พลังของท่าอาวุธ Level 6
โดย
หมอแมว
รถแท็กซี่สามคันเข้ามาจอดเรียงกัน แสงไฟหน้ารถส่องตรงมาที่รอนและผู้ส่งสินค้าทั้งสองคน ประตูรถทั้งสองถูกเปิดออก วัยรุ่นชายฉกรรจ์ลงจากรถแต่ละคันอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย พวกแกสามคนรออยู่นี่ อย่าคิดไปไหนนะมึง”
คน15คนลงมาจากแท็กซี่ มีผู้ชายวัย25-26ผมทรงลานบินเดินนำกลุ่มมา
“ไหนวะไอ้วุธ คนที่แกบอกว่าเป็นสายตำรวจ”
“ไอ้เด็กนั่นครับพี่เป่า ไอ้เด็กนักเรียนคนนั้นเป็นสายตำรวจครับ” วุธชี้ไปที่รอนอย่างไม่ลังเล หวังหลินกับหยางเทียนขมวดคิ้วกันทั้งสองคน ถ้าแบบนี้ไม่ใช่ว่าที่รอนกำลังทำอยู่นี่คือการล่อซื้อพวกเขาหรอกเหรอ
แต่ทั้งสองก็สลัดความคิดนั้นในเวลาอันสั้น ถ้าหากรอนเป็นสายที่มาล่อซื้ออาวุธจริงๆตอนนี้ตำรวจก็ควรจะมาได้แล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้นักเลงพวกนี้ยกพวกมากัน
หวังหลินมองไปรอบๆ นอกจากไม่มีตำรวจแล้วพื้นที่แถวนี้เป็นพื้นที่ปิดริมน้ำ ถ้าจะหนีออกไปก็มีแต่ต้องฝ่าคน15คนนั่นออกไปเท่านั้น
รอนมองกลุ่มคนทั้ง15ที่กำลังเดินเข้ามา แต่ละคนมามือเปล่าไม่มีใครมีมีดหรืออาวุธมีคน ทั้งหมดก้มลงหยิบท่อนไม้ที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมาใช้แทนอาวุธ
“ผมไม่ใช่สายตำรวจ เข้าใจผิดแล้วครับ” รอนตอบอย่างสุภาพ แต่ความสุภาพนั้นกลับทำให้เฮียเป่าเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายกำลังกลัว
“ไอ้วุธไอ้แมนเคยเล่าว่าก่อนมาร่วมกับพวกเรา พวกมันคนอื่นๆถูกสายตำรวจล่อให้ไปจับ”
“ยิ่งไปกันใหญ่แล้ว ตอนนั้นพวกนั้นมารุมผม พอสู้ไม่ได้ก็หนีไป จะไปโดนจับตอนไหนผมไม่รู้เรื่องด้วยนะ” รอนแย้ง
“ไร้สาระ! พวกเรากระทืบมัน!” เฮียเป่าบอกลูกน้อง ยิ่งฟังตอนนี้มันยิ่งคิดว่ารอนโกหก เด็กม.ต้นคนเดียวจะสู้คนเป็นสิบได้ยังไง
ทั้งหมดมุ่งหน้าเข้าหารอน
“น้องชายจะขึ้นเรือไปกับพวกพี่ก่อนไหม” หวังหลินถาม
รอนส่ายศีรษะ เขาไม่ได้อยากต่อสู้กับคนเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเขาหนีไปก็ต้องเสียเวลาสั่งซื้ออาวุธใหม่ ยิ่งจะทำให้แผนการทั้งหลายช้าไปอีก
เด็กหนุ่มหยิบไม้พลองที่หยางเทียนเสียบปลายหอกให้ดูเมื่อครู่ ดึงปลายหอกออกแล้วยกไม้พลองกะน้ำหนักดู
“พี่สองคนขึ้นเรือไปก่อนดีกว่าครับ ขอบคุณมาก”
เด็กหนุ่มเดินตรงไปข้างหน้าพร้อมไม้พลอง
“”
Statusของรอนโชว์ขึ้นมาแยกเป็นสองส่วน ส่วนบนที่สีเข้ม
พลังชีวิต 66/66
[Battel technique : ท่าหลบ : Lv 3 12/100]
[การต่อสู้ประชิดตัว Lv 10 34/100]
[Polearm weapon Lv6 13/100]
และส่วนล่างที่สีจาง
[Battle technique :Deflect ]
[Battle technique :Charge]
[Battle technique :Shield bash]
[Battle technique :Shield]
[Edge weapon Lv16 21/100]
[Blunt weapon Lv6 27/100]
[Range weapon Lv7 33/100]
ส่วนที่สีจางน่าจะเป็นสกิลที่ตอนนี้ไม่ได้ใช้ เพราะรอนไม่มีโล่หรืออาวุธอื่นๆติดตัว มีเพียงไม้พลองยาว
ไม้พลองยาวน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ที่เจอรุมแบบนี้ แต่เขาก็ลังเลเล็กน้อยว่าแค่ Level 6 จะสู้ไหวไหม
เด็กหนุ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่Statusบอกเพียงแต่พลังชีวิตกับค่าประสบการณ์ ไม่ยักบอกความฉลาด พละกำลัง ความว่องไว แบบที่น่าจะมี
แถมพอเขาใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ก็ไม่มี Status เวทมนตร์แบบแพท
รอนเองคิดจะลองทดสอบเปิด Status ดู แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมแล้วเพราะอีกฝ่ายเข้าใกล้มาเรื่อยๆแล้ว
ชายหนุ่มสองคนมองมาจากเรือที่ลอยห่างออกจากฝั่ง
“หวังหลิน พี่ใหญ่คิดยังไงถึงให้พวกเราสังเกตเด็กนั่น” หยางเทียนถาม
“ทำไมรึ” หวังหลินถามกลับ
“เด็กนั่นท่าจะอ่านนิยายกำลังภายในหรือเล่นเกมมากไป คนๆเดียวจะไปสู้คนสิบกว่าคนได้ยังไง” หยางเทียนบอก “แถมเมื่อครู่ยังปฏิเสธความหวังดีของนายอีก คนที่ไม่รู้จักว่าเวลาไหนควรสู้เวลาไหนควรถอยนี่ถือว่าใช้ไม่ได้”
หวังหลินส่ายหน้า
“นายดูท่าจับไม้พลองและการวางเท้า เด็กนั่นไม่ใช่มือใหม่ อาวุธในมือของผู้ชำนาญหนึ่งคน สู้คนนับสิบไม่ใช่เรื่องยาก”
“เฮอะ ไม่ใช่มือใหม่ แต่เด็กม.ต้นจะใช้พลองได้สักแค่ไหนกัน”
“เอาเถอะ เดี๋ยวก็รู้แล้ว ดูนั่นพวกนั้นลงมือแล้ว”
“นี่แน่ะ” วัยรุ่นคนนึงขว้างท่อนไม้ในมือเข้าใส่ ไม้หมุนควงในอากาศตรงเข้าหารอน ในเวลาเดียวกันคนที่อยู่ด้านซ้ายและขวา4คนก็พุ่งเข้าใส่รอนพร้อมๆกัน
“” รอนใช้ม้วนเวทที่ใส่ไว้ในกระเป๋า แสงของเวทมนตร์เพิ่มความเร็วระดับที่1อาบเข้าไปในร่างของรอน เด็กหนุ่มกวาดตามองร่างทั้งสี่และไม้ที่พุ่งเข้าหาเขา เบี่ยงตัวให้พ้นทางไม้แล้วแทงไม้พลองเข้าไป
กร๊อบ
“อ้ากกกกกก”
ไม้พลองแทงเข้าไปที่โหนกแก้มของคนที่อยู่ซ้ายสุด รอนดึงพลองกระโดดถอยกลับแล้วแทงซ้ำ
กรุ๊บๆๆๆๆ
ฟันหน้าของคนถัดมาหักกระจายเข้าไปในปาก
สองคนที่เหลือเข้ามาประชิด และก่อนที่จะทันรู้ตัวเด็กหนุ่มก็หมุนเอาด้านสั้นของพลองตวัดเข้าปลายคางคนที่สามจนล้มนอนนับดาว เตะผ่าหมากคนที่สี่แล้วฟาดไม้เข้าใส่บ่าอย่างแรง เสียงกระดูกไหปลาร้าหักเปาะดังจนทุกคนขนลุก
“ชิ” รอนสาวเท้าถอยหลังอย่างรวดเร็ว รับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีแล้ว เขาจงใจเล่นงานกลุ่มที่เข้ามากลุ่มแรกให้หนักเพื่อหวังว่าการโจมตีแบบโหดๆจะทำให้พวกที่เหลือกลัวจนถอยไป แต่กลับเป็นว่าพวกนั้นไม่มีสักคนที่ถอยหนี
แถมโจมตีหนักขนาดนี้แถบพลังชีวิตของทั้ง4คนยังเขียวกันหมดอีก
รอนไม่ทันนึกว่าเพราะเขาเองนั่นแหละที่เลี่ยงจุดตายด้วยรู้ว่าโลกนี้ฆ่าคนแบบมอนสเตอร์ไม่ได้
และที่พวกนั้นไม่หนี ไม่ใช่เพราะไม่กลัว แต่เป็นเพราะยังประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน
“เฮ้ย ไอ้ขี้ขลาด เอ็งเตะผ่าหมากเหรอ ไอ้..”
กรุ๊บๆๆๆๆๆ
หินก้อนเขื่องถูกขว้างเข้ากระทบปากอย่างแม่นยำ เลือดและฟันร่วงหล่นกระจาย
“16ต่อ1 ยังจะพูดเรื่องความกล้า”
รอนส่ายหน้า
“16ต่อ1?” หยางเทียนพูดอย่างงงงวย พวกนั้นมากัน15คนนี่นา
แต่ความตกใจบนใบหน้าของพวกนักเลงนั่นปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน ร่างเล็กๆที่ค่อยๆคลานต่ำอ้อมมาทางด้านหลังของรอนสะท้านขึ้นเมื่อรู้ว่าความมืดไม่ได้ช่วยให้มันหลบซ่อนตัวได้ มันพุ่งเข้าใส่รอนจากด้านหลังของรอนพร้อมกับสนับในมือ มันเข้าประชิดเพื่อหวังว่าพลองในมือรอนจะใช้กับมันไม่ได้
“ตายยยย โอ๊คคคคคคคคค”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นเมื่อกำปั้นของรอนต่อยกระซวกท้อง มือที่ยกของหนัก100กิโลได้ด้วยมือเดียวย่อมไม่ใช่ธรรมดา นักเลงร่างเล็กคนนั้นล้มลงนอนตาเหลือก สนับมือที่เตรียมมาเพื่อใช้กับรอนหล่นกลิ้งลงพื้น
“พวกเรา รุมมันเลย เข้าไปพร้อมๆกันมันไม่มีทางโต้ทันแน่ๆ” เป่าร้องตะโกนอย่างหมดความอดทน พวกวัยรุ่นทั้งหมดที่เหลืออยู่ตรงเข้าหารอนอย่างพร้อมเพรียง ไม้ในมือเงื้อง่าตรงเข้าหาเด็กม.ต้นตรงหน้าตน รอนมองกลุ่มคนที่กำลังตรงเข้ามาอย่างชั่งใจแล้วสืบเท้าพุ่งเข้าหาใส่ตรงๆก่อนจะโจมตีไปทางปีกซ้าย
หวังหลินมองรอนอย่างทึ่งๆ รอนไม่รอให้อีกฝ่ายเข้ามาแล้วล้อมตนเองหากแต่มุ่งตรงเข้าใส่แล้วโจมตีคนที่อยู่ขอบนอก เพราะนอกจากจะไม่โดนล้อมแล้วยังใช้ร่างของอีกฝ่ายในการบังฝ่ายตรงข้ามที่เหลือ
ร่างของวุธล้มลงกับพื้นกุมเข่าร้องโอดโอย ตามด้วยแมนที่ถูกฟาดมือจนไม้ที่ถืออยู่หล่นลง ทั้งสองคนไม่ได้บาดเจ็บมากแต่ยังนอนอยู่ที่พื้นร้องครวญครางพลางมองดูพวกพ้องที่ทยอยล้มลงทีละคน
“แย่งไม้มัน ไม่มีไม้มันก็ทำอะไรเราไม่ได้” เฮียเป่าตะโกน ลูกน้องสองคนทิ้งไม้แล้วกัดฟันกระโดดเข้ากอดไม้ที่รอนฟาดเข้ามา เสียงกระดูกซี่โครงหักกร็อบดังขึ้นจนทั้งสองคนตาเหลือกจนเห็นตาขาว นอนร้องครางอยู่ที่พื้นหากแต่ยังกอดไม้ยาวของรอนเอาไว้แน่น
“เก่งนักเรอะ” เป่ายกไม้ในมือขึ้นเล็งไปที่ศีรษะของรอน มันฟาดไม้ลงไป
ผัวะ ผัวะ
กร๊อบ กร๊อบ
แทบไม่เชื่อสายตา เป่ามองเห็นรอนคว้าท่อนไม้ของลูกน้องมันขึ้นมาแล้วฟาดเข้าใส่ข้อมือของลูกน้องคนนึง แล้วอาศัยใช้แรงสะท้อนเหวี่ยงไม้กลับเข้ามาที่หน้าของมัน
ไอ้เด็กนี่ไม่ได้เก่งแค่ไม้พลอง ไม้หน้าสามสั้นๆมันก็เก่งด้วย!
“โอ๊ย โอ๊ย อย่า อุ๊ค อุ๊ค อ็อค” เป่าร้องเป็นจังหวะตามการเตะของรอน รองเท้าหนังสีดำเตะเข้าที่ท้องของมันสองครั้งก่อนจะเหยียบลงบนศีรษะ
วัยรุ่นทั้งหมดรวมไปถึงคนขับแท็กซี่ทั้งสามต่างมองไปที่รอนอย่างไม่เชื่อสายตา เด็กม.ต้นคนเดียวสู้กับนักเลง16คน
“เฮ้ย ไอ้หนู หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกไม่รู้เรอะไงว่าเฮียเป่าอยู่ในสังกัดของเฮียเป๋ง” ไอ้แมนร้อง
“ใช่ ถ้าเอ็งไม่อยากเดือดร้อนก็หยุดยอมแพ้พวกเราเดี๋ยวนี้” ไอ้วุธร้อง
ปึ้ก ปึ้ก รอนเตะท้องเฮียเป่าอีกสองครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังมีกำลังใจดีอยู่ถึงได้ขู่เขา เขาเลยตัดใจเตะคนตรงหน้าอีกสองที
“โอ๊ย โอ๊ย” เป่าร้องอย่างเจ็บปวดมองลูกน้องใหม่ทั้งสองคนอย่างโมโห แต่มาตอนนี้แล้วมันได้แต่หวังว่าชื่อของเฮียเป๋งจะช่วยมันได้
“ไอ้หนู ถ้าเอ็งยังอยากจะอยู่แถวนี้อย่างสงบสุขเอ็งก็หยุดแล้วยอมแพ้ซะ” เป่าร้องขึ้นจากพื้น “ถ้าแกไม่ยอม คนของ ‘เป๋ง โมบาย’ จะตามกระทืบเด็กโรงเรียนแกแน่”
“เป๋งโมบาย!” รอนร้องขึ้น
“ฮ่าฮ่า รู้แล้วใช่ไหม” เป่าร้อง
“ไม่รู้จัก ใครกัน” รอนบอกก่อนจะกระทืบเป่าต่ออย่างกังวล ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังมีพลังชีวิตอยู่ในแถบเขียวกันหมดทุกคน หรือจะเล่นงานจุดสำคัญให้พลังลงไปอยู่ที่แถบเหลืองดี
รอนยกไม้หน้าสามในมือขึ้น ฟาดเล็งลงไปที่ลำตัวของเป่าอย่างไม่ยั้ง เล็งจนกระทั่งพลังชีวิตลดลงเรื่อยๆเข้าแถบเหลือง เสียงร้องของเฮียเป่าดังโหยหวนท่ามกลางการมองอย่างหวาดกลัวของลูกน้อง
“ยอมแล้ว ยอมแล้ว” เป่าร้อง
“งั้นพวกแกทั้งหมดก็ไสหัวไปครับ” เด็กหนุ่มพูดขู่ เผลอใส่หางเสียงครับไปตามความเคยชิน
และนั่นทำให้ทั้งหมดขนหัวลุก
ไสหัวไป กับ ครับ มันไม่ควรอยู่ด้วยกัน
‘ที่แท้ที่เจ้าเด็กนี่สุภาพไม่ใช่เพราะกลัว แต่มันติดลงท้ายด้วยครับ’
ทั้ง16คนลากร่างอันบอบช้ำเดินประคองคนเจ็บหนักหนีออกไป ไอ้วุธกะว่าห่างแล้วก็หันกลับไป
“คอยดูนะมึง เด็กโรงเรียนมึงโดนพวกกูกระทืบแน่ อ้ากกกก”
ไอ้วุธร้องก่อนจะล้มทั้งยืน ไม้หน้าสามที่ถูกรอนขว้างมากระแทกปลายคางอย่างจัง
“[Battle Technique Learned!: Weapon Throwing]
รอนมองหน้าจอของตน สกิลแบบนี้ก็มีเหรอเนี่ย!
เด็กหนุ่มรอจนกระทั่งพวกนักเลงนั้นหนีไปหมดแล้วก็หันมองเรือที่ลอยลำอยู่ บรรยากาศที่มืดลงทำให้เขามองไม่เห็นสีหน้าของหวังหลินกับหยางเทียนแล้ว รอนหันไปมองลังแล้วก็คิดว่าจะขนยังไงดีก่อนจะนึกได้และมองไปทางแท็กซี่ทั้งสามคันที่จอดอยู่
เขาตรงไปบอกความต้องการจะขนลังทั้งหมดไปที่บ้านให้กับแท็กซี่ทั้งสาม คนขับทั้งสามคนกุลีกุจอช่วยกันขนลังขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อ้อ เมื่อกี้ผมเห็นพี่ถ่ายคลิปเอาไว้ ผมอยากให้ลบคลิปหน่อย”
แท็กซี่ทั้งสามคนมองอย่างงงๆคิดไม่ทัน
“นะครับ” รอนขอร้อง
เฮือก!
แท็กซี่ทั้งสามคนควักมือถือออกมากดลบคลิปทิ้ง … ไม่สิ ลบให้หมด ลบทั้งอัลบั้มทั้งหมด
คำว่าครับที่รอนพูดก่อนที่จะกระทืบนักเลงทั้งหมดประทับลงในสมองของทั้งสามอย่างช่วยไม่ได้ไปแล้ว