก่อนจะดีดตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เธอยกดาบไปด้านซ้ายเหมือนกับกำลังจะเหวี่ยงดาบโจมตีจากด้านซ้าย ก่อนจะชะงักเท้าแล้วหมุนตัวโจมตีกลับจากด้านขวาแทน … รอนกระโดดถอยหลัง แล้วยกดาบขึ้นปัดดาบยาวที่แทงต่อมาทันที แล้วยกโล่ขึ้นปัดขาของมีอาที่ยกเตะ
มีอาดึงดาบกลับแล้วตวัดดาบฟาดลงมาจากด้านบนตรงๆ รอนกลิ้งหลบไปด้านซ้าย มีอาได้โอกาสแทงดาบยาวเข้าหา รอนรีบลุกขึ้นมาจากนั้นแทงดาบสั้นสวนกลับเข้าไปพร้อมกับยกโล่ขึ้นกันใบหน้าของตน
แคร้ก!
ดาบสั้นของรอนแทงกดเข้าที่กลางเกราะหน้าอกของมีอา ในขณะที่ดาบยาวของนักรบหญิงที่แทงสวนมาและน่าจะถึงตัวของเด็กหนุ่มก่อน กลับถูกโล่เล็กเบี่ยงเบนให้เฉออกด้านนอก
ยกแรกรอนเป็นฝ่ายชนะ
“สมแล้วกับที่เป็นท่านรอน” มีอายิ้มให้ “ขออีกครั้ง!”
รอนพยักหน้าและเดินกลับไป … ความจริงการสู้กับมีอาไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะว่าสกิล [สตรีศึกษา] ทำให้เขามองเห็นเส้นทางการโจมตีเกือบทั้งหมดของเธอ และเมื่อชนะแล้วครั้งนึง …
“ปิดสกิล [สตรีศึกษา]” รอนพูดเบาๆ … ก่อนจะหันไปตั้งท่าอีกครั้ง
ไหนๆได้โอกาสในการฝึกเพลงดาบแล้ว และคู่ต่อสู้ก็คือนักดาบอันดับหนึ่งของเมืองกาล่า เขาจะพลาดโอกาสนี้ได้ยังไงกัน!
“เชิญ!” รอนร้องขึ้นก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไป มีอาเดินเข้ามาใกล้ๆ จนได้ระยะ เธอพุ่งมาด้านหน้าอย่างรวดเร็วและตวัดดาบจากด้านล่าง
“ฮวาวาวา” รอนเบี่ยงตัวหลบอย่างเฉียดฉิวและต้องรีบยกโล่ขึ้นกัน รองเท้าบู้ทของมีอากระแทกโล่อย่างจัง ตามด้วย ….
‘ตุบ’
[-5]
ท้ายด้ามดาบกระแทกเข้าที่ข้างศีรษะของเด็กหนุ่มอย่างจังจนเขาล้มลงกับพื้น รอนเบลองงจนลุกไม่ขึ้น รอบๆตัวหมุนไปหมด
“ท่านรอนเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” มีอานั่งย่อลงข้างๆ ก่อนจะใช้เวท Heal กับเด็กหนุ่ม
[+0.6] [+0.6] [+0.6] [+0.6] [+0.6]
รอนเริ่มรู้สึกดีขึ้นและงงน้อยลง … เขาค่อยๆมองมีอาที่นั่งย่ออยู่ข้างๆ ภาพค่อยๆชัดขึ้นทีละน้อยๆ … จากมุมนี้ โดยไม่ทันคิด เด็กหนุ่มลอบมองไปภายใต้เกราะหนังบริเวณท่อนล่างของหญิงสาว ….
…
..
.
อ่อ มีอาใส่ชุดคลุมยาวนี่หว่า
[Pervert : Lv15 55/100 ]
รอนอึ้งไปเล็กน้อย …. มันมีสกิลบ้าๆแบบนี้ด้วยเรอะ
“ท่านรอน ….” มีอาพูด
“ครับ”
“ทำไมรอบนี้ท่านรอนเคลื่อนไหวแปลกไปเยอะเลย” เธอถามอย่างแปลกใจ
“เดี๋ยวขอลองอีกครั้งแล้วกันครับ” รอนตอบก่อนจะค่อยๆยันขึ้นมาช้าๆ … เมื่อสักครู่เขาเป็นฝ่ายตั้งรับแต่อย่างเดียว ถ้าหากทำแบบนั้นเท่ากับมีแต่แพ้กับแพ้แน่นอน แต่เขาจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อมีอาไวกว่าเขา ถ้าเขาไม่ขยับตามไม่ทัน เขาก็จะป้องกันดาบที่มีอาฟันเข้ามาไม่ได้ แล้วถ้าโจมตีไปแล้วมีอาโต้กลับมา เขาก็ต้องมานั่งคิดว่ามีอาจะโต้กลับทางทิศไหน
แล้วเขาจะคิดตามทันยังไง
แต่รอนก็ยังไม่เปิดสกิล … เขายอมที่จะแพ้แต่ได้ฝึก ดีกว่าได้ชัยชนะจากสกิล
ต่อไปในอนาคต ไม่แน่ว่าเขาจะต้องเจอกับศัตรูแบบไหนอีก หากเอาแต่พึ่งพาสกิลนี้กับสกิลรักษาตัว หากถึงเวลาคับขันเขาก็จะตกที่นั่งลำบากได้
เด็กหนุ่มตั้งท่าอีกครั้ง … เขานึกถึงชุดท่าดาบที่ฝึกมาก่อนหน้านี้ นึกถึงก็อบลินและออร์คที่จินตนาการการต่อสู้ จากนั้นมองไปที่มีอา
“ระวัง!” มีอาพุ่งตัวเข้ามา แต่ในสายตาของรอน ร่างของเธอทับซ้อนกับออร์คในจินตนาการ … ท่านี้ … ต้องใช้ชุดท่าที่2ในการจัดการ!
‘แคร้ก! แกรก แกรก แคร้ก แป้ก แป้ก แป้ก’ เสียงดาบปะทะดาบ และดาบปะทะโล่ดังเป็นจังหวะ และหากไม่ใช่ว่ามีอากระโดดถอยหลบไป ดาบสุดท้ายก็ต้องฟันถูกกลางลำตัวแล้ว
หืม?
มีอาพุ่งเข้ามาอีกครั้ง รอนมองดูมุมที่เข้ามา … นี่ต้องใช้ท่าที่ 1
“แคร้ก แคร้ก แก้ก แก้ก แคร้ก ….” พอสิ้นสุดชุดท่าที่ 1 รอนก็ต่อด้วยชุดที่ 2ทันที “แคร้ก! แกรก แกรก แคร้ก แป้ก แป้ก ……..”
คราวนี้มีอากระโดดหลบก่อนจะสิ้นสุดท่า แล้วพุ่งเข้ามาทันที
ท่าร่างนี้
ท่าร่างนี้
ฉิบเป้ง! ไม่มีในตำรา!
‘ผัวะ’
[-3]
“โอ๊ย”
รอนคลำไหล่ … เพราะดาบของมีอาฟันเข้ามาตรงรอยต่อของเกราะพอดี
“ท่านรอน …. มีอาขอโทษ” หญิงสาวร้องอย่างตกใจ “คือชินมือไปหน่อย”
รอนยิ้มแห้งๆ …. เพราะหญิงสาวตรงหน้าของเขาเป็นนักดาบเบอร์หนึ่งของเมือง แต่ละดาบที่ปล่อยออกไปเน้นจัดการศัตรู ดังนั้นเลยเล็งตรงจุดอ่อนของเกราะเป็นพิเศษ
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าประโยชน์ของการฝึกท่าเพลงดาบคืออะไร ….
ท่าดาบการฟาดฟันแบบมั่วๆตามสามัญสำนึก จะเปิดช่องให้อีกฝ่ายโต้กลับได้หลายทิศทาง ทำให้ขณะที่กำลังรุกอยู่ก็มีโอกาสถูกโต้จนกลับมาเป็นฝ่ายรับ
แต่หากใช้ท่าชุดของดาบตามในตำรา ก็จะแตกต่างกัน เพราะแต่ละท่าที่ใช้ออกไป จะบีบให้อีกฝ่ายโต้กลับได้เพียงทิศทางเดียว
เช่นตอนที่เขาแทงดาบเฉียงเข้าจากด้านขวา … มีอาก็ต้องปัดด้วยดาบ … จังหวะการปัดออกนั้นจะทำให้ขาขวาต้องออกแรงยันพื้นไว้ หากจะเตะก็จะต้องตวัดขาซ้ายขึ้นเตะ … ซึ่งเมื่อเตะขึ้นมาก็จะเจอโล่ในมือซ้ายของรอนที่เข้ามาดักทางไว้ก่อน
ซึ่งในสภาพที่ขาซ้ายยกเตะอยู่ การเหวี่ยงดาบซ้ายหรือขวาก็จะมีกำลังลดลง ดังนั้นดาบในมือของมีอาจะถูกบีบให้ฟันมาจากด้านบนลงล่างเพียงทิศเดียว หรือไม่ก็ต้องกระโดดถอยหลังหลบ
ซึ่งในท่าที่รอนใช้ จังหวะที่รอนยกโล่ขึ้นป้องกันนั้นจะตามด้วยการฟันดาบลงตรงๆทันที
ดังนั้นหากอีกฝ่ายเลือกที่จะสู้ต่อด้วยดาบ ก็จะไม่มีทางป้องกันดาบที่ฟันลงมาได้ทัน … มีทางเดียวเท่านั้นคือกระโดดหลบ
เพลงดาบเหล่านี้ จึงไม่ใช่แค่ท่าดาบต่อเนื่องสวยๆ
หากแต่เป็นท่าที่ถูกคำนวณมาแล้วว่าคู่ต่อสู้จะไม่มีทางโต้กลับได้เด็ดขาด
ปัญหาอยู่ที่ว่าตำราที่เขาอ่านเป็นตำราขั้นพื้นฐาน มีท่าเพียงแค่ 3 ท่า และใช้กับมอนสเตอร์มากกว่ากับมนุษย์
“คุณมีอาครับ … ที่นี่มีตำราดาบไหมครับ” รอนเอ่ยปากถาม
“มีค่ะ ในปราสาทมีห้องสมุดอยู่ มีตำราหลายเรื่อง แต่ก็มีตำราดาบอยู่ด้วย ” หญิงสาวตอบ
“งั้นผมขอดูได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มขอ
“ด้วยฝีมือของท่านรอน …”
“อย่างที่เห็นน่ะครับ ที่ผมเอาชนะได้ทั้งครั้งก่อนและครั้งนี้ เป็นการสู้แบบแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า” รอนบอก “ยิ่งสองครั้งหลังพอคุณมีอาเริ่มชินกับการใช้ดาบของผม คุณมีอากลับเอาชนะได้แบบไม่ยากเย็นเลย”
นักรบหญิงคิดในใจและก็เห็นด้วย จากการประมือกับเด็กหนุ่มคนนี้มา 4 รอบ สองรอบแรกและสองรอบหลังนั้นฝีมือของรอนต่างกันแบบเหมือนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
สองรอบแรก เก่งกาจเชี่ยวชาญเหมือนนักดาบในตำนานที่คาดเดาทิศทางดาบได้ล่วงหน้า
สองรอบหลัง ประมาทเลินเล่อ เหมือนกับคนที่เพิ่งฝึกหัดใช้ดาบไม่กี่ปี
“งั้นท่านรอนตามมาค่ะ”
หญิงสาวเก็บดาบไม้และเกราะ จากนั้นสวมใส่ชุดคลุมดังเดิมก่อนจะพารอนออกจากห้องฝึกซ้อม และก่อนที่จะพาไปที่ห้องสมุด เธอพารอนไปที่แผนกรักษาของปราสาทเพื่อให้นักบวชช่วยรักษาก่อน … เพราะแม้ว่าเธอจะใช้เวทต่อสู้ได้ดี แต่กับเวทHealที่ใช้ในการรักษา เธอใช้ได้ไม่ดีและสิ้นเปลืองมานามาก
แล้วรอนก็ไปถึงที่ห้องสมุด
“ ตรงนี้คือตำราการฝึกหัดใช้อาวุธค่ะ” หญิงสาวชี้ให้ดูชั้นหนังสือทางด้านซ้าย หนังสือตรงนี้กินพื้นที่ 1 ใน 3 ของตำราทั้งหมด “ท่านรอนเลือกอ่านได้ตามสบายเลยค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ” เด็กหนุ่มตอบและนึกถึงศิลานักปราชญ์ที่ตนและแพทมีขึ้นมาได้ “ว่าแต่ …. ที่นี่มีหนังสือที่เกี่ยวกับ …”
มีอาชะงักและหันไปจ้องหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ
“… เกี่ยวกับวงแหวนเวทหรือเปล่าครับ ผมอยากจะทำวงแหวนเวทแบบที่ใช้ในการรบกับดราซัคและออร์คน่ะครับ”
มีอาทำท่าโล่งอก
“หนังสือวงแหวนเวท อยู่ตรงชั้นข้างๆนี้ค่ะ” มีอาบอก “ทีแรกตกใจคิดว่าคุณรอนจะถามหาหนังสือเกี่ยวกับศิลานักปราชญ์”
“ศิลานักปราชญ์ …. ที่ตอนนั้นคุณมีอาเคยเล่าว่าเป็นของนักรบมังกรเหรอครับ” รอนแกล้งถาม
“ค่ะ … คือตอนที่ดราซัคตาย พวกเรามัวแต่ยุ่งกับการช่วยเหลือคนเจ็บ ท่านพ่อก็ส่งทหารไปค้นหาผู้รอดชีวิตจากสนามรบในป่า … ไม่มีใครนึกถึงศิลานักปราชญ์กันเลย” มีอาบอก “พอรายงานเรื่องการกำจัดดราซัคได้ไปยังเมืองหลวง ก็มีจดหมายตอบกลับทวงถามถึงศิลานักปราชญ์ … พอกลับไปหาที่ซากศพของมัน เวลาก็ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว หายังไงก็หาศิลานักปราชญ์ไม่เจอ”
“นี่พวกสามตระกูลใหญ่ต่างก็กล่าวหาว่าท่านรอนขโมยศิลานักปราชญ์ของดราซัคไป แต่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีใครเชื่อกัน เพราะทุกคนก็เห็นว่าแม้แต่แหวนสร้อยไม้เท้าที่ดราซัคที่มีค่ามากมาย ท่านรอนยังไม่แตะต้องหรือขโมยเลย แล้วท่านรอนจะเอาศิลานักปราชญ์ไปได้ยังไง”
“อ๋อ ครับ” …. รอนพยักหน้า … แต่ในใจกำลังเหงื่อแตก … ที่ผ่านมาเขาไม่กล้าถามเรื่องศิลานักปราชญ์กับใครเลย … เมื่อสักครู่นี้ก็เกือบเผลอถามไปแล้ว ยังดีที่มีอาแสดงท่าทีแปลกๆจนเขาเปลี่ยนเรื่องไปถามอย่างอื่นเสียก่อน ไม่เช่นนั้นคงความแตกแล้ว
“งั้นผมขอดูหนังสือเหล่านี้หน่อยนะครับ” รอนบอก … มีอาพยักหน้าให้แล้วก็เดินออกจากห้องไป
รอนค่อยๆหยิบหนังสือออกมาทีละเล่ม เลือกเล่มที่มีรูปภาพหรือคำอธิบายที่ชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจทันที จากนั้นค่อยเลือกถ่ายรูปหนังสือเหล่านั้นเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ มีทั้งตำราการใช้ดาบขั้นกลาง การใช้ดาบขั้นสูง การใช้หอก มีด
การใช้ดาบสำหรับตัวเขาเอง
การใช้หอกสำหรับชาวบ้านหมู่บ้านโอลเซ่น
การใช้มีดสำหรับโรล่า
สำหรับหนังสือการใช้ดาบ รอนเสียเวลามากสักหน่อย เพราะว่าจำนวนหนังสือในหมวดการใช้ดาบขั้นสูงและขั้นกลางมีจำนวนหลายเล่มมาก …
มีทั้งการใช้ดาบสั้น ดาบสั้น+โล่เล็ก ดาบสั้น+โล่ขนาดกลาง และดาบสองมือ
มีทั้งการใช้ดาบสู้ระหว่างมนุษย์และมนุษย์ กับการใช้ดาบระหว่างมนุษย์และมอนสเตอร์
ที่น่าสังเกตก็มีเพียงว่า การใช้ดาบในการต่อสู้กับมอนสเตอร์ มีเพียงการต่อสู้กับมอนสเตอร์ขนาดเล็กและขนาดกลางเท่านั้น … อย่างตัวใหญ่ที่สุดก็เป็นการต่อสู้กับโทรล … แต่รอนไม่สามารถหาหนังสือที่เกี่ยวกับการใช้ดาบต่อสู้กับพวกมังกรได้เลย
ในขณะที่หนังสือการใช้หอกยังพอมีการใช้หอกต่อสู้กับมอนสเตอร์ขนาดใหญ่มากกว่า
ตรงจุดนี้เป็นจุดที่สะกิดใจเด็กหนุ่มอยู่บ้าง เพราะแบบนี้แปลว่าโลกแห่งนี้อิงหลักทางฟิสิกส์มากกว่าอิงหลักของโลกแฟนตาซีหรือเกม
เกมส่วนใหญ่ พระเอกใช้ดาบ และสู้กับมังกรด้วยดาบได้
แต่ถ้ายึดตามหลักทางฟิสิกส์ การใช้ดาบสู้กับมังกร หรือมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ จัดเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะว่าดาบเป็นอาวุธที่เน้นการฟัน และมีผลการทำลายต่อสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์เรียกได้ว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้หอกหรือขวาน
แต่รอนก็ยังไม่เปลี่ยนใจในการใช้ดาบ เพราะเขาคิดว่าจะอยู่แค่บริเวณหมู่บ้านโอลเซ่นอยู่แล้ว ซึ่งแถวๆนี้คงไม่มีมอนสเตอร์ตัวโตแต่อย่างใด
สำหรับหนังสือวงแหวนเวท รอนเลือกถ่ายอย่างพิถีพิถันและถ่ายหลายครั้งให้ได้ภาพที่คมชัด เพื่อที่ว่าจะได้นำไปPrintใส่กระดาษแล้วเอามาใช้ในการสร้างม้วนวงแหวนเวทได้อย่างที่เคยทำเมื่อครั้งสู้กับออร์คและดราซัค
รอนถ่ายไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหนังสือพื้นฐานการใช้เวทมนตร์ แล้วเขาก็เห็นว่าเวลาตอนนี้เข้าสู่ช่วงบ่ายแล้ว … รอนพอไว้เพียงเท่านี้ก่อน …ถึงยังไงเขาก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้อยู่แล้ว จะถ่ายไปก็คงไม่ได้ใช้ทำอะไร
นั่นคือสิ่งที่รอนคิด … ซึ่งเด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าการตัดสินใจคัดลอกสำเนาหนังสือพื้นฐานการใช้เวทมนตร์ไปแค่เล่มเดียว จะเป็นการตัดสินใจที่มีผลต่อวงการเวทมนตร์ของทวีปนี้อย่างมากทีเดียว