หลังแองคิโลซอรัสถูกฆ่าตาย มันก็ใช้เวลากว่าสิบวินาทีประตูมิติถึงส่งความผันผวนอีกครั้ง
หลินฮวง ผู้จ้องประตูมิติเงียบๆไม่คิดรอดูว่ามอนสเตอร์ตัวใดจะออกมา เขาเริ่มโจมตีทันที
เขารู้ว่าเกมรอบนี้คือตัวตัดสิน
หลังเสร็จสิ้นการสังหารนี้ แผนของเทพอีกาจะถูกขัดขวางเป็นครั้งที่สาม มีโอกาสสูงที่เขาจะไม่พยายามตรวจสอบเป็นครั้งที่สี่ และมันก็มีแนวโน้มว่าเขาอาจยอมแพ้ต่อการรุกรานนี้
ในความว่างเปล่า ตัวดาบสีแดงพลันเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีม่วง พุ่งแหวกผ่านอากาศ
หลินฮวงไม่ออมแรงในการโจมตีนี้เลย
แม้แองคิโลซอรัสก่อนหน้าจะเป็นแค่เทพแท้จริงขั้น4 มันก็มีพลังป้องกันที่เทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น6
แต่ทว่า แม้กระทั่งผู้สำรวจหนังหนาแบบนั้นก็ยังถูกฆ่าตายทันที ผู้สำรวจชุดสามที่ส่งมาโดยเทพอีกาย่อมแข็งแกร่งกว่านั้นและอาจครอบครองความสามารถพิเศษ
หลังได้ข้อสันนิษฐานนั้น หลินฮวงจึงไม่กล้าออมแรงเลยแม้แต่น้อย
แก่นแท้เต๋าดาบ การตรัสรู้ธาตุและพลังกฏเทพถูกรวมเข้าด้วยกัน
ปลายดาบกลายเป็นสายฟ้าสีม่วงและทะลุผ่านม่านแสงสีขาวจากประตูมิติที่ยังไม่สลายหายไป วินาทีต่อมา ศพที่ถูกผ่าเป็นสองส่วนก็ล้มลงกับพื้น
หลินฮวงเพิ่งตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตที่เขาฆ่าไปคือนักล่ามิติ
นักล่ามิติคือมอนสเตอร์ประเภทมิติที่เชี่ยวชาญกฏมิติ
ตัดสินจากกลิ่นอายที่หลงเหลือจากศพ ระดับพลังของนักล่ามิตินั้นเทียบได้กับเทพแท้จริงขั้น7
ตอนนี้หลินฮวงพอมีความคิดคร่าวๆถึงเจตนาของเทพอีกาแล้ว
ด้วยความที่ผู้สำรวจก่อนหน้าตายติดกันถึงสองครั้ง เทพอีกาจึงส่งนักล่ามิติมา
ในแง่หนึ่ง ระดับพลังของนักล่ามิติตนนี้สูงถึงขั้น7 และความแข็งแกร่งโดยรวมก็เหนือกว่าแองคิโลซอรัสมาก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังใช้พลังที่เกี่ยวข้องกับมิติ ดังนั้นต่อให้มันพบศัตรูระดับเทพแท้จริงขั้น9 มันก็จะไม่ถุกฆ่าง่ายๆ
ในทางกลับกัน หากมีปัญหากับประตูมิติจริงๆ งั้นอัตรารอดชีวิตของนักล่ามิติก็ยังสูงกว่ามอนสเตอร์ประเภทอื่นเพราะพลังมิตจิมิมัน ตราบเท่าที่นักล่ามิติสามารถกลับมาแบบเป็นๆได้ พวกเขาก็จะสามารถระบุปัญหาได้และพิจารณามัน แต่ทว่า หากนักล่ามิติไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ นั่นก็หมายความว่าประตูมิตินั้นไม่เสถียรและไม่มีความหวังในการใช้มัน
แต่ทว่า ในช่วงการตรวจสอบชุดสามนี้ เทพอีกาได้คำนวณพลาดอีกครั้ง
เขาไม่คิดว่าจะมีใครในโลกกรวดที่สามารถฆ่านักล่ามิติระดับเทพแท้จริงขั้น7ได้
เขายิ่งคาดไม่ถึงว่าจะมีใครในโลกกรวดที่คำนวณการเคลื่อนไหวเขาตั้งแต่ต้น ชักนำเขาไปสู่ทางผิดๆและปล่อยให้เขาได้รับข้อสรุปที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเห็นว่านักล่ามิติถูกฆ่าภายในชั่วพริบตา ร่างจำแลงเทพอีกาก็ตาเหลือก
ร่างจำแลงเทพอีกาครอบครองความทรงจำของเทพอีกาส่วนหนึ่ง มันจึงรู้ดีว่านักล่ามิติตนนี้เชี่ยวชาญการหลบหลีกมาก เทพแท้จริงขั้น9ทั่วๆไปไม่มีทางฆ่ามันได้ง่ายๆ นับประสาอะไรกับการฆ่ามันในชั่วพริบตา
แต่คนที่อยู่เบื้องหลังหลินฮวงกลับสามารถทำได้
“หรือจะเป็นเทพแท้จริงขั้นสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังเขา?!”
ขณะพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ร่างจำแลงเทพอีกาก็หดหู่ใจ ระดับพลังต่อสู้ของร่างจริงมันอยู่ที่เทพแท้จริงขั้น9เท่านั้น และภายในขั้น9 พลังมันถือว่าอยู่ใกล้จุดสูงสุดเท่านั้น
ตอนนี้ มันดูเหมือนว่าคนเบื้องหลังหลินฮวงเองก็เป็นเทพแท้จริงขั้น9 ที่พลังไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างจริงของมัน ในความเป็นจริง มันอาจแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น มันก็ตระหนักว่าการพิชิตโลกกรวดนี้ยากกว่าที่มันคิดไว้มาก
ต่อให้ร่างจริงมันจุติลงมาเอง มันก็ยิ่งน่าอับอายหากเขาไม่สามารถสู้กับเทพแท้จริงขั้น9เบื้องหลังหลินฮวงได้ นอกจากนี้ การเตรียมการล่วงหน้าที่มันเฝ้าพยายามทำมาทั้งปีกลับสูญเปล่า
แต่ทว่า หลังคิดอย่างรอบคอบ ในไม่ช้ามันก็พบปัญหาอื่น
“ในโลกกรวดนี้ ไม่มีทางที่เทพแท้จริงจะสามารถอยู่ได้นาน ต่อให้ใช้วิธีพิเศษเพื่อขัดขวางเจตจำนงของโลกไว้ มันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งระดับพลังสูง พวกเขาก็ยิ่งถูกปฏิเสธด้วยเจตจำนงของโลก ซึ่งจะทำให้ระยะเวลาที่พวกเขาสามารถอยู่ได้สั้นลง หากข้าคำนวณตามร่างจริงข้า เทพแท้จริงขั้น9ที่ลงมายังโลกกรวดจะสามารถอยู่ได้มากสุดแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น”
เมื่อคิดได้แบบนี้ ร่างจำแลงเทพอีกาก็รู้สึกเหมือนตัวเองประสบความสำเร็จครั้งใหญ่
“ยอดฝีมือเบื้องหลังหลินฮวงสามารถอยู่ได้อีกไม่นาน ตราบเท่าที่เรารุกรานหลังเวลาของเขาหมดลง ปัญหาก็จะหมดไป…”
แต่ทว่า สิ่งที่มันไม่รู้ก็คือ’ยอดฝีมือเบื้องหลังหลินฮวง’ที่มันจินตนาการนั้นคือตัวหลินฮวงเอง
ในฐานะชาวพื้นเมืองของโลกกรวด ร่วมกับความจริงที่ระดับพลังเขายังไม่ถึงเทพแท้จริง หลินฮวงจึงสามารถอยู่ในโลกกรวดได้ตามใจชอบ
เขาเลื่อนสายตาออกจากศพสองส่วน หันกลับไปมองประตูมิติอีกครั้ง
เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเทพอีกาจะไม่ส่งผู้สำรวจออกมาอีก แต่ก็ยังต้องระวังไว้
หลังการตรวจสอบที่ไร้ผลลัพธ์ทั้งสามครั้ง หลินฮวงเกือบแน่ใจว่าเทพอีกาคงยกเลิกแผนรุกรานแล้ว
มันเป็นไปไม่ได้ที่เทพอีกาจะเร่งรวมกองทัพใหญ่และส่งพวกมันผ่านประตูมิติโดยปราศจากการตรวจสอบปัญหา
ตามตรรกะปกติ หากแม้แต่นักล่ามิติก็ยังไม่สามารถผ่านประตูมิติได้ งั้นมันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่นที่จะเดินทางผ่าน นับประสาอะไรกับกองทัพใหญ่
เช่นเดียวกับที่หลินฮวงคาดไว้ เวลาผ่านไปหลายนาที และก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดจากประตูมิติ
เขายืนตรงนั้น รออยู่หลายนาที และเมื่อเห็นว่าประตูมิติไม่เปล่งแสงอีก เขาก็รู้ว่าเขาชนะเกมจิตวิทยาแล้ว!
เขาจงใจสร้างสถานการณ์ว่าประตูมิตินั้นมีปัญหา หลังการตรวจสอบอย่างรอบคอบสามครั้ง ในที่สุดเทพอีกาก็ตกหลุมพรางเขา และเชื่อในสถานการณ์หลอกๆ
เมื่อเห็นว่าประตูมิติไม่สว่างขึ้น ร่างจำแลงเทพอีกาก็ค่อยๆหมดกำลังใจ
มันสามารถมองเห็นได้ชัดจากทางฝั่งของโลกกรวดว่าประตูมิติไม่มีปัญหาอะไร แต่ร่างจริงมันกลับยอมแพ้ต่อการรุกราน
มันไม่ยากสำหรับมันที่จะเข้าใจการกระทำของร่างหลัก หากมันไม่เห็นฉากตรงหน้ากับตาตัวเอง มันก็คงได้ข้อสรุปเดียวกันกับร่างหลักมัน
“ข้าเกรงว่าร่างหลักเจ้าคงไม่คิดยุ่งกับโลกกรวดอีกแล้ว”หลังยืนยันว่าร่างหลักเทพอีกาล้มเลิกการรุกรานแล้ว หลินฮวงจึงหันไปยิ้มให้กับร่างจำแลงเทพอีกา
แม้รอยยิ้มเขาจะดูอบอุ่นและสง่างาม ร่างจำแลงเทพอีกาก็รู้สึกหนาวลงสันหลัง แม้จะแบบนั้น สีหน้ามันกลับยังสงบและไม่แยแส
‘หลินฮวง มาสู้กับข้าตัวต่อตัวหากเจ้าแน่จริง อย่าดีแต่พึ่งพาผู้ช่วย!”
นี่คือทางรอดเดียวที่มันคิดได้ หากคนเบื้องหลังหลินฮวงลงมือ มันอาจถูกฆ่าทันที
“ตัวต่อตัว?!”หลินฮวงอดเลิกคิ้วไม่ได้ มันแทบไม่ได้การเรียกร้องเช่นนี้เลย”เจ้าแน่ใจนะว่าอยากสู้กับข้าตัวต่อตัว?”
“หรือเจ้ากลัว?!”ร่างจำแลงเทพอีกาจ้องหลินฮวงอย่างแน่วแน่
มุมปากของหลินฮวงยกโค้งขึ้นหลังได้ยินคำยั่วยุนี้ แสงอาทิตย์ดันส่องบนแก้มเขาพอดี และภายใต้การผสมผสานของแสงและเงา เขาจึงดูหล่อเหลากว่าที่เคย
“งั้น..ก็ตามใจเจ้า”