อัญเชิญเพิ่ม
“ข้าได้ยินว่าหลินฮวงไม่ใช่แค่ผู้บ่มเพาะดาบ แต่ยังเป็นผู้ควบคุมด้วย ข้ามักคิดว่าผู้ควบคุมไม่ใช่สายถนัดเขา แต่มอนสเตอร์เขากลับทรงพลังถึงเพียงนี้!”
“ทั้งหมดนี้คือมอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวงจริงๆ?!ตัดสินจากกลิ่นอายพวกมัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันคือเทพเสมือนขั้นสูง!”
“เขาไม่ใช่จักรพรรดิแค่ฉากหน้า หากมอนสเตอร์ทั้งสิบเหล่านี้ร่วมมือกัน ข้าเกรงว่าทั้งโลกกรวดคงไม่มีใครสู้เขาได้!”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของชุดคลุมเลือดและตัวอื่น ทุกคนก็เริ่มคุยกัน
แม้คนส่วนใหญ่จะบอกได้ว่าทั้งสิบคือเทพเสมือนขั้นสูง แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะรู้ชัดว่าทั้งสิบคือเทพเสมือนขั้น9
ทางฝั่งรัฐบาลกลาง สีหน้าของตงฟางไป่เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกลับคืนสภาพปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กวนจงที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำเสียงต่ำ”เขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อปีครึ่งก่อนมาก….”
ทางฝั่งนอกรีต ซุนจ้าวรีบละสายตาจากกลุ่มมอนสเตอร์อัญเชิญ หันไปมองโจวตงและเฉาหยา”ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต พวกเราต้องไม่เป็นศัตรูกับขัตติยะเด็ดขาด!”
“มอนสเตอร์ทั้งสิบทรงพลังถึงขนาดนั้นเชียว?”เฉาหยาอดถามไม่ได
“พวกมันไม่ใช่ได้มีระดับแค่เทพเสมือนขั้น9 แต่พวกมันล้วนเป็นมอนสเตอร์กลายพันธุ์สี่ครั้ง!”เหตุผลที่ซุนจ้าวรู้เรื่องนี้เพราะเขามีสมบัติเทพประเภทตรวจจับ เพียงแค่แวบเดียวก็ทำให้เขาหมดแรงยืนแล้ว
“ทั้งสิบเป็นพวกกลายพันธุ์สี่ครั้ง?!”เฉาหยาแทบจะตะโกนลั่น
มอนสเตอร์กลายพันธุ์สี่ครั้งหาได้น้อยมากในโลกกรวด นางไม่เคยเห็นสักตัวแม้จะใช้เวลาหลายสิบปีในการค้นหา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้นางตกใจมากเมื่อเห็นพวกมันสิบตัวพร้อมกัน
ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้รายละเอียดชัดเจนถึงมอนสเตอร์ทั้งสิบเหล่านี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่สามารถสัมผัสระดับพลังพวกมันได้ พวกเขาตระหนักดีว่า ในโลกกรวดนี้ จักรพรรดิแห่งขัตติยะนั้นไร้คู่ต่อกร พวกเขาลอบติดต่อกับผู้นำกองกำลังตนเงียบๆและส่งข่าวกลับไป
หลินฮวงสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวเหล่านี้ แต่ก็ไม่พยายามหยุดอะไร เขารู้ดีว่ามันเป็นแค่เรื่องก่อนเวลาก่อนที่พลังเขาจะถูกเปิดเผย
ต่อให้มันถูกปิดไว้ตอนนี้ มันก็จะเปิดออกมาอยู่ดีตอนสงครามเริ่มขึ้น มันไม่แตกต่างกันมากนัก
หลินฮวงละสายตาจากกลุ่มอื่น มาหยุดที่มอนสเตอร์ทั้งสิบตรงหน้าเขา
“ข้าคิดว่ารอบนี้พวกเจ้าคงไม่ต้องลงมือเอง แต่เมื่อความผันผวนรอบหน้ามาถึง พวกเจ้าทั้งหมดต้องลงมือ โจมตีพวกมันทันทีที่มาถึง และสังหารทิ้งหากทำได้ อย่าคิดว่านี่เป็นเหมือนเกม นี่คือสงคราม!”
“ปัจจุบัน เจตจำนงของโลกกรวดยังไม่ถูกข่มเต็มที่ ดังนั้นระดับพลังพวกเจ้าจึงถูกจำกัดไว้ที่เทพเสมือนขั้น9ชั่วคราว พวกเจ้าสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่เมื่อเจตจำนงโลกถูกยับยั้งอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าจะไม่รู้สึกถึงการปฏิเสธอีกต่อไป”
ชุดคลุมเลือดและตัวอื่นพยักหน้า อดทนรอให้การต่อสู้เริ่มขึ้น
ไม่นานหลังหลินฮวงพูดจบ นักสำรวจระลอกเจ็ดก็มาถึง
แต่ทว่า การรุกรานระลอกนี้เหนือความคาดหมายของทุกคน ความผันผวนมิติส่งมาจากอุโมงค์มิติทั้ง33จุดพร้อมกัน
แม้กระทั่งหลินฮวงและคุณฟู่ก็ยังตกตะลึง
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรลงมือในรอบนี้ด้วย”หลินฮวงเปลี่ยนความคิดทันทีและสั่งมอนสเตอร์เขา
หลังได้รับคำสั่งให้ลงมือ ชุดคลุมเลือดและตัวอื่นก็พุ่งออกไป รีบไปยังตำแหน่งของรอยแยกมิติ!
วินาทีที่ชุดคลุมเลือดและตัวอื่นลงมือ เหล่าผู้บ่มเพาะที่สร้างค่ายกลต่อสู้ทั้ง31ก็ทำการเคลื่อนไหวเช่นกัน เคลื่อนไปทางรอยแยกมิติ23จุดที่เหลือ พวกเขารู้ว่าพลังของมอนสเตอร์อัญเชิญตัวเดียวนั้นเหนือกว่าพวกเขาทั้งหมดรวมกันเสียอีก และไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ
ผ่านความผันผวนมิติ จิตเทวะของหลินฮวงสัมผัสดึ้งเทพเสมือนขั้น4ที่ถูกส่งมา
เขาโล่งใจเล็กน้อย หากพวกมันแข็งแกร่งขึ้น ค่ายกลต่อสู้ระดับเทพเสมือนจากโลกกรวดคงยากที่จะฆ่าพวกมัน
ไม่นาน เทพเสมือนขั้น4ทั้ง33ก็ถูกส่งมาและถูกซุ่มโจมตีทันที
ชุดคลุมเลือดและมอนสเตอร์ตัวอื่นทำการสังหารทันที ไม่คิดรอให้พวกมันก้าวออกมาทั้งตัว
ทางฝั่งผู้บ่มเพาะนั้นช้ากว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถฆ่าพวกมันได้ภายในไม่กี่วินาที
ขณะที่ทุกคนกำลังจะถอนหายใจโล่งอก มอนสเตอร์หลายตัวก็คลานออกจากกองซากศพ
ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจ พวกเขาก็เห็นอสรพิษจันทราขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือเปิดปากมันกว้าง แรงดูดทรงพลังพลันปกคลุมมอนสเตอร์ที่คืนชีพทั้งสามและพวกมันก็ถูกกลืนหายไปในพริบตา
“ไม่คิดเลยว่าจะมีสายพันธุ์อันเดทซ่อนตัวอยู่ด้วย!’
ตงฟางไป่และคนอื่นหลั่งเหงื่อเย็น
สายพันธุ์อันเดท…การฆ่าพวกมันในเวลาอันสั้นนั้นยากมาก เว้นแต่จะใช้พลังกฏเกณฑ์หรือวิธีพิเศษ หากมันไม่ใช่ว่าเจ้างูน้อยนั่นกลืนสายพันธุ์อันเดททั้งสามไป เกรงว่าเหล่าคนในมหาพิภพคงตัดสินใจว่าอุโมงค์มิติที่อันเดททั้งสามใช้นั้นไม่มีปัญหา
ต้องขอบคุณเจ้างูน้อยที่ลงมือได้ทันท่วงที พวกเขาจึงชนะเกมจิตวิทยาในรอบนี้
“ในการสำรวจรอบหน้า พวกมันต้องเพิ่มจำนวนหรือระดับพลังเป็นแน่ มันดูเหมือนว่ามอนสเตอร์อัญเชิญสิบตัวคงจะไม่พอรับประกันความปลอดภัยของเรา…”การ์ดจำนวนหนึ่งปรากฏในมือหลินฮวง
บุตรแห่งมารพุทธ มอนสเตอร์ชั้น5(เทพสูงสุด) ไป่ผู้เป็นชั้น4.5(กึ่งเทพสูงสุด) และชาโคล ไทแรนด์ ตัวตลก แลนเซล็อต จอมสังหาร จอมปีศาจ ราชาจักรกล สายฟ้าและแม่มดที่เป็นมอนสเตอร์ชั้น4ล้วนถูกเรียกออกมา
เหล่านี้คือการ์ดมอนสเตอร์ทั้งหมดในการครอบครองของหลินฮวงที่เป็นมอนสเตอร์ระดับบรรพกาลและเหนือกว่านั้น นอกจากการ์ดเผ่าแมลง
หลังการ์ดถูกบดขยี้ มอนสเตอร์ทั้ง11ก็ก่อตัวตรงหน้าหลินฮวงอย่างรวดเร็ว
บุตรแห่งมารพุทธสวมชุดขาว ใบหน้าครึ่งหนึ่งเป็นพระ ครึ่งหนึ่งเป็นปีศาจ แต่ทว่า ตอนนี้ กลิ่นอายที่ปล่อยออกจากตัวมันไม่ได้ดุร้ายหรือเกรี้ยวกราดเลย ระดับพลังมันนับว่าสูงสุด ตอนถูกผนึก ระดับพลังมันคือเทพแท้จริงขั้น9 และมันก็ยังเป็นยอดฝีมือครึ่งก้าวเทพสวรรค์ ตอนนี้ ระดับพลังมันได้รับผลโดยเจ้านายและถูกระงับไว้ที่เทพแท้จริงขั้น6
สายตาของหลินฮวงหยุดที่บุตรแห่งมารพุทธ”นับแต่นี้เป็นต้นไป ชื่อของเจ้าคือ-กู่หรง”
“ขอบคุณนายท่านที่มอบชื่อให้ข้า!”
บุตรแห่งมารพุทธประกบฝ่ามือเข้าด้วยกันและก้มหัวให้หลินฮวง เหมือนกับพระที่บรรลุการตรัสรู้
หลังหลินฮวงพูดจบ รังสีแสงสีทองก็พลันสว่างจากระหว่างคิ้วของบุตรแห่งมารพุทธ และใบหน้าครึ่งปีศาจก็เริ่มรักษาด้วยความเร็วสูง ในชั่วพริบตา ใบหน้าส่วนนั้นก็กลายเป็นเรียบเนียนประดุจหยกเหมือนใบหน้าอีกครึ่งซีก
แสงประหลาดสว่างวาบในดวงตาของบุตรแห่งมารพุทธ พลังงานหุบเหวที่ทำให้มันต้องทนทุกข์มานานวันได้หายไปอย่างสมบูรณ์
มันเพ่งดูการบ่มเพาะและตระหนักว่าพลังงานไม่ได้หายไปหมด แต่กลับอยู่เฉยๆ นอกจากนั้น พลังงานที่เดิมไร้การควบคุมกลับอยู่ภายใต้การควบคุม
หลังตรวจสอบสั้นๆ กู่หรงก็คืนสติกลับสู่ความเป็นจริงและกดฝ่ามือเข้าด้วยกัน ก้มให้หลินฮวงอีกครั้ง แม้จะไม่พูดอะไร หลิน ฮวงก็เข้าใจเหตุผลของการกระทำนี้
หลังพยักหน้าคืนให้กู่หรง สายตาของหลินฮวงก็หยุดที่ไป่กับตัวตลก
ท่ามกลางทั้ง11 นอกจากกู่หรง ไป่และตัวตลกมีระดับสูงสุด ทั้งคู่คือเทพแท้จริงขั้น4 ส่วนแลนเซล็อต ชาโคลและคนอื่นคือเทพแท้จริงขั้น3
ระดับพลังของทั้ง11แสดงออกมาแค่ตอนถูกอัญเชิญ และพวกมันก็ผนึกพลังตัวเองภายใต้การกระตุ้นของหลินฮวง มันถูกระงับให้เป็นเทพเสมือนขั้น9
เมื่อมองมอนสเตอร์ทั้ง11ที่จู่ๆก็ปรากฏตรงหน้าหลินฮวง เทพเสมือนจำนวนมากก็พูดไม่ออก…