ด้วยการเพิ่มเข้ามาของเทพแท้จริงอย่าง ทาสดาบกับมอนสเตอร์อัญเชิญ สนามรบเทพเสมือนจึงกลายเป็นการเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว
ไม่ถึงสิบนาทีต่อมา ผู้รุกรานระดับเทพเสมือนทั้งหมดก็ถูกฆ่า ไม่เหลือรอดสักคน
หลินฮวงได้เก็บศพมอนสเตอร์จากสนามรบเทพแท้จริงไปก่อนหน้าแล้ว
บนสนามรบเทพเสมือน สมาคมนักล่า ขัตติยะกับองค์กรอื่นรวมถึงเผ่าแมลงพากันเก็บสินสงคราม
ตงฟางไป่ หัวหน้าฝ่ายรัฐบาลกลางเดินมาหาหลินฮวง
สายตาเขาที่มองหลินฮวงแตกต่างออกไป
ก่อนหน้านี้ เขามองหลินฮวงเป็นคู่แข่งอาจเพราะหลินฮวงคือจักรพรรดิแห่งขัตติยะ หลังเห็นความสามารถแท้จริงของหลินฮวงในการต่อสู้สุดท้าย ตงฟางไป่เปลี่ยนมุมมอง
ทุกคนในขอบเหวนรกชั้นสามรู้ว่าถ้าหลินฮวงไม่มาพร้อมกำลังเสริมกับมอนสเตอร์อัญเชิญที่เขานำมา ผู้รุกรานอาจทำลายโลกกรวดไปแล้ว
“จักรพรรดิหลิน ในนามของรัฐบาลกลาง ข้าขอขอบคุณท่าน!”คำพูดแรกที่หลุดจากปากตงฟางไป่คือการขอบคุณจากใจจริง
“หัวหน้าตงฟาง โลกกรวดเองก็คือบ้านเกิดข้าเช่นกัน”หลินฮวงรู้สึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของตงฟางไป่
“พวกผู้รุกรานมาจากโลกไหนกัน?”ตงฟางไป่ถามเพราะเขาสังเกตเห็นว่าหลินฮวงจับหัวเถิงหรานไว้เพื่ออ่านความทรงจำหลังฆ่าอีกฝ่าย
“พวกมันมาจากแดนเทพ องค์กรชั้น 4 โดยมีชื่อว่านิกายพันงู”หลินฮวงอธิบาย
“เราได้ฆ่าคนของพวกมันไปมาก จะมีปัญหาตามมาไหมในอนาคต?”ตงฟางไป่ถามด้วยคิ้วขมวด
“มีแน่”หลินฮวงพยักหน้า”สำหรับสถานการณ์เจาะจง ข้าจะไปเยือนรัฐบาลกลางทีหลังและจะอธิบายรายละเอียดทั้งหมดให้ฟัง หัวหน้าตงฟาง ถ้าท่านสามารถ โปรดช่วยข้านัดหมายกับประธานเจียงด้วย มันจะดีสุดถ้าพวกระดับสูงทั้งหมดของรัฐบาลกลางมารวมกันครบได้”
“แน่นอน!ถ้ามีอะไรที่รัฐบาลกลางสามารถช่วยเหลือได้ ก็โปรดบอกให้ข้ารู้”ตงฟางไป่รีบพยักหน้า
ทั้งสองคุยกันสักพัก สุดท้ายสนามรบเทพเสมือนก็ถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง
พวกระดับสูงขององค์กรใหญ่ต่างๆมากล่าวอำลาหลินฮวงทีละคน เหนือสิ่งอื่นใด หลินฮวงถือเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจสุดในโลกกรวดไปแล้ว แถมยังมีขัตติยะ หนึ่งในองค์กรใหญ่ภายใต้บัญชา
ในยุคสงครามนี้ ขัตติยะนับว่าได้บดบังรัฐบาลกลางจนมิด
หลังซุนโจว หัวหน้าตุลาการของพวกนอกรีตมาทักทายหลินฮวง เขาก็เรียกรวมลูกน้องทั้งหมด ออกจากขอบเหวนรกชั้นสามไป
เมื่อพวกเขากลับไปขอบเหวนรกชั้นสอง เกาหยาก็อดพูดไม่ได้
“ข้ารู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่าเซี่ยหยูทำผิดพลาดมากที่ดึงหลินฮวงมาเข้าร่วมกับเราไม่ได้ในตอนนั้น!
“จริง ถ้าหลินฮวงคือหัวหน้าตุลากรของนอกรีต มันคงไม่ใช่ขัตติยะที่เฉิดฉาย แต่เป็นเรา!”โจวตงพูดขณะยังแคะขี้มูก
“เห้ย พอแค่นั้นแหละ กล้ามาพูดแบบนี้ต่อหน้าข้าได้ยังไง?”ใบหน้าของโจวตงบิดเบีเยว
“ถ้าหลินฮวงเป็นหัวหน้าเรา ข้าคิดว่าเราคงสามารถย้ายศูนย์ใหญ่เข้ารังนั่นได้ คิดดูสิว่ามันจะสุดยอดแค่ไหนถ้ามีองครักษ์แมลงระดับเทพเสมือนเป็นล้าน!ไม่ใช่แค่นั้น ไม่ว่าเจ้าจะอยากไปไหน เจ้าก็สามารถไปได้ด้วยรังนั่น ทุกคนต้องอิจฉาเรา”โจวตงไม่สนใจซุนโจว
“ข้าคิดว่ามอนสเตอร์อัญเชิญผมขาวนั่นหล่อมาก ข้าจะย้ายโต๊ะทำงานไปข้างเขา ต่อให้ข้าต้องนั่งในห้องทำงานทุกวัน ข้าก็เต็มใจ”หลังแสดงความคิดเห็นนี้ เกาหยาก็หันไปมองซุนโจว”ข้าคิดว่าเจ้าควรไปศัลยกรรมหน้า แต่งงานกับคนจากขัตติยะ…”
“เงียบบบบ!”ซุนโจวคำราม
…
บนขอบเหวนรกชั้นสาม องค์กรใหญ่ทั้งหมดต่างมาอำลาหลินฮวงก่อนจากไป
หลินฮวงเรียกรังและมอนสเตอร์อัญเชิญกลับ หลังคนจากผู้ปลดปล่อยกลับไป เขาก็กลับไปเมืองจักรพรรดิรวมถึงคนจากขัตติยะ
อู่โม่กลับไปเกาะลอยฟ้าชั่วคราว
หลินซวนตามหลินฮวงกลับไปเมืองจักรพรรดิ
หลังขอให้หวงเทียนฟู่ช่วยหลินซวนหาที่พัก หลินฮวง คุณฟู่และพวกเบื้องบนของทั้งขัตติยะกับผู้ปลดปล่อยก็ทำการประชุมผ่านวิดิโอ
หลินฮวงอธิบายถึงนิกายพันงูและวังเผ่าหมื่นคณนานับ เขายังแจ้งทุกคนถึงวิกฤต
หลังพบข้อมูลเกี่ยวกับวังเผ่าหมื่นคณนานับ ทุกคนที่รู้สึกโล่งใจได้ไม่ถึงชั่วโมงก็พลันรู้สึกกดดันยิ่งกว่าเดิม
หลังการประชุม หลินฮวงไปหาหลินซวนก่อน
เพราะสงครามในขอบเหวนรก มันจึงมีคำถามมากมายที่เขาไม่สามารถถามหลินซวนได้ แต่ตอนนี้เขามีเวลาแล้ว
“ข้ามักสันนิษฐานว่ามันคือองค์กรอื่นที่โคลนเจ้า ไม่คิดเลยว่าจะเป็นรัฐบาลกลาง”
“รัฐบาลกลางได้รับเทคโนโลยีพันธุกรรมจากมิติบรรพกาลกว่าสามร้อยปีก่อน สองปีหลังพวกเขาสำรวจเสร็จ พวกเขาสร้างห้องทดลองพันธุกรรมขึ้น ต่อมา พวกเขาได้รับเทคโนโลยีชีวภาพที่เกี่ยวข้องจากมิติต่างๆ และฝึกฝนนักวิจัยด้านนี้ จนกระทั่งร้อยกว่าปีก่อน พวกเขาได้รับเทคโนโลยีโคลนนิ่งอีกครั้งจากมิติโบราณใกล้ๆ หลังจากนั้น ทั้งห้องวิจัยก็มุ่งเน้นไปที่ด้านนี้”
“กว่าร้อยปีก่อน พวกเขาทำการทดลองลับๆ มันไม่สำเร็จจนกระทั่ง 11 ปีก่อนที่เทคโนโลยีก้าวหน้าพอจนสร้างผู้บ่มเพาะได้สำเร็จ แปดปีก่อน พวกเขาเริ่มใช้ศพของกึ่งเทพมาเป็นตัวทดลองโคลนนิ่ง ท่ามกลางตัวอย่างเหล่านั้นคือโม่ขุ่ย…”
“ระดับความปลอดภัยของห้องวิจัยประเภทนี้สูงมาก มันต้องไม่ด้อยไปกว่าศูนย์ใหญ่รัฐบาลกลาง แล้วเจ้าหนีมาได้อย่างไร?”นี่คือคำถามที่ทำให้หลินฮวงสับสน
“ก่อนหน้านี้ ข้ามักคิดว่าข้าหลบหนีมาได้เหมือนกัน จากนั้นข้าจึงกลับไปสถานที่นั้น แค่พบว่าข้าถูกส่งออกมา”
“เหตุผลคือห้องวิจัยพบว่าโคลนทั้งหมดไม่มีความสามารถสู้กับมอนสเตอร์ขั้นสูงกว่า ร่างกายเราไม่สามารถผสานกับเมล็ดพันธ์ุชีวิตเพื่อหลุดพ้นได้ นับประสาอะไรกับประกายไฟชีวิต เจ้าหน้าที่วิจัยนับร้อยใช้เวลาหลายปีแก้ปัญหานี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้”
“ดังนั้น บางคนในห้องวิจัยจึงเสนอการส่งโคลนไปในโลกเพื่อสังเกตการเข้าสังคม พวกเขาอนุญาตให้โคลนใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ดูว่าเป็นไปได้ไหมที่จะวิวัฒนาการ”
“สี่ปีก่อน พวกเขาเลือกโคลนร้อยคนอย่างข้า ปล่อยพวกข้าออกมาสู่โลก”
“ร่างโคลนเหล่านี้ปรับตัวได้ แต่่วนใหญ่ปรับตัวเข้ากับตระกูลธรรมดา ไม่ได้กลายเป็นผู้บ่มเพาะ มีเพียงไม่กี่คน รวมถึงข้าที่ดันเผยพลังชีวิตของผู้บ่มเพาะ แต่นอกจากข้า พลังชีวิตในตัวคนอื่นสลายหายไปอย่างรวดเร็ว และก็ไม่สามารถรวบรวมพลังชีวิตได้เป็นครั้งที่สอง”
“มันเป็นหลังข้าพบว่าถ้ามันไม่ใช่เพราะท่านสอนวิชาโจมตีพยุหะให้ข้า ข้าคงไม่สามารถเดินบนเส้นทางผู้บ่มเพาะได้ มีทางเดียวที่ร่างโคลนจะบ่มเพาะได้ก็คือ ท่านต้องเรียนเคล็ดบ่มเพาะที่ร่างกายเดิมคุ้นชิน
“เส้นทางบ่มเพาะของร่างกายเดิมข้า โม่ขุ่ยคือวิชาโจมตีพยุหะ และสิ่งที่ท่านสอนข้าดันกลายเป็นวิชาโจมตีพยุหะ ดังนั้น ข้าจึงกลายเป็นผู้บ่มเพาะคนเดียวท่ามกลางโคลนนับร้อย”
“แต่ทว่า รัฐบาลกลางคอยสังเกตข้าอยู่ตลอด พวกเขายังรู้ว่าท่านผสานพลังชีวิตให้ข้า ซึ่งช่วยให้ข้าเป็นผู้บ่มเพาะระดับเงินได้ แต่ทว่า เนื่องจากระยะเวลาที่ข้าบ่มเพาะวิชาโจมตีพยุหะนั้นสั้นไป ระดับพลังข้าจึงไม่เลื่อนเป็นระดับทอง ซึ่งทำให้พวกเขาคือว่าเคล็ดบ่มเพาะโบราณไม่ได้ผล นั่นทำให้พวกเขาทิ้งข้าไว้”
“ต่อมา หยดเลือดเทพของโม่ขุ่ยที่คุณฟู่ทิ้งไว้ก็เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของโม่ขุ่ย ตอนนั้น ข้าไม่รู้ว่าข้าคือโคลน ข้าคิดว่าข้าคือโม่ขุ่ย ผู้สามารถคืนชีพได้ด้วยวิธีการบางอย่าง”
“เพราะความทรงจำไม่สมบูรณ์ รวมถึงคำถามมากมาย ข้าจึงอยากออกไปค้นหาความจริง..”
“หลังข้าได้รับเลือดเทพของโม่ขุ่ยและทิ้งท่านไป ในที่สุดข้าก็หลุดพ้นการสังเกตของรัฐบาลกลาง ระดับพลังข้าเพิ่มขึ้นทุกวันและความสามารถข้าก็ยิ่งทรงพลังขึ้น ข้ายังตรวจสอบต้นกำเนิดข้า”
“ในเวลาแค่ครึ่งปี ข้าเลื่อนเป็นเทพเสมือน หลังผ่านไปอีกหกเดือน ข้าเลื่อนเป็นเทพเสมือนขั้นสามและในที่สุดก็พบตำแหน่งห้องวิจัยพันธุกรรมของรัฐบาลกลาง”
“ที่นั่น ข้าสู้กับเทพเสมือนที่รับผิดชอบการคุ้มกัน หลังข้าชนะ ข้าก็ได้รู้ความจริงจากปากพวกนักวิจัย”
“หลังจากนั้น รัฐบาลกลางก็ติดต่อข้าหลายครั้งเพื่อเจรจา สุดท้าย เจียงฉานก็มาแจ้งข้าเองถึงวิฤตในโลกกรวดและเสนอเงื่อนไข โน้มน้าวให้ข้าช่วยร่วมมือกับการทดลองต่อๆไป”
“ร่างโคลนเทพเสมือนหลายกลุ่มบนสนามรบถูกสร้างขึ้นด้วยข้อมูลที่ข้ามอบให้…”
หลังได้ยินประสบการณ์ของหลินซวนตลอดหลายปี หลินฮวงก็เงียบไปนานก่อนยื่นมือออกไปวางบนไหล่หลินซวน”เจ้าคงลำบากมามากสินะ”
“เจ้าคิดทำอะไรต่อ?!”หลินฮวงถามอีกครั้ง
“ข้าไม่รู้ ตอนนี้ความลับของต้นกำเนิดข้าคลี่คลายแล้ว ข้าไม่มึจุดหมายในชีวิตอีก”หลินซวนส่ายหัวและยิ้มขมขื่น”ถ้าข้ามีเป้าหมาย งั้นมันอาจเป็นการเลื่อนเป็นเทพแท้จริง”
“ทำไมเจ้าไม่ไปมหาพิภพกับเราละ?”หลินฮวงเสนอ”ด้วยระดับพลังเจ้าตอนนี้ มีเพียงแต่การไปมหาพิภพเจ้าถึงเลื่อนพลังได้”
“ซินเอ๋อร์เองก็เป็นเทพเสมือนขั้น 9 แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในโลกกรวดอีกต่อไป ครอบครัวเราจะกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้งในมหาพิภพ”หลินฮวงพูดต่อ”อาจารย์เองก็จะไปมหาพิภพกับเราด้วย เจ้าควรมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาในหัวสินะ?”
“อาจารย์..”หลินซวนเงียบไปหลังได้ยิน แน่นอน เขามีความทรงจำของคุณฟู่ คุณฟู่รับเลี้ยงโม่ขุ่ยและเลี้ยงเขามา สำหรับโม่ขุ่ย คุณฟู่เป็นทั้งอาจารย์และพ่อ
หลินซวนนึกย้อนตอนเขาพบกับคุณฟู่ในขอบเหวนรก อาจเพราะเขาไม่รู้จักหน้าตาของคุณฟู่ เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ใช่โม่ขุ่ย แต่ ความทรงจำของโม่ขุ่ยก็เหมือนประสบการณ์ชีวิตของหลินซวน ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าคุณฟู่เป็นทั้งอาจารย์และพ่อเหมือนกัน
“อย่าคิดมาก แค่ปล่อยให้เป็นไปตามใจต้องการ”หลินฮวงสังเกตเห็นท่าที แต่ทว่า เขายังรู้ว่าคุณฟู่ไม่มีลูก และมันคงไม่พูดเกินจริงที่เขาจะมองโม่ขุ่ยเป็นเหมือนเดิมเพราะเขาเลี้ยงโม่ขุ่ยมาตั้งแต่ยังเป็นทารก เขาย่อมต้องคิดถึงโมขุ่ยตอนเห็นหลินซวน ผู้เหมือนกันทั้งหน้าตาและนิสัย
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองน่าอึดอัดมาก
“ข้าอาจยังต้องอยู่ในโลกกรวดสักเดือนหรือสองเดือน หลังจากนั้น ข้าจะพาซินเอ๋อร์กับคนอื่นไปมหาพิภพ”หลินฮวงพูดต่อ”อย่าให้ปมทั้งหมดมัดเจ้าไว้ แค่ปล่อยมันไป”
“งั้นก็ได้”ในที่สุดหลินซวนก็ยอมตกลง
เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ได้มีครอบครัวในโลกกรวด อย่างเดียวที่ผูกมัดเขาที่นี่คือหลินฮวงกับหลินซิน