เลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้น6
หลินฮวงทุ่มสมาธิเขากับการกลั่นและผสานไฟเทวะอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจสิ่งใด
เขาไม่รู้ว่าการรุกรานจะเกิดขึ้นตอนไหน เขาทำได้แค่แข่งกับเวลาเพื่อพัฒนาพลังต่อสู้เขาให้เร็วที่สุด
ในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปอีกสองเดือน
หลินฮวงกลั่นและผสานประกายไฟเทวะขั้น6จนเสร็จแล้ว ด้วยการหลอมของไฟเทวะ ในที่สุดแก่นเทวะเขาก็เลื่อนเป็นขั้น6
เขาใช้เวลาเกือบสามเดือนเพื่อเพิ่มระดับพลังเขาจากเทพเสมือนขั้น3เป็นเทพเสมือนขั้น6
เนื่องจากเขาไม่ได้รับไฟเทวะขั้นสูงกว่านี้มา เขาจึงไม่สามารถดำเนินการบ่มเพาะต่อได้
เขาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อปรับตัวให้เข้ากับพลังใหม่ สุดท้าย หลินฮวงก็เปิดประตูของวังจักรพรรดิและก้าวออกมา!
หลังจากสามเดือนของการปิดประตูบ่มเพาะ เขาก็กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พลังเขาก้าวกระโดดไปอีกระดับ
วินาทีที่เขาเปิดประตูวัง ดาบ101และดาบ102ที่ยืนตรงหน้าประตูมาตลอดสามเดือนก็หันมาโค้งคำนับให้เขา
แม้พวกเขาจะไม่สอดรู้สอดเห็นสถานะบ่มเพาะของหลินฮวงในวังจักรพรรดิ แต่เหล่าทาสดาบย่อมสัมผัสได้เองทุกครั้งที่ระดับพลังของจอมดาบก้าวหน้าขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด การก้าวหน้าทุกครั้งของจอมดาบจะทำให้ระดับพลังพวกเขาคลายผนึกเรื่อยๆ
ทั้งคู่มั่นใจว่าหลินฮวงได้เพิ่มระดับอีกสามขั้นในเวลาสามเดือนนี้
“ขอบใจพวกเจ้ามาก ข้าคงไม่ได้ปิดประตูบ่มเพาะอีกครั้งในเร็วๆนี้ พวกเจ้าสามารถไปทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ”
หลินฮวงพยักหน้าให้ทั้งสอง
แต่ทว่า ทั้งคู่ไม่จากไป แต่กลับเดินมาด้านข้างหลินฮวง เป็นการยอมรับหน้าที่องครักษ์อย่างเงียบๆ
เรื่องนี้ได้รับการกล่าวโดยดาบ1 จอมดาบต้องมีคนคุ้มกันอย่างน้อยสองคนตลอดเวลา
หลินฮวงสังเกตเห็นการพัฒนา แต่ไม่พูดอะไร
เมื่อเขาปล่อยจิตเทวะออกไป เขาก็พบหวงเทียนฟู่กับคนอื่น จากนั้นก็หายตัวไปปรากฏในห้องทำงานเขาอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาท!”
การปรากฏตัวเงียบๆของหลินฮวงทำให้หวงเทียนฟู่ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รีบตั้งสติ
“มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในช่วงที่ข้าปิดประตูบ่มเพาะ?”
“ไม่มีอะไรสำคัญขอรับ”
หวงเทียนฟู่จัดเรียงความคิดก่อนพูดอีกครั้ง
“เราได้ทำตามคำแนะนำท่านและแบ่งปันข้อมูลของมหาพิภพให้รัฐบาลกลางกับองค์กรชั้นนำอื่น หลังจากนั้น ข่าวก็รั่วไหลไปอีก ตอนนี้ ผู้บ่มเพาะระดับหลุดพ้นกว่า80%ล้วนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับประเภทศัตรูที่พวกเขาจะต้องเผชิญ ดังนั้น ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ทุกคนจึงทุ่มเทกับการหาทรัพยากรและพัฒนาความสามารถพวกเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย”
“องค์กรใหญ่ต่างๆลดมาตรฐานเขาและเริ่มรับคนเพิ่ม การขยายคลื่นลูกใหม่และการพัฒนาเริ่มขึ้น คนจำนวนมากที่กระจัดกระจายต่างเริ่มเข้าร่วมองค์กร”
“มีคนคอยเฝ้าดูขอบเหวนรกตลอดเวลา-แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่สำหรับเรา การไม่มีข่าวนับเป็นข่าวดี”
“มีอีกเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน ฝ่าบาท”
“มีอะไร?”หลินฮวงถามอย่างแปลกใจ
“ข่าวการกลับมาของท่านจากมหาพิภพรั่วไหลออกไป มันกลายเป็นหัวข้อร้อนแรง โดยทั่วไป ผู้บ่มเพาะทุกคนรู้เกี่ยวกับมันแลว”หวงเทียนฟู่ลอบมองหลินฮวง แต่ก็ไม่เห็นอารมณ์ใดบนใบหน้าเขา
“หากมันรั่วไหล ก็ปล่อยมันไป ไม่ช้าก็เร็วผู้คนต้องรู้อยู่แล้ว มันไม่ส่งผลกับข้า”หลินฮวงไม่สนใจเรื่องแบบนี้
“ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องเล็กน้อยขอรับ ตอนนี้ องค์กรเกือบทั้งหมดกำลังยุ่งอยู่กับการหาทรัพยากรบ่มเพาะและคนที่ขัดแย้งกันก็ตกลงจับมือกันภายใต้อิทธิพลของแรงกดดันภายนอก ไม่มีใครทำอะไรเลย ข้ากล้าพูดเลยว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สงบสุขในรอบร้อยปี”
“ขัตติยะเป็นอย่างไรบ้าง?”หลินฮวงถาม
“เราเป็นคนแรกที่ได้รับข่าวและจึงเตรียมพร้อมมากสุด ปัจจุบันเราครอบครองแดนรกร้างและมิติบรรพกาลมากสุด ในแง่ของการขยับขยาย การรับสมัครคนใหม่เราด้อยกว่าแค่สมาคมนักล่าและรัฐบาลกลาง เราเป็นอันดับสาม”
“แล้วผู้ปลดปล่อยละ?”หลินฮวงถามต่อ
“แดนรกร้างและมิติบรรพกาลที่พวกเขาครอบครองนับเป็นอันดับสอง แต่การขยับขยายช้ากว่าเรา ข้าไม่รู้รายละเอียดมากนัก ท่านอาจต้องถามจื่อจี้เอง”
หลินฮวงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กระจายจิตเทวะออกไป เขาพบบ้านที่หลินซินอาศัยยังปิดอยู่และนางก็ไม่อยู่ด้านนอก
“ซินเอ๋อร์ยังปิดประตูบ่มเพาะอยู่อีกงั้นหรอ?”
“ขอรับ นางยังไม่ออกมา”หวงเทียนฟู่พยักหน้า
“เด็กสาวคนนี้ นางคิดจะเป็นเทพเสมือนขั้น9ในคราเดียวเลยหรือไง..”หลินฮวงคิด
“เสี่ยวโม่เองก็ยังไม่กลับมางั้นหรอ?”
“ขอรับ”หวงเทียนฟู่ส่ายหัว
หลินฮวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
…
มหาสมุทรสันติกว้างใหญ่ไพศาล ครอบครองพื้นที่กว่า70%ของทั้งโลกกรวด มันยังเชื่อมต่อกับ8เขตปลอดภัยจาก12เขตปลอดภัย
สภาพแวดล้อมใต้ทะเลมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะพื้นที่ทะเลลึก
เสี่ยวโม่และทาสดาบทั้ง12แยกย้ายกันค้นหาอยู่สามเดือนโดยไร้ผลลัพธ์ใดๆ
ในช่วงเวลานี้ เขาค่อยๆพัฒนาวิธีควบคุมความฝันเขาภายใต้การแนะนำของทาสดาบ
เขาเห็นภาพมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทว่า เขารู้ว่าเทพอีกาก็สามารถสอดแนมเขาได้เช่นกัน
นั่นทำให้ทุกครั้งที่เขาพบสถานที่ซ่อนมัน เขาจะมักช้าไปหนึ่งก้าว
แม้กระทั่งตัวเสี่ยวโม่เองก็เริ่มสงสัยว่าภาพที่เขาเห็นในฝันแค่ภาพลวงตาและไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง
หลังผ่านไปสามเดือน เขาก็เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
ทันใดนั้น จิตเทวะเกรี้ยวกราดก็กวาดผ่านไปทั่วโดยไม่มีการยับยั้งเลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกกลัวเข้ากลืนกินหัวใจของเสี่ยวโม่และขนของเขาก็ตั้งชัน
“เป็นจิตเทวะที่แข็งแกร่งมาก!”จิตเทวะทรงพลังจนเขาหายใจไม่ออกและเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีพลังระดับเทพแท้จริงเป็นอย่างต่ำ
ทันทีที่เขาตรวจพบมัน เขาก็สังเกตเห็นรังสีจิตเทวะจับเข้ากับตัวเขา
ก่อนเขาจะมีเวลาตอบสนอง ร่างหนึ่งก็ปรากฏห่างออกไปไม่ไกล
“ฝ่าบาท?!”
หลินฮวงปรากฏตรงหน้าเสี่ยวโม่
“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า”
“ท่าน…ทำไมถึงมาที่นี่?”เสี่ยวโม่ตอบสนองหลังหยุดนิ่งไป
“ข้าเพิ่งออกจากการบ่มเพาะ หลังพบว่าเจ้าไม่ได้กลับมาเลยตลอดสามเดือน ข้าจึงมาดู เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีสัญญาณสื่อสารในมหาสมุทรสันติ ข้าจึงไม่มีทางเลือกนอกจากมาหาเจ้าด้วยตัวเอง”หลินฮวงอธิบาย
“เจ้าไม่พบเทพอีกาเลยงั้นหรือ?”เขาไม่อ้อมค้อม
“ไม่ ข้าสงสัยว่าเขาจะคอยสอดแนมข้ามากกว่าที่ข้าสอดแนมเขา เขาอาจรู้สิ่งที่เราพูดคุย สิ่งที่เราทำ เราไปไหน เช่นนั้น เราจึงมักก้าวช้าไป เราไม่อาจไล่ตามเงาเขาได้ทันด้วยซ้ำ ข้าเริ่มสงสัยว่าฝันที่ข้าเห็นเปาจริงหรือแค่ภาพหลอนที่สร้างขึ้นภายใต้อิทธิพลของเทพอีกา”
“หากเป็นแบบนั้น..”หลินฮวงลูบคางและครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวโม่”เจ้าพอมีสิ่งของใดบ้างที่มีกลิ่นอายของเทพอีกาดำติดตัวไหม?”
เสี่ยวโม่พิจารณาคำถาม”พลังเทวะข้ามีต้นกำเนิดเดียวกันกับเทพอีกาและควรมีความคล้ายคลึงกันในระดับหนึ่ง นั่นพอหรือไม่?”
“เราสามารถลองดูได้”หลินฮวงพยักหน้า
เสี่ยวโม่ยื่นนิ้วออกมาและปล่อยรังสีพลังเทวะ
พลังเทวะสีดำสนิทโค้งงอเหมือนงูตัวเล็ก เกาะติดนิ้วของหลินฮวงและในที่สุดก็หยุดนิ่งบนฝ่ามือของหลินฮวง
หลังจิตเทวะของหลินฮวงถูกปล่อยออกมา เขาก็สแกนพลังเทวะอย่างละเอียด
“มาลองดูกันก่อน หากมันไม่ได้ผล เราค่อยคิดหาทางอื่น”
ขณะพูด จิตเทวะอันไร้เทียมทานเขาก็กวาดออกไปอีกครั้ง มันกวาดข้ามไปทั่วมหาสมุทรสันติเกือบจะในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน มุมปากของหลินฮวงก็ยกโค้งขึ้น”เจอตัวแล้ว!”