วิญญาณต่อสู้เผยตัว!
กู่หรงยืนอยู่ตรงหน้ารอยแยกมิติด้วยตาที่ปิดครึ่งหนึ่ง ราวกับเขากำลังเพิกเฉยความผันผวนมิติตรงหน้าที่ยังคงไหลออกมาไม่หยุด เขาสวมชุดคลุมพระสีขาว เสื้อผ้าเขากระพือตามแรงลมที่เกิดจากความผันผวน ทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้า
วินาทีที่ผู้รุกรานมาถึง เขาก็พลันลืมตาขึ้น
แม้จะไม่ขยับร่างกาย แต่ร่างของมอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนทั้งสิบกลับเริ่มสลายตัวทีละนิ้วทันทีที่พวกมันปรากฏ ไม่ใช่แค่ร่างพวกมัน แต่แม้กระทั่งวิญญาณพวกมันก็ยังสลายตัวอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา นักสำรวจทั้งสิบก็หายไป ไม่เหลือแม้แต่เลือดสักหยด
ไม่ไกลจากกู่หรง ไป่สวมชุดดำสนิท ผมขาวมันปลิวตามแรงลม
มันจ้องรอยแยกมิติ ด้วยใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความผันผวนก็มาถึงจุดสูงสุดและเงาสิบร่างก็ค่อยๆเผยตัว
ตอนนี้เอง ไป่ชี้นิ้วไปในอากาศและเลือดสิบสายก็พุ่งออกมาเหมือนสิ่งมีชีวิต ทันใดนั้น มันก็พุ่งใส่ร่างของผู้มาใหม่ทั้งสิบ
วินาทีต่อมา ร่างทัง้สิบก็เริ่มเหี่ยวเฉา และเพียงไม่กี่อึดใจ พวกมันก็กลายเป็นศพแห้งเหี่ยว แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด หลังผ่านไปประมาณครึ่งวินาที ศพแห่งก็เริ่มย่อยสลายด้วยตัวมันเอง เปลี่ยนเป็นเศษฝุ่น
ไทแรนด์ตรงไปตรงมามากกว่าใคร
ทันทีที่นักสำรวจทั้งสิบถูกส่งมา มันก็กระโจนไป ชกทีละตัว บดขยี้พวกมันเป็นเศษเนื้อ
ในทางกลับกัน ชาโคลกลับเปิดปากกว้างและพ่นเพลิงมังกรออกมา แผดเผาผุ้รุกรานทั้งหมดเป็นเถ้าถ่าน
ส่วนทางด้านราชาจักรกล มันกลับวางป้อมปืนขนาดเล็กไว้ตรงหน้ามัน
วินาทีที่นักสำรวจมาถึง ป้อมปืนนับสิบก็แผดเสียงคำรามพร้อมกัน และเปลวไฟก็ได้กลืนผู้รุกรานทั้งสิบ
เมื่อถึงเวลาที่ประกายไฟดับ มอนสเตอร์ทั้งสิบก็กลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าลักษณะเดิมองพวกมันเป็นอย่างไร
เมื่อเห็นว่าพวกมันไม่หลงเหลือแม้แต่ซากศพ หลินฮวงก็อดร่ำร้องในใจไม่ได้’ช่างเสียเปล่าจริงๆ!’
แลนเซล็อต จอมสังหารและตัวอื่นมีแผนการมากกว่าและใช้วิธีสังหารแบบเดิม ความแตกต่างคือความเร็วการสังหารของพวกมันเหนือกว่าเดิมมากและก็กำจัดศัตรูได้ภายในไม่กี่วินาที
นั่นคือทั้งหมด ยกเว้นตัวลก ที่เป็นคนโอ้อวดสุด
วินาทีที่ผู้รุกรานทั้งสิบมาถึง ตัวตลกก็ควบคุมร่างพวกมันและส่งพวกมันเดินกลับไปแดนเทพเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ไม่มีใครรู้
มอนสเตอร์อัญเชิญทั้ง21กำจัดศัตรูได้แทบจะทันที
แต่ทว่า ทางฝั่งของผู้บ่มเพาะไม่ได้ราบรื่นแบบนั้น
ต่อให้พวกเขาจะมีมากกว่า แต่ก็มีเพียงสามกลุ่มที่มีเทพเสมือนขั้น4เป็นแกนถึงสามารถฆ่าได้อย่างหมดจด แต่ทว่า พวกเขาสามารถฆ่าได้แค่สองหรือสามผู้รุกราน
เมื่อเห็นแบบนี้ คุณฟู่ก็ลงมือ
แต่ทว่า ตอนนี้อง คลื่นพลังสีแดงเลือดนับร้อยสายกลับระเบิดมาพร้อมกัน ก่อนการโจมตีของคุณฟู่จะไปถึง คลื่นพลังเหล่านั้นก็พุ่งทะลุร่างมอนสเตอร์ที่เหลือ112ตัวไปแล้ว
อย่างน่าประทับใจ คนที่โจมตีคือไป่ ผู้จัดการงานตัวเองเสร็จแล้ว
ก่อนหน้านี้ หลินฮวงได้ย้ำว่าหากจัดการทางตัวเองเสร็จแล้ว พวกมันควรยื่นมือมาช่วยเหลือทางอื่น
ดังนั้น หลังเสร็จภารกิจแรก มันจึงหันมาจับจ้องนักสำรวจที่เหลือทั้งหมดและลงมือทันที!
คลื่นพลังเจาะไปในตัวของมอนสเตอร์เหมือนสายฟ้าฟาดและสิ่งมีชีวิตก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วเป็นซากศพแห้งด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก่อนจะสลายตัวไป
เมื่อเห็นแบบนี้ คุณฟู่ก็ถอนการโจมตีด้วยสีหน้าอึดอัดใจ
เหล่าเทพเสมือนที่สร้างค่ายกลเผยสีหน้างุนงงตอนเห็นฉากตรงหน้า
การโจมตีเช่นนี้ทำให้พวกเขาตกใจ
มอนสเตอร์ที่พวกเขาหลายคนรุมกลับถูกจัดการได้ง่ายๆ นี่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจใหม่ต่อพลังของหลินฮวง
“นั่นคือเทพเสมือนขั้น5 และพวกมันยังถูกฆ่าในชั่วพริบตา!เป็นความสามารถที่น่ากลัวมาก!”
“ข้าบอกแล้ว มอนสเตอร์ผมขาวนั่นดูเหมือนมนุษย์มาก มันต้องเป็นโปรตอสแน่!พวกเจ้ายังสงสัยกันอีกไหม?!”
“มอนสเตอร์ผมขาวนั่นอาจเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งสุดภายใต้หลินฮวงแล้วก็ได้?หรือจะมีตัวที่แข็งแกร่งกว่านี้?”
..
ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน กำลังเสริมอีกระลอกก็มาถึง
กำลังเสริมชุดนี้ประกอบด้วยคนกว่า20 หลินฮวงเห็นหน้าคุ้นเคย เหล่านั้นคือทาสดาบภายใต้บัญชาเขา
เหตุผลที่ทาสดาบมาสายเพราะส่วนใหญ่ไม่เคยมาขอบเหวนรก นับประสาอะไรกับการระบุพิกัด
พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินทางมาเองผ่านประตูมิติทีละอัน จากนั้นก็ค่อยบินมา
มีเพียงผู้ใช้กฏมิติได้ถึงมาถึงก่อนใคร แต่ก็มีคนเช่นนั้นน้อยมากในหมู่ทาสดาบ นี่ทำให้ทาสดาบมาถึงช้ากว่ากำลังเสริมจากขุมกำลังอื่น
ณ จุดนี้ นับรวมทาสดาบทั้ง20ที่อยู่ เทพเสมือนกว่า260จากโลกกรวดต่างถูกส่งมา
เกือบ80%ของเทพเสมือนจากโลกกรวดได้รวมกันที่ชั้นสามขอบเหวนรก
ตัดสินจากสถานการณ์ก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่ากองกำลังขนาดเล็กที่ประกอบด้วยคน7-8คนไม่พอจะรับมือกับการรุกรานอีก
ตงฟางไป่จึงเริ่มหารือเรื่องการจัดค่ายกลใหม่
ในฐานะจักรพรรดิแห่งขัตติยะ หลินฮวงย่อมเข้าร่วมด้วย แต่เขาไม่ได้แสดงความเห็นใดๆเลย
เขายังคงพิจารณาว่าเขาควรเรียกแมลงออกมาหรือเผยพลังของทาสดาบ
ตงฟางไป่สังเกตเห็นว่าหลินฮวงกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างและอดถามไม่ได้”จักรพรรดิหลิน หากท่านมีความเห็นใด โปรดแจ้งให้เราทราบ”
“ข้า…”เพียงเมื่อหลินฮวงกำลังจะพูด ความปั่นปวนก็พลันมาจากภายในตัวเขา มันคือเพลิงนิรันดร์(นิ้วทองคำของฉีหมิงเซี่ยง)ที่ส่งข้อความหาเขา’ข้าสามารถให้พลังงานวิญญาณแก่รูปแกะสลักเทพได้”
เหตุผลที่หลินฮวงไม่เคยคิดใช้วิญญาณต่อสู้รูปแกะสลักเทพเพราะพวกมันมีกันแค่สิบ ส่วนรอยแยกมิติที่เหลือมีอีก12 แม้จะยังมีรูปแกะสลักเทพที่ไม่ได้ใช้มากมาย แต่เขาก็ไม่มีทางใช้พวกมันได้และคนอื่นก็ไม่มีทางปลดปล่อยพลังพวกมันได้ต่อให้ใช้มัน
แต่ทว่า ตอนนี้เพลิงนิรันดร์กลับกล่าวเช่นนั้น เขาจึงเรียกรูปแกะสลักเทพออกมาเพิ่มอีกสองอันและปิดกั้นรอยแยกมิติทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
“ปล่อยอุโมงค์มิติที่เหลือทั้ง12ให้ข้า พวกท่านสามารถใช้เวลานี้ฝึกฝนค่ายกลและเริ่มเตรียมการสำหรับสงครามได้”หลินฮวงพิจารณาสักพักก่อนตัดสินใจพูดอย่างเปิดเผย
ทุกคนตกตะลึง
คุณฟู่กังวลเล็กน้อย”มันไม่เป็นไรจริงๆหรือ?”
“ข้าสามารถจัดการได้”หลินฮวงพยักหน้า จากนั้นก็เรียกวิญญาณต่อสู้ทั้งสิบออกมา อย่างจิ้งจอกเก้าหาง รวมถึงรูปแกะสลักเทพอีกสองที่ได้รับพลังงานจากเพลิงนิรันดร์
ภายใต้คำสั่งของหลินฮวง วิญญาณต่อสู้ทั้ง12รีบเข้าไปประจำตำแหน่งใกล้กับรอยแยกที่เหลืออีก12และกลายเป็นผู้พิทักษ์คนใหม่