จุดบอดในความรู้ของคุณฟู่
รอยแยกมิติทั้ง33ล้วนได้รับการจัดการโดยมอนสเตอร์อัญเชิญและวิญญาณต่อสู้ ดังนั้นเหล่าเทพเสมือนจากโ,กกรวดจึงสามารถพักหายใจได้
หลายคนมองหลินฮวงด้วยอารมณ์ซับซ้อน ความสามารถเขาเหนือกว่าที่ทุกคนคิด พวกเขาล้วนตกใจกับความจริงที่ว่าหลินฮวงทรงพลังแค่ไหน และในเวลาเดียวกัน พวกเขายังกลัวเขา
ทุกคนตระหนักว่าต่อให้เป็นเทพเสมือนทั้งหมดของโลกกรวด การป้องกันของพวกเขาย่อมแตกในไม่ช้า แต่ทว่า ด้วยการคงอยู่ของหลินฮวง ผู้รุกรานจากมหาพิภพย่อมล้มเหลวจนกว่าเทพแท้จริงจะมาถึง
อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ทั้ง33ที่หลินฮวงอัญเชิญมานับเป็นภัยคุกคามใหญ่ต่อทุกคน เขาสามารถฆ่าเทพเสมือนทั้งหมดของโลกกรวดได้ง่ายๆเหมือนการพลิกฝ่ามือหากเขาต้องการ(คนส่วนใหญ่คิดว่าวิญญาณต่อสู้คือมอนสเตอร์อัญเชิญ)
รัฐบาลกลางตกใจสุดกับความสามารถสุดจินตนาการของหลินฮวง ไม่ใช่เพราะเขาแกร่งเกิน แต่ยังเพราะเขาคือจักรพรรดิแห่งขัตติยะ นี่นับเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา
กว่าแปดร้อยปี รัฐบาลกลางเป็นตัวแทนของทั้งโลกกรวด ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่อยากให้ตำแหน่งพวกเขาถูกองค์กรอื่นชิงไป
ด้วยความกังวลนี้ในใจ ตงฟางไป่จึงอดถามหลินฮวงไม่ได้
“จักรพรรดิหลิน หากเราโชคดีชนะศึกนี้ ท่านคิดจะทำอะไรต่อ?”
คำถามนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
คุณฟู่เลิกคิ้ว เหลือบมองตงฟางไป่ด้วยความไม่พอใจ
คำถามของตงฟางไป่อาจดูสุ่มๆ แต่คนที่ตาถึงจะเข้าใจความหมายเบื้องหลัง
“หากเราโชคดีชนะ?”หลินฮวงหันมามองตงฟางไป่“ในศึกนี้ เราต้องชนะ ไม่มีทางเลือกอื่น!”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของหลินฮวง แต่ก็รีบฟื้นสติ พวกเขาต่างรู้สึกว่าหลินฮวงกำลังเปลี่ยนเรื่องและจงใจหลีกเลี่ยงคำถาม
เพียงเมื่อตงฟางไป่กำลังจะหัวเราะและปล่อยเรื่องให้ผ่านไป หลินฮวงก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“หากท่านกำลังถามถึงแผนส่วนตัวข้าหลังสงคราม ข้าคิดพาซินเอ๋อร์กับคนอื่นไปมหาพิภพกับข้า โลกกรวดไม่มีทรัพยากรบ่มเพาะที่ข้าต้องการอีก แต่ทว่า นี่คือบ้านข้า หากเรามีเวลาในอนาคต ข้าจะพาพวกซินเอ๋อร์กลับมาเที่ยว และพบกับเพื่อนเก่าเพื่อกินหรือดื่ม“
แน่นอน หลินฮวงรู้ถึงเจตนาของตงฟางไป่ ดังนั้นเขาจึงให้คำตอบที่ตงฟางไป่อยากได้ยินสุด
สำหรับความจริง นั่นคือสิ่งที่เขาคิดทำอยู่แล้ว ในสถานการณ์ปัจจุบันเขา มันไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ในโลกกรวดต่อ มีเพียงมหาพิภพถึงจะทำให้ระดับเขาพัฒนาต่อได้
ยิ่งไปกว่านั้น มีโอกาสสูงที่หลินซินจะสามารถทะลวงผ่านระดับเทพเสมือนได้หลังการปิดประตูบ่มเพาะครั้งนี้ เมื่อพวกเขาไปมหาพภพ นางน่าจะมีความสามารถพอปกป้องตัวเองบ้าง
ระดับพลังของคุณฟู่มาถึงขั้น9แล้ว หากเขาอยากประสบความสำเร็จจนเป็นเทพแท้จริง เขาต้องไปมหาพิภพเท่านั้น
สำหรับคนของขัตติยะและผู้ปลดปล่อย หลินฮวงรู้สึกว่าหากบางคนอยากเดินทางไปกับเขา เขาจะพาไปด้วย หากไม่ เขาก็จะปล่อยพวกเขาไว้ที่นี่
หลังได้รับการตอบสนองเช่นนี้จากเขา ตงฟางไป่ก็ถอนหายใจโล่งอก
เขาไม่สงสัยคำพูดของหลินฮวงเพราะเขารู้ว่าจุดประสงค์หลักของการเดินทางหลินฮวงนั้นคือเพื่อเพิ่มพลัง ตอนนี้ที่เขากลับมา มันย่อมไม่มีทรัพยากรในโลกกรวดที่เหมาะสมกับเขาอีก
แม้คำตอบของหลินฮวงจะทำให้รัฐบาลกลางพึงพอใจ ตงฟางไป่ก็ยังต้องแสดงสีหน้าเฉยเมย
“ยังไงซะนี่ก็คือบ้านเกิดเรา และครอบครัวเราก็ล้วนอยู่ที่นี่ หากข้าไปมหาพิภพเข้าสักวัน ตัวข้าเองก็อจอยากกลับมาพบเพื่อนและครอบครัวบ้าง“
เมื่อผู้คนรอบๆได้ยินว่าหลินฮวงคิดจะไป พวกเขาก็มีความคิดผสมปนเปกัน
บางคนพิจารณาว่าพวกเขาควรไปกับหลินฮวงไหม
เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาเป็นเทพเสมือนแล้ว ในโลกกรวด พวกเขามีข้อจำกัดมาก มีทรัพยากรไม่มากที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาต่อได้
พวกเขาไม่เคยเดินทางไปมหาพิภพเพราะก่อนหน้านี้มีหลายคนที่ไปและไม่เคยกลับมาอีก บางคนทิ้งตะเกียงวิญญาณและของเช่นนั้นไว้ก่อนออกเดินทาง และตะเกียงวิญญาณก็มอดดับไป บ่งชี้ว่าพวกเขาตายแล้ว นี่พอจะพิสูจน์ว่าการไปมหาพิภพนั้นอันตรายมากแค่ไหน
แม้จะเป็นเช่นนั้น หลินฮวงก็ไม่เพียงจะไปมหาพิภพ แต่เขายังกลับมาได้ นี่พิสูจน์ว่าเขามีเส้นทางที่ปลอดภัย
ยังมีบางคนที่รู้สึกว่าการจากไปของหลินฮวงจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ขัตติยะเสื่อมถอย
พวกเขารู้สึกว่าองค์กรตนอาจมีโอกาสได้รับตำแหน่งของขัตติยะ หนึ่งในยักษ์ใหญ่
ทุกคนต่างมีความคิดของตน
ในไม่ช้ารอยแยกมิติก็เริ่มส่งสัญญาณความผันผวนอีกครั้ง
ระลอกที่เก้าเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากนั้น
คราวนี้ อุโมงค์มิติทั้ง33เปิดขึ้นพร้อมกัน
ระดับพลังของนักสำรวจเลื่อนขึ้นอีกครั้ง และจำนวนก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย!
ระดับพลังของนักสำรวจทั้งหมดเพิ่มเป็นเทพเสมือนขั้น6 และจำนวนก็ยังเพิ่มเป็น20ต่ออุโมงค์มิติ!
หากมันไม่ใช่พเราะหลินฮวงสนับสนุนอุโมงค์มิติด้วยวิญญาณต่อสู้ เทพเสมือนของดลกกรวดย่อมได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีรอบนี้แน่
จาก33ค่ายกล 28ค่ายกลถูกนำโดยเทพเสมือนขั้น3 และพลังก็แค่เทียบได้กับเทพเสมือนขั้น5 หากพวกเขาเจอกับกลุ่มเทพเสมือนขั้น6 ค่ายกลย่อมแตก
แต่ทว่า ต่อหน้าไป่กับมอนสเตอร์ตัวอื่น เทพเสมือนขั้น6ไม่นับเป็นอะไร
เพียงแค่ยกแขนขึ้น เทพเสมือนขั้น6กว่า600ก็ถูกกำจัดทันที ไม่หลงเหลือสักตัว การต่อสู้ทั้งหมดกินเวลาไม่ถึงครึ่งวินาทีตั้งแต่ต้นจนจบ
เทพเสมือนทั้งหมดทำได้แค่แสดงสีหน้าตื่นตระหนก
จากสิ่งที่ทุกคนเห็น ผู้รุกรานที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามากกลับเปรียบเสมือนมดต่อหน้ามอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวง ระดับพลังมันแตกต่างกันเกินไป!
แม้แต่คุณฟู่ก็ยังรู้สึกสลดใจ
เขาไม่คิดว่ากลุ่มเด็กน้อยที่ต้องการคำสอนของเขาในอดีตจะทรงพลังกว่าตัวเขาแล้ว ในฐานะเทพเสมือนขั้น9 คุณฟู่รู้สึกว่าเขามีโอกาสน้อยมากที่จะชนะมอนสเตอร์อัญเชิญสักตัวของหลินฮวง
“ศิษย์รัก มอนสเตอร์อัญเชิญของเจ้า พวกมันคือมอนสเตอร์ระดับบรรพกาลกันหมดเลยสินะ?”
คุณฟู่อดถามไม่ได้
“ส่วนใหญ่คือบรรพกาล แต่ยังมีกึ่งเทพสูงสุดและเทพสูงสุดด้วย”หลิฯฮวงพยักหน้าตอบ
“ว่าไงนะ?!”คุณฟู่กลืนน้ำลาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องกึ่งเทพกับเทพสูงสุด เขามักคิดว่าระดับบรรพกาลคือขีดจำกัด
“ไป่คือกึ่งเทพสูงสุด และกู่หรงคือเทพสูงสุด”เมื่อเขาพูดจบ หลินฮวงก็กลัวว่าคุณฟู่จะไม่รู้ว่าใครคือกู่หรง”กู่หรงคือพระน้อยที่สวมเสื้อคลุมพระสีขาว”
‘มีระดับเทพสูงสุดด้วย?!’คุณฟู่กรีดร้องในใจ แต่ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ศิษย์ตัวเองรู้ว่าเขาไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าบรรพกาล เขายังลอบมองหลินฮวงและเมื่อไม่พบปฏิกิริยาใดๆ เขาก็พยักหน้าอย่างสงบ”พระน้อยดูแข็งแกร่งจริงๆ ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นถึงเทพสูงสุด”