การสร้างพันธมิตรดาบไม่ใช่สิ่งที่หลินฮวงเพิ่งฉุกคิด
แผนระยะยาวที่เจ้าแดงวาดไว้รวมถึงการบ่มเพาะอัจฉริยะด้วย
แต่ทว่า ข้อเสนอแนะที่เจ้าแดงหยิบยกมาในเวลานั้นคือปล่อยให้ขัตติยะและผู้ปลดปล่อยรับสมัครคนรุ่นเยาว์
ตอนนั้นหลินฮวงยังไม่ได้กลายเป็นทายาทของมรดกจอมเทพ
ตอนนี้ที่เขาได้รับมรดกจอมเทพร่วมกับการสนับสนุนของเหล่าทาสดาบ เขาจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาส
นี่คือแนวคิดเลียนแบบจอมเทพและสร้างองค์กรผู้บ่มเพาะดาบล้วนๆ
แต่ทว่า ไม่เหมือนกับจอมเทพที่คัดเลือกผู้บ่มเพาะดาบเก่งๆมาเป็นลูกน้อง หลินฮวงหวังจะทำยิ่งกว่านั้น เขาตั้งเป้าที่จะฝึกผู้บ่มเพาะดาบจากรากหญ้าและค้นพบอัจฉริยะในด้านนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอน เขาไม่ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกผู้ฝึกหัดที่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะดาบ ทั้งขัตติยะและผู้ปลดปล่อยเองก็ไม่ได้หยุดรับสมัครคนใหม่
พูดตามตรง เมื่อพวกเขาได้ยินว่าหลินฮวงกำลังจะสร้างพันธมิตรดาบ ดวงตาของทาสดาบเกือบทุกคนก็สว่างวาบ พวกเขาไม่คิดว่าหลินฮวงและจอมเทพจะมีวิสัยทัศน์คล้ายกัน ในความเป็นจริง จอมดาบคนใหม่ยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่า
หลังเขาจัดการเรื่องของเสี่ยวโม่และที่ที่ทาสดาบทั้งหมดจะไป หลินฮวงก็ติดต่อหวงเทียนฟู่อีกครั้ง บอกเขาถึงที่พักของเหล่าทาสดาบและจากนั้นก็ขอประตูมิติ
แม้หวงเทียนฟู่จะค่อนข้างแปลกใจกับเหล่าทาสดาบ เขาก็ไม่คัดค้านอะไร
หลังจากได้รับประตูมิติจากหวงเทียนฟู่ หลินฮวงก็นำกลุ่มทาสดาบสิบคนข้ามประตูมิติและปรากฏที่ศูนย์ใหญ่ผู้ปลดปล่อย
ในด้านของผู้ปลดปล่อย จื่อจี้และคนอื่นรู้ข่าวการมาของหลินฮวงตั้งแต่ต้นแล้ว
พวกเขาไม่แปลกใจที่หลินฮวงปรากฏตัว มีแค่เหล่าทาสดาบแปลกหน้าทั้งสิบที่มีกลิ่นอายน่ากลัว ซึ่งทำให้ทุกคนตกใจ
“จื่อจี้ เรียกชุดคลุมแดงทั้งหมดมาห้องประชุม1เดี๋ยวนี้!”
หลินฮวงพูดและเดินตรงไปห้องประชุมพร้อมสิบทาสดาบ
จื่อจี้บอกให้ชุดคลุมแดงคนอื่นรีบตามไปขณะเริ่มติดต่อกับชุดคลุมแดงคนอื่นทีละคน
สิบนาทีต่อมา ชุดคลุมแดงทั้งสิบห้าก็มาถึง
แต่ทว่า เมื่อพวกเขาเห็นคนแปลกหน้าสิบคนในห้องประชุม พวกเขาก็ทำการคาดเดาว่าหลินฮวงอาจเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
“จากวันนี้ไป ทั้งสิบคนนี้จะเป็นแขกอย่างเป็นทางการของผู้ปลดปล่อย ได้รับสิทธิพิเศษและอำนาจของชุดคลุมแดง”หลินฮวงผายมือไปทางทาสดาบทั้งสิบด้านหลังเขา
มันไม่แปลกที่จื่อจี้และคนอื่นจะพบว่าทั้งสิบคนนี้คือเทพเสมือนขั้น9 ด้วยคนระดับนี้ที่มาเข้าร่วมผู้ปลดปล่อย ความสามารถโดยรวมขององค์กรย่อมเพิ่มขึ้นมาก แต่ทว่า เหล่าชุดคลุมแดงก็ยังเก็บความกังวลมากมายไว้ในใจ พวกเขากลัวว่าหลินฮวงกำลังวางแผนให้ทั้งสิบคนนี้โค่นล้มอำนาจพวกเขา
“ไม่ต้องจัดตำแหน่งให้พวกเขา หากพวกเขาต้องการอะไร แค่ให้ความร่วมมือก็พอ”หลินฮวงพูดเสร็จ หันไปกล่าวกับทาสดาบทั้งสอบ”การประชุมอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้นต่อจากนี้ พวกเจ้าทั้งสอบสามารถอยู่ได้หากอยากอยู่ หากไม่อยาก พวกเจ้าจะไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”
หลังได้ยินคำพูดของหลินฮวง เหล่าชุดคลุมแดง รวมถึงจื่อจี้ก็แอบโล่งใจ
พวกเขาสันนิษฐานว่าหลินฮวงนำคนทั้งสิบเหล่านี้เพื่อมาแทนเหล่าชุดคลุมแดงที่มีอยู่และค่อยๆลบอำนาจพวกเขา
แต่ทว่า ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ต้องจัดตำแหน่งใดให้ผู้มาใหม่ แต่พวกเขายังมีทางเลือกว่าจะรับฟังการประชุมไหม ซึ่งพิสูจน์ว่าหลินฮวงไม่ได้ตั้งใจให้ทั้งสิบคนนี้มาเข้าร่วมผู้ปลดปล่อย
ทาสดาบหลายคนลุกขึ้นและออกไป บรรยากาศที่เดิมหนักอึ้งค่อยๆคลายลง
“จื่อจี้ บอกการขยายตัวของผู้ปลดปล่อยตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาให้ข้าฟัง…”
หลินฮวงพูดถึงหัวข้อหลักของการประชุมอย่างรวดเร็ว
การประชุมกับผู้ปลดปล่อยจบลงหลังผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง
ไม่เหมือนคนของขัตติยะ คนของผู้ปลดปล่อยต่างอยากรู้เกี่ยวกับการเดินทางของหลินฮวงไปมหาพิภพแต่ไม่มีใครกล้าถามเรื่องนี้
หลินฮวงพูดสั้นๆถึงสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในมหาพิภพ เน้นย้ำว่า’ระดับเทพเสมือนแค่จุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ’
หลังกำหนดก้าวต่อไปของการพัฒนา หลินฮวงก็ทิ้งทาสดาบไว้และกลับไปเมืองจักรพรรดิลำพัง
ทันทีที่เขากลับเมืองจักรพรรดิ อุปกรณ์สื่อสารเขาก็เริ่มสั่น
เมื่อเขาดึงหน้าเว็บสื่อสารขึ้นมา มันก็เป็นข้อความกลุ่มจากแพลตฟอร์ม ผู้ส่งคือหยี่เสิ่นและเขาก็แท็กหลินฮวง
กลุ่มนี้คือกลุ่มเล็กๆที่หลินฮวงก่อตั้งขึ้นก่อนเขาออกโลกกรวด เพื่อนเขาทุกคนก็อยู่ในนี้
ไม่ใช่แค่เจ้าแดง หยี่เสิ่นและเล้งเยวี่ยซิน แต่เฉินเตา ลั่วหมิง เสี่ยวโม่และคนอื่นก็อยู่ด้วย
ข้อความที่ส่งมาโดยหยี่เสิ่นเขียนไว้ว่า”เจ้ากลับมาแล้ว?!”
หลังจากนั้น หยี่เยว่หยู่และหลี่หลางก็ส่งเครื่องหมายคำถามตามมา
“สถานการณ์เป็นยังไง?พี่ชายเจิ้ง ท่านไปได้ข่าวมาจากไหน?”เจ้าอ้วนหยินหยางยี่ถาม
หลังคิดสักพัก หลินฮวงก็เดาว่าหยี่เสิ่นต้องได้รับข่าวจากรัฐบาลกลาง เหนือสิ่งอื่นใด ครอบครัวเขาถือเป็นพวกระดับสูงของฝ่ายทหาร
เนื่องจากสิ่งเหล่านี้คงหลุดออกไปไม่ช้าก็เร็ว หลินฮวงจึงไม่คิดปกปิดและตอบกลับ
‘ข้ากลับมาแล้ว”
ทันทีที่ส่งข้อความ ทั้งกลุ่มก็มีคำถามมากมาย
“มียอดฝีมือมากไหมในมหาพิภพ?”
“การใช้ชีวิตในมหาพิภพเป็นอย่างไรบ้าง?”
…
หลายคำถามเกี่ยวกับมหาพิภพ
เมื่อหลินฮวงเห็นสถานการณ์ เขาก็กดวิดิโอแชท
ทุกคนที่นั่นเข้าร่วม
“ข้าไม่เห็นพวกเจ้าเลยปีหนึ่งเต็มๆ หวังว่าทุกคนจะสบายดีนะ”หลินฮวงทักทายทุกคนก่อน
“เจ้ารู้ว่าไม่เจอเรามาปีหนึ่งและยังไม่คิดทักทายเราตอนเจ้ากลับมา”หลี่หลางหัวเราะ
“ข้ายุ่ง ข้าไม่ได้กลับมาปีหนึ่งและมีงานมากมายรอข้าอยู่ ข้ายุ่งทั้งวันและเพิ่งได้พัก”หลินฮวงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“หากทุกคนว่างในอีกสองวัน หาเวลามาเจอกันสิ แต่ทว่า ข้าอาจสามารถแบ่งเวลาให้ได้แค่วันหรือสองวัน หลังจากนั้น ข้าจะเตรียมปิดประตูบ่มเพาะ ข้าไม่สามารถออกมาได้อย่างน้อยสามเดือน”
“งั้นก็อีกสองวันข้างหน้า ข้าเองก็เตรียมปิดประตูบ่มเพาะเหมือนกัน”ผู้พูดคือเฉินเตา ที่แทบจะไม่เคยส่งข้อความในกลุ่ม
“ข้าเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าจะไม่สามารถไล่ตามพวกเจ้าสองคนได้ทัน ข้าคงต้องรอชาติหน้า”เมื่อเห็นหลินฮวงและเฉินเตาพูดถึงการบ่มเพาะ หลี่หลางก็แทบอยากกัดลิ้นตาย
คนที่น่ากลัวสุดในโลกนี้คือ-อัจฉริยะที่ฝึกฝนอย่างหนัก
หลินฮวงและเฉินเตาคือคนเช่นนี้
“การกลับชาติเกิดใหม่ก็นับเป็นทักษะ แค่เพราะเจ้าอยากเกิดใหม่เป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถทำแบบนั้นได้”เจ้าอ้วนยิ้ม
“เจ้าอ้วน ธุรกิจร้านค้าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินฮวงถามทันที
“ธุรกิจของเจ้าอ้วนเป็นไปด้วยดีมาก มันเกือบกลายเป็นโรงอาหารของขัตติยะ เรายังยากจะได้กินเลย”หยี่เยว่หยู่แซว
“ข้าก็จองที่นั่งให้พวกเจ้าตลอดนี่?ตอนไหนที่ข้าปล่อยให้พวกเจ้าต่อแถว?”เจ้าอ้วนกล่าวสวน
เมื่อมาถึงจุดนี้ เล้งเยวี่ยซินก็เชื่อมต่อเข้ามา
“ดีที่เจ้ากลับมา บอกให้ข้ารู้เมื่อเจ้ากำหนดวันรวมตัว วันนี้ข้าไม่ค่อยว่าง ข้าต้องฝึก”
“ไปทำธุระเจ้าเถอะ เราจะบอกให้เจ้ารู้ทีหลัง”หลินฮวงทักทาย
เล้งเยวี่ยซินพยักหน้าและตัดการเชื่อมต่อไป
ทุกคนยังคุยกันสักพักก่อนในที่สุดหยี่เจิ้นจะกำหนดเวลารวมตัว
“เราจะนัดเจอกันพรุ่งนี้ ไปเจอกันที่ร้านอาหารของเจ้าอ้วนในเมืองจักรพรรดิตอนเก้าโมงเช้า”