เจ้าอ้วนเปิดร้านอาหารใกล้กับสาขาหลักของราชวงศ์ในเมืองจักรพรรดิ เนื่องจากความสัมพันธ์เขากับหลินฮวง ตำแหน่งมันจึงดีมาก มันเป็นตำแหน่งที่ดีสุดในเมืองจักรพรรดิและราชวงศ์ก็ไม่เคยเก็บค่าเช่าสักนิด
คนจากราชวงศ์มักมาอุดหนุนร้านของเจ้าอ้วนเพราะรสชาติ เจ้าอ้วนยังไม่เก็บคริสตัลชีวิตเป็นค่าอาหาร เขาแลกมันกับการให้คนของราชวงศ์หาวัตถุดิบมาให้เขาทุกสัปดาห์
เขาอาจเปิดร้านนี้ แต่เขาไม่เคยละทิ้งฝันที่จะเป็นนักล่าอาหาร แต่ตอนนี้เขาตระหนักว่าฝันนี้อยู่คนละทาง
เจ้าอ้วนไม่ได้ล่าวัตถุดิบเองแต่กลับได้รับมันผ่านคนของราชวงษ์ เขารับผิดชอบแค่การเตรียมวัตถุดิบและเปลี่ยนพวกมันเป็นอาหารจานเด็ด
ตรงข้ามกับที่คาดหวัง การร่วมมือแบบนี้กับคนของราชวงศ์ได้พัฒนาฝีมือการปรุงอาหารเขาอย่างรวดเร็วและรายได้เขาก็สูงมาก
ร้านอาหารเขามีผู้บ่มเพาะมากินบ่อยครั้งและเมนูเขาก็ประกอบไปด้วยวัตถุดิบพิเศษที่มีแค่นักล่าอาหารถึงเตรียมการได้อย่างเหมาะสม
ผลกำไรเขามากกว่าผลประกอบการของร้านอื่นหลายเดือน
มีแม้กระทั่งคนธรรมที่ได้ยินว่าเจ้าของร้านอาหารนี้คือนักล่าอาหาร พวกเขาจึงอยากมาลิ้มลองฝีมือของนักล่าอาหารในตำนาน
นี่ทำให้เกิดคิวยาวที่ร้านอาหารทุกวันก่อนเก้าโมงเช้า มันควรเป็นที่รับรู้ว่าเจ้าอ้วนจะไม่บริการมือเช้าที่ร้านเขา
แต่ทว่า วันนี้ เจ้าอ้วนกลับมาถึงร้านเขาตอนประมาณแปดโมงเช้า
เมื่อเห็นว่ามีแถวยาวแล้ว เขาก็ยิ้มและนำป้ายที่เขียนว่า’ปิดชั่วคราว’ออกมา
“ขออภัยลูกค้าที่รักทุกท่าน วันนี้ร้านเราปิดให้บริการ ข้าได้จองที่พิเศษไว้ให้เพื่อนเก่า”ก่อนคนที่รอกันจะได้บ่น เขาก็พูดต่อ”หากต่อแถวกันแล้ว พวกท่านจะได้รับคูปองส่วนลด50%จากเด็กเสิร์ฟเรา ด้วยคูปองนี้ ท่านสามารถจองที่ได้หนึ่งตอนไหนก็ได้ภายในปีนี้”
คนที่กำลังจะบ่นรีบปิดปากและรีบไปหาเด็กเสิร์ฟเพื่อรับคูปอง
ไม่เพียงพวกเขาจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่ง แต่พวกเขายังได้รับสิทธิพิเศษจองที่นั่ง ซึ่งหมายความว่าครั้งหน้าที่พวกเขามร้านอาหาร พวกเขาไม่ต้องต่อแถวแบบนี้
หลังเห็นลูกค้าในแถวเดินจากไป เจ้าอ้วนก็นำของตกแต่งที่เตรียมไว้มาและมอบหมายให้เด็กๆในร้านเขาจัดร้าน
หลังจัดเสร็จ มันก็เกือบเก้าโมงพอดี
หยี่เสิ่นและคนอื่นมาถึงทีละคน
เมื่อหลินฮวงมาถึง ทุกคนก็มากันแล้วยกเว้นเล้งเยวี่ยซินและเฉินเตา
“เสี่ยวโม่กับหลินซินละ?”เมื่อเห็นหลินฮวงมาคนเดียว หยี่เยว่หยู่ก็ถาม
“เสี่ยวโม่ไปทำภารกิจ ซินเอ๋อร์กำลังปิดประตูบ่มเพาะ”
หลินฮวงมองหยี่เสิ่นและน้องสาวเขา เขาสังเกตเห็นว่าทั้งสองไม่ได้เปลี่ยนไปมาก พวกเขายังเหมือนเดิม แต่ระดับพลังก็ก้าวหน้าขึ้นพอสมควร
“ดูเหมือนพวกเจ้าสองพี่น้องจะไม่เกียจคร้านกันเลยนะ พวกเจ้าเลื่อนเป็นจักรพรรดิกันแล้ว”
“ปีนี้ ความเร็วการบ่มเพาะเราพัฒนาไปมาก นอกจากนี้ ด้วยคนมากมายที่แข่งขันกับพันธมิตรสวรรค์ เราจึงไม่กล้าหย่อนยาน”หยี่เสิ่นส่ายหัวและยิ้ม หลังใช้การ์ดไร้ที่ติ พรสวรรค์อัจฉริยะและศักยภาพเขาก็เลื่อนเป็นสุดยอดอัจฉริยะ แน่นอน เขาย่อมฝึกหนักกว่าเดิมหลังจากนั้น
สำหรับหยี่เยว่หยู่ นางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่ชายตัวเอง จนถึงจุดที่ความสามารถเทียบได้กับห้าเจ้าชายอย่างเฉินเตา ไม่นานหลังหลินฮวงออกโลกกรวด นางก็ยังเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ภายใต้การแนะนำของหยี่เสิ่น หลังจากนั้น นางก็กลายเป็นคนสำคัญของพันธมิตรสวรรค์ ในสมาคมอัจฉริยะ นางยังติดหนึ่งในสามเทพธิดาที่มีผู้บ่มเพาะชายหลงใหลมากสุด ก่อนหน้านี้ เมื่อนางเลื่อนเป็นจักรพรรดิและออกสมาคมอัจฉริยะ แฟนๆหลายคนยังจัดงานเลี้ยงอำลานางที่ต้นไม้ขั้นบันได
แน่นอน หลินฮวงไม่รู้เรื่องนี้
ตั้งแต่เลื่อนเป็นจักรพรรดิ เขาก็แทบไม่ได้ให้ความสนใจกับสมาคมอัจฉริยะ นับประสาอะไรหลังเขาออกโลกกรวดไป
“การแข่งขันทำให้คนมีแรงจูงใจจริงๆ เดิมข้าเองก็ใช้เฉินเตาเป็นอุดมคติและฝึกหนัก”
ก่อนหลินฮวงจะมาถึงจุดนี้ ห้าเจ้าชายคืออุปสรรคทั้งห้าต่อทุกคนในสมาคมอัจฉริยะ ตอนนั้น หลินฮวงเองก็ฝึกหนักโดยมีเป้าหมายที่จะกลายเป็นแบบเฉินเตา
แต่ทว่า หลินฮวงก็ได้ทำลายอุปสรรคนั้นด้วยพลังอันไร้เทียมทานและกลายเป็นจักรพรรดิแห่งสมาคมอัจฉริยะ
หลังคุยกับหยี่เสิ่นและน้องสาวเขาสักพัก หลินฮวงก็หันความสนใจไปหาหลี่หลาง
ไม่เหมือนหยี่เสิ่นและน้องสาวเขา การเปลี่ยนแปลงในตัวหลี่หลางถือว่ามาก ในวิดิโอคอลก่อนหน้า หลินฮวงสังเกตหัวตัดสั้นเกรียนของเขา แต่ตอนนี้เมื่อเจอกับตา เขาก็พบว่ามันดูแปลกตา
“ผมเจ้าร่วงหรืออะไร?”หลินฮวงแซว
“เจ้าสิผมร่วง!ตาเจ้าบอดหรือไง?ข้าแค่ตัดสั้น!”หลี่หลางคำราม
“ข้าคิดว่าเจ้าไม่ได้ตัดสั้น แต่อยากเป็นพระซะอีก”
ทันทีที่หลินฮวงกล่าวแบบนี้ สองพี่น้องก็รีบรุม
ต่อมา ศิษย์พี่ลั่วหมิง(ตอนก่อนแปลว่าหลิวหมิง ขอโทษด้วยครับพอดีสับสน)ก็เข้ามาหยุดสถานการณ์
“เอาละ หยุดล้อผมเขาได้แล้ว มันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต่อเขานะ”
“ไม่เป็นไร ยังไงมันก็จบไปแล้ว”หลี่หลางโบกมือและยิ้ม”ก็แค่อกหัก แค่นั้นแหละ”
“หือ?”จากนั้นหลินฮวงถึงเข้าใจว่าทำไมหลี่หลางยังไม่กลายเป็นจักรพรรดิ มันเพราะเขาใช้เวลาไปกับเรื่องรักๆ
“ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนโพสต์ข้อความนี้ในกลุ่มทุกวันอยู่หลายเดือน ‘จะมีการพบปะที่ไม่คาดฝันและความสุขที่ไม่คาดคิดในโลกนี้ แน่นอน จะต้องมีการอำลาที่ไม่คาดคิดและการลาจาก’”หยี่เยว่หยู่บ่นข้างๆ
ข้างนาง หยี่เสิ่นรีบดึงน้องสาวเขาและส่ายหัว
“ทำไมถึงไม่ทุ่มเทกับการบ่มเพาะ?มหาพิภพเต็มไปด้วยสาวงาม ทันทีที่เจ้าเลื่อนเป็นเทพเสมือน ข้าจะพาเจ้าไปมหาพิภพ ดีไหม?”หลินฮวงยิ้มและตบไหล่หลี่หลาง
หลินฮวงไม่ซักถามถึงรายละเอียด แต่กลับหันไปมองศิษย์พี่เขาอย่างลั่วหมิง
ระดับพลังปัจจุบันของลั่วหมิงถึงจุดสูงสุดของระดับจักรพรรดิทองม่วงแล้ว ห่างจากระดับเทพเสมือนแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
“ระดับพลังของศิษย์พี่ก้าวหน้าขึ้นมาก”
“มันต้องขอบคุณเจ้า หลังจากวันนั้น พรสวรรค์และศักยภาพข้าก็เพิ่มขึ้น เดิม ข้าคิดว่าข้าแก่แล้ว เส้นทางบ่มเพาะจึงยิ่งยาก แต่ข้าไม่คิดเลยว่าความเร็วการบ่มเพาะข้าในปีนี้จะเร็วกว่าตอนข้ายังหนุ่ม”การเพิ่มพรสวรรค์ของลั่วหมิงย่อมเป็นผลมาจากการ์ดไร้ที่ติของหลินฮวง เขามีรากฐานแน่นแล้วและหลังเพิ่มศักยภาพ ไม่เพียงระดับพลังเขาจะพุ่งทะยาน แต่ความสามารถเขาเองก็เพิ่มขึ้นด้วย
“การเตรียมการเลื่อนเป็นเทพเสมือนของท่านเป็นยังไงบ้าง?ท่านมีมอนสเตอร์เป้าหมายหรือยัง?”
“ข้าพบแล้ว การเตรียมการของข้าก็เกือบเสร็จแล้วเช่นกัน ข้าวางแผนจะลงมือสัปดาห์หน้า!”ลั่วหมิงวางแผนไว้นานแล้ว
“ท่านต้องการให้ข้าช่วยไหม?ข้าจะขอให้เทียนฟู่หาคนมาช่วยท่าน”
“ข้าได้ติดต่อหวงเทียนฟู่ก่อนเจ้าจะกลับมาเสียอีก สมาชิกกลุ่มพร้อมไปแล้ว”
“ดีแล้ว”เดิม หลินฮวงกังวลว่าลั่วหมิงจะคัดค้านการล่าเป็นกลุ่ม แต่ตอนนี้มันดูเหมือนเขาจะคิดมากไป
ขณะคุยกันสักพัก เล้งเยวี่ยซินและเฉินเตาก็มาถึงเก้าโมงตรงพอดี
หลินฮวงสังเกตเห็นว่าระดับพลังของเล้งเยวี่ยซินได้เลื่อนเป็นจักรพรรดิแล้ว แถมยังเป็นถึงระดับจักรพรรดิทองแดง ซึ่งสูงกว่าหยี่เสิ่นและหยี่เยว่หยู่
สำหรับเฉินเตา เขาได้เลื่อนเป็นเทพเสมือนแล้ว แม้เขาจะเป็นแค่ขั้นหนึ่ง กลิ่นอายเขาก็มั่นคงมาก ยิ่งไปกว่านั้น หลินฮวงยังตระหนักว่าความสามารถจริงของเขานั้นเหนือกว่าเทพเสมือนขั้น1
เมื่อทุกคนมากันครบ เจ้าอ้วนก็เริ่มบริการอาหาร
ทุกคนคุยกันขณะกินดื่ม และในไม่ช้าหัวข้อก็วนมาหาหลินฮวง
“หลินฮวง ระดับพลังเจ้าอยู่ที่ระดับใด?”มันคือเฉินเตาที่ถาม
เฉินเตาเป็นเทพเสมือนแล้วแต่กลับไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลินฮวงได้เลย แต่ทว่า เขามั่นใจมากว่าหลินฮวงต้องเลื่อนเป็นเทพเสมือนแล้ว
เมื่อคนอื่นได้ยิน พวกเขาก็ลดเสียงลง พยายามเงี่ยหูฟัง
“ปัจจุบันข้าเป็นเทพเสมือนขั้น3แล้ว”
ไม่จำเป็นที่หลินฮวงต้องปิดบังอะไรต่อเพื่อนเขา ต่อให้คนนอกรู้ มันก็จะไม่ส่งผลอะไรต่อเขามากนัก
“ขั้น3..”เฉินเตาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบของหลินฮวง”เจ้ารู้เกี่ยวกับปผู้บุกรุกที่อยากโจมตีโลกกรวดมากแค่ไหน?”
“ข้าไม่รู้มาก พื้นที่ตรงกับรอยแยกมิติคือสนามรบระหว่างโปรตอสและเผ่าหุบเหว สนามรบสามารถเข้าถึงได้โดยสมบูรณ์ ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าได้”หลินฮวงยังถามเจ้าแดงถึงคำถามเดียวกัน แต่นางไม่สามารถพบได้ว่าผู้บุกรุกเหล่านี้เป็นใคร “เราไม่อาจตรวจสอบเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผย ยิ่งมีคนรู้ พิกัดของโลกกรวดก็จะยิ่งเปิดเผย ซึ่งหมายความว่าอาจดึงดูดความสนใจของเทพสวรรค์หรือแม้กระทั่งจ้าวเทวะ”
“เราไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใคร เรายังไม่รู้อะไรเลยถึงระดับพลังหรือจำนวน การต่อสู้นี้ยากกว่าที่คิด”เฉินเตาดูหมดหนทาง
“สิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้ตอนนี้คือพัฒนาความสามารถเราให้ได้มากที่สุด!”
“เอาละ วันนี้คือวันรวมตัวของเพื่อนๆ เราไม่ควรนำเรื่องเครียดมาคุยกัน…”ลั่วหมิงทำลายบรรยากาศ
เมื่อเปลี่ยนเรื่องคุย บรรยากาศจึงสบายขึ้นมาก สุดท้ายทุกคนก็กลับไปเริงร่ากันเหมือนเดิม