ฉิบหายแล้วไง!
โดย
หมอแมว
ร่างของลุงยามถูกยกขึ้นรถฉุกเฉินไป แม้จะรู้สึกตัวแล้วแต่พยาบาลบนรถบอกว่าลุงยามสลบไป ต้องเอาไปตรวจที่โรงพยาบาลก่อนว่าได้รับความกระทบกระเทือนที่สมองมากแค่ไหน
รอนกับแพทค่อยๆเดินหลบไปที่ด้านข้าง น้องม.1สามคนนั่งตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่ที่หน้าห้องฝ่ายปกครอง
“ไม่ต้องกลัวนะ ตอนนี้อยู่ที่นี่คนเยอะแยะไม่เป็นไรหรอก”
แพทปลอบน้องผู้หญิงที่นั่งกลัวอยู่
“พวกนั้นมันกระชากกระเป๋าหนูไป ข้างในมีบัตรประชาชนด้วย จะมีอันตรายหรือเปล่าคะ”
“พวกเราเดินอยู่เฉยๆ ไม่รู้ทำไมจู่ๆพวกนั้นก็เข้ามาทำร้ายพวกเรา นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ทั้งรอนและแพทมองดูรุ่นน้องทั้งสามที่นั่งตัวสั่น ที่กลางหลังของน้องผู้หญิงทั้งสามคนมีรอยเปื้อนที่เกิดจากไม้ของพวกนั้นฟาดเข้าใส่ แขนมีรอยช้ำม่วงจากการถูกตี
แชะ แชะ แชะ
“เดี๋ยวๆคุณ ไม่ถ่ายรูปนะครับ”
พี่ยามสองคนห้ามชายคนนึงที่กำลังยกกล้องขึ้นถ่าย แต่ชายคนนั้นยกบัตรให้ดูแล้วยังคงยกกล้องขึ้นถ่ายต่อไปแม้จะถูกขอร้องให้ออกห่างจากเขตโรงเรียน
“คนนั้นใครกันน่ะ” แพทถามรอนพร้อมกับขมวดคิ้วแบบไม่พอใจขณะที่ชายคนนั้นหันกล้องมาทางเธอ
“น่าจะเป็นคนทำน้ำมันน่ะ”
“หืม”
“ก็มีบัตรPressน่ะ คงเป็นพวกทำน้ำมันพืช”
“….”
“ไม่ตลกเลยพี่”
“กริบ”
น้องๆทั้งสามผู้เสียหายเงยหน้าขึ้นมองรอนพร้อมๆกัน
บรื้นนนนนนนน
“เสียงอะไรน่ะ”
รถมอเตอร์ไซค์วิ่งบึ่งมาจากด้านในซอย แล้วก้อนบางอย่างก็ลอยข้ามกำแพงเข้ามา พุ่งทะลุกระจกห้องฝ่ายปกครองตรงจุดที่รอนและน้องๆ3คนนั้นนั่งอยู่
เพล้ง!
“ว้าย”
บรื้นนนนนนนนน
รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นเร่งเครื่องออกไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนที่อยู่หน้าโรงเรียนต่างวิ่งหนีแตกตื่น เสียงกรีดร้องของเด็กนักเรียนหญิงดังขึ้นสลับกับเสียงของรุ่นพี่ม.6
“เฮ้ย ใครก็ได้ถ่ายรูปรถมันไว้เร็ว”
พี่ม.6วิ่งกรูกันออกไปด้วยใบหน้าที่เกรี้ยวกราด แต่เมื่อวิ่งไปถึงก็ไม่ทันซะแล้ว
“ลุงๆ ลุงถ่ายมอเตอร์ไซค์มันทันไหมครับ” พี่ม.6คนนึงร้องถาม
แต่ลุงที่ถือกล้องคนนั้นส่ายหน้า ภาพมอเตอร์ไซค์พื้นๆที่กำลังหนีนั่นไม่ได้อยู่ในความคิดของเขา ภาพของนักเรียนที่กำลังตกใจกรีดร้อง และภาพของนักเรียนชายที่กำลังทำหน้าโกรธแค้นสุดขีดน่าสนใจกว่าตั้งแยะ
“นั่นมันลูกน้องเป๋งโมบายหรือเปล่าวะ” คนขับรถของโรงเรียนพูดขึ้น
“เห็นไม่ชัดว่ะ แต่น่าจะใช่” คนขับรถอีกคนบอก “แต่แปลกนะมันบอกว่านักเรียนที่นี่ไปทำร้ายพวกมัน จะเป็นไปได้ยังไงกัน”
ชายผู้ถือกล้องแววตาเป็นประกายเมื่อได้ยินบทสนทนานั้น เขามองเข้าไปที่ด้านในโรงเรียน ถ่ายภาพนักเรียนที่เลือดอาบเต็มแขนจากนั้นก็รีบกลับที่ทำงานอย่างอิ่มเอม
“แพทไม่เป็นไรใช่ไหม”
“อื้อ ไม่เป็นไร”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น คลายแขนที่โอบกอดร่างของเพื่อนสาวเอาไว้ออกมา
“เฮ้ย เลือด แพท ทำไมเลือดเต็มไปหมดเลย” รอนร้องอย่างตกใจ “มาสเตอร์ครับ ช่วยด้วยครับ มีคนเจ็บ เรียกรถพยาบาลด้วยครับ”
เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องดัง มือดึงเปิดแขนเสื้อที่ชุ่มโชกเลือดของเด็กสาวออกหาตำแหน่งที่เลือดออก
“เดี๋ยวรอน เดี๋ยวก่อน” แพทร้องปัดมือวุ่นวาย
“ไม่ได้แพท ต้องกดห้ามเลือดไว้ไม่งั้นเลือดไหลไม่หยุดอันตรายนะ”
มือทั้งสองยังพยายามเปิดเสื้อเด็กสาวเพื่อหยุดหาจุดเลือดออกอย่างลนลาน แต่ไม่ว่าจะเปิดตรงแขน ท้อง หรือหลัง ก็ไม่พบบาดแผล
“แผล แผลอยู่ไหน ทำไมไม่มีแผล”
“รอน! แผลอยู่ที่แขนเธอ ” แพทร้องเสียงดัง ส่วนมือดึงเสื้อที่ถูกรอนดึงจนถึงกลางหลังลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ปึด ปึด ปึด ปึด
เสียงเลือดที่กำลังพุ่งเป็นสายออกจากแขนของเด็กหนุ่มได้ยินออกมาเบาๆ รอนหันไปมองแขนตัวเองที่มีกระจกปักอยู่อีกหลายชิ้นแล้วดึงกระจกออกมา
ปึดๆ ปึดๆ ปึดๆ
เลือดพุ่งออกมาอีกสาย
“กรี๊ดดดด ตาบ้า ใครสั่งใครสอนให้ดึงเศษออกจากแผล” แพทกรีดร้อง ใช้มือซ้ายกดลงไปที่แผลของรอนเพื่อหยุดเลือด อีกมือพยายามหาว่าตนเองมีผ้าหรืออะไรจะเอามากดแผลได้ไหม
“เอารถมาเร็วเข้า” ครูเทพตะโกนเรียกคนขับรถโรงเรียน “รอน ขึ้นรถเร็ว ส่วนวิกานดาเธอกดแผลห้ามเลือดต่อไปอย่าปล่อยมือ”
เด็กทั้งสองถูกจับขึ้นหลังกระบะ จากนั้นรถก็บึ่งออกไปโดยมีเด็กทั้งสองนั่งในแคปหลัง
“รอน”
“หืม”
“หลับตา”
แม้ไม่รู้ว่าแพทจะทำอะไรแต่รอนก็หลับตาอย่างว่าง่าย เด็กสาวค้นหาของครู่หนึ่งแล้วใช้ผ้ากดลงบนแผลของรอนแทนการใช้มือกด เลือดที่ยังไหลซึมอยู่ค่อยๆหยุดไหลลง
“แพทใช้เวทรักษาได้ไหม” รอนถาม
“ไม่ได้ ถ้าใช้แล้วแผลหายขึ้นมาทุกคนต้องสงสัยแน่ๆ” เด็กสาวตอบ “นี่ เธอกินลูกอมนี่ก่อน”
แพทล้วงลูกอมออกจากกระเป๋าแล้วแกะห่อด้วยมือเดียวส่งให้ รอนรับไปเคี้ยวหนึบๆ
[+0.2]
[+0.2]
[+0.2]
[+0.2]
ตัวเลขเขียวๆโผล่ขึ้นมาที่หน้าจอ รอนลองยกมือของแพทขึ้นเบาๆแล้วดูที่แผล เลือดที่ไหลพุ่งเป็นสายเมื่อครู่หยุดลงแล้ว
ใช้เวลาไม่นานนักรถกระบะของโรงเรียนก็ขับไปจอดที่ห้องฉุกเฉิน แพทพยุงรอนลงจากรถเข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“แผลลึกเหมือนกันนะ โชคดีที่ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่” หมอเคพูด “เดี๋ยวเย็บแผลสักหน่อยแล้วกันแผลยาวแบบนี้น่าจะเย็บสัก20เข็ม”
“20เข็ม!”
“ใช่ เดี๋ยวรอคุณพยาบาลเตรียมที่เย็บแผลก่อน แล้วหมอมาเย็บให้”
หมอเคเดินออกไปที่เตียงข้างๆ รอนหันไปหาแพท
“แพท เอาลูกอมมาหน่อย”
“ไม่ได้ เดี๋ยวแผลหายหมดคนจะสงสัย”
“นิดนึงน่า ขอหน่อย”
“ไม่ได้”
“น่า นะ นิดนึง”
แพทยื่นลูกอมให้อย่างเสียไม่ได้ รอนจัดการกินเข้าไป
[+0.2][+0.2][+0.2][+0.2]
เอ้า อีกเม็ด
[+0.2][+0.2][+0.2][+0.2]
อีกเม็ด!
[+0.2][+0.2][+0.2][+0.2]
ครืดดดด
หมอเคเปิดม่านเข้ามา แพทออกไปรอที่ด้านนอก แขนของรอนถูกดึงยืดออก น้ำยาถูกทารอบแผล ผ้าเจาะกลางถูกปูลง หมอเคเตรียมเข็มฉีดยาชาแล้วมองลงไป
“หืมมมม”
แผลที่ยาวและลึกเมื่อครู่ มาบัดนี้เหลือความยาวเพียง3ซม.
“แบบนี้น่าจะเย็บแค่4-5เข็มก็พอ” หมอเคหรี่ตามองหน้ารอนนิดนึง ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา ก่อนจะลงมือฉีดยาชา เข็มถูกปักลงไป ไซโลเคนผสมแอดรีนาลินถูกฉีดชำแรกเข้าไปในเนื้อเยื่อ ตามด้วยเข็มเย็บที่ตักลงไปทีละเข็มๆ
“เอ้า เสร็จแล้ว” หมอเคจัดการปิดก็อซและพันแผลให้ “อ้อ นี่ฟองน้ำที่เธอใช้กดแผลมาเมื่อกี้ จะเก็บหรือจะทิ้งเลย”
“ฟองน้ำ?”
รอนหยิบฟองน้ำกลมๆชุ่มเลือดพลิกไปพลิกมาดูไม่ออกว่ามันคืออะไร
“เก็บไว้ก่อนแล้วกันครับ อันนี้เป็นของเพื่อนผม เดี๋ยวผมถามเธออีกที”
ครืดดดดด
“เสร็จแล้วใช่ไหมรอน เป็นไงบ้าง เจ็บมากไ……..”
แพทค้างคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ปากอ้าค้างเอาไว้ขณะที่ตาจ้องมองดูฟองน้ำเปื้อนเลือดในมือของรอน
“อ๋อ นี่ฟองน้ำที่เธอกดห้ามเลือดเราเมื่อกี้ไง เดี๋ยวเราเอากลับไปซักให้ที่บ้านก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร เอามานี่” เด็กสาวคว้าหมับเข้าให้แล้วขอถุงพลาสติกจากพยาบาล คุณพยาบาลกลั้นหัวเราะยื่นถุงให้ ตาเหลือบมองไปที่หน้าอกของเด็กสาว
“เดี๋ยวเธอไปนั่งรอที่หน้าห้องจ่ายยาก่อน รอรับยากับใบรับรองแพทย์” หมอเคบอก รอนกับแพทเดินไปรอที่หน้าห้องจ่ายยาและนั่งลงที่เก้าอี้ยาว แพทก้มหน้าก้มตามองถุงในมือพวงแก้มแดงเรื่อไม่พูดไม่จากับรอน เด็กหนุ่มเองก็ไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่มองทีวีของโรงพยาบาลที่เปิดไว้ที่ช่องเคเบิลช่องหนึ่ง ภาพบนหน้าจอตัดไปที่ข่าวด่วน
“มีรายงานด่วนจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังใจกลางกรุง เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันระหว่างนักเรียนในโรงเรียนกับกลุ่มอันธพาล”
รอนมองตามข่าวส่ายศีรษะ ขณะที่พวกเขาเจอก่อกวนกลับมีเด็กที่ไปก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ช่างแย่จริงๆ
แต่เดี๋ยวนะ ภาพนั่นมันคุ้นๆ
“นี่เป็นภาพที่นักข่าวของเราบันทึกได้ขณะเกิดเหตุทะเลาะวิวาท”
ภาพบนเครื่องรับโทรทัศน์ตัดไปเป็นภาพรุ่นพี่ม.6ที่กำลังวิ่งไปหน้าโรงเรียนด้วยสีหน้าที่โกรธจัดเพื่อหวังจะถ่ายภาพคนที่ปาหินใส่กระจกในโรงเรียน
“จากเหตุทะเลาะวิวาทครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บหลายคน เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินและนักเรียน นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทางเราได้สอบถามไปทางโรงเรียนและกลับพบว่าไม่มีใครสามารถบันทึกภาพคู่กรณีได้”
ภาพตัดไปเป็นภาพนักเรียนหญิงที่ถูกทำร้าย3คนแรก เสียงบรรยายยังคงบรรยายต่อไป
“แต่จากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยระบุว่า การกระทำครั้งนี้น่าจะเป็นการลงมือของผู้กว้างขวางในพื้นที่ที่ชื่อว่า เป๋งโมบาย ซึ่งเป็นผู้ที่เป็นที่รู้จักกันว่าทำธุรกิจโทรศัพท์มือถืออยู่ในพื้นที่ มีข่าวลือว่าเป๋งโมบายคนนี้มีธุรกิจสีเทาหลายอย่างและมีสายสัมพันธ์กับแก็งค์ ‘ซื่อเย่ว์’ แก็งค์ชาวจีนที่รู้จักในไทยในชื่อแก็งค์เมษา ซึ่งทางเราจะได้รวบรวมข้อมูลต่อไป”
รอนมองดูภาพบนทีวีแล้วขมวดคิ้ว เพราะขณะที่ผู้บรรยายพูดถึงเป๋งโมบายและแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยนั้น ภาพข่าววนไปวนมาที่ใบหน้าของน้องม.1ผู้หญิงทั้ง3คนตลอดเวลา
“แบบนี้ไม่น่าเหมาะนะ ใครไม่รู้จะคิดว่าน้องสามคนนั้นเป็นคนให้ข้อมูล แล้วลงข่าวแบบไม่ปิดบังใบหน้าอย่างนี้จะดีเหรอ”
หลังรับยาเสร็จรอนกลับไปที่โรงเรียน ทั้งสองเดินผ่านตำรวจที่กำลังดูที่เกิดเหตุเข้าไปในห้องฝ่ายปกครอง บราเดอร์สมนึกกำลังคุยโทรศัพท์อยู่อย่างเคร่งเครียด ส่วนห้องข้างๆครูกำลังรับสายผู้ปกครองที่โทรเข้ามาจนสายแทบไหม้
ปัง!
โทรศัพท์ในมือบราเดอร์ถูกปาอัดเข้าแป้นจนพลาสติกแตกกระจาย
หลังจากหายใจเข้าออกลึกๆครึ่งนาที บราเดอร์ก็ค่อยๆพูดออกมา
“ทางนั้นไม่ยอมเอาข่าวออก บอกว่าในข่าวมีความชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ได้ระบุสักคำว่านักเรียน3คนนั้นให้ข่าว”
“แต่บราเดอร์บอกแล้วใช่ไหมครับว่าถ้าคนฟังผ่านๆอาจจะเข้าใจผิดได้”ครูเทพบอก
“ใช่ แต่ทางนั้นยืนยันว่าในข่าวไม่ได้ระบุ ดังนั้นเค้าไม่ผิด” บราเดอร์บอก “เมื่อกี้เลยให้ทนายโทรไปอีกทางหวังว่าจะพอเจรจาอะไรกันได้บ้างก่อนจะมีคนเข้าใจผิด”
รอนนึกได้พอดี
“บราเดอร์ครับ น้องคนที่เจอเอาภาพขึ้นข่าวเค้าบอกกับผมว่าตอนที่เจอทำร้ายเค้าถูกคนพวกนั้นแย่งกระเป๋าไป ในนั้นมีบัตรประชาชนน้องเค้าอยู่ด้วย”
“ตายล่ะ แบบนี้ยิ่งต้องรีบให้ทางนั้นแก้ข่าว ไม่งั้นอันตรายแน่”
กริ๊งงงงงงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“สงสัยทางช่องโทรมา เดี๋ยวขอคุยดูก่อน ฮัลโหล เอ๊ะ ครับ ……เดี๋ยวๆเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ นี่ไม่ได้แก้ตัวแทนเด็ก ไม่มีใครให้ข่าวจริงๆ เดี๋ยวๆๆ ฮัลโหล ฮัลโหล”
บราเดอร์สมนึกค่อยๆวางสายลง ปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นที่หน้าผากเป็นเม็ดๆ
“ใครโทรมาเหรอครับ” ครูเทพถาม
“เป๋งโมบาย ทางนั้นบอกให้เราบอกชื่อที่อยู่เด็กอีกสองคนที่ให้ข่าวกับนักข่าวซัดทอดมัน ดูเหมือนทางนั้นเข้าใจผิดจริงๆว่านักเรียนของเราไปให้ข่าวกับนักข่าว”
“สองคน แต่ในข่าวมีภาพเด็กของเราสามคนนี่ครับ” ครูเทพถามอย่างสงสัย
“ใช่ ในภาพมีสาม แต่เป๋งโมบายขอชื่อแค่สอง”
บราเดอร์สมนึกบอก
“มันบอกว่าเพราะในมือมันมีบัตรประชาชนของเด็กคนนึงแล้ว มันรู้ชื่อที่อยู่ของเด็กคนนั้นแล้วไม่จำเป็นต้องถามเรา”
รอนที่ยืนฟังอยู่ยืนเหงื่อแตกอยู่ตรงกลางห้องฝ่ายปกครอง
ฉิบหายแล้ว!