เพื่อให้ถือเป็นเทพแท้จริง คนต้องจุดไฟเทวะและยังบรรลุความเข้าใจถึงการดำรงอยู่ของพลังกฏเทพหรือพลังตรัสรู้ธาตุ
เพราะพลังเทวะภายในตัวถูกกลั่นโดยไฟเทวะ คุณภาพของพลังเทวะที่ครอบครองโดยเทพแท้จริงจึงเหนือกว่าเทพเสมือน เมื่อรวมเข้ากับพลังกฏเทพและพลังตรัสรู้ธาตุ มันจึงกลายเป็นความจริงที่ทั้งจักรวาลต้องยอมรับ
ดังนั้น เทพเสมือนที่ท้าทายเทพแท้จริงจึงยากพอๆกับการท้าทายสวรรค์
นอกจากอัจฉริยะเทพเสมือนขั้นสูงสุดน้อยคนที่ใช้พลังกฏเทพหรือพลังตรัสรู้ธาตุได้ ถึงพอมีความสามารถท้าทายเทพแท้จริง เทพเสมือนคนอื่นไม่มีโอกาสชนะเทพแท้จริงเลย
หลินฮวงกล้าท้าทายเทพแท้จริงด้วยเหตุผลง่ายๆ
เขายังมีไฟเทวะภายในตัว ด้วยความที่พลังเทวะเขาได้รับการกลั่นด้วยไฟเทวะ มันจึงเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น1 นอกจากนี้ เขายังใช้พลังกฏเทพและการตรัสรู้ธาตุได้ และยังมีพลังของแก่นแท้เต๋าดาบ
ถึงแม้ระดับพลังเขาจะเป็นแค่จักรพรรดิขั้น10 ในทุกแง่มุม เขาไม่ได้ด้อยกว่าเทพแท้จริงขั้นต่ำเลย
หลังเลื่อนเป็นจักรพรรดิขั้น10 สิ่งแรกที่หลินฮวงทำคือเริ่มล่าเทพแท้จริง
ยังเหลือเวลาอีกสองวัน เขาอยากใช้สองวันสุดท้ายนี้เพื่อยกระดับเป็นเทพเสมือน
มันเป็นเรื่องดีที่ราชาจักรกลได้ระบุมอนสเตอร์ระดับเทพแท้จริงไว้ด้วยในระหว่างการค้นหาเทพเสมือน ในเวลานั้น เหตุผลก็เพื่อหลีกเลี่ยงบริเวณเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ใครจะไปรู้ว่าข้อมูลนั้นจะมีประโยชน์ตอนนี้
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที ราชาจักรกลก็วางแผนเส้นทางล่าที่ดีสุดแล้ว
หลังผ่านไปไม่ถึงสิบนาที หลินฮวงก็ระบุเหยื่อเทพแท้จริงขั้น1ตัวแรก
นี่คือมนุษย์หิมะกำยำ ซึ่งดูน่ารักมาก
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่มันคือวิญญาณน้ำแข็งระดับเทพแท้จริงก็ทำให้พลังมันไม่อาจประมาทได้
มันสูงประมาณห้าเมตร ด้วยลักษณะที่เหมือนมนุษย์หิมะที่เด็กๆจะสร้างในวันที่หิมะตก ยกเว้นแค่ว่ามันมีสองขาและถือว่าใหญ่มาก
มนุษย์หิมะกำยำเชี่ยวชาญในการใช้การตรัสรู้ธาตุน้ำแข็ง โดยเฉพาะการโจมตีเวทย์ เพราะพวกมันคือจิตวิญญาณน้ำแข็ง พวกมันจึงสามารถใช้เทคนิคธาตุน้ำแข็งได้มากมาย
แต่ทว่า แม้จะถนัดการโจมตี แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่พวกมันชำนาญ
ความจริงก็คือ มนุษย์หิมะทั้งหมดมีอุปกรณ์ป้องกันแสนน่ากลัว การป้องกันเหล่านี้ไม่เหมือนยักษ์น้ำแข็ง ร่างของมนุษย์หิมะสามารถดูดซับการโจมตีทางพลังงานและกายภาพได้เป็นจำนวนมาก ช่วยลดความเสียหายจริงต่อตัวมัน
นอกจากนี้ มนุษย์หิมะกำยำยังเหมือนยักษ์น้ำแข็ง ติดตั้งอุปกรณ์ที่มีความแข็งแกร่ง ท่ามกลางมอนสเตอร์ระดับเดียวกัน พลังของมันถือว่าเหนือกว่ามาตรฐาน
หากมีคนใสซื่อคิดว่ามนุษย์หิมะแค่ถนัดในเทคนิคโจมตี และมีการป้องกันอ่อนด้อย พวกเขาก็จะตายอย่างน่าสมเพช
เมื่อก้มมองมนุษย์หิมะด้านล่างจากบนฟ้า หลินฮวงก็รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงเขาแล้ว
มนุษย์หิมะอาจไม่ก้าวร้าว แต่กไม่ได้หมายความว่าพวกมันไร้เขตแดน
มนุษย์หิมะตนนี้ไม่โจมตีหลินฮวงและราชาจักรกลตอนพวกเขาเข้าเขตแดนมันเพราะมันสัมผัสว่าผู้บุกรุกทั้งสองยังไม่ถึงระดับเทพแท้จริงและก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรนัก อีกเหตุผลคือมนุษย์หิมะคิดว่าทั้งสองแค่คนผ่านทางและไม่ได้มาล่ามัน นี่ยังเกี่ยวข้องกับความจริงที่หลินฮวงไม่ปล่อยจิตสังหารออกมาแต่แรก
แต่ทว่า ผู้บุกรุกตอนนี้กลับเข้าใกล้จุดที่มันอยู่มาก นี่ทำให้มันปกป้องเขตแดนตามสัญชาตญาณ มันประเมินเจตนาของทั้งสองใหม่และยืนยันว่าทั้งคู่กำลังตรงมาทางมัน
เมื่อมันยืนยันว่าหลินฮวงและราชาจักรกลมีเจตนาร้าย ความน่ารักมันก็หายไป ดวงตามันเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดราวกับหมึกแดงเข้มได้หยดลงบนนั้น ปากมันยกขึ้นสูง เปิดกว้างครึ่งหน้า เผยให้เห็นฟันแหลมคม
ร่างของมันขยายใหญ่ไปด้วย ในเวลาไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ มันก็สูงถึงสิบเมตร
แม้เขาจะเคยเห็นคำอธิบายของมันในสารานุกรมมอนสเตอร์ เขาก็ยังตกใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงมันกับตา
“ฉันสงสัยว่าคนเหล่านั้นบนเครือข่ายที่เอะอะทุกวันว่าอยากได้มนุษย์หิมะไปเป็นสัตว์เลี้ยงจะยังอยากได้มันอีกไหม”เขาพึมพำ
วินาทีที่เขาพูดจบ เขาก็พบว่าหมอกขาวซีดเริ่มรวมกันรอบตัวเขาและเขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าอุณหภูมิของอากาศกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดทักทายเลยและยังโจมตีทันที?”หลินฮวงก่นด่า แต่มือเขากลับไม่ได้ช้าลงเลย
ด้ามดาบสีแดงเข้มปรากฏในฝ่ามือหลินฮวง วินาทีต่อมา ใบดาบสีเงินกว้างหนาก็ก่อตัวขึ้น
ดาบเฉือนผ่านอากาศ ลมแรงส่งเสียงหวีดแหลมและหมอกรอบตัวหลินฮวงก็หายไปทันที อุณหภูมิของอากาศ ซึ่งลดลงอย่างรวดเร็วก่อนหน้ากลับเพิ่มขึ้น
ในความเป็นจริง หมอกขาวที่มนุษย์หิมะสร้างขึ้นคือทักษะเทวะการตรัสรู้ธาตุน้ำแข็ง คลื่นน้ำแข็ง
ทักษะเทวะเฉพาะนี้ปรากฏในรูปแบบหมอกที่สามารถลดอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็วเพื่อชะลอความเร็วศัตรู
หากศัตรูอ้อยอิ่งภายในคลื่นน้ำแข็งนานเกินไป พวกเขาอาจถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
แต่ทว่า การโจมตีของหลินฮวงก่อนหน้าก็ถูกขับเน้นด้วยธาตุลม มันกวาดไล่คลื่นน้ำแข็งออกไปและนำเขาออกสถานการณ์นั้น
เมื่อเห็นว่าการโจมตีมันถูกทำลายง่ายๆ มันก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
จากสิ่งที่มันสัมผัสก่อนหน้า กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยทั้งสองยังไม่ถึงเทพแท้จริงเลย
เดิมมันคิดว่าคลื่นน้ำแข็งจะจัดการผู้บุกรุกทั้งสองได้และเปลี่ยนเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
มันไม่คิดว่าเพียงการโจมตีเดียวของอีกฝ่ายจะลบการโจมตีของมันได้
แต่ทว่า ช่วงเวลาสั้นๆที่มันตกตะลึงกลับเปิดโอกาสให้หลินฮวง
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับคู่ต่อสู้ระดับเทพแท้จริง หลินฮวงจึงไม่กล้าประมาท ตอนนี้ที่เขาพบจุดอ่อนในการป้องกันของศัตรู เขาย่อมไม่ปล่อยให้มันหลุดมือไป
ในชั่วพริบตา รูปทรงของดาบเขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นใบดาบยาวและแคบ วินาทีต่อมา คลื่นดาบก็แหวกผ่านท้องฟ้าเหมือนประกายไฟฟ้าสีแดงเลือด
มนุษย์หิมะที่อยู่ไกลไปหลายร้อยเมตรไม่มีเวลาตอบสนองก่อนจะถูกตัดด้วยดาบ
หลินฮวงไม่เก็บรั้งอะไรในการโจมตีนี้ เขาผสานแก่นแท้เต๋าดาบกับธาตุสายฟ้า-ชั่วพริบตา พลังกฏเทพธาตุไฟ-ปีศาจรอยสัก และพลังสังหารเทพ
ด้วยผลของพลังกฏเทพทั้งสี่ การโจมตีนี้จึงพอจะพรากชีวิตของมนุษย์หิมะ
ก่อนหัวของมนุษย์หิมะจะกลิ้งตกพื้น กลิ่นอายของมันก็หายไปจนหมด
ศพขนาดใหญ่ของมันตกลงมากลายเป็นกองหิมะขนาดใหญ่
หลินฮวงไม่คิดว่าจะสามารถฆ่าเทพแท้จริงขั้น1ได้ นี่ทำให้เขาดีใจมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าเทพแท้จริงด้วยมือตัวเอง มันยังเป็นครั้งแรกที่เขาพบว่าเขาในตอนนี้ทรงพลังแค่ไหน
“ข้าสามารถฆ่าเทพแท้จริงขั้น1ได้ง่ายๆ ข้าไม่รู้ว่าขีดจำกัดความสามารถข้าขั้นเทพแท้จริงขั้น2หรือ3..”
หลังใช้เวลาหลายนาทีเพื่อดึงไฟเทวะจากภายในศพของมนุษย์หิมะ หลินฮวงก็โยนมันไปในตัวเขา
เมื่อไฟเทวะสีขาวเข้าตัวหลินฮวง มันก็เปลี่ยนเป็นลำแสงที่ไหลไปในกงล้อชีวิต พูดให้ถูก มันไหลไปในหนึ่งในตะเกียงชีวิตและเริ่มรวมเข้ากับไฟเทวะสีแดงเข้มภายในตะเกียง
“ด้วยความเร็วปัจจุบันนี้ มันจะใช้เวลาเกือบเดือน..”
ตามสิ่งที่เขาสัมผัสได้ถึงความเร็วการผสานของไฟเทวะ หลินฮวงเดาว่ามันต้องใช้เวลาเกือบเดือน
เขามอ งกงล้อชีวิตทั้งเก้า มันกลายเป็นชัดเจนมากขึ้นว่าก้าวต่อไปที่เขาควรเดินอยู่ทางไหน…