ไม่กี่วันต่อมา หลินฮวงไม่ไปไหนอีก เขากลับพักผ่อน ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวและเดินเล่นรอบดาวดาบสวรรค์
แม้เขาจะไม่พบจินอู่ เขาก็คาดไว้อยู่แล้ว เขาไม่ได้สนใจมันมาก
รายละเอียดท่องเที่ยวที่ส่งโดยจอมเทพมีรายละเอียดสูง ทั้งจุดท่องเที่ยวเล็กและใหญ่ถูกเขียนไว้หมด รวมถึงคะแนนแนะนำ3-5ดาว มีร้านอาหารและร้านพิเศษบนดาว รวมถึงราคาปกติของสินค้า
หลินฮวงเดินเล่นทั่วกับสองทาสดาบทั้งวัน และพวกเขาก็สามารถเยี่ยมชมได้แค่หนึ่งในห้า
เช้าวันต่อมา หลินฮวงและสองทาสดาบมาถึงร้านขายงานฝีมือ
ร้านนี้คือร้านแนะนำห้าดาว มันคือร้านขายงานแกะสลัก
งานแกะสลักทั้งหมดได้รับการแกะสลักด้วยเจ้าของเองและงดงามมาก
ตามข้อมูลที่ดาบ11ให้ เจ้าของร้านแค่คนธรรมดาที่ไม่มีศักยภาพบ่มเพาะ แต่เป็นผู้ที่เข้าใจเต๋าดาบผ่านการแกะสลัก แม้มันจะเป็นแค่ขั้นแรกสุดของเต๋าดาบระดับ1 มันก็ยังน่าทึ่ง ต้องรู้ว่าผู้บ่มเพาะดาบหลายคนที่เลื่อนเป็นหลุดพ้นอาจไม่จำเป็นต้องเข้าใจเต๋าดาบขั้น1
หลินฮวงจึงมาที่ร้านด้วยความสนใจทั้งตัวร้านและเจ้าของ
ทันทีที่เขามาถึงประตูร้าน หลินฮวงก็เห็นป้ายไม้’ศาลาหัวใจแกะสลัก’
จากระยะไกล หลินฮวงรู้สึกได้ถึงความหมายที่ลึกล้ำภายใน
แม้มันจะตื้นและบาง มันก็เป็นตัวอักษรที่สามารถแกะสลักได้โดยคนที่เข้าใจเต๋าดาบ
“หัวใจแกะสลัก…เจ้าของร้านคนนี้ไม่เลวเลย”หลินฮวงยิ้มและเข้าร้านพร้อมสองทาสดาบ
พื้นที่ร้านไม่ใหญ่ แค่ประมาณ100-130ตารางเมตร
ตู้ขนาดใหญ่หลายตู้ติดอยู่บนผนัง ชั้นวางด้านในเต็มไปด้วยรูปแกะสลักขนาดเท่าฝ่ามือ
ส่วนใหญ่เป็นมอนสเตอร์ต่างๆ มีมนุษย์น้อยมาก แต่ไม่มีรูปสลักไหนที่ซ้ำกัน
นอกจากตู้ติดกำแพง ยังมีโต๊ะใหญ่สองตัวที่วางในห้อง ปูด้วยผ้าดำและใช้เป็นแท่นวางแสดง
รูปแกะสลักบนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างหนาแน่นและพวกมันก็ไม่ได้มีขนาดเหมือนอันในตู้ ตรงนี้ รูปสลักจะมีทั้งเล็กและใหญ่ อันใหญ่สูงประมาณครึ่งเมตรและอันเล็กก็แค่ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ
หลินฮวงมองรูปแกะสลักบนโต๊ะที่ความสูงแตกต่างกันและเลิกคิ้ว
“เจ้าของร้าน มีงานบางชิ้นบนโต๊ะที่เจ้าไม่ได้แกะเองด้วยสินะ?”
หลินฮวงกล่าวเช่นนี้เพราะเขารู้สึกว่ารูปแกะสลักส่วนใหญ่บนโต๊ะไม่มีความหมายภายในเหมือนอันที่เจ้าของแกะเอง
“บางอันคือความล้มเหลวของข้า บางอันข้าสะสมมาจากสถานที่ต่างๆ และจำนวนหนึ่งก็ถูกแกะสลักโดยศิษย์ข้า”เจ้าของร้านมองหลินฮวง ดูเหมือนจะแปลกใจกับการรับรู้ของหลินฮวง
หลินฮวงมองโต๊ะ รูปแกะสลักอันหนึ่งพลันดึงดูดความสนใจเขา
มันคืออีกาทองคำสามขาที่มีความสูงเกือบ30เซนติเมตร วัสดุที่ใช้แกะสลักเป็นไม้มะเกลือธรรมดา
การแกะสลักบนตัวอีกาทองดูธรรมดา ปัญหาหลักคือลายเส้นนั้นแข็งกระด้างไป มันดูเหมือนงานของคนฝึกหัด แต่สิ่งที่หลินฮวงสับสนคือกลิ่นอายซ่อนเร้นอยู่ภายใน
หากเขาไม่เข้าใจแก่นแท้เต๋าดาบ มันคงอยากที่จะสัมผัส
สิ่งที่หลินฮวงสับสนยิ่งกว่าคือสัมผัสภายในนั้นแตกต่างจากของเจ้าของร้าน
เขาหยิบรูปแกะสลักอีกาทองขึ้นมาและตรวจดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าฐานรูปแกะสลักถูกสลักด้วยคำสองคำ’จิน อู่’!
เมื่อเขาเห็น เขาก็ตกใจ
เขาใช้จิตเทวะเขาทันทีและตรวจสอบมันอย่างถี่ถ้วน
ภายใต้จิตเทวะ ปัญหาของรูปแกะสลักนี้ยิ่งชัดเจน มีปัญหาในรายละเอียด มันให้ความรู้สึกของมือใหม่ที่ยังไม่เรียนการแกะสลัก
นอกจากนั้น หลินฮวงไม่พบอะไร
เพียงเมื่อหลินฮวงกำลังจะถามเจ้าของร้าน เสียงของหยินหยินก็ดังขึ้น
“กลิ่นอายของรูปแกะสลักนัก หยินหยินรู้สึกว่ามันคุ้นๆ..”
“มันเกี่ยวกับท่านอาจารย์จอมเทพไหม?”หลินฮวงรีบถาม
“หยินหยินไม่รู้…”หยินหยินยังไม่ให้คำตอชชัดเจน
แม้เขาจะไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการจากหยินหยิน แต่หลินฮวงก็เดาว่าแม้วัตถุนี้จะไม่เกี่ยวกับจอมเทพตรงๆ มันก็อาจเกี่ยวกับจินอู่ที่สโมสรกำลังตามหา
เขามองงานแกะสลักไม้อื่นๆ จากนั้นก็ใช้จิตเทวะตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีอันไหนที่คล้ายอันนี้
จากนั้นเขาก็เดินไปหาเจ้าของร้านพร้อมรูปสลักอีกาทอง
“เจ้าของร้าน อันนี้ราคาเท่าไร?”
เจ้าของเงยหน้าขึ้นมองอีกาทองที่หลินฮวงถือ จากนั้นก็หันกลับไปที่หลินฮวงอีกครั้ง”หากเจ้าอยากได้ ข้าก็จะให้เจ้าฟรีๆ”
“ทำไมละ?มันไม่มีค่าเลยหรือ?”หลินฮวงจงใจถามเพื่อรับเอาข้อมูลเพิ่ม
“นี่เป็นงานของเด็กสองเดือนก่อนที่มาเรียนในชั้นเรียนข้า สำหรับมือใหม่ที่สลักได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่การเรียนครั้งแรก มันก็บ่งชี้แล้ว่าเขามีพรสวรรค์ น่าเสียดาย หลังชั้นเรียนฟรี เขาก็ไม่ได้มาอีก”เจ้าของร้านอธิบาย”หากเจ้าชอบ ก็เอาไปเถอะ”
“ข้าขอรายละเอียดของเด็กนั่นได้หรือไม่?”หลินฮวงถาม
“ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้?”เจ้าของร้านมองหลินฮวงอย่างระมัดระวัง
“ข้าคือผู้บ่มเพาะและกำลังมองหาศิษย์ หลังเห็นรูปแกะสลักนี้ ข้าก็คิดว่าเด็กนี่อาจเป็นคนที่ข้ากำลังมองหา”หลินฮวงใช้ข้ออ้างของดาบ11 เมื่อพูดจบ ร่างเขาก็ค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น แสดงตนว่าเป็นผู้บ่มเพาะ
เมื่อเจ้าของร้านเห็นเท้าของหลินฮวงลอยขึ้นเหนือพื้น เขาก็ตกตะลึง มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะได้สติคืนและถามต่อ”เจ้าแค่มองก็รู้แล้วว่าใครมีศักยภาพบ่มเพาะงั้นหรือ?”
“แค่มองก็พอแล้วสำหรับข้า”หลินฮวงพยักหน้าขณะลอยลงบนพื้น
“งั้นเจ้าช่วยมองดูข้าหน่อยได้หรือไม่?”เจ้าของร้านถามด้วยความละอาย เขาอยู่ในวัย50 แต่ก็ยังฝันจะเป็นผู้บ่มเพาะ
“เจ้าเลือกได้ดีบนเส้นทางสายนักแกะสลัก ไม่ต้องกังวลเรื่องการบ่มเพาะหรอก”หลินฮวงตอบด้วยรอยยิ้ม
แม้เขาจะไม่ให้คำตอบชัดเจน เจ้าของร้านก็เข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดหลินฮวง ใบหน้าเขาแดงและไม่กล้าถามต่อ
“ข้าจะถามศิษย์ข้า คนที่เข้าร่วมชั้นเรียนฟรีควรมีรายละเอียดบันทึกไว้”
เมื่อพูดจบ เจ้าของร้านก็รีบติดต่อศิษย์เขาและถามข้อมูลส่วนตัวของเด็กที่หลินฮวงสอบถาม
“ชื่อของเด็กคืออู่ห่าว เขาอายุ16ปี บ้านเขาอยู่ในถนนอุกกาบาต…”
เมื่อเขาอ่านที่อยู่ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“มีอะไรงั้นหรือ?”หลินฮวงสังเกตเห็นและรีบถาม
“ถนนอุกกาบาตเป็นสลัมและมันก็วุ่นวายมาก..”เจ้าของร้านพึมพำ’ไม่แปลกใจที่เขาจะมาเข้าร่วมแค่ชั้นเรียนฟรี..”
“ขอบคุณมาก!”หลินฮวงโยกหินเทวะให้เจ้าของร้านและหายไปพร้อมสองทาสดาบ
เจ้าของจ้องทิศทางที่ทั้งสามเคยยืนอย่างงุนงง วินาทีต่อมา เมือ่เขาเห็นหินเทวะสีดำในมือ ดวงตาเขาก็เบิกกว้าง
“นี่…นี่คือ..หะ-หะ-…หินเทวะ?!”