Bonus Stat!
โดย
หมอแมว
คืนนั้นชาวบ้านจัดงานฉลองกันภายในอย่างครึกครื้น เนื้อของอามาร็อคทั้งสามตัวถูกตัดแบ่งออกมาทำอาหารแจกจ่ายกัน ชาวบ้านที่มีประสบการณ์ต่างช่วยกันแล่หนังและขนของอามาร็อคตัวพ่อและแม่ออกมาเพื่อเตรียมเก็บเอาไว้
ส่วนอามาร็อคตัวลูกที่รอนจัดการได้ ขนของมันเสียหายไปหมด ที่พอใช้ได้ก็คือแกนมอนสเตอร์ที่รอนมอบให้กับโรล่าเพื่อแทนแกนมอนสเตอร์ที่เธอใช้เพื่อสร้างลูกไฟตอนนั้น
“ขอบคุณค่ะ” โรล่ารับเอาไว้อย่างยินดี … แกนมอนสเตอร์ที่ใช้ไป คือแกนมอนสเตอร์จากแม่ทัพออร์คที่เธอและรอนช่วยกันจัดการ … และสำหรับชิ้นนี้ก็คือแกนมอนสเตอร์ที่คุณรอนจัดการกับมือ
เบรเซอร์สั่งให้ชาวบ้านช่วยกันแยกชิ้นส่วนของมอนสเตอร์ทั้งสาม แต่ละคนช่วยกันแยกชิ้นส่วนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บ้างช่วยกันตัดถุงน้ำดีของอามาร็อค ภายในมีหินนิ่วขนาดใหญ่สีเขียวอยู่หลายชิ้นซึ่งสามารถนำไปขายให้กับนักปรุงยาได้ , ตัดเอาเขี้ยวของพวกมันทั้งสามเก็บเอาไว้ เพราะสามารถนำเขี้ยวนี้ไปขึ้นเงินที่สมาคมนักผจญภัยได้ , ตัดแยกชิ้นส่วนกระดูก เพราะกระดูกของมอนสเตอร์ระดับ5ขึ้นไปสามารถนำไปใช้ทำอาวุธหรือใช้เป็นส่วนประกอบของยาได้
นอกจากกลุ่มที่ช่วยกันแยกชิ้นส่วนมอนสเตอร์กัน คนอื่นๆก็ช่วยกันทำอาหาร สำหรับคนที่ออกไปร่วมกันสู้ในครั้งนี้ได้สิทธิพิเศษที่ไม่ต้องหยิบจับอะไร แต่ละคนกินไปด้วยเล่าเรื่องราวขณะต่อสู้ไปด้วย
“ท่านแพท เพียงแค่ยกมือขึ้น แท่งน้ำแข็งก็ลอยขึ้นมาจากพื้นหิมะ จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่อามาร็อคทั้งสองตัวจนพวกมันตั้งตัวไม่ทัน”
“ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก ท่านแพทแค่ยกมือขึ้น ไม่ได้ร่ายเวทอะไรออกมาให้ได้ยินเลย เพียงแค่ยกมือแท่งน้ำแข็งก็ก่อตัวขึ้นมาแล้ว”
“จริงเหรอ ไม่ใช่ว่าท่านแพทร่ายเวทเตรียมไว้ก่อนเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก” คนที่เล่าส่ายศีรษะ “เพราะว่าตอนท้ายสุด เธอร่ายเวทสร้างเสาน้ำแข็งเป็นกรงกักอามาร็อคสองตัวไว้ จากนั้นหันมาคุยกับพวกเรา ก่อนจะยกเสาน้ำแข็งขึ้นแล้วกระแทกแทงมอนสเตอร์ทั้งสองตัวจนตาย ช่วงจังหวะนั้นทุกคนก็เห็นว่าท่านแพทไม่ได้พูดคำร่ายเวทเลยเพราะคุยกับพวกเราอยู่”
ทุกคนต่างส่งเสียงฮืออย่างตื่นเต้น ทุกคนในที่นี้ใช้เวทกันได้เพียงคนละไม่มากเท่าไหร่และก็รู้ดีว่าผู้ซึ่งเป็นนักเวทและจอมเวทนั้นมีความสามารถมากแค่ไหน
และสำหรับจอมเวทที่สามารถใช้ ‘อวัจนคาถา’ หรือการร่ายเวทแบบไร้เสียง จัดว่าหาได้ยากยิ่งกว่ายาก นอกจากจอมเวทชั้นสูงที่อยู่ที่เมืองหลวงแล้วพวกเขาไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครที่มีความสามารถเช่นนี้ได้
“โรล่าก็ใช่ย่อย เพราะเธอวิ่งออกไปสู้กับอามาร็อค ใช้เวทมนตร์ลูกไฟช่วยท่านรอน แถมยังใช้หอกแทงจนเท้าของมันทะลุได้ด้วย”
“ใช่ๆ ทั้งมาเรียกับโรล่าสู้ได้อย่างกล้าหาญมาก”
“แล้วท่านรอนล่ะ” ชาวบ้านคนนึงถามอย่างสงสัย ทำไมพวกที่กลับมาเอาแต่เล่าเรื่องของโรล่า มาเรีย และท่านแพท แต่ไม่ยังมีใครพูดถึงท่านรอนเลย
“……”
“ท่านรอนน่ะเหรอ…..”
แต่ละคนมองหน้ากัน จะบอกยังไงดีว่าตั้งแต่ต้นจนจบทุกคนเห็นเด็กหนุ่มถูกมอนสเตอร์ตบลอยไปลอยมา ตบลงพื้น ตบลอยขึ้นฟ้า ตบใส่ต้นไม้ หรือไม่ก็วิ่งหลบไปหลบมาหลังซากลูกอามาร็อค
“เอ่อ อ๋อ … ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีพลังป้องกันสูงเท่าท่านรอนเลย …. ตั้งแต่ต้นจนจบท่านรอนถูกอามาร็อคทั้งสองตัวตบกลิ้งไปเป็นสิบๆครั้ง แต่ก็ยังลุกขึ้นยืนหยัดใหม่ได้เสมอ”
“ใช่ๆ ที่จริงไม่ได้ถูกตบกลิ้งนะ แต่ถูกตบกระเด็นพุ่งชนต้นไม้พุ่มไม้ นี่ถ้าไม่ใช่ท่านรอนแต่เป็นพวกเรา ถูกอามาร็อคตบแค่สองครั้งก็ตายแล้ว …. แต่นี่ท่านรอนถูกมอนสเตอร์ทั้งสองรุมตบกระเด็นหลายสิบครั้ง ก็ยังสามารถลุกวิ่งต่อได้ นับว่าเป็นยอดคนจริงๆ”
“ใช่ๆๆๆ” ชาวบ้านที่ไปด้วยร้องเสริม
“………..” ชาวบ้านคนอื่นๆ
“………..” รอน
เด็กหนุ่มหลบเดินออกไป เขาเดินไปหาแพทที่นั่งกินอยู่ที่หน้าบ้านของเบรเซอร์
“เป็นไงมั่ง” เขาทัก
“อื้อ ดีขึ้นแล้ว” แพทตอบ
หลังจากใช้เสากระแทกแทงอามาร็อคทั้งสองจนตาย แพทก็รู้สึกได้ว่าอะไรบางอย่างภายในตัวนั้น’ว่างเปล่า’ลงไป และรู้สึกเพลียๆขึ้นมา …. ตอนที่เกิดอาการนั้นชาวบ้านคนอื่นๆบอกว่ามันคืออาการของ ‘พลังเวทหมด’
จากนั้นระหว่างทางกลับ มีบราวนี่กลุ่มหนึ่งที่เข้ามาใกล้และถูกชาวบ้านจัดการ ชาวบ้านคนหนึ่งแหวกเอาแกนมอนสเตอร์ส่งให้แพทเพื่อให้เธอดูดซับพลังเวทจากในแกนมอนสเตอร์นั้น … และเมื่อชาวบ้านบอกว่าให้เธอ’ดูดพลังเวท’จากแกนมอนสเตอร์และเธอรู้สึก’ต้องการรับพลังเวทเข้ามา’ ผลึกสีแดงนั้นก็กลายเป็นสีขาวและสลายร่วงหล่นไปกับมือ
ตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่แปลกๆ
“รอน เจ้าผลึกแก้วสีแดงที่เธอเอาไปขายให้พ่อของเรา มันคือแกนมอนสเตอร์นี่ใช่ไหม”
“อือ ใช่แล้ว”
“แล้วก็เวลาดูดซับพลังเวทจากผลึกนี่ไปผลึกแกนมอนสเตอร์นี่จะร่วงกลายเป็นทรายสีขาวๆด้วยใช่ไหม”
“ใช่ … มีอะไรหรือเปล่า”
“คือ เธอจำได้ไหมว่าพ่อเคยทำเครื่องประดับจากผลึกสีแดงนี่ให้กับเรา” แพทบอก “วันที่เรากลับบ้านไปแล้วเราสังเกตว่าผลึกหายไปครั้งแรกตรงกับตอนที่เรารับรู้ได้ว่ากวิน เอกชัย และพวกครูกำลังวางแผนจับเธอ”
“ครั้งที่สองที่หายไป คือตอนที่ไปจับฉลากวันคริสต์มาส ตอนนั้นเราภาวนาในใจอยากจะจับได้รางวัลใหญ่ แล้วเราก็เกิดความรู้สึกเหมือนรู้ว่ารางวัลใหญ่อยู่ที่ไหนก่อนจะไปหยิบฉลากสอยดาว”
“และอีกสองครั้งที่เรารู้สึกอะไรแบบนี้ คือตอนที่มาถึงที่นี่ใหม่ๆ กับตอนที่รับรู้ได้ว่ามอนสเตอร์สองตัวกำลังดักซุ่มโจมตี” แพทบอก “รอน …….. เราคิดว่าที่เรารับรู้ล่วงหน้าได้เป็นความสามารถของเวทมนตร์อันนึง”
“แล้วเราสงสัยว่าพ่อของเราอาจจะรู้เรื่องแกนมอนสเตอร์นี้”
“หืม …ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ” รอนถาม
“ก็ตอนที่เราบอกว่าเราทำผลึกแก้วหาย พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วก็ไม่ได้ทำท่าแปลกใจอะไรเลย”
รอนคิดในใจถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว … หรือว่าพ่อของแพทจะรู้อยู่แล้ว
“หรือเราจะลองถามพ่อดี ว่าพ่อรู้หรือเปล่าว่ามันใช้ทำอะไรได้บ้าง”
“ก็น่าจะดีนะ ………….” รอนตอบ ที่จริงถ้าเกิดพ่อของแพทรู้เรื่องพวกเวทมนตร์หรือเรื่องโลกฝั่งนี้ ก็อาจจะสอนอะไรดีๆให้ก็ได้
“เราว่าถ้าพ่อรู้เรื่องแกนมอนสเตอร์ และรู้จักเรื่องโลกฝั่งนี้ พ่ออาจจะรู้จักวิธีใช้ลูกแก้วศิลานักปราชญ์ด้วยก็ได้” แพทบอก “จะได้ให้พ่อสอนวิธีใช้”
” อ๊ะ ….. เดี๋ยวๆๆ งั้นเธอห้ามบอกพ่อเด็ดขาดเลย” รอนร้องเสียงหลง
” อ้าว ทำไมล่ะ”
” ก็ถ้าพ่อเธอรู้วิธีใช้ศิลานักปราชญ์ที่ว่า ก็ต้องรู้ว่าเธอและเราสามารถข้ามมาที่โลกนี้กันสองคนและอยู่ด้วยกันตลอด” รอนบอก
” ก็จริงนะ ถ้าบอกไปเธอเจอพ่อเราเอาตายแน่” แพทเปรย
“ยังไงพวกเราสองคนอยู่ที่นี่กันที่เดียว แล้วก็อาศัยที่นี่อ่านหนังสือเตรียมสอบกันที่เดียว ถ้ามีมอนสเตอร์เล็กๆน้อยๆก็กำจัดพวกมันไป ด้วยความสามารถของพวกเราตอนนี้ก็น่าจะไม่มีปัญหา” เด็กหนุ่มกล่าว ” เราลองหาคำตอบกันเองก่อนก็แล้วกัน”
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะถ้าหากพ่อของแพทเกิดรู้วิธีการใช้ศิลานักปราชญ์ขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องรู้ว่าแพทข้ามมิติได้ และต้องรู้ว่าทางฝั่งนี้มีมอนสเตอร์อยู่ …. อย่างน้อยๆก็อาจจะห้ามไม่ให้แพทข้ามมาฝั่งนี้ และอาจจะเล่นงานรอน
ต่อให้บอกว่าข้ามมาแล้วอยู่คนละบ้านกัน แต่พ่อไม่ได้ตามมาด้วย ก็อาจจะระแวงหรือหวงลูกสาวขึ้นมาจนหันไปเอาเรื่องกับรอนก็เป็นได้
“งั้นเรายังไม่บอกพ่อก็แล้วกัน” แพทถอนหายใจ
“อือ แพท ไหนเธอลองนึกถึงการใช้เวทมนตร์และความสามารถแปลกๆของเธอ… จากนั้นลองพูดคำว่า’สเตตัส’สิ” รอนนึกได้
“สเตตัส”
เด็กสาวพูดตาม ก่อนจะมองเห็นคำที่ลอยขึ้นมาตรงมุมซ้ายของสายตา
เธอพูดออกไป … ทั้งคู่ได้แต่สงสัยกัน ว่าทำไมระดับของการใช้เวทมนตร์ของแพทถึงไม่มีตัวเลขบอกไว้
“เป็นไปได้ไหมว่าเพราะว่าวิธีการใช้เวทมนตร์ของเราไม่เหมือนกับที่คนที่นี่ใช้กัน ทำให้มันไม่อ่านค่า” แพทถาม
“ก็เป็นไปได้นะ เพราะว่าคนที่นี่ทุกคนใช้เวทแบบพูด และใช้การร่ายเวทตามชื่อของเทพต่างๆ” รอนบอก ” ที่จริงจะว่าไปแล้วเราคิดว่าการร่ายเวทจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อเทพเจ้านะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็อามาร็อคสองตัวนั่นสามารถร่ายเวทน้ำแข็งได้เหมือนกัน และตอนที่มันร่ายเวท มันก็ไม่ได้พูดหรือร้องอะไร” เด็กหนุ่มตอบ “และที่เราสังเกตดูคนที่นี่ บางครั้งก็การร่ายเวทไม่เหมือนกัน เรียกชื่อเทพคนละองค์กัน หรือแม้แต่ไม่พูดชื่อเทพเจ้าเลย ก็สามารถร่ายเวทได้เหมือนกัน”
“จริงสิ ตอนนั้นเราแค่คิดจินตนาการเท่านั้น ก็สามารถก่อแท่งน้ำแข็งได้แล้ว” แพทบอกอย่างตื่นเต้น “ถ้าแบบนั้นเราสอนคนที่นี่ให้ลองใช้วิธีนี้กันดีไหม”
รอนส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “ไม่ได้หรอก … ตอนนั้นเพียงแค่การเรียกชื่อเทพไม่เหมือนกัน ก็ทำให้นักเวทไม่พอใจกันได้แล้ว ถ้าขืนเราตัดเทพออกไปจากการร่ายเวทมนตร์แล้วบอกทุกคนว่าไม่จำเป็นต้องใช้เทพเจ้า ไม่รู้จะเกิดดราม่ากันขนาดไหน”
รอนเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ทหารบางคนไม่พอใจ ตอนที่เขาไปถามว่าทำไมถึงเรียกชื่อเทพเจ้าไม่ตรงกัน
เรื่องหลายเรื่องหากเป็นในเกม เขาสามารถเข้าไปถามNPCได้เลย เพราะไม่ว่าจะถามผิดถามพลาดอย่างไร เกมก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง การถามอะไรผิดไปสักหน่อย สามารถทำให้เกิดความเข้าใจผิด เกิดเรื่องราวหรือความโกรธเคืองสร้างศัตรูกันได้ง่ายๆเลยทีเดียว แถมยังไม่สามารถแก้ไขคืนกลับได้อีกด้วย ดังนั้นรอนจึงระวังเป็นพิเศษ ไม่รีบร้อนบอกพ่อของแพทเรื่องการข้ามมิติ … รวมถึงไม่อยากถามเรื่องการใช้เวทมนตร์ที่ต่างจากคนในโลกนี้แบบคนอื่นๆ
เพราะหากถามไปแล้วก่อความรู้สึกไม่ดีกับคนที่ได้ฟังคำถาม …. เขาก็ไม่สามารถแก้ความรู้สึกที่เสียไปได้เหมือนกับในเกม
“ท่านรอน ท่านแพท อยู่กันตรงนี้เอง” เบรเซอร์เดินเข้ามาหา “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเสียหน่อย
“อะไรเหรอครับคุณเบรเซอร์”
“คือตอนนี้เรามีซากของอามาร็อคที่สามารถนำไปขึ้นรางวัลได้ และสินค้าที่ท่านรอนจะเอาไปขายที่เมืองกาล่าก็เตรียมพร้อมแล้ว ข้าเลยจะมาถามว่าพรุ่งนี้จะขนส่งไปเลยดีไหม” ผู้เฒ่าแห่งหมู่บ้านถาม
“ดีเลยครับ ผมว่าจะไปที่เมืองกาล่าอยู่พอดี” รอนเอ่ยอย่างดีใจ “ผมคิดว่าจะไปหาคุณมีอาพอดี”
“คุณมีอา? ใครเหรอ” แพทถามอย่างสงสัย
“อ๋อ คุณมีอาเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองกาล่าน่ะ” รอนตอบ
แพทหรี่ตามอง ….. “เราว่ามันแปลกๆอยู่นะ อยู่ที่โรงเรียนเธอแทบจะไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย แต่มาที่นี่เธอรู้จักเพื่อนผู้หญิงหลายคนเลยนะ”
” เราว่าเธอน่ะแหละที่แปลก” รอนตอบกลับ
“ทำไม แปลกตรงไหน” แพทงง
“ก็เมื่อวานเธอมาที่นี่แบบธรรมดา” เด็กหนุ่มว่า “แต่วันนี้เธอกลับทั้งแต่งหน้ากับทาปากสีแดงเรื่อๆ … ปกติเธอไม่ใช่คนแต่งหน้านี่นา มีอะไรหรือเปล่า?”
แพทสะดุดเงียบกึ๊ก …จะให้เธอตอบยังไงว่าที่เธอแต่งหน้าทาลิปนี่มันมีเหตุจากที่เธอเห็นสายตาของโรล่า เด็กสาวชาวบ้านคนนั้น
“อ๋อ เรารู้ละ”
“รู้อะไร!?!?!?”
“ก็อากาศมันหนาวจนปากซีดหน้าซีดใช่ไหม เธอเลยต้องทาลิปทาหน้า”
“………..”
“เดี๋ยวรอบนี้ก่อนจะกลับไป เธอถอดเสื้อหนาวตัวนอกทิ้งไว้นะ แล้วพอกลับไปทางนั้นให้ใส่ชุดเสื้อหนาวอีกตัวมา แล้วก็อย่าลืมกางเกงวอร์มอีกตัวทับกางเกงยีนส์ที่เธอใส่ด้วย จะได้กันลมกันความเย็นกว่านี้” รอนบอก
“……ได้ ได้”
แพทรับคำก่อนจะหันไปมองทางอื่น …. รอนได้ยินเสียงกิ๊งในหัว เขาชินแล้วกับการที่มีการเตือนว่า สกิล ของเขาได้เลื่อนขึ้น
ยิ่งวันนี้เขาถูกยำจากมอนสเตอร์ทั้งสองตัวขนาดนั้น ถ้าทุกคนจะมองว่าเขาเป็นเครื่องรางประจำกลุ่ม เป็นตัวTankที่คอยรับการโจมตี ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก
มาเรียเดินมานั่งคุยกับแพทเรื่องการใช้เวทมนตร์ ส่วนรอนก็ผละไปคุยกับชาวบ้านคนอื่นๆอยู่พักหนึ่งก่อนจะกลับเข้าที่พัก เด็กหนุ่มฝึกฝน 42 กระบวนท่าการต่อสู้ด้วยดาบเช่นเคยที่เคยทำ ตอนนี้เขาฝึกฝนมันจนเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว …ถึงแม้เขาจะอิจฉาแพทอยู่บ้างที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ แต่เขาก็รู้ว่าการอิจฉาไม่ได้ทำให้เขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้แต่อย่างใด
ดังนั้นสิ่งที่เด็กหนุ่มพอจะทำได้ก็คือการฝึกหัด ฝึก ฝึก แล้วก็ฝีก
ที่จริงตอนนี้เขาดีใจด้วยซ้ำไปที่แพทสามารถใช้เวทมนตร์ได้ เพราะนั่นหมายความว่าแพทจะปลอดภัยมากขึ้นในโลกนี้ ….
และรอนก็อยากพาแพทไปเมืองกาล่าเร็วๆ
เขาใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่แพทใช้ได้
ถ้าเขาให้แพทใช้ “แหวนเก็บของต่างมิติ” จากมีอาในการขนของ จะดีแค่ไหนกันนะ !
เด็กหนุ่มคิด ก่อนที่จะเริ่มฝึก 42 กระบวนท่าใหม่อีกรอบ
********
แพทวาร์ปกลับมาที่ห้องนอนของตนตอนเที่ยงคืน … เธอเข้าไปอาบน้ำสระผมก่อนที่จะกลับมาในห้องนอน เธอส่องกระจกเช็ดผม ในใจพลางคิดไปถึงตอนที่รอนทักเรื่องการแต่งหน้า
แน่ล่ะ เธอแต่งหน้าก็เพราะอยากให้รอนดู
แต่พอรอนทักเข้าจริงๆ เธอกลับรู้สึกใจเต้นขึ้นมา
ตั้งแต่ไปที่นั่น เธอได้เห็นรอนในมุมที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอได้เห็นการวางแผนของเขา …. ได้เห็นการออกนำคนอื่น ….ได้เห็นการเสี่ยงอันตรายเพื่อคนอื่น
มันแตกต่างกับรอนตอนที่ดูใสซื่อหลอกง่ายเมื่อก่อนเกิดเรื่องกับกวินและเอกชัยเป็นไหนๆ
และก่อนที่จะมองไปว่าเขาเป็นพวกบ้าอำนาจหรือก้าวร้าวชอบการต่อสู้ฆ่าฟัน …. แต่จังหวะก่อนที่เธอจะจัดการกับอามาร็อคตัวพ่อตัวแม่ … เธอก็ได้เห็นมุมอ่อนโยนที่ยังเหลืออยู่ว่าเขาไม่ได้เป็นพวกชอบการฆ่าฟันแต่อย่างใด
ผู้ชายหลายคน ชอบการต่อสู้ ชอบความโหดเหี้ยมเด็ดขาด และคิดไปว่าผู้หญิงทุกคนจะชอบแบบนั้น
แต่สำหรับเธอ เธอคิดว่ามันต้องผสมกันให้เข้าที่ระหว่างความเด็ดขาดกล้าตัดสินใจและก็ต้องมีโมเมนต์ของความอ่อนโยนไปพร้อมๆกัน
แพทใช้ไดร์นั่งเป่าผมตรงหน้ากระจกรอให้ผมแห้งเพื่อจะได้เข้านอน
“”
เด็กสาวเรียกขึ้นมา …. ภาพตัวเธอและตัวเลขต่างๆปรากฎขึ้นตรงหน้าของเธอ แพทกวาดตามองสถานะของตัวเธอและกวาดตาไปรอบๆ … เนื่องจากไม่รู้วิธีใช้ เธอเลยต้องเปิดขึ้นมาดูแล้ววิเคราะห์เอง
นี่ถ้าไม่ติดว่ารอนกลัวว่าถ้าไปถามพ่อของเธอแล้วอาจจะเกิดเรื่อง ป่านนี้เธอเดินไปเคาะประตูห้องพ่อแล้วถามไปตรงๆแล้ว ไม่ต้องมางมแบบนี้หรอก
แพทกวาดตาไปเรื่อยๆ อ่านคำอธิบาย และมองไปรอบๆ มีตัวเลขที่มุมขวาบนสุดเขียนว่า24 ตัวเลขนี้น่าจะหมายถึง24ชั่วโมงที่เธออยู่ฝั่งนั้น
ซึ่งหลังเลข24 ตอนนี้มีเลข14โผล่ขึ้นมา
เลข14คืออะไรน่ะ? เด็กสาวคิด เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้เลขนี้มันน้อยกว่านี้ …. น่าจะเป็นศูนย์ด้วยซ้ำไป
เธอเอื้อมมือไปกด … แบบที่รอนเคยทำ ตัวเลขนั้นก็ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร
เธอลองกดสามครั้ง ห้าครั้ง แบบต่อเนื่องก็ไม่เกิดอะไร
แพทนั่งมองครู่นึงก่อนจะคิดได้อีกวิธี ….ในเมื่อระบบของศิลานักปราชญ์ทำให้เหมือนการเพิ่มเลเวล ถ้าอย่างนั้น ………..
แพทเอื้อมมือไปกดตัวเลข14ค้างไว้ จากนั้นรูดตัวเลขไปที่ ‘รูป’ ตัวเธอ
หน้าจอทั้งหมดเปลี่ยนไป … ข้างบนสุดมีคำว่า Bonus Stat = 14
และข้างล่างมีสเตตัสความสามารถของเธออยู่
“อ๋อ ที่แท้ถ้าเรามีประสบการณ์ จะมีค่าโบนัสให้เพิ่มความสามารถนี่เอง” แพทรำพึงกับตนเองและสอดส่ายสายตามองช่องต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจกด+ เข้าไปที่
ความจุมานา 35 + 14 = 49
“มิน่าล่ะ รอนถึงเก่งผิดหูผิดตา ที่แท้ก็เพิ่มความสามารถได้นี่เอง”
แพทเปรยและนึกฉุนที่รอนไม่ยอมบอก….
เธอไม่รู้ว่ารอนยังไม่รู้วิธีใช้นี้ ….. และนั่น ทำให้ตัวเลข220ที่มุมขวาของหน้าจอเด็กหนุ่ม ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป