90%
ชั้นสามของขอบเหวนรก
เมื่อเห็นตงฟางไป่นำกลุ่มรัฐบาลกลางไปเต็นท์ของขัตติยะ เกือบทุกคนก็รู้ว่านั่นไม่ใช่แค่การจิบชาทั่วไป
หลายคนลอบเดาว่ารองหัวหน้ารัฐบาลกลางกับจักรพรรดิแห่งขัตติยะจะคุยเรื่องอะไรกัน
สิ่งที่ทำให้หลายคนแปลกใจคือพวกตงฟางไป่กลับเดินออกจากเต็นท์ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีด้วยใบหน้าขมขื่น
“เกิดอะไรขึ้น?ทำไมคนของรัฐบาลกลางถึงทำหน้าแบบนั้น?!”
“สีหน้าเหล่านั้น…หรือว่าการเจรจาจะไม่ไปสวย?”
“ตามตำนาน รองหัวหน้ารัฐบาลกลางตงฟางไป่ไม่เคยแสดงความรู้สึกเขามาก่อน ต่อให้เขาเจอเรื่องพิเศษแค่ไหน ใบหน้าเขาก็จะไม่แสดงความผิดปกติ สิ่งที่คุณฟู่กับหลินฮวงพูดในวันนี้ถึงกับทำให้เขาไม่สามารถควบคุมการแสดงสีหน้าได้เชียว?!”
เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าของตงฟางไป่และคนอื่น ทุกคนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้น ผู้คนก็เห็นหลินฮวงกับคุณฟู่เดินออกมา ดูราวกับไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ความอยากรู้ของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พวกนอกรีตเองก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
“หัวหน้า ไปถามสิว่าเกิดอะไรขึ้น”เด็กสาวผมม่วงแทงศอกใส่ซุนจ้าว
“ข้าไม่ไป!”ซุนจ้าวรีบละสายตาออกจากค่ายของพวกขัตติยะทันที
“เห็นได้ชัดว่าเจ้าเองก็อยากรู้ ทำไมถึงไม่ไปถามละ?”เฉาหยากล่าว
“ข้าไม่ได้อยากรู้”ซุนจ้าวรีบหันเดินไปทางเต็นท์เขาด้วยใบหน้าเย็นชา
“ดูสายตาของเจ้าที่ทรยศปากตัวเองสิ อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นมันแค่เพราะเจ้าสวมหน้ากาก สายตานั่นกำลังบอกว่า’เกิดอะไรขึ้น ข้าอยากรู้จริงๆ!’..”
“หุบปาก หากเจ้าอยากรู้ก็ไปถามเองสิ!”ซุนจ้าวเดินตรงไปเต็นท์เขา
เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถโน้มน้าวหัวหน้าตัวเองได้อีก เฉาหยาก็ยิ้มและหันไปมองรองหัวหน้า โจวตง
ก่อนนางจะได้พูดอะไร โจวตงก็แคะขี้มูกออกมาด้วยนิ้วก้อย แหงนหน้าขึ้นและดีดนิ้วก้อยเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย”เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง?ไปถามเองสิ!”
หลังเขาพูดจบ เขาก็ยัดนิ้วก้อยเข้าไปในรูจมูกอีกข้าง
เฉาหยาไม่พอใจ นางละสายตาจากโจวตง จากนั้นก็มองไปทางหลินฮวง
อาจเพราะเขารู้ว่ามีคนจ้องเขา หลินฮวงจึงหันหัวไปสบตากับเฉาหยาที่กำลังจ้องมองเขาอยู่
เฉาหยาถึงกับผงะ นางลังเล จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปทางฝั่งของขัตติยะ
“ฝ่าบาท ท่านช่วยบอกข้าถึงเรื่องที่ท่านคุยกับตงฟางไป่ได้หรือไม่?”เฉาหยาตัดสินใจถามตรงๆ”ข้าแค่อยากรู้ หากท่านไม่พูดอะไร งั้นก็แค่ลืมๆไปซะ ถือว่าข้าไม่เคยถาม”
นางไม่ได้ใช้คลื่นเสียง ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินคำพูดนางชัดเจน พวกรีบเงี่ยหูฟัง รอให้หลินฮวงตอบคำถามนี้
หลินฮวงเหลือบมองกลุ่มของตงฟางไป่ที่กำลังเดินห่างออกไป ตงฟางไป่เพิ่งบอกว่าหลังเขารายงานเรื่องนี้ต่อรัฐบาลกลาง ข่าวจะถูกประกาศทันที หากพวกเขายังคงปกปิดความจริง ผู้คนคงหมดสิ้นขวัญกำลังใจตอนเทพแท้จริงขั้นกลางหรือขั้นสูงจุติลงมา
หากมันประกาศเสียตอนนี้ แม้มันจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจบ้าง มันก็ยังมอบเวลาให้ทุกคนเตรียมใจ
“รัฐบาลกลางจะทำการประกาศในอีกสองวันข้างหน้า”หลินฮวงไม่ใช้คลื่นเสียงและมองข้ามเฉาหยาไปหาผู้คนด้านหลังนาง”ข้าสามารถเผยได้เพียงเรื่องเดียว หากเราอยากจัดการกับวิกฤต ทุกคนต้องเตรียมพร้อมกันให้มากกว่านี้”
แม้หลินฮวงจะไม่ได้พูดอะไรเฉพาะเจาะจง แต่คนส่วนใหญ่ก็เงียบไปกับคำพูดเหล่านั้น
แม้กระทั่งโจวตง ผู้กำลังแคะจมูกก็ยังหยุดมือเขาชั่วขณะ
มีการพูดคุยมากมายก่อนหน้านี้เพราะหลายคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย และอาจเกี่ยวข้องกับรัฐบาลกลางกับขัตติยะเท่านั้น
แต่ทว่า คำพูดของหลินฮวงก็บ่งชี้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับทุกคน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ประเด็นที่พูดคุยระหว่างเขากับตงฟางไป่ในเต็นท์ไม่ได้เกี่ยวแค่กับทุกคนที่นี่ แต่อาจเกี่ยวกับทั้งโลกกรวด
เมื่อนึกถึงสีหน้าของตงฟางไป่ ทุกคนก็พอเดาได้ว่านั้นไม่ใช่ข่าวดี
เดิมเฉาหยามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่นางก็เงียบไปเมื่อได้ยินคำตอบนี้ โดยไม่ถามเพิ่มเติม นางพยักหน้าเล็กน้อย จากั้นก็หมุนตัวเดินกลับไปค่ายของพวกนอกรีต
คนส่วนใหญ่ที่นี่รู้ว่าหลินฮวงเคยอยู่ในมหาพิภพมา และความเข้าใจเขาก็เหนือกว่าทุกคนในโลกกรวด ในเมื่อเขาพูดแบบนั้น นั่นหมายความว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่าง นอกจากนี้ ด้วยตำแหน่งจักรพรรดิ ผู้นำของหนึ่งในหกองค์กรใหญ่ คำพูดเขาจึงมีน้ำหนักมากสำหรับทุกคน
หลายคนติดต่อศูนย์ใหญ่พวกเขาทันทีเพื่อรายงานคำพูดของหลินฮวง
ทางฝั่งรัฐบาลกลาง ตงฟางไป่พาพวกเขาเข้าเต็นท์ไป กลับไปวังและติดต่อหาเจียงฉาน
หลังจากนั้นไม่นาน สายก็เชื่อมต่อ
เมื่อเห็นสีหน้าของพวกตงฟางไป่บนภาพฉาย หัวใจของเจียงฉานก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“เกิดอะไรขึ้น?!เกิดการรุกรานแล้ว?!”
“ยัง”
เมื่อตงฟางไป่พูดเช่นนี้ เจียงฉานก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ได้ยินประโยคถัดมา
“มีข่าวร้ายกว่านั้น!”
หัวใจของผู้นำรัฐบาลกลางเริ่มเต้นกระหน่ำอีกครั้ง
“หลินฮวงบอกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก เขาจึงปิดบังข้อมูลไว้ ระดับพลังสูงสุดของผู้รุกรานไม่ใช่เทพแท้จริงขั้น3 แต่เป็นเทพแท้จริงขั้น9 นอกจากนี้ มันอาจไม่ใช่เทพแท้จริงขั้น9แค่คนเดียว..”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเจียงฉานก็ซีดขาวไร้สีเลือด
ในเวลาเดียวกับที่เจียงฉานกำลังคุยกับตงฟางไป่ คุณฟู่เองก็คุยกับหลินฮวงผ่านคลื่นเสียง
“มันดูเหมือนว่าระดับพลังเจ้าจะไม่พัฒนาขึ้นเลยจากการปิดประตูบ่มเพาะครั้งก่อน”
“การปิดประตูบ่มเพาะรอบนี้ไม่ใช่เพื่อยกระดับพลัง แต่เป็นการฝึกพลังกฏเทพเพิ่ม”
“แล้วความสามารถเจ้าละ?เจ้าเคยบอกไว้ว่าหากเทพแท้จริงขั้น9ลงมาจริงๆ เจ้าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะชนะ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร?”คุณฟู่ถามอีกครั้ง
“มันไม่ควรเป็นปัญหาแล้ว”หลินฮวงยิ้ม
“เจ้ามั่นใจแค่ไหน?”คุณฟู่ถามย้ำ
“90%”หลินฮวงมั่นใจมาก
“90%?!”คุณฟู่ถามอย่างไม่แน่ใจ เขากลัวว่าหลินฮวงจะจงใจหลอกเพื่อให้เขาสบายใจ
“ตราบเท่าที่ข้าไม่เจอพวกกึ่งเทพสวรรค์ ข้าควรสามารถรับมือได้”หลินฮวงไม่ปิดบังอะไรจากคุณฟู่
“ดี!”
ในที่สุดคุณฟู่ก็รู้สึกโล่งใจหลังได้ยินคำเหล่านี้ เขารู้จักศิษย์เขาดี และหากหลินฮวงกล่าวเช่นนั้น งั้นเขาก็ต้องมั่นใจมาก