เปิดม่านแห่งสงคราม
ในขอบเหวนรกชั้นสาม ความผันผวนครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเขาพบความผิดปกติ หลินฮวงก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ความผันผวนจากอุโมงค์มิติจะเกิดขึ้นตามจำนวนคนที่ถูกส่งมา แต่ทว่า ความผันผวนครั้งนี้กลับเหนือกว่าที่หลินฮวงคาดไว้
‘ตามแรงผันผวน เกรงว่าจำนวนที่ส่งมาครั้งนี้อาจมากกว่าเดิมนับร้อยเท่า!’
จำนวนเหล่านี้ทำให้หลินฮวงผวา
ตามจำนวนนักสำรวจที่ส่งมาหกวันก่อน ความพยายามครั้งสุดท้ายควรเป็นขีดจำกัดพวกมันแล้ว ไม่งั้น พวกมันคงไม่หยุดชะงักกลางคันเช่นนี้
แต่ตอนนี้ มันดูเหมือนศัตรูจะใช้กำลังคนไปไม่ถึง 1%เลยกับการสำรวจ
แม้จะไม่เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังสถานการณ์ หลินฮวงก็รีบตั้งสติ ผลักคำถามเขาออกไป กลับไปให้ความสนใจกับการต่อสู้
‘มีผู้รุกรานอย่างน้อยล้านในระลอกนี้ แถม. อาจมากเกินกว่าสองล้านด้วยซ้ำ’หลินฮวงประเมินคร่าวๆจากความผันผวน’ต่อให้ทาสดาบ ไป่และคนอื่นปลดผนึกพลัง พวกมันก็ไม่มีทางฆ่าผุ้รุกรานทั้งหมดได้ในเวลาอันสั้น ผู้รุกรานจะต้องรู้ว่าอุโมงค์มิติทั้งหมดใช้งานได้ หลังจากนั้น เหล่าเทพแท้จริงก็จะลงมา’
‘ปัญหาใหญ่ตอนนี้ก็คือจำนวนเทพเสมือนที่มีนั้นเกินกว่าสมมติฐานข้า มันเป็นไปได้ว่าศัตรูอาจมีเทพแท้จริงมากกว่าที่ข้าคิดไว้…”
เดิมเขาประเมินว่าจำนวนเทพแท้จริงในหมู่ศัตรูคงมีไม่เกินร้อย แต่ตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน พวกมันอาจมีมากกว่าร้อย
พูดตรงๆ การมาของเทพเสมือนนับล้านในระลอกนี้ไม่ได้ทำให้หลินฮวงเป็นกังวลเลย เขากังวลถึงเหล่าเทพแท้จริงที่จะมาถึงซะมากกว่า
เหนือสิ่งอื่นใด จำนวนเทพแท้จริงทางฝั่งเขานั้นมีจำกัด
นอกจากตัวเขาและกองทัพมอนสเตอร์เขา มันมีทาสดาบแค่สามร้อยกว่าคน
หากเทพแท้จริงเผยตัวมามากเกินไปและฝั่งหลินฮวงไม่สามารถต้านได้ เทพเสมือนในโลกกรวดก็อาจถูกกวาดล้างจนหมด
เมื่อแนวป้องกันนี้ในขอบเหวนรกแตกพ่าย เหล่าเทพแท้จริงก็จะกรีฑาทัพสู่แผ่นดินหลักของโลกกรวด เมื่อพวกมันผ่านขอบเหวนรกไป พวกมันจะสามารถใช้พลังจิตเทวะและพบตำแหน่งที่ตั้งเมืองได้ง่ายๆ
ยุคแห่งการบ่มเพาะอาจเผชิญหน้ากับการทำลายล้างอีกครั้ง
วินาทีที่ความเป็นไปได้เหล่านี้ผุดขึ้น หลินฮวงก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่กดทับตัวเขา
ในขณะเดียวกัน ความผันผวนมิติจากอุโมงค์มิติก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
หลินฮวงและคุณฟู่ไม่ใช่คนเดียวที่สั่งเกตเห็นความผิดปกติ เทพเสมือนคนอื่นเองก็พบมันเหมือนกัน
ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงของหลินฮวงพลันระเบิดออกมาเหมือนฟ้าผ่า
“จงฟัง ทุกองค์กร!ใช้วิธีโจมตีแบบวงกว้างทั้งหมดที่มีออกมาซะ!มันไม่สำคัญว่าจะเป็นความสามารถเทวะ ทักษะเทวะ อาวุธหรืออุปกรณ์ใด ตราบเท่าที่พวกมันมีผลโจมตีแบบวงกว้าง จงใช้พวกมัน!กองทัพศัตรูครั้งนี้อาจมีมากเกินกว่าล้าน!”
แม้หลินฮวงจะไม่ใช่ผู้นำรัฐบาลกลาง แต่ทุกคนก็ได้เห็นถึงความสามารถเขามาแล้ว เช่นนั้น พวกเขาจึงเชื่อใจเขาสนิทตอนเขาพูดเช่นนี้และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
หลังเขาตะโกนออกคำสั่ง หลินฮวงก็หันไปสั่งมอนสเตอร์เขา
“พวกเจ้าถอยออกมา หยุดคิดถึงวิธีการฆ่าศัตรูแบบทันทีและสลับมาใช้การโจมตีแบบวงกว้าง เจ้าอาจปลดผนึกพลังได้หากจำเป็น!”
หลังได้รับคำสั่ง เหล่ามอนสเตอร์ก็เริ่มถอยออกห่างอุโมงค์มิติ
ทันทีหลังไป่และตัวอื่นถอยออกมา ความผันผวนที่แผ่จากอุโมงค์มิติก็พุ่งถึงจุดสูงสุดเกือบพร้อมกัน
วินาทีต่อมา คลื่นผู้บุกรุกก็กรูกันออกมาอย่างบ้าคลั่ง
วินาทีที่พวกมันเผยตัว สิ่งมีชีวิตหุบเหวทั้งหมดที่ถูกบังคับให้เข้าอุโมงค์มิติโดยนิกายพันงูก็พบว่าพวกมันถูกเหล่าเทพเสมือนระดับต่ำรุมจับจ้อง
หลังพบที่ระบายอารมณ์ใหม่ มอนสเตอร์นับล้านก็พุ่งเข้าหาเหล่าเทพเสมือนของโลกกรวดกันอย่างบ้าคลั่ง
แม้หลินฮวงจะบอกพวกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว เหล่าเทพเสมือนในโลกกรวดก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้ตอนเห็นจำนวนพวกมัน
มอนสเตอร์อัญชิญภายใต้หลินฮวงเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล
กู่หรงลอยขึ้นำแบนฟ้า หลับตาและประกบมือขณะท่องบทสวด เสียงสวดนั้นเริ่มสะท้อนไปทั่ว รัศมีสีทองแผ่ออกจากตัวมัน ปลดปล่อยออกไปทุกทิศทาง เมื่อคลื่นพลังกวาดผ่านสิ่งมีชีวิตหุบเหวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอันเดทหรือวิญญาณ พวกมันจะกรีดร้องโหยหวนและสลายเป็นเถ้าถ่าน
ในฐานะผู้บ่มเพาะสายพุทธ พลังเทวะของกู่หรงถือเป็นขั๋วตรงข้ามกับพลังงานด้านลบ
ต่อให้มันจะมีระดับพลังแค่เทพเสมือนขั้น1 มันก็ยังป้องกันเทพเสมือนขั้น3ได้ นับประสาอะไรกับระดับพลังเทพเสมือนขั้น9อย่างตอนนี้
ที่ใดก็ตามที่คลื่นรัศมีสีทองแผ่ออกไป มอนสเตอร์ระดับเทพเสมือนเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งวินาที
นอกจากกู่หรง ผลงานของไป่เองก็โดดเด่น
มันไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
แต่ทว่า อากาศรอบตัวมันกลับกระเพื่อม อนุภาคแวมไพร์ไร้สีลอยอยู่ทั่ว แต่เมื่อใดก็ตามที่อนุภาคโดนตัวมอนสเตอร์ พวกมันจะจมเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน มอนสเตอร์จะเริ่มระเบิดทีละตัว เปลี่ยนเป็นปีศาจเลือดด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ปีศาจเลือดแต่ละตัวจะมีพลังใกล้เคียงเดิม พวกมันเปลี่ยนเป็นนักรบภายใต้บัญชาของไป่และเริ่มโจมตีผู้รุกรานแทน
ใกล้กับไป่ ตัวตลกเองก็สามารถควบคุมมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่ได้ด้วยพลังของมัน
สิ่งที่แตกต่างจากไป่คือตัวตลกนั้นหัวเราะลั่นขณะบินผ่านทะเลกองทัพมอนสเตอร์
มอนสเตอร์ทั้งหมดจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายเมื่อตัวตลกบินผ่านและเริ่มโจมตีกันเองอย่างบ้าคลั่ง
ครั้งนี้ มันกลายเป็นว่า ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงหัวเราะของมันจะอยู่ในสภาพขาดสติ
ในอีกบริเวณหนึ่ง แลนเซล็อตในชุดเกราะสีแดงเต็มตัวกำลังควบคุมดาบบินนับหมื่น ส่งพวกมันเฉือนผ่านกองทัพมอนสเตอร์ ทุกการโจมตี มันจะฆ่าผู้รุกรานไปได้นับหมื่น
ทางฝั่งของชาโคลยิงรุนแรง
อะไรก็ตามที่สัมผัสกับเพลิงมังกรดำมันจะสลายหายไป หลงเหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน
ไทแรนด์ยิ่งป่าเถื่อน มันใช้วิธีตรงไปตรงมา เปลี่ยนตัวเองเป็นยักษ์สวรรค์สูงเสียดฟ้า ทุกย่างก้าว มันจะก้าวไปไกลกว่าแสนเมตร บดขยี้ทุกอย่างจนแหลกเละ
ในศึกนี้ ผลงานของราชาจักรกลนับว่ามากสุด
วินาทีที่กองทัพมอนสเตอร์มาถึง มันก็เรียกหุ่นยนต์นับล้านออกมา กราดยิงฝูงมอนสเตอร์ที่กรูออกมาจนพรุน
มันยังเป็นคนเดียวที่กำจัดผู้รุกรานทั้งหมดในอุโมงค์มิติได้ในเวลาไม่ถึงห้าวินาที เร็วเสียยิ่งกว่ากู่หรง ไป่และตัวอื่น
มอนสเตอร์ตัวอื่นอย่างแม่มดก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้จะไม่มีใครปลดผนึกพลังตัวเอง พวกมันก็ยังถือว่าไร้เทียมทาน
เมื่อเหล่าเทพเสมือนของโลกกรวดเห็นว่ามอนสเตอร์อัญเชิญของหลินฮวงร้ายกาจแค่ไหน ขวัญกำลังใจพวกเขาก็พุ่งทะยานและพวกเขาก็เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย!